“น้ำสำหรับอาบเตรียมพร้อมแล้ว แล้วก็เสื้อผ้าผู้หญิงฉันมีแต่ของเด็ก ๆ เพราะงั้นเธอเอาเสื้อฉันมาใส่ก่อนก็ได้ ในครัวมีโจ๊กอยู่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ไปกินซะ แต่ห้ามกินหมดเชียว” เซียวเฟิงพูดกับซือเยี่ยจิ๋งพร้อมกับวางเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนกับผ้าเช็ดตัวให้เธอไว้ที่โซฟา
ในตอนนี้ซือเยี่ยจิ๋งใจเย็นลงแล้ว กระนั้นแววตาของเธอก็ยังคงไร้ซึ่งความสดใส ราวกับจิตวิญญาณหลุดหายไปอยู่ที่อื่นและยังไม่กลับมา
ครั้นเมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มพูด แม้เธอจะยังคงเงียบแต่เธอก็หยิบเอาเสื้อผ้าเหล่านั้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่โดยดี
เขาดูไม่ได้แยแสกับความน่าอเนจอนาถของโรสเสียเท่าไหร่ แถมไม่ได้เสียใจในสิ่งที่ตนเองทำเสียด้วยซ้ำ!
การที่ตนเองต้องไปเป็นหนึ่งในร่างทดลองมนุษย์มากว่า 5 ปีในสถานที่ที่น่ากลัวประดุจนรกนั้น มันได้ทำให้ความเป็นมนุษย์ของเซียวเฟิงถูกขจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว ถ้าหากไม่มีเซียวหลิงอยู่ล่ะก็ ป่านนี้เขาคงยังเป็นเครื่องจักรสังหารที่เยือกเย็นอยู่เป็นแน่…
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือการตามหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องในครั้งนั้น กับดูแลเซียวหลิงเท่านั้น
เพราะกลัวว่าซือเยี่ยจิ๋งจะตักโจ๊กในส่วนที่ทำเผื่อให้เซียวหลิงไปกินด้วย เซียวเฟิงจึงตักโจ๊กแยกออกมาถ้วยหนึ่งและวางมันไว้บนโต๊ะก่อนจะตักอีกถ้วยหนึ่งแล้วกลับไปยังห้องของตน เขาปลุกเซียวหลิงที่กำลังหลับปุ๋ยขึ้นมา เป่าโจ๊กให้เย็นแล้วป้อนเธออย่างระมัดระวัง
ความอ่อนโยนของเซียวเฟิงนั้น ทำให้เขาสามารถป้อนโจ๊กให้เธอจนหมดชามได้แม้เธอจะยังไม่ตื่นดีด้วยซ้ำ และเมื่อทานเสร็จเด็กสาวก็เอนตัวแล้วกลับไปนอนดังเดิมทันที
เมื่อชายหนุ่มเดินออกจากห้องอีกครั้ง เขาก็พบว่าชามของซือเยี่ยจิ๋งเองก็หมดแล้ว ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยเสื้อและกางเกงของเขา ทั้งยังคงกอดเข่าของตนไว้เงียบ ๆ ด้วยอารมณ์ที่เศร้าหมอง
เซียวเฟิงปล่อยเธอไว้คนเดียวแล้วเดินไปจัดการงานที่เหลือค้าง หลังจากที่ทำความสะอาดบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เขาจึงกลับไปยังห้องของตนอีกครั้ง
ขณะที่ถือหมวกเล่นเกมอยู่นั้น เขาก็ยังคงลังเลและไม่มีสมาธิที่จะเล่นเกมอยู่ดี
ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้สนใจเรื่องความทุกข์ของโรสก็จริง แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับสายตาของซือเยี่ยจิ๋งที่มองเหมือนว่าเขาหักหลังเธอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณว่าความเป็นมนุษย์ของเขามันเริ่มจะฟื้นกลับมาแล้ว ดังนั้นมันควรจะเป็นเรื่องดีที่เขาคงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเครื่องจักรสังหารที่เลือดเย็นแบบนั้นได้อีก
