“พี่เซียว…ทำไมล่ะ…”
เฉียนโตวโตวเคลื่อนริมฝีปากของตนออกมาและมองเซียวเฟิงด้วยท่าทีเสียใจ
“ทั้งความหวัง แล้วก็ทุกสิ่งที่ฉันมีในตอนนี้ ทุกอย่างฉันได้มาก็เพราะพี่นะ ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนพี่ยังไงดีนอกซะจากยกร่างกายของฉันให้พี่…”
คำพูดของหญิงสาวทำให้เซียวเฟิงปวดหัว หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตอบเธอกลับไป “อืม… เธอควรจะรอไปอีกซัก 2-3 ปีให้ตัวเองเจริญเติบโตกว่านี้อีกสักหน่อยนะ เพราะฉันไม่สนใจผู้หญิงอกแบน”
“ฮึ่ม! จะพูดตรงไปแล้วนะ พี่เซียว! พวกผู้ชายหลาย ๆ คนต่างก็ชื่นชอบสาวน้อยวัยใสแบบฉันกันทั้งนั้นแหละ!” เฉียนโตวโตวรีบปาดน้ำตาของเธอและบุ้ยปาก สายตาที่ละออกจากเซียวเฟิงนั้นแอบเหลือบมองไล่ลงไปตามร่างกายที่ผอมบางและราบเรียบของตน แต่แล้วทันใดนั้นท่าทีของเธอก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
“ถ้างั้นพี่ต้องรักษาคำพูดพี่ด้วยนะ พี่เซียว! เมื่อไหร่ที่ฉัน ‘โตขึ้น’ พี่จะต้องยอมเรื่องที่ฉันขอไว้นะ! พี่รู้อะไรไหม ว่าฉันน่ะไม่เคยคิดเรื่องความสัมพันธ์พวกนี้กับใครมาก่อนเลยนะ แล้วก็ในฐานะเด็กสาวผู้มีหน้าตาสะสวยแล้ว การที่พี่ปฏิเสธฉัน มันจะทำให้หัวใจของฉันต้องบอบช้ำเจียนตายเลย” เธอโอบแขนเข้าไปที่คอของเซียวเฟิง แต่ทันใดนั้นก็ดูเหมือนตัวเธอเองจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบถามต่อ “ยังไงก็เถอะ ก่อนหน้านี้พี่บอกไว้ว่าพี่จะให้ร้านมหาสมบัติกับกิลด์มิดซัมเมอร์ทำงานร่วมกันเหรอ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พี่กับกิลด์นั้นเกลียดกันแทบตายเลยหรือไง?”
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากมิดซัมเมอร์” เซียวเฟิงพูด คำพูดของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นได้ผลกับเขา ในตอนนี้เขาไม่ต้องการที่จะได้เห็นมิดซัมเมอร์กรุ๊ปต้องล่มสลายลงเพียงเพราะจะล่อให้ชายผู้อยู่เบื้องหลังงานนี้ออกมา เขาอยากจะเก็บบริษัทนี้ไว้ให้เซียวหลิงในภายหลังอีกที
“อย่างงั้นเองเหรอคะ? เอ๋ เป็นไปได้ไหมว่าพี่ตกหลุมรักโรสเข้าให้แล้ว? ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซียด้วยนี่นา แถมเธอยัง…ไม่แบนด้วย สเปคแบบที่พี่ชอบเลยนิ ใช่ม้า?” เฉียนโตวโตวพูดขณะจ้องมองเซียวเฟิงด้วยความสงสัยและหึงเล็กน้อย
ในตอนนี้ร้านมหาสมบัตินั้นสร้างชื่อเสียงไปทั่วทุกสารทิศแล้ว มีแนวโน้มสูงว่ามันสามารถที่จะยกระดับขึ้นเป็นหอการค้าอันดับ 1 ในเขตฮัวเซียได้ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีเงินทองอีกมายมายไหลเข้ากระเป๋าหลังจากที่ผู้เล่นนับล้านคนได้เข้ามาซื้อของจับจ่าย ณ ร้านมหาสมบัติแห่งนี้
มีผู้เล่นกว่าครึ่งหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์มาซื้อหรือขายของที่นี่ และมีผู้เล่นในจำนวนที่มากกว่าประชากรเมืองถึง 2 เท่าเข้ามาร่วมงานประมูลที่จัดขึ้นในร้านมหาสมบัติด้วย รายได้จากการประมูลส่วนใหญ่ก็จะมาจากการเก็บค่าบริการผู้เข้าร่วมงานทุกคนซึ่งมีมูลค่ากว่าหมื่นเหรียญทอง และถ้าหากตีเป็นเงินในโลกจริงแล้วล่ะก็ มันจะมีมูลค่าสูงถึงหลักล้านหยวนเลยทีเดียว!
