หลังเขาเฝ้าดูหลินฮวงจากไป ความคิดของฉีหงยังสับสน
ไม่กี่นาทีก่อน ฝ่าบาทยังคุยเล่นกับเขาถึงทุกสิ่ง ไม่สนใจภัยคุกคามของมอนสเตอร์เทพแท้จริงตรงหน้าเลย
แต่ทว่า วินาทีที่อันเดทระดับเทพแท้จริงโผล่ออกจากมิติโดยสมบูรณ์ จุดสีแดงก็ปรากฏระหว่างคิ้วัน ร่างใหญ่โตมันล้มลง ยกฝุ่นบนพื้นขึ้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฝ่าบาทดูเหมือนจะไม่ได้ขยับตัวเลย เขาไม่ได้ขยับจากจุดที่ยืนด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น หลินฮวงก็เดินไปเก็บศพ จากนั้นก็เดินไปหน้าผาเพื่อทำท่าทางมือซับซ้อนและปิดผนึกรอยแยกมิติใหม่ กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไม่ถึงนาที
แม้กระทั่งตอนหลินฮวงกล่าวลาฉีหง ฉีหงก็ยังไม่ได้สติ
เมื่อเขาได้สติ หลินฮวงก็หายไปแล้ว
“โลกนี้มีตัวตนที่ทรงพลังขนาดนี้ด้วย?เขาสามารถฆ่าเทพแท้จริงได้ภายในเสี้ยวพริตา..”
ฉีหงติดต่อกับหัวหน้าหน่วยพิเศษอีกครั้ง
“ฉีหง มันเป็นยังไงบ้าง?”เมื่อเห็นลูกน้องเขาโทรหาเขาอีกครั้ง กวนจงก็รู้ว่าเรื่องราวอาจได้รับการแก้ไขแล้ว
“ฝ่าบาทฆ่อันเดทและซ่อนแซมรอยแยกมิติเรียบร้อยแล้วครับ?”ฉีหงตอบ
กวนจงเงียบไปก่อนถาม”มีบันทึกการต่อสู้ไหม?” “ไม่ครับ”ฉีหงส่ายหัว
ในภาพฉาย กวนจงขมวดคิ้วและกำลังจะถามว่าทำไมฉีหงถึงไม่บันทึกแต่ฉีหงก็ชิงพูดก่อน”มันเป็นการสังหารชั่วพริบตา ผมยังไม่เห็นเขาขยับตัวหรือทำอะไรด้วยซ้ำตอนอันเดทตาย..”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากของกวนจงก็สั่น เขาสูดหายใจลึกและกล่าวกับฉีหง”งั้นหยุดการเข้าร่วมขอบเหวนรกของเจ้าชั่วคราว กลับมาและเขียนรายงานทั้งหมด หลินฮวงทำอะไร?เขาพูดอะไรบ้าง?ทุกอย่างต้องได้รับการบันทึก รายงานจะต้องถูกส่งให้ข้าก่อนบ่าย4โมงครึ่ง!”
…
หลังเขาวางสายกับลูกน้อง กวนจงที่นั่งบนโต๊ะก็นวดขมับ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและกระวนกระวาย
“ชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าการกลับมาของหลินฮวงครั้งนี้เป็นเรื่องดีหรือร้าย..”
แม้เขาจะพยายามประเมินความสามารถของหลินฮวง ความสามารถจริงของหลินฮวงก็ยังทำให้เขาตกใจ
แม้กระทั่งอันเดทระดับเทพแท้จริงขั้น1ก็นับเป็นตัวตนที่ทรงพลังไร้เทียมทานในโลกกรวดแล้ว เพื่อขับไล่มอนสเตอร์ตัวนี้ มันอาจต้องทุ่มเทพเสมือนทั้งหมดในโลกกรวดเพื่อจัดการ
แต่ทว่า หลินฮวงกลับสังหารมันได้ในเสี้ยวพริบตา ซึ่งหมายความว่าความสามารถจริงของหลินฮวงต้องไม่น้อยไปกว่าเทพแท้จริงขั้น3หรือสูงกว่านั้น
ในโลกกรวด ความสามารถแบบนี้หมายความว่าหลินฮวงนั้นไร้คู่ต่อกร!