เขาตัดสินใจวางหมวกเล่นเกมลงและนอนก่อน เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่ได้นอนมานานมากแล้ว ตั้งแต่เข้าสู่โลกแห่งเกมนี้ แม้ว่าร่างกายของเขาจะนอนอยู่เฉย ๆ ก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่การพักผ่อนแต่อย่างใด ดังนั้นแล้วต่อให้ในเกมมันจะไม่ใช่ร่างกายจริง ๆ ก็ตาม ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงรู้สึกกดดันอยู่ลึก ๆ
ในท้ายสุดเซียวเฟิงก็หลับไปหลังจากไม่ได้นอนมาหลายวัน ด้วยมือข้างหนึ่งไปโอบร่างเล็กของเซียวหลิงไว้ เขาลูบไหล่ที่นุ่มลื่นแต่เล็กของเธอขณะหลับตาลงไปช้า ๆ
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องผ่านบานหน้าต่างแล้วขณะที่เซียวเฟิงตื่นนอน มันเป็นเช้าที่แดดค่อนข้างแรงหลังจากที่ผ่านพ้นคืนวันฝนกระหน่ำไป แต่ถึงอย่างนั้นอากาศที่พัดหวนเข้ามาก็ยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายและความหนาวเย็นของพายุฝนเมื่อคืนอยู่ดี
เซียวเฟิงหันมองเวลาและตัดสินใจที่จะยังไม่ปลุกเซียวหลิงที่ขดกลมอยู่ใต้วงแขนของเขา ในเมื่อนี่มันยังเช้า เธอเองก็ควรจะได้นอนเยอะกว่านี้อีกสักหน่อย
ชายหนุ่มลุกออกจากเตียงด้วยความระวัง ร่างกายที่ได้รับการพักผ่อนหลังจากอดหลับอดนอนมาหลายวันนั้นส่งเสียงกร๊อบแกร๊บยามที่ได้ขยับยืดตัวไปมา เซียวเฟิงเดินตรงเข้าไปยังห้องครัวเพื่อที่จะเตรียมอาหารเช้า
“หืม?”
ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่บนโซฟานั้นคือ ร่างของหญิงสาวร่างสูงโปร่งกำลังขดตัวกอดเข่าอยู่บนนั้น เจ้าของร่างหลับไปแล้ว กระนั้นคิ้วของเธอก็ยังคงขมวดแน่นแม้จะอยู่ในสภาพนั่งหลับเช่นนั้น
เธอคนนี้จะเป็นใครไม่ได้อีกนอกเสียจากซือเยี่ยจิ๋ง เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้านไปและยังอยู่ตรงนี้มาตลอด เซียวเฟิงไม่ได้ปลุกเธอด้วยเช่นกัน เขาปล่อยเธอนั่งหลับไปแบบนั้นขณะเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับคน 3 คน
ซือเยี่ยจิ๋งถูกปลุกด้วยเสียงโครมครามจากในห้องครัว เธอลืมตาตื่นแล้วจัดผมเผ้าที่ยาวสยายให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องน้ำตามปกติแบบที่เธอทำ
ซึ่งในตอนนั้น เซียวหลิงเองก็ตื่นแล้ว ด้วยชุดนอนที่เหมือนแขวนอยู่บนร่างกายมากกว่าจะเรียกว่าสวมใส่และผมสีทองที่ยาวและยุ่งเหยิง เธอเดินงัวเงียจากห้องนอนมายังห้องน้ำพร้อมกับขยี้ตาอยู่ตลอด
“ฮว้ากกกกกกกกกก!!”
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากในห้องน้ำ ก่อนจะตามด้วยเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกของซือเยี่ยจิ๋งหลังเห็นว่าผู้ที่เข้ามาเจอเธอนั้นคือเซียวหลิง
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ในห้องฉันได้? แล้วทำไมเธอถึงใส่เสื้อผ้าของพี่ของฉันอยู่? เมื่อคืนเธอทำอะไรลงไป!”