มันไม่ใช่เรื่องยากนัก หากจะคิดว่าทำไมร้านมหาสมบัติแห่งนี้ถึงสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพวกนักรบเก็บอุปกรณ์หรืออาวุธของนักเวทมาและต้องการขาย พวกเขาควรจะไปฝากขายที่ไหนล่ะ?
ในเมื่อมิธไม่มีร้านค้าที่เป็นทางการหรือการประมูลที่จัดโดยทีมงาน พวกเขาก็ต้องหาแหล่งขายกันเอง
จริง ๆ แล้วพวกเขาจะตั้งร้านขายเองหรือประกาศขายผ่านฟอรั่มก็ได้ แต่มันจะใช้เวลานานเกินกว่าจะมีคนมาเสนอราคาซื้อของในราคาที่ตั้งไว้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้การนำของมาขายให้กับหอการค้าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับตัวพวกเขาเอง
พวกเขาจะประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่นำสิ่งของมาฝากไว้ที่หอการค้าแล้ว ตัวเองจะไปเก็บเลเวลที่ไหนต่อมันก็สะดวกสบาย และสามารถมั่นใจได้ว่าตนเองจะขายของชิ้นนั้นได้ในราคาที่ดีที่สุด
ดังนั้นแล้วสำหรับใครก็ตามที่ต้องการจะฝากขายหรือจะซื้อของใหม่ หอการค้าถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว และท่ามการหอการค้าในเขตฮั่วเซีย ที่ไหนล่ะที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นหอการค้าที่โด่งดังที่สุด?
แน่นอน คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว ร้านมหาสมบัตินั่นแหละ หากพูดถึงชื่อนี้แล้ว หอการค้าอื่น ๆ ก็แทบไม่มีค่าขึ้นมา หลักฐานที่เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะมาใช้บริการกับร้านมหาสมบัตินั่นก็คือ ที่นี่เป็นหอการค้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไว้ด้วยสินค้าคุณภาพดี และมีลูกค้าเวียนมาใช้บริการเป็นประจำจนหอการค้าเล็ก ๆ พากันร้างคนไปหมด
นี่แหละผลประโยชน์ที่ได้จากการมีชื่อเสียง ยิ่งมีผู้เล่นเลือกใช้บริการร้านมหาสมบัติมากขึ้นเท่าไหร่ ที่แห่งนี้ก็จะยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น
ตามปกติแล้วพวกหอการค้าหรือสถานที่จัดการประมูลนั้น ผู้พัฒนาเกมจะเปิดไว้ให้อย่างเป็นทางการ อย่างน้อย ๆ สัก 1 แห่ง แต่ภายในโลกแห่งมิธนี้ ไม่มีสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นการที่ผู้เล่นเปิดหอการค้ากันเอง มันจึงกลายเป็นเหมือนอนาคตในการสร้างเม็ดเงินอันเรืองรองของพวกเขาไปโดยปริยาย
เฉียนโตวโตวนั้นถวายเวลาชีวิตของเธอให้กับการเปิดศูนย์กลางการค้าในทุก ๆ เมืองในขณะที่ร้านมหาสมบัติกำลังขยายตัวใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว สำเภาเงินทองลำใหญ่นี้กำลังออกแล่นสู่ทะเลเงินตราทีละนิด ๆ แล้ว
ด้วยศักยภาพของร้านมหาสมบัติในตอนนี้ มันจะเป็นผลดีมากกว่าหากมีคู่หูมาร่วมธุรกิจด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธความคิดของเซียวเฟิงที่จะร่วมมือกับมิดซัมเมอร์กรุ๊ป นอกจากนี้เธอยังถามคำถามเฉกเช่นที่ถามมาด้านบนเพิ่มด้วย
“เธอคิดมากไปแล้ว” เซียวเฟิงไม่ได้เก็บคำถามของอีกฝ่ายมาใส่ใจ แถมเขายังรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่ามิดซัมเมอร์กรุ๊ปจะมีส่วนที่เข้ามาทำให้ผลประโยชน์ที่ควรได้ของหอการค้าขนาดใหญ่นี้ต้องพลอยลดลงไปด้วย แม้จะเป็นปริมาณน้อยก็ตาม