เขานั่งบนเก้าอี้และสงบลงเล็กน้อย จากนั้นกวนจงก็กดหน้าสื่อสารและตรวจดูรายชื่อติดต่อทีละชื่อ ในที่สุดก็หยุดที่’ประธานเจียงฉาน’
….
เมื่อพวกเขาได้รับการแจ้งเตือนจากรัฐบาลกลาง เหล่าเทพเสมือนของสมาคมนักล่า ขัตติยะ(ราชวงศ์ ตอนก่อนแปลผิดเดี๋ยวไปแก้น้า)และองค์กรอื่นก็เข้าสู่สภาวะพร้อมรบและรวบยอดฝีมือระดับเทพเสมือนทั้งหมด
ในห้องประชุมของขัตติยะ เทพเสมือนทั้งหมดมารวมตัวกัน พวกเขาเตรียมหารือเรื่องของขอบเหวนรก แต่ก็ได้รับข่าวจากรัฐบาลกลางซะก่อน
“ผู้บุกรุกถูกฆ่าแล้ว รอยแยกมิติในขอบเหวนรกยังได้รับการซ่อมแซมด้วย…. “สถานการณ์มันยังไงกันแน่?รัฐบาลกลางเล่นอะไร?”หวงตู้ฟู่แสดงความไม่พอใจ”สิบนาทีก่อน เขาบอกว่าความสามารถของผู้บุกรุกน่ากลัวมากและขอให้เรารวมตัวเทพเสมือน เขาสั่งให้เราเตรียมพร้อมจัดตั้งกองทัพร่วมเพื่อพิชิตผู้บุกรุกของขอบเหวนรก แต่ตอนนี้ที่เรารวมตัว เขากลับบอกว่าผู้บุกรุกถูกฆ่าแล้ว เขากำลังปั่นเราเล่นหรือไง?!” “ภายใต้สถานการณ์ปกติ รัฐบาลกลางจะไม่พูดสุ่มๆ ข้อมูลพวกเขาจะได้รับการตรวจสอบโดยหน่วยพิเศษ นอกจากนี้ คนแรกที่ปิดผนึกรอยแยกคือข้า ข้ายังสัมผัสได้ว่าม่านพลังแตก การปรากฏตัวของผู้บุกรุกไม่ควรผิดพลาด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นควรมีแค่รัฐบาลกลางถึงรู้”คุณฟู่ไม่คิดว่าวิกฤตจะคลี่คลายง่ายๆแบบนี้
“สิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือรัฐบาลกลางไม่มีคำอธิบายถึงวิกฤตที่คลี่คลาย แค่ส่งการแจ้งเตือนเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจซ่อนบางอย่างเอาไว้’สัญชาตญาณของหวงเทียนฟู่แม่นยำมาก
กองกำลังอื่นมีความรู้สึกคล้ายกันเมื่อได้รับการแจ้งเตือนครั้งสอง พวกเขาทั้งหมดงุนงงกับการแจ้งเตือนที่ไร้คำอธิบายของรัฐบาลกลาง
รัฐบาลกลางไม่ยอมอธิบายว่ามันคือหลินฮวงที่จัดการกับเทพแท้จริง นั่นมีแต่จะเพิ่มชื่อเสียงให้ขัตติยะและหลินฮวง
ดังนั้น พวกเขาจึงส่งการแจ้งเตือนให้คนอื่นโดยไม่อธิบายใดๆ
…
เมื่อหลินฮวงออกขอบเหวนรก เขาก็กำลังจะอัญเชิญประตูมิติเพื่อกลับไปเมืองจักรพรรดิโดยตรง แต่ก็พบว่าประตูมิติไม่อาจอัญเชิญได้
จากนั้นเขาก็จำได้ว่าประตูมิติที่มีพิกัดของเมืองจักรพรรดิถูกทำลายไปโดยบุตรแห่งมารพุทธ