เซียวเฟิงทำหูทวนลมเสมือนว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรจากในห้องน้ำทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะหันไปมองหรือคิดอะไร
ไม่นานนักหลังจากที่ทั้งสองสาวออกมาจากห้องน้ำตาม ๆ กัน เซียวหลิงก็เดินมาจ้องมองเซียวเฟิงพร้อมกับแขนที่กอดอกแน่น ใบหน้าสวยของเธอเปี่ยมไปด้วยความโกรธขณะเอ่ยถามคำถาม
โชคยังดีที่ซือเยี่ยจิ๋งดูจะฟื้นจากสภาพเมื่อคืนได้บางส่วนแล้ว เพราะงั้นเธอจึงสามารถอธิบายให้เซียวหลิงฟังถึงเรื่องฝนเมื่อคืนได้ และมันก็ทำให้เธอยังอยู่ในห้องนี้จนถึงเช้า อย่างไรก็ตาม หญิงสาวก็ยังอ้ำอึ้งยามที่ต้องอธิบายว่าเธอมาทำอะไรที่นี่เมื่อคืนนี้
ความอ้ำอึ้งของเธอทำให้ความสงสัยของเซียวหลิงก่อตัวรุนแรงขึ้น เด็กสาวหันไปมองเซียวเฟิงด้วยดวงตาสีฟ้าที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้
“ข้าวเช้าพร้อมแล้ว”
เซียวเฟิงเดินมาเคาะหัวเซียวหลิงเบา ๆ ก่อนจะคว้าเอาหวีแถว ๆ นั้นมาช่วยหวีผมที่ยุ่งเหยิงของเธอให้
เซียวหลิงพยายามทำตัวเองให้ดูตัวใหญ่ราวกับไก่ชนขณะที่จ้องมองซือเยี่ยจิ๋งดั่งเธอเป็นองค์หญิงที่อยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง ซึ่งระหว่างที่มองนั้นเธอก็ตัดไข่ลวกด้วยมีดและส้อมขณะที่อีกใจก็กำลังรู้สึกเป็นสุขกับการที่เซียวเฟิงคอยบริการเธอเช่นนี้
“แล้วเธอจะไม่กลับบ้านเหรอ?” เซียวเฟิงหันไปถามซือเยี่ยจิ๋ง
“ฉันไม่รู้จะทำอะไรหลังจากกลับไปแล้ว ไม่กล้ากลับไปออนไลน์ด้วย” ซือเยี่ยจิ๋งตอบพร้อมกับก้มหัวลง พอคิดถึงเรื่องนี้จิตใจของเธอมันก็ห่อเหี่ยวลงไปอีก
เขาพูดต่อหลังเห็นสภาพเธอเป็นเช่นนั้น “บางทีลูกพี่ลูกน้องของเธออาจจะกำลังต้องการเธอตอนนี้ก็ได้นะ”
“นี่เธอหมายความว่ายังไงน่ะที่พูดแบบนั้น? เธอจะไม่กลับบ้านเหรอ?”
“ไว้จะรีบกลับนะ”
ซือเยี่ยจิ๋งชะงักไป สิ่งที่ชายหนุ่มพูดก็มีเหตุผลอยู่ ถึงเธอไม่กล้าจะเจอหน้าโรส เธอก็ควรจะอยู่ช่วยคนที่สมควรจะได้รับการช่วยเหลือมากที่สุดในตอนนี้หลังจากที่เพิ่งผ่านเคราะห์กรรมครั้งใหญ่มา…
คิดได้ดังนั้นเธอก็เริ่มทานอาหารให้เร็วขึ้นจนกระทั่งอาหารตรงหน้าหมดไป
“เซียวหลิง ถึงเวลาต้องไปโรงเรียนแล้วนะ” เซียวเฟิงพูดกับเซียวหลิงที่เพิ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จ หลังจากที่หวีเรือนผมสีทองของเธอให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็มัดให้ผมที่ยาวสลวยนั้นอยู่ในสภาพของมวยผมเล็ก ๆ สองลูก
เซียวหลิงอ้อยอิ่งอยู่พักใหญ่ ๆ แต่ท้ายสุดเธอก็ยอมเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนชุดเป็นแบบเจ้าหญิงแล้วค่อยเดินออกมาจ้องมองเซียวเฟิงก่อนจะเดินทางไปโรงเรียนโดยที่ยังเบ้ปากไปด้วย
“ทำไมวันนี้ตานั่นถึงไม่เล่นเกมนะ? เพราะแบบนั้นฉันเลยโดดเรียนไม่ได้เลย”
…
ไม่นานนักหลังจากที่ซือเยี่ยจิ๋งกลับไป เซียวเฟิงก็กลับเข้าไปออนไลน์อีกครั้ง
แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วข้ามคืนที่เขาไม่ได้เข้าเกมมา แต่โลกของเกมก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะพอตัวเลยทีเดียว
10 อันดับเลเวลของผู้เล่นนั้นมีแต่ผู้ที่ก้าวเข้าสู่เลเวล 16 หมดแล้ว โดยที่ซีเหมินชุยเสวียที่เป็นอันดับ 2 เองก็ก้าวขึ้นเป็น 17…ตามหลังเซียวเฟิงเพียงแค่ 1 เลเวลเท่านั้น
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะผงะด้วยความตกใจ “พวกนี้เก็บเลเวลกันอย่างกับเก็บเงินเลยหรือไงเนี่ย!? นี่ออนไลน์กันตลอด 24 ชั่วโมงเลยเหรอถึงได้เลเวลอัพกันเร็วขนาดนี้?”