“ในเมื่อมันเป็นความต้องการของพี่เซียว เดี๋ยวพอฉันออนไลน์แล้วจะติดต่อโรสให้เอง ดูเหมือนว่าตอนนี้ร้านมหาสมบัติจะกำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งยากและต้องการผู้ที่มีอำนาจแข็งแกร่งมาช่วยปกป้องให้สินะคะ” เฉียนโตวโตวพูดด้วยความหนักแน่นเพื่อให้เซียวเฟิงมั่นใจหลังจากที่เขาแสดงสีหน้าหนักใจออกมา
“ดีมาก” เซียวเฟิงพยักหน้า เขาไม่อยากจะให้ความคิดของตนไปรบกวนแผนการพัฒนาร้านมหาสมบัติของเฉียนโตวโตวหรอก
“โอเค ถ้ายังไงฉันจะไปเล่นเกมก่อนนะคะ พี่เซียว ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” เฉียนโตวโตวจุ๊บเซียวเฟิงลงไปที่หน้าก่อนจะคลายอ้อมแขนที่กอดคอเขาไว้แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
เธอไม่สามารถอยู่ที่คฤหาสน์ของเซียวเฟิงได้เพราะเธอจำเป็นต้องกลับไปที่ออฟฟิศ ณ กลางเมือง ที่นั่นมีอพาร์ทเมนต์ที่เธอเช่าไว้อยู่ พร้อมกับเหล่าผู้เล่นผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานในร้านมหาสมบัติ
เมื่อเห็นว่าเฉียนโตวโตวขับรถออกไปโดยสวมหมวกสำหรับเล่นเกมของเธอไว้ด้วย เซียวเฟิงก็กลับไปยังห้องของตนเองและล็อกอินเข้าเกมด้วยเช่นกัน
สถานที่ที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาคือเมืองเทียนหลง หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ชายหนุ่มก็ใช้ใบวาร์ปพาตัวเองไปสู่นครศักดิ์สิทธิ์ต่อในทันที เขาเข้าไปเยี่ยมเสี่ยวไป๋ขณะที่คิดไปด้วยว่าจะสามารถนำเสี่ยวไป๋ออกจากนครศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างไรบ้างโดยที่เทพธิดาแห่งแสงไม่รู้
ชายหนุ่มกำลังอยากจะจัดการผู้พิทักษ์ทั้งสองคนที่อยู่ ณ ชั้น 2 ของดันเจี้ยนสุสานใต้ดิน
ขณะที่ต้องต่อสู้อยู่กับพวกกิลด์กลอรี่ เซียวเฟิงไม่ได้มีสมาธิอยู่กับเหตุการณ์ตอนนั้นมากนัก ชายหนุ่มแค่พยายามจะระบายอารมณ์เฉย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันอันมหาศาลอยู่ดี
หากไร้ซึ่งกระโหลกมังกรที่คอยช่วยป้องกันความเสียหายและลดความรุนแรงของสกิลที่ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาต้องชะงักแล้วละก็ บางทีตนอาจจะต้องตกอยู่ในอันตรายระหว่างที่กำลังต่อสู้แน่ ๆ เพราะยังไงซะตรงหน้าในตอนนั้นน่ะ ก็คือเหล่าผู้เล่นระดับสูงจำนวนมหาศาล
เหตุการณ์ในครั้งนั้นมันช่วยแสดงให้เห็นว่าอาร์ติแฟคท์ที่ชายหนุ่มครอบครองอยู่นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน กับทำให้เขารู้ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้ขนาดไหนด้วย
แม้แต่อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าอย่างวัฏจักรชีวิต ก็ยังช่วยปกป้องชีวิตเซียวเฟิงไว้หลายต่อหลายครั้ง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกร้อนรุ่มไปด้วยไฟแห่งความต้องการที่จะได้ของที่ดร็อปจาก 2 ผู้พิทักษ์ในดันเจี้ยนสุสานใต้ดินแห่งนั้น มันจะต้องดร็อปชุดอาร์ติแฟคท์ทั้งชุดมาแน่ ๆ!