ก่อนเขาจะออกโลกกรวด เขาเก็บประตูมิตินี้ไว้อันเดียวเท่านั้น
เขายืนตรงทางเข้าขอบเหวนรกอย่างหมดหนทาง”มันดูเหมือนว่าข้าต้องโทรหาเทียนฟู่และคนอื่นให้มารับ หากข้าเดินทางเอง มันอาจต้องใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน”
เหนือสิ่งอื่นใด เมืองจักรพรรดิเคยเป็นองค์กรมืด ไม่ค่อยมีประตูมิติทางไกลภายนอกที่เชื่อมต่อกับมันนัก หากเขากลับไปเมืองจักรพรรดิจากขอบเหวนรกผ่านประตูมิติเหล่านั้น เขาคงต้องใช้ประตูมิติมากมายเพื่อไปให้ถึง
หลังเขาคิดสักพัก หลินฮวงก็เปลี่ยนเป็นแหวนหัวใจจักรพรรดิของโลกกรวด กดหน้าสื่อสาร ค้นหาชื่อของ’หวงเทียนฟุ่’
หลังจากนั้นไม่นาน ภาพฉายก็ปรากก
ไม่เพียงแต่หวงเทียนฟู่ แต่คุณฟู่และคนอื่นทั้งหมดก็อยู่ที่นั่นในห้องประชุม
“ฝ่าบาท?!”
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ”หลินฮวงยิ้มและโบกมือให้ทุกคน”อาจารย์ก็อยู่ด้วยงั้นหรอ?” “ศิษย์ข้า เจ้ากลับมาโลกกรวดแล้ว?”คุณฟู่รู้สึกแปลกๆ”ทำไมเจ้าไม่กลับมาเมืองจักรพรรดิโดยตรงละ?” “เอ่อ..”สีหน้าของหลินฮวงดูเขินอายเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะมีคนมากขนาดนี้”ประตูมิติข้าถูกทำลาย ข้าโทรหาเทียนฟู่เพื่อขอให้เขามารับ ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะอยู่กันพร้อมหน้า” “ข้าจะไปรับเจ้าเอง เจ้าอยู่ไหน?”คุณฟู่กล่าว
“ตอนนี้ข้าอยู่ด้านนอกขอบเหวนรกแล้ว”หลินฮวงพูดและย้ายมุมกล้อง เผยให้เห็นทางเข้าขอบเหวนรกด้านหลังเขา
“ในขอบเหวนรก?”สีหน้าของคุณฟู่และคนอื่นเปลี่ยนไป
“ใช่ ข้าเพิ่งออกจากชั้นสาม”หลินฮวงพยักหน้า
“ม่านพลังที่ข้าตั้งไว้ เจ้าคือคนที่ทำลายมันหรือเปล่า?”หลังได้ยินหลินฮวงพูดถึงชั้นสามของขอบเหวนรก คุณฟู่ก็พลันตระหนักว่าผู้บุกรุกที่ว่าอาจเป็นหลินฮวง
“มันเป็นข้าเอง แต่ข้าได้ผนึกมันใหม่แล้ว”หลินฮวงพูดไม่ออก เขารู้ว่ารัฐบาลกลางต้องรายงานข่าว
“มีมอนสเตอร์ตัวอื่นผ่านมากับเจ้าไหม?”คุณฟู่ถาม
“มีอันเดท แต่ข้าจัดการมันไปแล้ว”
หลังได้ยินคำอธิบายของหลินฮวง ทุกคนในขัตติยะก็เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลกลางถึงไม่อธิบายอะไร
“ข้าจะไปรับตัวเจ้า เราจะคุยกันเมื่อเจ้ากลับมา”ก่อนเขาจะวางสาย คุณฟู่ก็ได้อัญเชิญประตูมิติและก้าวเข้าไปแล้ว