การปรากฏตัวของเขาได้ทำให้ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลี่หยุนเฉาจะมาที่นี่โดยแต่งตัวเป็นขันทีอย่างเป็นทางการ
หลี่หยุนเฉาไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้ามาภายในห้อง ตัวเขาเจตนาที่จะหยุดอยู่ที่ด้านหน้า หลี่หยุนเฉาไม่ได้มาเพียงคนเดียวตัวเขายังมีขันทีวัยกลางคนอีกคนเป็นผู้ติดตาม ในที่สุดหลี่หยุนเฉาก็เข้ามาภายในห้อง
ฉินจานรีบพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส คนคนนี้ก็คือคนที่ข้าพูดถึงเอง…”
เมื่อหลี่หยุนเฉาได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็หันไปจ้องมองชายชราที่อยู่ตรงหน้า สายตาของทั้งสองคนสบตากัน
หลี่หยุนเฉาได้แต่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ภายในขอบเขตของพระราชวัง แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ที่กว้างขวางแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อน นี่เป็นการพบพานกันครั้งแรก แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับถูกกลิ่นอายของอะไรบางอย่างจากตัวของลู่โจวข่มตัวของเขาอยู่
หลี่หยุนเฉากำลังเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ธรรมดา พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายชายชราที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่พลังวรยุทธสุดกล้าแกร่ง มันเป็นพลังของผู้ที่มีสถานะสูงส่งกว่ากำลังแผ่มวลออกมามากกว่า
ความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานเกิดขึ้นในเสี้ยววิ หลี่หยุนเฉาเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ต้องเจอหน้ากับองค์จักรพรรดินั่นเอง
“เจ้าคือหลี่หยุนเฉาอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้เอ่ยชื่อออกไปตรงๆ
ก่อนที่หลี่หยุนเฉาจะมาที่นี่ ฉินจานไม่ได้บอกอะไรมากนัก เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่รู้จักว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครกันแน่
เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่กล้าแสดงความโกรธเกรี้ยวออกไป
“ถูกแล้ว”
ลู๋โจวได้จ้องมองไปยังขันทีที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะเรียกใครบางคนขึ้น “จ้าวยู่”
จ้าวยู่ก้าวไปด้านหน้า นางได้เดินไปข้างๆ ลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ค่ะ ท่านอาจารย์”
นางรู้ความหมายของสิ่งที่ผู้เป็นอาจารย์พูดดี นางหันหน้าไปเผชิญหน้ากับหลี่หยุนเฉาก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าคือคนที่ข้าได้พบในตอนที่อยู่หุบเขาตะวันฟ้าไม่ผิดแน่”
เมื่อหลี่หยุนเฉาเห็นจ้าวยู่ ตัวเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกไป “เจ้า? “
จ้าวยู่ไม่ได้สนใจอะไร นางเดินกลับไปที่เดิมก่อนที่จะจ้องมองดูผู้เป็นอาจารย์
ลู่โจวได้พูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดออกมาซะ”
หลี่หยุนเฉาได้เผยให้เห็นรอยยิ้มก่อนที่จะคารวะลู่โจว “วันนี้ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้เตรียมความพร้อมมาให้ดี…ข้าได้รับเชิญจากองค์ชายแห่งพลังให้มาที่นี่เพื่อที่จะมาพบกับผู้อาวุโสคนหนึ่ง ผู้อาวุโสคนนั้นแท้จริงแล้วก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าที่กำลังอยากทำความรู้จักข้าอย่างงั้นหรอ? ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ท่านไม่พอใจอย่างงั้นสินะ ท่านผู้อาวุโส”
ฉินจานรีบอธิบายออกมา “โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ทำอะไรไปโดยพลการ”
ลู่โจวโบกมือตอบรับ ตัวเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้
เมื่อเรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้วหลี่หยุนเฉาจะต้องเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างแล้วแน่ “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร ข้าจะไม่ถามคำถามซ้ำสองออกมาหรอกนะ”
บรรยากาศในห้องดูผิดแปลกไปเล็กน้อย หลี่หยุนเฉาได้จ้องไปที่ฉินจาน “ข้ารู้เกี่ยวกับศาลาปีศาจลอยฟ้าดี ข้ายังรู้จักศิษย์ทั้งเก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกด้วย แต่ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมาพบข้าเป็นการส่วนตัวที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าหากท่านมีอะไรต้องการที่จะถามไถ่ข้าแล้วล่ะก็ ก็ถามมาได้เลย ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้เอง”
น้ำเสียงของหลี่หยุนเฉาทั้งสูงและฟังบาดหู น้ำเสียงของเขาเองได้ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะถามออกมา “จ้าวยู่มาจากพระราชวังอย่างงั้นหรอ? “
“ใช่แล้ว”
“เจ้าเป็นคนที่ใช้ฝ่ามือหยินแห่งความมืดเพื่อให้ร่างกายของนางติดพิษเย็นสินะ?
