“มันเกิดอะไรขึ้น? เรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?!”
สีหน้าของบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทำไมจู่ ๆ คนของเขาถึงถูกฆ่าตายหลักร้อยคนได้ในพริบตาเดียว?
บางทีอาจจะเป็นเพราะคนของกิลด์กลอรี่ยืนอยู่ใกล้กันเกินไปจนถูกการโจมตีหมู่แบบนั้นซัดเข้าใส่ในทีเดียวได้ง่าย ๆ
ถึงแม้ว่าการที่จะต้องสูญเสียคนไปหลักร้อยคนท่ามกลางกำแพงมนุษย์ที่มีคนหลักหมื่นจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การโจมตีที่สามารถฆ่าคนได้ทีละหลายร้อยคนนั้นยังไงก็ยังน่ากลัวอยู่ดี! หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปละก็ กำแพงมนุษย์ได้แตกพ่ายในไม่ช้าแน่!
ต้องมาแตกพ่ายด้วยสกิลโจมตีหมู่ที่มาจากสัตว์เลี้ยง!
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตื่นกลัว นี่คือความน่ากลัวของสัตว์เลี้ยงระดับเทพงั้นเหรอ? เพียงแค่สัตว์เลี้ยงตัวเดียวก็สามารถพิชิตทัพนับหมื่นได้เนี่ยนะ!? ไม่แปลกใจเลยถ้ากิลด์กลอรี่จะพ่ายแพ้เพราะการโจมตีเช่นนั้น!
ผลลัพธ์จากการถูกโจมตีระยะไกล ทำให้หลอดเลือดของเสี่ยวไป๋ปรากฏขึ้นมา และเพราะแบบนั้นทุกคนจึงได้เห็นว่าเธอคนนี้มีพลังชีวิตสูงถึง 6,000 หน่วยเลยทีเดียว!
แม้ว่าบางคนจะคิดว่าพลังชีวิตจำนวนกว่า 6,000 หน่วยนี้ยังไงก็ไม่น่าจะเพียงพอหากต้องเผชิญหน้ากับศัตรูนับหมื่นพร้อม ๆ กัน แต่ในเมื่อไม่มีการโจมตีไหนที่ทะลายพลังป้องกันของเธอได้ พลังชีวิตระดับนี้เพียงพอต่อเสี่ยวไป๋อย่างล้นเหลือ หากเธอคิดจะทะลายกำแพงมนุษย์ตรงหน้านี้!
การที่พวกเขาได้เห็นว่าไม่มีอะไรหยุดยั้งการโจมตีของเสี่ยวไป๋ได้ นั่นก็ชัดเจนพอแล้วที่จะทำให้กิลด์กลอรี่เกิดความหวาดกลัว
ในสายตาของทุกคนที่รับชมการต่อสู้อยู่ พวกเขาเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะต้องเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมนี้อย่างแน่นอน หลังจากที่ได้เห็นพลังของนางฟ้า 4 ปีกตนนี้พร้อมทั้งได้เห็นความน่ากลัวของเธอขณะที่เข้าต่อสู้
ใบหน้าที่เคยนิ่งขรึมของไนน์เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขามองนางฟ้า 4 ปีกที่กำลังเข้าห้ำหั่นคนของเขาที่อยู่ภายในหุบเขารอยแยกโดยที่ไม่สามารถพูดอะไรได้
หัวหน้ากิลด์อย่างเขาไม่เคยคิดเลยว่าปัญหาระหว่างตัวเองกับอีกฝ่ายมันจะกลายมาเป็นปัญหาที่แก้ไขกันไม่ได้ขนาดนี้ เพราะยังไงซะเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นก็มีชื่อเสียงถึงระดับที่เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของเขตฮัวเซียที่มีแต่คนนับหน้าถือตา ถึงแม้ว่าเขาจะมีปัญหากับอีกฝ่ายถึงสองครั้งสองครา แต่ก็ไม่ได้อยากให้การต่อสู้ครั้งนี้มันเลยเถิดเกินไป
เหตุผลหลักที่ทำให้เขากับเจ้าแห่งฮีลเลอร์แตกหักกันนั้น นั่นคือเมื่อตอนที่เขาไปยังกิลด์มิดซัมเมอร์โดยหวังจะได้ช่วยเหลือโรสในการกำจัดเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ในฐานะที่เป็นผู้นำของกิลด์ขนาดใหญ่แห่งฟากใต้ เขาคิดว่าโรสจะต้องต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มแน่ ๆ แม้จะเพราะว่าเธอเป็นถึงเทพธิดาที่สวยที่สุดแห่งฮัวเซียก็ตาม ทว่าเธอกลับปฏิเสธที่จะพบเขาตั้งแต่แรกเลย
ความโกรธมันปลุกความเศร้าให้ครอบงำจิตใจ เนื่องจากหลังจากนั้น เขาก็ได้ยินมาว่ากิลด์มิดซัมเมอร์ได้ยกเลิกคำสั่งล่าหัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้ว นั่นหมายถึง ผู้หญิงที่เขาชอบคนนี้ยังเลือกที่จะประนีประนอมเจ้าแห่งฮีลเลอร์!