ในอันดับอุปกรณ์เองก็มีเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน มีไอเทมระดับเทพเจ้าปรากฏขึ้นบนอันดับนั้น 2 ชิ้น แสดงว่าเมื่อคืนนี้ต้องมีบอสระดับสูงถูกฆ่าแน่ ๆ ในส่วนของอันดับกิลด์ ถัดจากมิดซัมเมอร์ก็มีกิลด์ไดนาสตี้ที่เหมือนจะกำลังก่อตั้งตนเองในเขตฮัวเซียแล้ว
เซียวเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะซ่อนตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นจึงถอดหน้ากากออกขณะเดินไปเรื่อยเปื่อยในเมืองเทียนหลงเพื่อรับภารกิจเล็ก ๆ ไปเรื่อยด้วย ขณะเดียวกันนั้นเองชายหนุ่มก็รอให้โรสมาหาเขา ระหว่างที่รอ ชายหนุ่มก็โทรหาเฉียนโตวโตวเพื่อให้เธอทำอะไรบางอย่างให้ด้วย
“พี่อยู่ไหนน่ะ พี่เซียว?” เฉียนโตวโตวรับสาย “ฉะ…ฉันต้องแต่งตัว…ถ้ายังไงจะรีบไปในครึ่งชั่วโมงนะ”
สิ่งที่หญิงสาวได้รับกลับมานั้นกลับเป็นที่อยู่ของเซียวเฟิงในโลกของความจริง ซึ่งมันทำให้น้ำเสียงของเธอดูจะปั่นป่วนแบบสุด ๆ เฉียนโตวโตวลิ้นพันกันขณะที่คาดเดาว่าอีกฝ่ายจะให้ตนไปทำอะไร เมื่อวางสายไปแล้วเธอก็รีบออฟไลน์และไปแต่งตัวทันที
เซียวเฟิงยังคงเดินเรื่อยเปื่อยในเมืองเทียนหลงไปเรื่อย สลับกับเดินไปยังที่ตั้งแคมป์ของกิลด์มิดซัมเมอร์ เขาทำวนไปวนมาเช่นนี้อยู่พักใหญ่ ๆ จนกระทั้งรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นเป้าสายตาของสมาชิกกิลด์คนอื่น ๆ จึงตัดสินใจเดินไปยังย่านการค้าเพื่อหาซื้อขนมให้เสี่ยวไป๋แทน เพราะเมื่อครั้งล่าสุดนั้น เสี่ยวเสวี่ยได้กินขนมในกระเป๋าเขาไปจนเกือบจะหมดแล้ว
ครึ่งวันผ่านไปจนเฉียนโตวโตวมาถึงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของโรส ทำให้เซียวเฟิงอดที่จะบ่นพึมพำกับตนเองไม่ได้ “ทำไมมิดซัมเมอร์กรุ๊ปถึงไม่ทำอะไรเลยนะหลังจากที่โดนแรงกระแทกขนาดนั้นเข้าไป?”
เขาให้โอกาสโรสแล้ว เพื่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังลงมือทำอะไรสักอย่าง คนฉลาดอย่างโรสควรจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร?