แต่ถึงจะอยากได้ขนาดไหน ความจริงก็ยังคงค้ำคออยู่ บอสพวกนั้นเป็นบอสเลเวล 30 กันทั้งคู่ ดังนั้นแล้วมันจึงมีพลังโจมตีที่สูงมาก ตนหนึ่งเป็นนักฆ่าที่มีความสามารถในการเร้นกาย ในขณะที่อีกตนเป็นนักธนูระยะไกล แค่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันครั้งละตัวยังนับว่ายาก เช่นนั้นแล้วหากต้องเจอพร้อมกัน 2 ตัว เขาจะเอาอะไรไปสู้?
เหตุผลทั้งหมดนี้มันทำให้เซียวเฟิงทำได้เพียงเก็บความต้องการนั้นเอาไว้ก่อน และหวังพึ่งเสี่ยวไป๋ให้ช่วยเขาจัดการกับบอสผู้พิทักษ์ทั้งสองตนนี้ให้
สกิลของเสี่ยวไป๋ที่โดดเด่นคือ ‘โล่แห่งจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์’ ที่มีโอกาสป้องกันการโจมตีที่ได้รับมาเป็นบางครั้ง ผนวกเข้ากับความสามารถในการป้องกันและหลบหลีกอันสมบูรณ์แบบของเขาเอง เซียวเฟิงเชื่อว่าโอกาสในการปราบบอสทั้งสองนี้จะต้องมีมากขึ้นอย่างแน่นอน
ภายในเกมนั้น สัตว์เลี้ยงถือเป็นผู้ช่วยที่มีคุณประโยชน์กับผู้เล่นมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น เซียวเฟิงและเสี่ยวไป๋ต่างก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้สู้เคียงข้างกันเสียที ซึ่งนี่มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมาก
“เจ้านาย…”
เด็กสาวผมสั้นสีเงิน ที่ดูจะมีอายุราว ๆ 8-9 ปี อิงหัวมาซบเซียวเฟิงเอาไว้ ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยในขณะที่ปีกสีขาวสะอาดคู่นั้นก็ค่อย ๆ โบกสะบัดเบา ๆ
“เอาเถอะ”
เซียวเฟิงถอนหายใจขณะที่ยื่นมือไปลูบหัวเสี่ยวไป๋เบา ๆ เขาป้อนเค้กที่หยิบออกมาจากในกระเป๋าหลังให้เธอไปพลาง ๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีรูปลักษณ์เหมือนเด็กผู้หญิง แต่เสี่ยวไป๋ก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างสุนัขหรือไม่ก็แมวมากกว่า
ค่าความโปรดปรานที่เธอมีให้เขานั้นสูงถึง 90 แต้มแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการที่เธอไม่สามารถออกจากนครศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวเหมือนเดิม ในฐานะที่เขามีอาชีพเป็นนักบวชที่ไม่ได้มีสกิลโจมตีมากมายนัก การที่ไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงสุดแกร่งของตนไปใช้งานได้นั้นมันเป็นอะไรที่หมดคำพูดจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะไม่อยากมีเรื่องกับเทพธิดาแห่งแสงล่ะก็ ป่านนี้ชายหนุ่มก็คงจะพาตัวเซียวเฟิงออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว ความคิดที่ชั่วร้ายที่สุดคือ เขาอาจจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทั้งตนเองและเสี่ยวไป๋และไม่ย่างกรายเข้าไปใกล้วิหารแห่งแสงอีกเลย
อย่างไรก็ตาม เทพธิดาแห่งแสงนั้นมีพลังมากกว่า NPC หรือบอสตนใดที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ และด้วยพลังระดับนี้เธอสามารถตามล่าเซียวเฟิงได้ตลอดจนกว่าเขาจะออกจากเกมไป เรื่องแค่นี้ต่อให้ไม่ต้องให้เกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ ก็เดาผลลัพธ์ได้
[สัตว์เลี้ยงของคุณได้กิน ‘ต้นกำเนิดแห่งมู่กวาง’ เข้าไป!]