สิ่งนี้มันทำให้ไนน์รู้สึกโกรธเคืองอย่างสมบูรณ์ ชายหนุ่มคิดว่าที่ทุกสิ่งมันกลายมาเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าแห่งฮีลเลอร์! ตลอดหลายปีมานี้ เขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงมากในวงการเกมออนไลน์ นี่เป็นครั้งแรกที่คนอย่างเขาต้องเสียหน้า และเพราะแบบนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะมาเป็นศัตรูเจ้าแห่งฮีลเลอร์อย่างไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
การต่อสู้แห่งเกียรติยศนี้ฟังดูเหมือนการสมานฉันท์ก็จริง แต่เหล่าผู้เล่นสำรองทั้งหลายต่างก็รู้ดีว่านี่มันคือการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่ากิลด์กลอรี่กับผู้เล่นอันดับหนึ่งแห่งเขตฮัวเซียเป็นศัตรูกัน ดังนั้นต่อจากนี้จะไม่มีทางที่จะกลับมาร่วมมือกันได้อีกแล้ว…
ไนน์รู้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็น่าจะเข้าใจถึงจุดประสงค์นี้ด้วยเช่นกัน ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็เลือกที่จะเปิดศึกนี้ต่อไป นั่นเพราะเขาคือ บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่! ผู้นำแห่งกิลด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฟากใต้ รวมถึงเป็นผู้เล่นที่มีคนสปอนเซอร์สูงสุดในโลกแห่งเกมออนไลน์ด้วย! ‘เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ฉันไม่เคยกลัวนายเลยซักนิด!!’
ดังนั้นแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะเป็นศัตรูกับเซียวเฟิง ไนน์ก็จะไม่มีความเมตตากับอีกฝ่ายอีกต่อไป! เขาสั่งการคนนับหมื่นพันที่เป็นผู้เล่นระดับสูง และเฝ้ารอดักที่หุบเขาแห่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ!
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ไนน์ต้องใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อทำให้เซียวเฟิงพบกับความพ่ายแพ้ให้ได้ แต่สิ่งที่ชายหนุ่มพบเจอนั้นกลับมากมายยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นสกิลฟื้นคืนชีพของเซียวเฟิงรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงระดับเทพของเขาด้วย!
ในระดับที่เกมดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบัน การได้รับอะไรก็ตามที่เป็นระดับเทพ จะช่วยให้ค่าสถานะของผู้เล่นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ขนาดมีอุปกรณ์ระดับเทพ ยังสามารถอยู่เหนือผู้เล่นหลักล้านคนได้เลย นับประสาอะไรกับการมีสัตว์เลี้ยงระดับเทพกัน?
แค่สัตว์เลี้ยงระดับเทพตรงหน้านี้เพียงตัวเดียวก็สามารถทลายทัพหลักหมื่นของกิลด์กลอรี่ลงได้อย่างง่ายดาย!
ตอนนี้ไนน์ตระหนักได้แล้วว่าสิ่งที่ทุกคนยกย่องให้ผู้ที่อยู่ด้านล่างผานี้ ไม่ใช่สิ่งที่พูดเกินจริงเลยแม้แต่นิด เจ้าแห่งฮีลเลอร์สมควรแล้วกับฉายานี้ เขาก้าวนำหน้าทุกคนไปไกลมากแล้ว!
ทั้งอาร์ติแฟคท์…ทั้งสัตว์เลี้ยงเทพ…แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าชายคนนั้นอยู่เหนือทุก ๆ คนในเวลานี้ทั้งหมด!
“ฉัน….”
น้ำเสียงของไนน์เริ่มแหบพร่า เขามองลงไปยังหุบเขารอยแยก มองภาพที่นางฟ้า 4 ปีกตนนั้นกำลังเข่นฆ่าคนของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งคนแล้วคนเล่า ไม่มีใครต้านทานเธอได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับชิ้นเนื้อในโรงเชือด
ไนน์ไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อเป็นถึงผู้นำของกิลด์กลอรี่ เขาย่อมต้องรู้ดีว่าหากยังสั่งโจมตีแบบนี้ต่อไป คนของตัวเองได้ตายหมดแน่
กิลด์กลอรี่…พ่ายแพ้แล้ว…!
“ส่งต่อคำสั่งของฉัน…ถอยทัพ…”
ใบหน้าของไนน์ซีดเผือดลงไป กระนั้นก็ยังต้องทำใจให้เข้มแข็งเพื่อออกคำสั่งถอยทัพ เขาพ่ายแพ้จริง ๆ!