แต่ในเมื่อโรสไม่ยอมไขว่คว้าโอกาสเอาไว้ เขาเองก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออฟไลน์เพราะเฉียนโตวโตวโทรมาบอกเขาว่าอยู่ที่ด้านนอกประตูแล้ว
อันที่จริง โรสเองก็รู้เรื่องที่เซียวเฟิงป้วนเปี้ยนอยู่ในเมืองเทียนหลงแล้วเช่นกัน แต่ที่เธอไม่ไปหาเขาก็เพราะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว
ในตอนนี้หญิงสาวกำลังยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในบริเวณที่ราบกว้าง สายตาของโรสมองลงไปยังจุดแคมป์ของเธอที่เคยถูกตั้งตระหง่านงดงามที่ในตอนนี้ไม่เหลืออะไรให้งดงามอีกแล้ว
เธออยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ชุดเดรสสีขาวสะอาดไร้ซึ่งราคี กับเรือนร่างที่สูงหุ่นดีอันน่าชื่นชม ยามที่ถูกกระแสลมพัดผ่าน เรือนผมและชายผ้าของเธอก็พริ้วสไสวไปกับสายลม แม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกปิดไว้ด้วยผ้าบางครึ่งหนึ่ง แต่เธอก็ดูไม่เหมือนสิ่งใดเลยบนโลกใบนี้
บนร่างกายที่งดงามนี้มีบรรยากาศของลมโชยอ่อนเบา ๆ คอยปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ความเลอค่านี้ประดุจหยาดหิมะที่ตกอยู่บนเทือกเถียนชานที่ผู้คนล้วนยากที่จะไขว่คว้ามันมา เธอเองก็เช่นกัน เป็นตัวตนที่สูงส่งและยากที่จะเอื้อมถึง…
ขณะที่กำลังปล่อยใจไปกับห้วงความคิด เธอก็ถูกกระตุ้นกลับมาอีกครั้งด้วยสายเรียกเข้าจากบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ ทว่าเธอก็เลือกที่จะวางสายนั้นลงโดยไม่ลังเล แววตาที่ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะออฟไลน์ไป
…
“พี่เซียว ฉันมาแล้ว!”
เซียวเฟิงเปิดประตูห้องให้เฉียนโตวโตวพร้อมกับยืนจ้องมองเธอ
หญิงสาวตรงหน้าเขาดูเหมือนเด็กอายุ 17-18 ปี เฉียนโตวโตวเป็นสาวสวยที่มีความงดงามแบบที่ธรรมชาติมอบให้ บนใบหน้านั้นมีเครื่องประทินผิวเพียงเล็กน้อยแม้เจ้าตัวจะบอกว่าแต่งหน้าแต่งตัวมาแล้วก็ตาม เรียวขาของเธอขาวและยาวเหยียดตรงภายใต้กระโปรงลายสก็อตที่สวมมาเหมือนดินสอ ควบคู่กับรองเท้าแตะใส ๆ ที่เธอสวมมานั้นก็ทำให้เธอดูน่ารักไม่หยอกเลย
เธอสวมเสื้อสีขาวง่าย ๆ สบาย ๆ ที่ช่วงเอวถูกดึงไปมัดไว้เผยให้เห็นเรือนร่างที่เพรียวบางและหน้าท้องที่แบนราบ แขนเสื้อยาวที่ถูกพับม้วนจนถึงข้อศอกเผยให้เห็นผิวขาวประดุจหิมะหลงฤดู ซึ่งในขณะที่เซียวเฟิงกำลังมองเธอนั้น เธอก็มองเขากลับอย่างไม่วางตาด้วยเช่นกัน
“พี่เซียว…พี่ดูหล่อกว่าในเกมอีกอ่ะ”
“งั้นเหรอ ตาดีนี่”
เขาพยักหน้ายอมรับคำชมนั้นก่อนจะพาเฉียนโตวโตวเข้าห้องมา
เด็กสาวพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็หันกลับไปมองเซียวเฟิงอีกครั้งเมื่อมีโอกาสด้วยท่าทีเขินอายจนแก้มนวลขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่เซียว…พาฉันไปดูห้องนอนของพี่หน่อยได้ไหม?”
“หา? เธอจะไปดูอะไรที่ห้องนอนฉัน?”
เซียวเฟิงรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยอมพาเธอไปดูห้องนอนของตนอยู่ดี
“ฉัน…” ใบหน้าสวยของเฉียนโตวโตวแดงขึ้นมาอีกหลังเข้ามาในห้องนอนของเขาได้แล้ว ตอนนี้มันแดงเสียจนเหมือนกำลังมีไฟลุกโชนอยู่บนใบหน้าเลย แถมเธอยังไม่กล้าที่จะสบตาเซียวเฟิงขณะถามอีกด้วย
“ฉัน…พี่เซียว ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย…เพราะงั้น…ช่วยอ่อนโยนกับฉันด้วยนะ…ดะ…ได้โปรด…ได้โปรดรับนี่ไปด้วย…”
เสียงที่พูดด้วยความเคอะเขินนั้นหากไม่ฟังดี ๆ จะแทบไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเธอพูดอะไรอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหยิบเอาบางสิ่งบางอย่างจากกระเป๋ากระโปรงมาส่งให้เขาอีกด้วย
เขารับมันมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อแบมือออกสีหน้าของเขาก็มืดดำขึ้นมาทันที
มันคือถุงยาง!