หน้าเปื้อนสีคือเป้าหมายแรกที่หลินฮวงสนใจ
เขาไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ตัวนี้ในสารานุกรมมอนสเตอร์มาก่อน แต่ทว่า แวบแรก สิ่งมีชีวิตนั้นเตือนเขาให้นึกถึงตัวละครจีนโบราณ
นอกจากจะคล้ายกับตัวละครจีนที่ทาหน้าแล้ว ความประทับใจที่สองของหลินฮวงคือตุ๊กตากระดาษ
แม้มอนสเตอร์ตัวนี้จะเป็นมนุษย์ มันก็เหมือนตุ๊กตากระดาษบนโลกที่คนจีนเผาเพื่อบูชาหลุมศพของบรรพบุรุษพวกเขา
มันมีขาคู่ เหมือนมนุษย์ แต่ทว่า เท้ามันไม่เคยแตะพื้น มันลอยในอากาศ
ตามข้อมูลที่หลินฮวงสามารถขุด หน้าเปื้อนสีคือหนึ่งในลูกสมุนทั้งสามที่ติดตามสี่หน้านานสุด ถ้าวัดตามคุณสมบัติ มันย่อมถือเป็นผู้อาวุโสสุด
แต่ทว่า เนื่องจากระดับพลังมันหยุดนิ่งที่ขั้นต้น มันจึงค่อยๆโดนลบจากแวดวงแกนหลักของสี่หน้าและกลายเป็นตัวละครไม่สำคัญ
ก่อนหน้านี้มันอยากฝึกหนักเพื่อเสริมฐานบ่มเพาะ แต่ทว่า เนืองจากมันมีพรสวรรค์จำกัด มันจึงทะลวงผ่านเทพสวรรค์ขั้นสี่ไม่ได้ เวลาผ่านไปมันค่อยๆล้มเลิกความพยาพยาม
หลินฮวงเลือกมันเป็นเป้าหมายเพราะมันต้องรู้อดีตของสี่หน้ามากสุด มันได้เห็นกระบวนการผงาดของเจ้าสี่หน้า สำหรับอีกเหตุผลคือ เทียบกับคนอื่นในแวดวงขุมอำนาจหลัก มันจัดการได้ง่ายสุด
วันนั้น หน้าเปื้อนสีใช้ชีวิตมันตามปกติ ไปถึงดาดฟ้าของอาคาร
ระหว่างทาง มันมีวิธีฆ่าเวลาที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการฮัมเพลงขณะเดินบนขอบอาคารต่างๆ แขนมันจะแกว่งไม่หยุด และจินตนาการว่ามันกำลังเดินไต่เชือก
แต่ทว่า ถ้ามองใกล้ๆ คนจะเห็นได้ว่าเท้ามันสูงจากพื้น 1-2 เซนติเมตร มันไม่เคยแตะพื้นเลย
แต่ทว่า วันนี้ ตอนมันปีนขึ้นไปดาดฟ้าและเดินไปไม่กี่ก้าวบนขอบ มันพลันเห็นเงาร่างดำขวางทางมัน
มันคือชายในชุดดำ และใบหน้าใต้ฮู้ดดำก็ปกปิดด้วยหน้ากากดำ
หน้าเปื้อนสีมองเห็นแค่โครวงร่าง ก่อนมันจะได้เพ่งมองให้ชัด ลำแสงสีดำสองสายก็พลันสว่างใต้ฮู้ด
ร่างกายของมันแข็งทันที
ชายในชุดดำย่อมเป็นหลินฮวง เขารอทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้ได้โอกาสลงมือนี้ อย่างน้อยเขาก็สามารถรอได้จนกว่าหน้าเปื้อนสีจะอยู่คนเดียว
ระดับพลังของหน้าเปื้อนสีเป็นแค่เทพสวรรค์ขั้นต่ำ ท่ามกลางเทพสวรรค์ระดับพลังเดียวกัน มันยังถือว่าอ่อนแอสุด ต่อหน้าพลังลำดับเทพของหลินฮวง มันไม่มีความสามารถต่อต้านเลย
การดึงความทรงจำของหลินฮวงราบรื่นมาก
ภายในเวลาแค่สองนาที หลินฮวงก็คัดลอกความทรงจำของมันได้อย่างสมบูรณ์
“มันราบรื่นกว่าที่คิดไว้แหะ.”หลินฮวงเหลือบมองหน้าเปื้อนสี ผู้ยังไม่ได้สติจากการดึงความทรงจำ เขายื่นนิ้วไป แตะระหว่างคิ้วของมัน
ตัวของหน้าเปื้อนสีอ่อนยวบ และด้ายพลังจิตของหลินฮวงก็โยนมันเข้าไปเขตแดนเทพภายในตัวเขา
หลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้วยจิตเทวะและแน่ใจว่าเขาไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้ข้างหลัง หลินฮวงก็ไม่อ้อยอิ่ง เขาหายไปในพริบตา
“เป้าหมายสองคือ…อสูรชุบทอง”
อสูรชุดทองคือมอนสเตอร์หุบเหวที่พบได้ในสารานุกรมมอนสเตอร์