เขารู้ดีว่าศัตรูที่อยู่เบื้องล่างนั้น ณ เวลานี้ไม่สามารถโค่นลงได้อย่างแน่นอน ไม่มีใครสามารถเก็บเลเวลตามเขาได้ทัน จนกว่าระดับผู้เล่นจะใกล้เคียงกันอีกครั้ง ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน…
ภายในหุบเขารอยแยก เซียวเฟิงนั้นกลายมาเป็นผู้ชมแทน เขาเพียงแค่หยิบเอาขวดยาขึ้นมาดื่มสลับกับใช้โฮลี่ไลท์รักษาตนเองไปพลาง ๆ และตอนนี้เขาไม่อยู่ในจุดอันตรายแล้ว
มีเพียงผู้เล่นที่โง่เขลาบางส่วนของกิลด์กลอรี่เท่านั้นที่ยังกล้าโจมตีใส่เซียวเฟิง แต่ด้วยความน่ากลัวของเสี่ยวไป๋ เธอสามารถพุ่งเข้าหาผู้ที่กำลังจะกระทำการโจมตีได้เสียก่อนที่เขาจะเริ่มโจมตีเสียอีกด้วยปีกทั้ง 4 ข้างของเธอ นางฟ้าตัวน้อยสามารถทำลายกำแพงมนุษย์ที่ก่อขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้มันเลยทำให้เซียวเฟิงแทบจะไม่โดนโจมตีอีกเลย
ทันใดนั้น เมื่อรู้สึกได้ว่าเหนือหัวตนไม่มีการโจมตีเพิ่มแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เหล่าผู้เล่นของกิลด์กลอรี่กำลังพากันถอยกลับจนแทบจะหมดแล้ว ชายหนุ่มก็แอบประหลาดใจ
“เสี่ยวไป๋ กลับมา”
เซียวเฟิงมองดูสถานการณ์รอบตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดได้ว่ากิลด์กลอรี่คงจะยอมแพ้กับการต่อสู้แล้ว คงไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวไป๋นั้นน่ากลัวขนาดไหนหากไม่ได้มาเห็นหรือโดนกับตัวเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ นั้น ยามที่เธอไล่ล่าศัตรูมันก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรสังหารที่มีออร่าของความน่าเกรงขามปรากฏขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าแห่งหนใดก็ตามที่เธอบินผ่าน ที่แห่งนั้นจะเหลือเพียงซากศพทิ้งไว้เท่านั้น
วู่ม!
ด้วยเสียงของปีกที่กระพือเพียงครั้งเดียว ร่างของเสี่ยวไป๋ก็กลับมาอยู่ข้างเซียวเฟิงแล้ว ดาบและเกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้สลายกลายเป็นละอองแสงหายไปในอากาศแล้ว
นั่นหมายถึงครบ 20 นาทีที่ดาบและเกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้งานได้แล้ว เซียวเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะถ้าหากกิลด์กลอรี่ยังสู้ต่อด้วยคนอีกนับหมื่นที่เหลือ และทุก ๆ คนเล็งเป้าไปที่เสี่ยวไป๋ บางทีผลลัพธ์มันอาจจะพลิกกลับอีกก็ได้ การที่ไม่มีโล่ป้องกันจากเกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้น อาจจะทำให้เสี่ยวไป๋รอดได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
โชคดีที่กิลด์กลอรี่เป็นฝ่ายเลือกที่จะยอมแพ้ก่อนสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น พวกเขาเองก็คงจะไม่อยากแบกรับความเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความนิยม ความแข็งแกร่งไหนจะภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสียหายครั้งนี้ถ้าหากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ครั้งนี้กิลด์กลอรี่สูญเสียไปมากจริง ๆ
ไม่นานนัก ไม่ถึง 10 นาที หุบเขารอยแยกที่วุ่นวายมาเกือบชั่วโมงก็กลับกลายเป็นเพียงรอยแคบอันว่างเปล่าอีกครั้ง ผู้เล่นจากกิลด์กลอรี่ทั้งหมดจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงเซียวเฟิงที่สวมเกราะกระดูก แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเพราะไม่รู้ว่านี่เป็นแผนซ้อนแผนที่ดักรอโจมตีเขาอีกหรือเปล่า
ส่วนหัวของเซียวเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยหน้ากากกระโหลก ตาข้างหนึ่งดำสนิท ส่วนตาอีกข้างหนึ่งก็ถูกไฟสีเขียวลุกโชนปกคลุมอยู่ เพราะงั้นจึงไม่มีใครเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขาได้
เสี่ยวไป๋กลับมาอยู่เคียงข้างเซียวเฟิงอีกครั้ง ปีกทั้ง 4 หดเก็บไปดังเดิม แววตาสีเงินที่บริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นกำลังแสดงความงุนงงออกมา เธอกอดเอวของเซียวเฟิงไว้แน่น ๆ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเธอรู้สึกไม่คุ้นเคยและหวาดระแวงสิ่งรอบตัวเอามาก ๆ