“ข้าเป็นคนทำเอง”
“เจ้ามีเหตุผลอะไรกัน? “
หลี่หยุนเฉาไม่ได้ตอบกลับมาในทันที ตัวเขาไม่ได้ตอบทันทีเหมือนกับคำถามก่อนๆ ดูเหมือนคำถามนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่สำคัญ…
“ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่สามารถพูดเหตุผลได้ ข้าพูดมันไม่ได้…และจะไม่…” หลี่หยุนเฉาได้ตอบกลับมา
เมื่อลู่โจวยกมือขวาขึ้นมา ในตอนนั้นเองทั่วทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสลัว
ที่ฝ่ามือของเขามันเต็มไปด้วยคลื่นพลังสีฟ้าที่ดูเหมือนกับกระแสน้ำวน
ดวงตาของหลี่หยุนเฉาเบิกกว้าง ตัวเขาได้ถอยหลังกลับไปสามก้าวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส! “
“ท่านปรมาจารย์! “
ลู่โจวได้ปล่อยพลังฝ่ามือไปที่ด้านหน้า
คลื่นพลังได้ซัดเข้าใส่หลี่หยุนเฉา
ตู๊ม!
สายฟ้าสีม่วงได้พุ่งทะลุเพดานด้านบนมาก่อนที่จะบรรจบกับกระแสคลื่นพลัง
พลังนั่นถูกตัวของหลี่หยุนเฉาไปเต็มๆ!
พลังได้ปะทะเข้ากับร่างกายของหลี่หยุนเฉาไปเต็มๆ แม้แต่พลังหยินแห่งความมืดที่ขันทีคนนี้ภาคภูมิใจก็ยังไม่อาจที่จะป้องกันการโจมตีนี้ได้ หลี่หยุนเฉาได้ถูกกระแทกจนชนเข้ากับลานบ้าน
ที่ด้านบนเพดานมีรูโหว่ปรากฏออกมา
ดูเหมือนจะไม่มีใครเห็นว่าลู่โจวทำการโจมตีออกมา แม้แต่ยอดฝีมือของทางพระราชวังเองก็ยังไม่แม้แต่จะมีโอกาสในการรับมือกับการโจมตีนี้ หลี่หยุนเฉาได้กระเด็นถอยกลับไปที่ด้านหลัง
นี่มันเป็นเพียงแค่พลังฝ่ามือเดียวเท่านั้น! ขันทีติดตามได้เดินตามหาหลี่หยุนเฉาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
หลี่หยุนเฉาล้มลงไปกับพื้น! ที่ริมฝีปากของเขามีรอยเลือดติดอยู่ ขันทีคนนี้ได้หายใจอย่างหอบเหนื่อย ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในตอนนี้ตัวเขาได้เอามือข้างหนึ่งจับไปที่หน้าอกของตัวเองเอาไว้ ตัวเขาได้ใช้มืออีกข้างพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น
ห้องที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนกับลานบ้านต่างเงียบสงบ และเพราะเสียงที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าผู้คุ้มกันขององค์ชายแห่งพลังรีบกูกันเข้ามา
“ถอยไปซะ! ” ฉินจานได้ตะโกนสั่งการขึ้น
ทหารยามรีบออกไปจากลานบ้านในทันที ใครจะไปเชื่อกันว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะเป็นผู้สร้างเรื่องทุกอย่างจากการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว?
หลี่หยุนเฉาไอออกมา ตัวเขาได้พยุงตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่าภายนอกของเขาดูสงบแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่อยู่ในใจ
เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือ
หลี่หยุนเฉาคิดมาเสมอว่าคงไม่มีใครเอาชนะตัวเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้
“ข้าได้รับบทเรียนแล้ว” หลี่หยุนเฉาได้โค้งคำนับให้ การที่ตัวเขาถูกโจมตีเป็นอะไรที่สมควรที่จะได้รับแล้ว
ฉินจานจำคำถามของตัวเขาเมื่อวานนี้ได้ ตัวเขานึกย้อนไปเมื่อตอนนั้น มันเป็นคำถามที่โง่มาก คนโปรดปรานของอัครมเหสีคนนี้ไม่สามารถต้านทานแม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวได้!