มอนสเตอร์ชนิดนี้มักเป็นผู้บ่มเพาะทรงพลังที่ปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหว หลังกลายเป็นสิ่งมีชีวิตหบุเหวและแช่ในบ่อน้ำพุเลือดหุบเหว พวกมันก็เปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ดังกล่าว
พวกมันครอบครองร่างกายที่ทรงพลัง ด้วยพลังที่สามารถเทียบได้กับไททันดวงดาวในยุคโบราณ
เป้าหมายนี้ที่หลินฮวงเลิกมีระดับพลังเทพสวรรค์ขั้นแปด แต่พลังของร่างกายมันอาจเป็นกึ่งจ้าวเทวะแล้ว มีน้อยคนมากที่จะสามารถทำลายการป้องกันมันได้
มันไม่ใช่ว่าหลินฮวงอยากท้าทายตัวเองด้วยการเลือกเป้าหมายเช่นนี้ เขากลับเลือกเพราะแม้อสูรชุบทองจะมีร่างกายที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน พลังจิตของมันก็ต่ำมาก
ตำนานว่ากันว่าบ่อน้ำพุเลือดหุบเหวคือผลผลิตจากบ่อน้ำพุความตาย ซึ่งส่งผลต่อการกัดกร่อนดวงวิญญาณ
ทุกคนที่แปลงเป็นอสูรชุบทองจะมีวิญญาณที่เสียหาย
อสูรชุบทองส่วนใหญ่ไม่ฉลาด และโง่หรือบ้า..ไม่ว่ายังไง หัวสมองพวกมันก็ไม่ปกติ บางตัวยังเสียความคิดไปโดยสิ้นเชิงระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการหลอมหุ่นเชิด
จากมุมมองของหลินฮวง มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ถ้ามอนสเตอร์เหล่านี้มีความผิดปกติทางจิตใจ ตราบเท่าที่พวกมันเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกมันเคยเห็นหรือได้ยินไว้ในหัว นั่นก็พอแล้ว
นอกจากนี้ เพราะสติปัญญาที่ต่ำ อสูรชุบทองจึงมักเป็นผู้ใต้บังคัญบัญชาที่สี่หน้าไว้ใจสุด
มันยังเคยเป็นผู้คุ้มกันของสี่หน้ามาก่อน แน่นอน การเรียกมันว่าผู้คุ้มกันเป็นแค่คำเรียก จริงๆแล้ว มันถือเป็นโล่เนื้อ
“มันดูเหมือนข้าจะโชคดี”หลินฮวงเลิกคิ้วเล็กน้อยหลังเหลือบมองผ่านข้อมูล
ตามบันทึกตลาดมืด อสูรชุบทองเพิ่งออกศูนย์ใหญ่ของสี่หน้าเมื่อวันก่อน มันดูเหมือนจะออกไปทำภารกิจบางอย่าง
เขาเหลือบมองข้อมูลที่ตลาดมืดให้ และตระหนักว่ามีคนค้นพบพิกัดของอสูรชุบทองชั่วโมงก่อน ถึงขั้นแอบถ่ายรูปไว้ด้วยซ้ำ..
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง หลินฮวงก็มาถึงพิกัดที่ในบันทึกตลาดมืดพูดถึง
สถานที่แห่งนี้เป็นตลาดแออัดที่มีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
บนสองฝั่งถนนมีแผงขายของเต็มไปหมด
หลินฮวงกวาดมองและสังเกตว่าพวกเขากำลังขายสินค้าที่เหนือกว่าระดับสมบัติเทพ
แต่ทว่า เขาไม่มีกระจิตกระใจอยากต่อรอง เขากลับเหลือบมองและเริ่มค้นหาร่องรอยอสูรชุบทอง
มีผู้บ่มเพาะที่เหนือกว่าเทพเสมือนทุกที่ในตลาดนี้ มันเป็นความคิดที่แย่มากถ้าจะใช้จิตเทวะ เขาจึงทำได้แค่ปล่อยเมล็ดกาฝากไปเพื่อค้นหา
ภายใต้การควบคุมของหลินฮวง เมล็ดกาฝากไม่ได้ลอยไปสุ่มๆ พวกมันกลับเกาะติดกับสิ่งของต่างๆตลอดทาง
หลังปลดปล่อยเมล็ดกาฝากนับพัน หลินฮวงก็สงสัยว่าอสูรชุบทองอาจไม่อยู่แล้วแต่เมล็ดกาฝากก็ส่งภาพมา
ภาพแสดงให้เป็นมอนสเตอร์สีทองเข้มตัวสูง มันยืนอยู่ฝนฝูงชน หัวกับไหล่มันสูงกว่าทุกคนและมันก็มองไปรอบๆ
“เจอตัวแล้ว!”ดวงตาของหลินฮวงสว่างวาบ