[ด้วยผลของ ‘ต้นกำเนิดแห่งมู่กวาง’ สัตว์เลี้ยงของคุณ ‘นางฟ้า 2 ปีก’ ได้รับการวิวัฒนาการ!]
[สัตว์เลี้ยงของคุณ ‘นางฟ้า 2 ปีก’ วิวัฒนาการเป็น สัตว์เลี้ยงเผ่านางฟ้า ‘นางฟ้า 4 ปีก’!]
เสียงของระบบดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างจ้าที่ปรากฏขึ้นมาตอนที่เซียวเฟิงไม่ทันได้ตั้งตัว แสงนั้นมาจากร่างของเสี่ยวไป๋ในอ้อมแขนของเขา ทันทีที่ได้สติ เซียวเฟิงก็รีบยกมือขึ้นปิดตาไว้ทันที
เขารอจนกระทั่งแสงสว่างเหล่านั้นเริ่มเจือจางลงถึงได้เปิดตาตนเองออกมาดูภาพตรงหน้าด้วยความสับสนและงุนงงอีกครั้ง
เสี่ยวไป๋กำลังลอยอยู่ในอากาศ แม้ว่ารูปลักษณ์โดยรวมของเธอจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้เธอดูมีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น และสิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นปีกสีขาวที่งอกเพิ่มขึ้นมาอีกคู่หนึ่งที่ด้านหลังนั่น
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ…?”
เซียวเฟิงไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้แต่มองปีกทั้ง 2 คู่ของเสี่ยวไป๋ที่กำลังกระพือช้า ๆ ขณะที่ตัวเธอก็กำลังพิงซบกับเขาอยู่ด้วย
ซู่ม!!
กระแสลมแรงจนเกิดเสียงดังราวกับจะพัดร่างของพวกเขาให้กระเด็น เรือนร่างอันงดงามของเทพธิดาแห่งแสงปรากฏขึ้นไม่ไกลจากชายหนุ่มนัก สายตาของเธอกำลังจ้องมองลงมายังปีกคู่ใหม่ของเสี่ยวไป๋ก่อนจะสลับไปมองเซียวเฟิงด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของเธอก็หายไปราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้นมาก่อน
“ต้นกำเนิดแห่งมู่กวางงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มทวนชื่อของไอเทมที่ได้ยินจากเสียงของระบบอีกครั้งด้วยความฉงนใจ แล้วจึงเปิดกระเป๋าเป้ของตนออกมาดูจึงได้กระจ่างใจขึ้นมาทันที ต้นกำเนิดแห่งมู่กวางที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋านั้นหายไปแล้ว จะเหลือก็แต่กล่องใส่มันเท่านั้น
ในบรรดาทุกสิ่งอย่างที่เซียวเฟิงบรรจุไว้ในกระเป๋าเป้ประจำตัวของตนนั้น นอกจากต้นกำเนิดแห่งมู่กวางที่ได้มาจากก้นทะเลสาปมู่กวาง ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเก็บไว้ที่มุมลึก ๆ ของกระเป๋าแล้วก็ยังมีแผ่นหินสำหรับสร้างพื้นที่เทเลพอร์ต ต้นกำเนิดแห่งปีศาจ รวมไปถึงหินอวกาศอีกชิ้นหนึ่ง
หากยึดตามที่ระบบบอกเขาแล้ว แสดงว่าเมื่อครู่นี้เซียวเฟิงเผลอหยิบต้นกำเนิดแห่งมู่กวางป้อนให้เสี่ยวไป๋กินโดยไม่ทันได้มอง เขาคงจะต้องหยิบมันสลับกับเค้กในกระเป๋าแน่ ๆ
เท่าที่ชายหนุ่มจำได้ ต้นกำเนิดแห่งมู่กวางนั้นเป็นไอเทมที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งแสงอยู่เป็นจำนวนมาก เซียวเฟิงไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวไป๋จะกินมันได้แถมยังวิวัฒนาการเป็นเผ่าพันธุ์นางฟ้าได้อีก
…
หลังจากที่สลัดความตกใจจนปากหวอทิ้งไปแล้ว เขาก็รีบตรวจสอบสถานะของเสี่ยวไป๋ทันที!