ลู่โจวดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย พลังคลื่นสายฟ้านี้ถือเป็นบทเรียนเล็กน้อยสำหรับหลี่หยุนเฉา
“พูดออกมาซะ” สีหน้าของลู่โจวยังคงดูสงบ
หลี่หยุนเฉาส่ายหัวของตัวเองออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าได้ยินมาว่าวิธีการของศาลาปีศาจลอยฟ้ามักจะเป็นวิธีการที่ดูไม่ธรรมดามาโดยตลอด ข้าอยากที่จะประมือกับท่านสักครั้ง ท่านปรมาจารย์ แม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ไปแต่ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้นั้นอย่างเต็มใจ แต่พลังสายฟ้านั่นทำให้ข้า…”
หลี่หยุนเฉาได้หยุดพูดต่อไปก่อนที่จะพูดต่อ “ตอนที่องค์หญิงหยุนจ้าวกำลังจะคลอดลูกในคืนที่มีพระจันทร์สีเลือด ในตอนนั้นมันถือเป็นลางร้ายอย่างหนึ่งก็ว่าได้ และเพราะแบบนั้นข้าก็เลยเป็นคนที่รับหน้าที่จัดการกับลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น”
คำพูดนี้เป็นข้อมูลอันสำคัญ
จ้าวยู่สั่นไปทั้งตัว ใบหน้าของนางซีดเผือดลงก่อนที่นางจะถามออกมา “องค์หญิงหยุนจ้าวเป็นแม่ของข้าอย่างงั้นหรอ? “
“ถูกต้องแล้ว”
แม้แต่ก้อนหินก้อนเดียวก็อาจจะทำให้เกิดคลื่นนับพันได้
ฉินจาน, พ่อบ้านหง, ขันทีผู้ติดตาม และหยวนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตื่นตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น
หลี่หยุนเฉาสะบัดเสื้อของตัวเองก่อนที่จะคุกเข่าลงกับพื้น “แม้ว่าท่านจะไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการจากทางราชวงศ์ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็จะแสดงความเคารพต่อท่าน ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ขอคารวะให้! “
การโค้งคำนับในครั้งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันตัวตนของจ้าวยู่ได้เป็นอย่างดี
เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่าคนที่กำลังโค้งคำนับอยู่คนนี้เป็นคนสนิทของอัครมเหสี หลี่หยุนเฉา
หลี่หยุนเฉาไม่ได้รอการตอบรับจากจ้าวยู่ ตัวเขาได้ลุกขึ้นมาซะก่อน “องค์หญิงหยุนจ้าวจะต้องจบชีวิตลูกของตัวเองไปทั้งแบบนั้น ข้าเองทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้เป็นแม่ลงมือกับผู้เป็นลูกด้วยตัวเอง ข้าเองก็รู้สึกสงสารเด็กแรกเกิดเกินกว่าที่จะลงมือเองได้ ข้าจึงตัดสินใจทิ้งพลังของฝ่ามือหยินแห่งความมืดเอาไว้ในตัวของเด็กคนนั้นแทน” หลี่หยุนจ้าวได้พูดขึ้น ในตอนนั้นลู่โจวก็ได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ลู่โจวได้เดินไปข้างหน้าโดยที่เอามือไขว้หลังเอาไว้ ตัวเขาได้เดินไปที่หน้าประตูก่อนที่จะพูดออกมา “พระจันทร์สีเลือดอย่างงั้นหรอ? ใครบอกให้เจ้าฆ่านางกัน? “
“เอ่อ…” หลี่หยุนเฉาลังเลอีกครั้ง
“เจ้าจะยังไม่พูดอีกอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้พูดออกมา
“ทำไมท่านถึงต้องทำให้ข้าลำบากใจด้วยท่านผู้อาวุโส? “
“จ้าวยู่เป็นลูกศิษย์ของข้า เจ้ากำลังบอกว่าข้าไม่ควรเรื่องของลูกศิษย์ตัวเองอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้พูดออกมา
หัวใจของจ้าวยู่ที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกปั่นป่วน
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจที่จะบอกท่าน แต่นางสนมขององค์จักรพรรดิตั้งใจที่จะทำร้ายองค์หญิงหยุนจ้าวที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะแบบนั้นข้าก็เลยตัดสินใจที่จะหยุดเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้ทุกคนได้พูดถึงอีก” หลี่หยุนจ้าวพูดตอบกลับมา
“ข้าได้บอกเหตุผลเจ้าไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเจ้ากลับไม่รับฟัง น่าเสียดายจริงๆ! ” ลู่โจวได้พูดออกมาพลางลูบเคราของตัวเองไปด้วย
หลี่หยุนเฉาขมวดคิ้ว
แรงระเบิดจากคลื่นพลังสายฟ้าทำให้เกิดความกลัวในใจของขันทีคนนี้ “ข้าประมาทเกินไปจนโดนโจมตีด้วยคลื่นพลังสายฟ้าเมื่อครู่นี้…ท่านคิดว่าข้าเองจะไม่มีไม้ตายที่เก็บซ่อนเอาไว้อย่างงั้นสินะ? ท่านคิดว่าข้าคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในพระราชสำนักมานานกว่าหลายปีได้ยังไงกันล่ะ? ข้ารู้ดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าแข็งแกร่งมากแค่ไหน…แต่ท่านบีบบังคับข้าไม่ให้มีทางเลือกเอง”
ร่างกายของเขาร้อนขึ้นเพราะพลังลมปราณ มันเป็นพลังที่ควบแน่นโดยธรรมชาตินั่นเอง