จบพักกลางวัน หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับมาเรียนต่อปกติจนนักเรียนเลิกเรียน คุณมิสึกิก็เรียกผมกลับไปเจอที่ตึกเก่าที่เดิมต่อ
คุณมิสึกินัดรอผมอยู่ที่นั่น
ก่อนหน้านี้ผมได้รับเมสเซทจากคุณมิสึกิว่า “มีเรื่องจะคุย ให้ไปเจอกันที่ตึกเก่าที่เดิม”
ผมก็แปลกใจว่ามีเรื่องอะไรถึงขั้นต้องไปคุยต่อหน้า ทั้งที่พิมพ์แชทหากันก็ได้แท้ๆ อย่าลืมว่าการนัดเจอกันแต่ละครั้ง มันมีความเสี่ยงสูง หากพลาดท่าเรื่องนี้แพร่กระจาย เธอนั่นแหละจะเสียหายเอง เรื่องนี้เจ้าตัวน่าจะรู้ดีที่สุดแท้ๆ
“คาสึโตะคุง”
ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อและ ใช้นิ้วชี้จิ้มหลังผม
คนที่ทำคือมิสึกิ รินกะ
ตั้งใจจะทำให้เราตกใจรึไงนะ น่ารักดีแฮะ
“เอ่อ คุณมิสีกิ นัดเจอกันไมันอันตรายนะ ไม่กลัวความแตกถึงคนอื่นเหรอ”
“ก็ใช่ แต่ว่ายังไงก็อยากจะเจอและคุยต่อหน้าคาสึคุงน่ะ แค่แชทอย่างเดียวมันรู้สึกไม่อิ่มใจน่ะสิ”
สิ่งที่คุณมิสึกิพูด ชัดเจนว่าเธอก็รู้ความเสี่ยงดีแต่ก็ยังตัดสินใจมาเจอ มันทำให้ผมรู้สึกดีใจก็จริง แต่ผมก็ยังห่วงเรื่องนี้อยู่ดี เพราะผมไม่อยากให้เส้นทางไอดอลของเธอต้องพบจุดจบจากผม
“เน่ คาสึโตะคุง วันนี้หลังเลิกเรียน ขอชั้นแวะไปบ้านคาสึโตะคุงได้มั้ย ชั้นอยากจะไปทักทายครอบครัวเธอน่ะ”
“ท..ที่พูดหมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ”
ผมตะลึงกับคำพูดไม่คาดฝันของเธอ
“ชั้นเข้าใจดีว่าเธอตื่นเต้น ไม่ต้องกังวลนะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ความคิดคำนึงของชั้นที่มีต่อคาสึโตะคุงไม่มีวันสั่นคลอนแน่นอน”
“เอ่อ คือว่า.. พ่อแม่ผมท่านไปทำงาน กว่าจะกลับก็ตอนดึกโน่นเลย ผมว่าวันนี้คงไม่เหมาะ..”
“ไม่หรอก โอกาสดีต่างหาก ชั้นอยากขึ้นไปดูห้องของคาสึโตะคุงด้วยตาตัวเองสักครั้ง แถมได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองด้วยนะ”
คุณมิสึกิพูดจบ ส่งยิ้มหวานให้ผม งานจะเข้ารึเปล่าฟะ ดูสภาพแล้วเธอตั้งใจจะไปให้ได้จริงๆแหะ
แต่เอาจริงๆให้เธอไปได้นะ ไม่ได้รังเกียจ ที่รู้สึกตอนนี้แค่อายเฉยๆ
“ชั้นเฝ้ารอที่จะไปบ้านคาสึโตะคุงนะ”
“..งั้นเหรอครับ”
คุณมิสึกิส่งรอยยิ้มใสซื่อสำทับมาให้อีกรอบ เจอแบบนี้เข้าไปผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้วล่ะ
****
“ที่นี่คือห้องของคาสึโตะคุงเหรอ …ค่อนข้างจะรกนะ”
“ก็ตั้งใจว่าจะจัดเก็บข้าวของก่อนคุณมานั่นแหละครับ แต่ว่าคุณมิสึกิดันมาเร็วกว่าที่คิดนี่แหละ”
คุณมิสึกิกล่าวพลางกวาดสายตามองรอบห้อง ส่วนผมก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเขินอาย
หลังจากคุยกันจบที่ตึกเก่า ผมรีบบึ่งกลับมาบ้านตัวเอง เริ่มทำความสะอาดห้องผม แต่ทว่า คุณมิสึกิดันนั่งแท้กซี่มาที่บ้านผมภายในไม่ถึงสามสิบนาทีด้วยซ้ำ เร็วขนาดนี้ใครจะไปจัดเก็บทันล่ะ
แถมเธอรีบมาสุดๆ ขนาดว่าเสื้อผ้าเธอยังเป็นชุดเครื่องแบบนักเรียน แสดงว่าพอถึงบ้านปุ๊บ เธอไม่เสียเวลาเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย โยนกระเป๋าแล้วคงนั่งแท้กซี่มาเลย
ผมยังไม่ได้เล่าเนอะว่า บ้านผมเป็นบ้านสองชั้น ผมพักอยู่ที่ห้องชั้นสอง ในห้องมีนิยายกับเครื่องเล่นเกมและแผ่นเกมวางกระจัดกระจาย
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกหรอก ผมเป็นนักเรียนชายมอปลายที่ไม่ได้ถนัดการเก็บห้องอยู่แล้ว ห้องเด็กผู้ชายมอปลายทั่วไปก็ต้องเป็นแบบนี้ทั้งนั้้นแหละ
“อาร่า มีโปสเตอร์รูปชั้นด้วยเหรอเนี่ย ชั้นดีใจมากๆเลย..”
