ทันทีที่หลินฮวงวางสาย ก็มีความผันผวนไม่ไกล เขาแหงนมองและคุณฟู่ก็ก้าวออกจากประตูมิติด้วยรอยยิ้มบนหน้า
“อาจารย์!” หลังเห็นคุณฟู่อีกครั้ง เขาก็รู้สึกราวกับได้พบครอบครัว
“เจ้าหนู ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลยนะ…”คุณฟู่มองหลินฮวง”แต่ข้าไม่อาจบอกพลังของเจ้าได้ผ่านกลิ่นอายที่หนาแน่นนี้..” “ข้าใช้บางอย่างเพื่อปกปิดกลิ่นอาย ระดับพลังจริงของข้าแค่เทพเสมือนขั้น3”เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังต่ออาจารย์เขา นอกจากนี้ ระดับพลังเขาก็ไม่ใช่ความลับอะไรนัก
“ไม่เพียงจะเลื่อนเป็นเทพเสมือนในหนึ่งปี แต่ยังเป็นถึงขั้น3 ความคืบหน้าในการบ่มเพาะเจ้าเร็วมาก”คุณฟู่อิจฉาความเร็วการบ่มเพาะของหลินฮวง
“อาจารย์ กลิ่นอายท่านมั่นคงขึ้นและดูเหมือนจะหนุ่มกว่าเดิม”หลินฮวงเองก็สังเกตเห็นว่าหน้าตาของคุณฟู่ดูดีกว่าปีก่อน เวลาหนึ่งปีทำให้เขาปรับร่างกายให้เข้ากับพลังของเทพเสมือนขั้น9ได้และยังคืบหน้าเล็กน้อย
“อืม ด้วยความสัมพันธ์ของเรา เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ไม่มีอะไรต้องมาปิดบังกัน”คุณฟู่ยิ้มและส่ายหัว”กลับไปกันก่อนและค่อยคุยเมื่อเราถึงเมืองจักรพรรดิ”
หลังเขาพูดจบ เขาก็ดึงตัวหลินฮวงก้าวเข้าไปในประตูมิติ
ต่อมา คลื่นความผันผวนก็ปรากฏในห้องประชุมของศูนย์ใหญ่ขัตติยะ
จากนั้น เงาสองร่างก็ก้าวออกมา
เมื่อพวกเขาเห็นหลินฮวง ทุกคนในห้องประชุมก็ยืนขึ้น
หลินฮวงกวาดตามอง ยิ้มและพยักหน้า”นั่งลงกันเถอะ”
หวงไป่ยู่และหวงห่าวหยางผู้นั่งอยู่ข้างซ้ายขวาคุณฟู่รีบขยับเก้าอี้พวกเขา หวงเทียนฟู่และคนอื่นก็เช่นกัน
หลังหลินฮวงและคุณฟู่นั่งลง หลินฮวงก็ถามหวงเทียนฟู่ด้วยความแปลกใจ”ทำไมวันนี้ถึงมีคนมากขนาดนี้?เกิดอะไรขึ้น?” “มันเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านทำลายรอยแยกมิติ เมื่อเรามันว่าม่านพลังถูกทำลาย รัฐบาลกลางก็ตื่นตระหนกและแจ้งขุมกำลังต่างๆ พวกเขาขอให้เราระดมพลเทพเสมือนให้เร็วที่สุด บอกว่าเราต้องร่วมมือกันฆ่าผู้บุกรุก”คุณฟู่อธิบาย
“อืม ข้าต้องขอโทษด้วยที่สร้างปัญหา”หลินฮวงตะลึง เขาไม่คิดว่ารัฐบาลกลางจะอ่อนไหวขนาดนี้
“งั้น ในเมื่อทุกคนก็อยู่กันครบ งั้นก็มาประชุมด้วยกันเลย เหนือสิ่งอื่นใด ข้าเองก็หายไปถึงหนึ่งปีเต็มๆ ช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าปีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”หลินฮวงตรงเข้าประเด็น
“หลังฝ่าบาทจากไป ทิศทางหลักเราก็คือการทำตามกำหนดการที่ฝ่าบาทวางไว้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากยกเว้นการปรับเปลี่ยนตามเงื่อนไขจริง” “ปีนี้ การร่วมมือระหว่างทุกองค์กรและเรายิ่งแน่นแฟ้น ตลาดค้าขายและเขตภารกิจที่เราตั้งพัฒนาเต็มที่และกลายเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่สุดของโลก ผ่านความพยายามที่ขัตติยะเราทุ่มเท เราจึงครอบตำแหน่งอง์กรอันดับ6”
“ในอดีต เราต้องสำรวจมิติบรรพกาลอะไรเอง แต่ในปีนี้ รัฐบาลกลาง สมาคมนักล่า พวกนอกรีตและผู้ปลดปล่อยได้ร่วมมือกับเรา..” “แม้บางองค์กรจะลอบค้าหาข่าวการกลับมาของฝ่าบาท แต่ก็ไม่มีใครทำจริงจัง ปีนี้ ทุกคนยังถูกผูกมัดด้วยกฏ บางครั้ง จะมีคนแหกกฏปรากฏขึ้น และเราก็จะจัดการทันที…”
“เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร จำนวนสมบัติเทพที่ครอบครองโดยองค์กรใหญ่จึงเพิ่มขึ้น กึ่งเทพหลายคนเลื่อนเป็นเทพเสมือนผ่านคุณฟู่ จำนวนเทพเสมือนขององค์กรใหญ่จึงเพิ่มขึ้น” “นอกจากนี้ จักรพรรดิหลายคนยังประสบความสำเร็จในการเลื่อนเป็นเทพเสมือนเพราะอิทธิพลของเคล็ดบ่มเพาะโบราณ ทั้งรัฐบาลกลางและสมาคมนักล่าจึงเริ่มใช้เคล็ดบ่มเพาะโบราณกับคนกลุ่มใหญ่…”
ขณะเขาฟังรายงานของหวงเทียนฟู่ หวงอู่หนานผู้นั่งข้างเขาก็จะอธิบายเสริมเป็นครั้งคราว ตอนนี้หลินฮวงรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก ดีกว่าที่ข้าคิดไว้…”หลินฮวงพยักหน้าด้วยความพอใจ”หลังข้ากลับมา ก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร แค่ทำตามแผนเดิม”
เหตุผลว่าทำไมทิศทางการพัฒนาถึงไม่เปลี่ยนเพราะทิศทางเดิมถูกตั้งไว้โดยเจ้าแดง ตอนนี้ที่เจ้าแดงไม่อยู่ หลินฮวงจึงไม่คิดปรับเปลี่ยนอะไรเอง
แม้เขาจะยังมีตัวตลกอยู่ หลินฮวงก็ไม่คิดเปลี่ยนแผนเพราะเขารู้สึกกลัวเมื่อคิดถึงการปล่อยให้ตัวตลกวางแผน
“วิกฤตการรุกรานอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เรายังไม่อาจผ่อนคลายได้ พยายามพัฒนาความสามารถกันต่อไปก่อนวิกฤตจะมาถึง ต่อให้มันแค่การเพิ่มความสามารถเอาตัวรอดก็ตาม…” “ข้าอยู่ในแดนเทพของมหาพิภพมาหนึ่งปีเต็ม และมียอดฝีมือหลายคนที่รากฐานแน่น ระดับเทพเสมือนแค่จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ ในแดนเทพของมหาพิภพ ระดับเทพเสมือนเป็นได้แค่ผู้พิทักษ์เมืองขั้น1และ2 มีเพียงเทพเสมือนขั้นสูงถึงมีคุณสมบัติพิทักษ์เมืองขั้น2 สำหรับเมืองขั้น3 ผู้พิทักษ์ต้องเป็นเทพแท้จริง..” คำอธิบายของหลินฮวงต่อมหาพิภพดึงความสนใจของทุกคน
“ในองค์กรขั้น(เกรด)5และ6 ระดับเทพเสมือนจะเป็นได้แค่สมาชิกนอก และบางคนก็ยังเป็นได้แค่สมาชิกสำรอง..” “ฝ่าบาท เหนือกว่าเทพแท้จริง ยังมียอดฝีมือระดับเทพสวรรค์จริงๆหรือขอรับ?”ดยุคคนหนึ่งอดถามไม่ได้
“แน่นอนว่ามี แม้กระทั่งในมหาพิภพ ระดับเทพสวรรค์ก็ยังถือได้ว่าเป็นพวกชั้นสูง ผู้พิทักษ์ของเมืองขั้น5หรือผู้นำองค์กรขั้น5คือเทพสวรรค์ สำหรับองค์กรที่ไร้เทพสวรรค์ พวกเขาจะไม่มีทางเป็นเมืองหรือองค์กรขั้น5ได้ สำหรับองค์กรขั้น6 ผู้นำต้องเป็นเทพสวรรค์ขั้นสูงสุด และอาจเป็นยอดฝีมือกึ่งจ้าวเทวะ”
“สำหรับจ้าวเทวะ พวกเขาคือตัวตนที่ทรงพลังสุดในมหาพิภพ โปรตอสคือหนึ่งในเผ่าที่ทรงอำนาจสุดในมหาพิภพ แต่จำนวนจ้าวเทวะทั่วทั้งแดนเทพมีแค่ประมาณเจ็ดคนเท่านั้น…”
หลินฮวงอธิบายสบายๆ แต่หัวใจทุกคนกลับเต้นกระหน่ำ
การประชุมนี้กินเวลาเกือบสองชั่วโมง เว้นแต่หวงเทียนฟู่ที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงในโลกกรวดตลอดปี เวลาส่วนใหญ่คือการฟังหลินฮวง
คนของขัตติยะมีความอยากรู้และมีคำถามมากมายเกี่ยวกับมหาพิภพ
ท้ายที่สุด หลังพบหลินฮวงที่กลับมาจากมหาพิภพ คำถามแปลกๆย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ
หลินฮวงใจเย็นและตอบทุกคำถามที่สามารถตอบได้
ต่อมา มันคือหวงเทียนฟู่ที่ไม่สามารถทนได้อีก เขาหยุดคำถามทุกคนและเร่งให้จบการประชุม หากพวกเขายังเฝ้าถามต่อไป การประชุมนี้อาจไม่จบสักที
นี่อาจเป็นการประชุมแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งขัตติยะที่ทุกคนไม่เต็มใจเดินออกห้องไป
ปล.จบกลุ่มแล้วนะทุกคน รักทุกคนน้า สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่เว็บเลยนะค้าบ