เซียวเฟิงลูบผมสั้น ๆ ของเสี่ยวไป๋เบา ๆ และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถึงจะส่งเธอกลับไปยังมิติสัตว์เลี้ยง ชายหนุ่มหยิบใบวาร์ปขึ้นมาและขยำมันลงพื้นเพื่อออกจากที่แห่งนี้โดยไม่ได้พูดอะไรแม้จะอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้ชมคนอื่น
ตอนนั้นเอง เสียงการถกเถียงที่ดุเดือด เสียงร้องด้วยความตกใจรวมไปถึงเสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังพรวดขึ้นมาจนความสงบก่อนหน้าหายไปหมด
เจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่กำลังเป็นประเด็นนั้นลาจากไปราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่ หลังจากที่เขากลับไปยังเมืองซือหรานแล้ว ก็มุ่งตรงไปยังเมืองเทียนหลงต่อในทันที เซียวเฟิงเดินทางจากเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่งโดยไม่หยุดพักใด ๆ ทั้งสิ้น ในใจของเขานั้นอยากจะไปถึงนครศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
….
ระหว่างการเดินทาง เซียวเฟิงได้รับสายเรียกเข้าและข้อความมากมาย แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะโต้ตอบใด ๆ กับสิ่งเหล่านั้นเลย จะมีก็แต่คำตอบลวก ๆ ที่ส่งให้ทุกคนเหมือน ๆ กัน “ฉันจะกลับมาคุยทีหลัง ตอนนี้มีปัญหาที่ต้องจัดการ ปัญหาใหญ่ด้วย”
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะเขาทรยศต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับเทพธิดาแห่งแสงโดยการอัญเชิญเสี่ยวไป๋ออกจากนครศักดิ์สิทธิ์ไป ดังนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาจะต้องเป็นอะไรที่หนักหนาแน่ ๆ
แสงสีขาวจางหายจากตัวเขาไปแล้ว เซียวเฟิงรีบกำหนดเส้นทางต่อไปยังวิหารแห่งแสงที่เป็นจุดศูนย์กลางของนครศักดิ์สิทธิ์ทันที เมื่อไปถึงที่นั่นเขาก็มองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม แต่เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ตัวไม่มีอะไรเขาจึงมุ่งหน้าต่อไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่รีรอ
ดูเหมือนว่าเซียวเฟิงจะคิดมากเกินไปหน่อย ทันทีที่ไปถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มก็รีบเรียกเสี่ยวไป๋ออกมาทันที ประตูมิติปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้นร่างอันงดงามของเทพธิดาแห่งแสงก็ค่อย ๆ เยื้องย่างออกมาจากประตูมิติพลางมองเซียวเฟิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ฮะ ๆ วันนี้อากาศดีนะครับ เพราะงั้นผมก็เลยพาเสี่ยวไป๋ออกไปทำอะไรสนุก ๆ ข้างนอก คะ…คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม?” เซียวเฟิงหัวเราะเสียงแห้งออกมาขณะพูดด้วยสีหน้าเกร็ง ๆ
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างจากหยกสีขาวแห่งนี้ไร้ซึ่งเสียงอื่นใด ของเหลวสีทองอร่ามภายในบ่อนั้นก็ส่องแสงสีขาวเป็นประกายออกมาตลอดด้วย ดูเป็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์ เหนือสระขึ้นไปมีลำแสงที่เหมือนจะถูกส่งตรงมาจากฟากฟ้าไกล ส่องลงมายังบ่อน้ำแห่งนี้อยู่ตลอดเวลาช่วยเพิ่มความน่าเคารพและน่าเลื่อมใสให้มันอีกเป็นอย่างมาก
เซียวเฟิงยืนอยู่ข้าง ๆ ของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแห้ง ๆ ประดับอยู่ขณะที่มือก็กอดเสี่ยวไป๋ที่เพิ่งอัญเชิญออกมาจากมิติสัตว์เลี้ยงเอาไว้ด้วย
ไม่ไกลจากกันนัก ร่างของเทพธิดาแห่งแสงผู้ที่มีสง่างาม เพียบพร้อมและเป็นท่าน่าเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ก็กำลังทอดสายตาอันงดงามนั้นลงมามองยังปุถุชนคนธรรมดาอย่างเซียวเฟิงอยู่ด้วย ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาที่มองมา เธอสงบนิ่งราวกับรูปปั้นที่มีชีวิต