คุณมิสึกิมองไปที่ภาพโปสเตอร์รูปเธอที่แปะในกำแพงห้องผม ส่งสายตาเป็นประกาย ภาพโปสเตอร์ในห้องเป็นรูปเธอกำลังถือไมค์ พร้อมสีหน้าแสดงความมุ่งมั่นเปล่งประกายสวยงาม
“ก็ผมเป็นแฟนตัวยงของคุณมิสึกินี่ครับ…”
ผมกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเขินนิดๆ
“เห็นแล้วรู้เลยว่าเธอคิดถึงชั้นอยู่เสมอ มันต้องอย่างนี้สิถึงควรจะเรียกว่าสายสัมพันธ์คู่สามีภรรยา”
“หือ…ไม่น่าใช่นะ”
ผมปฏิเสธคำพูดเธอ แต่ดูจากสีหน้าดีใจขณะที่มองโปสเตอร์ต่อเรื่อยๆ แสดงว่าไอ้เรื่องที่ผมปฏิเสธคงไม่เข้าหูเธอแหงๆ
***
หลังจากคุณมิสึกิกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้ง เธอก็กล่าว
“อืม งั้นเริ่มจากทำความสะอาดก่อนแล้วกัน”
“เอ่อ ไม่ต้องทำความสะอาดห้องให้ผมก็ได้นะ”
ไอ้การให้ไอดอลสุดฮอตมาทำความสะอาดห้องนี่ บอกตรงๆว่ามันน่าอายและดูพิลึกมาก
“ไม่ได้หรอก ชั้นอยากให้สามีได้พักผ่อนในห้องที่สะอาดสะอ้าน เพราะนี่คือหน้าที่ของภรรยา ไม่ว่าจะพูดยังไง ชั้นก็จะทำความสะอาดห้องให้เธอให้ได้”
“…อ…อืม”
ผมเจอคำพูดเสียงแข็งยืนยัน ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงละ
จะว่าไป ไอ้ความดื้อนิดๆและเอาแต่ใจ มันทำให้ผมคิดว่า คุณมิสึกินี่เป็นหญิงแกร่งแฮะ
ผมคิดว่า คุณมิสึกิตอนนี้ให้ความรู้สึกว่าเหมือนเธอคือ “ริน” เมื่อสมัยก่อน ไม่สิ ถ้าเป็นรินสมัยก่อน ต้องบอกว่าเอาแต่ใจจนน่าปวดหัวยิ่งกว่าตอนนี้อีก
แต่เรื่องนั้นช่างมัน ว่ากันที่เรื่องทำความสะอาดห้องก่อน เริ่มจากเก็บกวาดของที่รกบนพื้น เริ่มจากเก็บและแยกของที่จำเป็นกับไม่จำเป็นออกจากกัน ผ่านไปสักพัก ห้องที่รกก็เริ่มดุสะอาดตา ดูแล้วที่คุณมิสึกิเคยบอกว่า ฝึกตนเพราะอยากจะเป็นภรรยาที่ดี คงไม่ใช่เรื่องโกหกแฮะ
“อาร่า คาสึโตะคุงชอบอ่านนิยายด้วยเหรอ”
คุณมิสึกิหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ตกบนพื้นก่อนเอ่ยปากถาม
“อืม ผมชอบนะ จะว่าไปมีคนรู้จักคนอื่นที่ชอบอ่านนิยายด้วยรึเปล่าล่ะ”
“อืม นานะเองก็ชอบสะสมนิยายเหมือนกัน สมาชิกในวงคนอื่นก็อ่านนิยายด้วย”
ไม่อยากจะเชื่อแฮะว่า แก๊งไอดอลจะมีรสนิยมชอบอ่านนิยายไลท์โนเวลด้วย
คุณมิสึกิเริ่มทำความสะอาดต่อ เอานิยายวางไว้บนตู้ ก่อนจะเริ่มก้มลงยื่นมือล้วงดูใต้เตียงผม มือเธอคว้าอะไรบางอย่างได้ จึงหยิบออกมาจากใต้เตียง ใช้สองมือถือและกางมันออกมา
สิ่งที่อยู่ในมือเธอคือ กางเกงบ๊อกเซอร์ของผม
“อ..เอ๋..ท..ทำไม…กางเกงใน..ถึงมาอยู่ใต้เตียงล่ะ”
คุณมิสึกิอยู่ๆก็หน้าแดงแป๊ด พูดจาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แววตาสั่นๆ
“หือ มีกางเกงอยู่ใต้เตียงผมด้วยเหรอ ก็คงเผลอทำหล่นเลยอยู่ในนั้นตลอดอะครับ”
“ค..คาสึโตะคุง ทำไมเป็นคนซกมกแบบนี้”
“..ขอโทษครับ”
ผมตะลึงกับน้ำเสียงเธอที่ดูจะโกรธและอายปนเปกันไป ก้มหน้ากล่าวขอโทษ
“อย่าบอกนะว่า…ชั้นกำลังจับ..กางเกงใน.ของคาสึโตะคุง และมือชั้นเพิ่งโดนตรงกลางเป้าด้วย”
ตอนนี้คุณมิสึกิหน้าแดงแป้ด น้ำตาคลอเบ้า แต่ดันไม่ละสายตาจากกางเกงในเลยแฮะ
ดูจากนิสัยของคุณมิสึกิ เธอน่าจะจินตนาการไปไกลโขแล้วล่ะ
“คาสึโตะคุงรู้ตัวมั้ยว่าเป็นคนที่เหลวไหลมากเลยนะคะ”
“ง..งั้นเหรอ”
“ห้องก็ไม่ทำความสะอาด อาหารกลางวันก็ทานแต่ไข่ต้มฟองเดียว…..ไม่ได้การละ นี่เป็นปัญหาระดับชาติแล้ว ชั้นจำเป็นต้องกวดขันเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันของคาสึโตะคุงแล้วล่ะ ตั้งแต่นี้ไปชั้นจะคอยมาตรวจตราห้องคาสึโตะคุงเป็นครั้งคราวนะ”
“เอ๋?”
“จะเอ๋ทำไมคะ ติดปัญหาอะไรเหรอ”
“เอ่อ คือว่าตัวผมเองก็ชอบไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่ตอนนี้อยู่แล้วน่ะครับ”
“ห้ามเลย รู้มั้ยว่ามันแย่ขนาดไหน ในฐานะภรรยา ชั้นเมินเฉยเรื่องนี้ไม่ได้”
ดูเหมือนจะมีประกายไฟลุกโชนในแววตาคุณมิสึกิ ดูแล้วตอนนี้เธอมีไฟมากกว่าตอนที่จะพูดว่าทำความสะอาดห้องผมด้วยซ้ำ
“ข้างใต้เตียงมีอะไรอีกมั้ย คาสึโตะคุงช่วยล้วงออกมาหน่อยค่ะ”
“ค..ครับ”
…wtf นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ
มีผู้หญิงอยู่ห้องตัวเองสองต่อสองแท้ๆ แต่ดันไม่มีอีเว้นจู๋จี๋หวานแหววชวนใจเต้นตึกตักเกิดขึ้นสักนิดเนี่ยนะ
“..นี่เธอคิดจะซุกกางเกงในไว้ใต้เตียงอีกกี่ตัวคะ”
“ขอโทษด้วยครับ”
****
“โอย เหนื่อยชิป คุณมิสึกินี่รักความสะอาดเอาเรื่องเลยแฮะ”
ผมลากถุงขยะของที่ไม่ใช้จากในห้องผมลงมาวางไว้ที่ชั้น 1 ส่วนเธอก็จัดการเก็บกวาดห้องอยู่ข้างบน
“จะว่าไป ห้องของคุณมิสึกิจะเป็นยังไงบ้างนะ”
ขนาดห้องเราเธอยังเก็บกวาดซะเรียบแปล้ ถ้าเป็นห้องเธอเอง จะสะอาดขนาดไหนนะ
“โอ๊ะ ใกล้มืดแล้วรึ”
ผมมองไปที่ระเบียง เห็นแสงสีส้มสาดส่องลงมาเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงเวลากลางคืนละ ถ้าเป็นตอนผมใช้ชีวิตปกติ นี่คือสัญญาณเตือนให้เน็ตเกมเมอร์แบบผมประจำเก้าอี้นั่งกดเกมละ
ผมเดินขึ้ันชั้นสอง กลับห้องตัวเอง เปิดประตูห้องพร้อมส่งเสียงเรียก
“ผมเอาขยะไปวางไว้ชั้นล่างแล้วนะ…. อ้าว?”
ภาพที่ผมเห็นตอนนี้คือห้องที่โคตรสะอาดผิดกับตอนแรกลิบลับ ส่วนบนเตียงผมมีคุณมิสึกิกำลังนอนกอดหมอนข้างผมอยู่
“อืม เอาไงดีหว่า”
“ฟรี้….ฟรี้…”
คุณมิสึกิหลับสนิท แววตาพริ้ม น่ารักมาก เธอหลับแบบไร้การป้องกันตัว แสดงว่าไม่กังวลใจใดๆที่หลับนอนในห้องนี้เลย
ในฐานะแฟนตัวยง การได้เห็นภาพเธอนอนบนเตียงผม ใจหนึ่งก็รู้สึกดี แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลนิดหน่อย
“จะว่าไป เหมือนคุณมิสึกิเคยบอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดงานของเธอนี่หว่า”
ผมนึกถึงคำพูดคุณมิสึกิตอนพุดกับผมช่วงที่ทำความสะอาดห้อง
ปกติงานไอดอลคงจะยุ่งวุ่นวายใช้พลังกายหนักมาก ร่างกายเธอคงจะเพลียสะสม เลยหลับบนเตียงเรา
“นี่คือคูลไอดอลที่เกลียดผุ้ชายเหรอ”
บางที ผมอาจจะเป็นผุ้ชายเพียงคนเดียวในโลกที่ได้เห็นใบหน้าตอนนอนของเธอก็ได้
แต่ก็นะ มีเรื่องบางอันให้ผมต้องคิด
คุณมิสึกิบอกว่ารักผม
แต่ผมยังมีความรู้สึกให้เธอในฐานะแฟนตัวยงคนหนึ่ง เป็นเพื่อนรักที่สนิทกันในเกมออนไลน์เท่านัั้น
วันนี้ได้มาทำความสะอาดห้อง ผมก็รู้สึกว่าสนิทสนมกับคุณมิสึกิมากกว่าเดิม แต่ว่าจะพัฒนาไปถึงความสัมพันธ์เท่าคุณมิสึกิคิดมั้ย ตอนนี้ผมยังตอบไม่ได้
จะเอาไรมาก แค่เรียกชื่อจริง ผมยังเรียกไม่ได้เลย
“อืม …คาสึโตะคุง…แฮะแฮะแฮะ”
คุณมิสึกินอนอยู่ แต่เธอละเมอเรียกชื่อผมด้วยรอยยิ้ม ว่าไปเธอหัวเราะนี่ฝันถึงเรายังไงบ้างนะ
“เชี่ยเอ้ย น่ารักเกิ้นนนน”
ผมมองหน้าเธอ เก็บภาพประทับใจไว้ในความทรงจำ ยอมรับว่าเธอในตอนนี้มีอิทธิพลอยู่ในใจผมมากขึ้นยิ่งกว่าเก่า
“…..”
เห็นใบหน้าเธอตอนนอนแล้ว เรื่องที่กังวลความสัมพันธ์ก็ช่างมันเหอะ ไว้ค่อยคิดใหม่อีกที
“งืม….คาสึโตะคุง…ถ้าเจ้าชู้…จะหั่น…ให้เป็ดกินนะ”
“เดี๋ยว ละเมอซะโหดเลยไปนะคร้าบบ”
***
จบ CH3-2
ตอนใหม่ที่ต่างจากเนื้อหาในเว็บก็จบเท่านี้ ตอนหน้าก็กลับสู่ความเหมือนในเว็บละ มีจุดแตกต่างนิดหน่อย แต่ไมไ่ด้มากเกิน ถ้าเคยอ่านแล้วก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่เคยอ่านก็จัดไปครับ
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon