Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~ – ตอนที่ 12.1

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta  ch12-1

**ขอสรุปย่อๆนะครับ จะได้ไปบทหวานเร็วๆ

หลังจากเหตุการณ์สุดป่วนเพื่อนกูรักเมิง ทาจิบานะก็กลับมาคุยเป็นปกติเป็นแก๊งสามช่าเหมือนเดิม ตอนนี้หัวข้อคุยจะเป็นเรื่องใกล้ปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว มีกำหนดการไปไหนบ้าง ทาจิบานะอยากชวนไปว่ายน้ำที่สระกัน ส่วนไซโต้บอกกุว่ายน้ำไม่เป็น แต่จริงๆเป้าหมายทาจิบานะคือให้ไปส่องสาวที่สระว่ายน้ำต่างหาก

ทีนี้หัวข้อจะวกมาถามว่า อายาโนะโคจิไปเที่ยวไหนกับมิสึกิรึเปล่า แรกๆเพื่อนจะอิจฉาตาร้อน แต่ตอนหลังทุกคนเริ่มสงสารอายาโนะโคจิ เพราะว่าการมีแฟนเป็นไอดอลไม่ได้ชีวิตสวยหรูอย่างที่คิด เพราะเธอมีกิจกรรมงานรัดตัวไปหมดจนแค่ไปเดทธรรมดายังไม่ได้เลย ฉะนั้นฤดูร้อนนี่คงว่างเปล่าแหงๆ

****

อายาโนะโคจิกลับโรงเรียน เปิดเกมส์ล้อคอินตามปกติ แต่ว่าได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนโทรมาคือรินกะ

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“เปล่าค่ะ แค่อยากได้ยินเสียงคาสึโตะคุง แล้วก็จะถามว่าเสาร์หน้าทำไรบ้าง”

“คงนั่งกดเกมส์ทั้งวันครับ”

“คำตอบสมเป็นคาสึโตะคุงจริงๆ จะบอกว่าชั้นคิดว่าช่วงเย็นเสาร์หน้าน่าจะว่างค่ะ”

เสาร์หน้าว่างคงหมายถึงช่วงมืดๆคงหมายถึงจะชวนกดเกมส์ตอนนั้นมั้ง

“ชั้นกะว่าวันนั้นอยากจะไปทักทายครอบครัวคาสึโตะคุงค่ะ”

อ้อ งั้นเหรอ งี้นี่เอง

อืมมม เอาไงดีหว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ผมกังวลอยุ่ซะด้วย

พอรินกะเห็นผมเงียบ ดูเหมือนว่าเธอจะเดาความคิดผมออกเลยกล่าวว่า

“อย่างงี้นี่เอง คาสึโตะคุงลำบากใจอยุ่สินะคะ”

“ม่า นิดหนึ่งครับ”

“ก่อนเราจะแต่งงานกัน มันก็ต้องไปคุยกับครอบครัวเจ้าบ่าวซะก่อน เธอคงคงคิดอยู่ใช่มั้ยว่าจะคุยกับพ่อแม่ยังไงดีบ้าง”

“มันก็ไม่ได้ลำบากเรื่องนัั้นครับ”

“คบกันแต่ไม่เคยไปทักทายครอบครัวเจ้าบ่าวมันดูเสียมารยาทนะ

“ม่า อืม ตามใจครับผม”

ต่อให้ไม่ใช่สามีภรรยา เป็นแค่แฟนกัน มันก็เป็นเรื่องมาตรฐานอยู่แล้วที่ต้องมาเปิดตัวแฟนให้ครอบครัวรู้่

แต่ก็นะ จะคุยกับครอบครัวยังไงดีล่ะ ให้บอกว่า “สวัสดีครับผมพาแฟนมาเปิดตัว” แล้วก็พาไอดอลสุดฮอตเข้ามาทักทาย แบบนี้รึ

เสร็จแล้วคุณไอดอลเราก็ประกาศกับครอบครัวผมว่า

“ชั้นกับเขาเป็นสามีภรรยาค่ะ”

แค่คิดก็บันเทิงแล้วล่ะ

“ตกลงว่าเสาร์หน้าชั้นไปบ้านคาสึโตะคุงนะ”

รินกะกล่าวจบวางสายเลย

ผมคลิกเมาส์เกมส์เรื่อยเปื่อยพักหนึ่งก่อนจะปิดเกมส์ รู้สึกว่าวันนี้หมดอารมณ์เล่นละ

ไอ้เรื่องพารินกะมาเปิดตัวให้ครอบครัวรู้จัก จริงๆเป็นเรื่องดีผมเห็นด้วย

แต่ปัญหาคือครอบครัวผมเองต่างหาก จะสนใจเรื่องการเปิดตัวของผมรึเปล่า

“….ดูไม่น่าจะสนหรอกนะ”

****

และแล้วก็มาถึงเสาร์กำหนดการตอนเย็น รินกะมาบ้านผมด้วยแท็กซี่ เด็กมอปลายแต่นั่งแท็กซี่มาได้นี่บอกเลยว่ามีนับหัวได้ นี่สินะความรวยของไอดอลสุดฮอต

วันนี้รินกะแต่งตัวมาในชุดลองวันพีช รับกับฤดูร้อนมาก น่ารักสุดๆ

“พ่อแม่ของคาสึโตะคุงไม่อยู่เหรอ พวกท่านจะกลับมากี่โมงคะ”

“กี่โมงเหรอตอบยากแฮะ แต่รู้ว่าชั้นบอกไปแล้วนะว่าเธอจะมา”

“วันนี้ชั้นฟรียาวๆ รอได้จนกว่าท่านจะมาแหละ”

“ขอโทษที”

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษจ้า แถมท่านกลับมาช้าแปลว่าชั้นจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันกับคาสึโตะเพิ่มด้วยไง”

รินกะกล่าวจบ นั่งลงบนโซฟา ถอนหายใจโล่งอก

ผมนั่งใกล้รินกะห่างไหล่ต่อไหล่เล็กน้อย นั่งด้วยกันก็แอบเขินเล็กน้อย

“จะว่าไปชั้นไม่เคยได้ยินรายละเอียดเรื่องของพ่อแม่คาสึโตะเลยนะ ไม่ใช่ว่าท่านทั้งสองทำงานจนดึกเลยไม่กลับบ้านเหรอ”

“อืม ไม่รู้สิ ผมบอกพวกท่านแค่ว่าเธอจะมาน่ะ”

 

“ท่านทั้งสองมีนิสัยยังไงบ้าง เล่าให่ฟังได้มั้ย”

“เป็นคนไม่ค่อยพูดครับ”

“คาสึโตะคุง….?”

ผมพูดแบบปัดๆเหมือนไม่ตั้งใจตอบคำถาม รินกะรับรู้ได้ถึงจุดนี้ จึงหันหน้ามาสบตาผมกล่าว

“เธอไม่สามารถเล่าเรื่องพวกนี้ได้สินะ ชั้นขอโทษ”

“….อืม”

บทสนทนาผมเรื่องครอบครัวจึงจบลงเพียงเท่านี้ ก็ต้องขอบคุณที่รินกะไม่ได้ตื๊อให้ผมเล่าเรื่องครอบครัวต่อ

“คาสึโตะคุง”

“หือ?”

“นอนหนุนต้นขาชั้นมั้ย”

“…..?”

จู่ๆเธอก็ชวนผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมสบตารินกะ เธอยังคงน่ารักเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“นึกยังไงถึงชวนนอนต้นขาครับ”

“ไม่มีอะไรค่ะ”

“ไม่มีอะไรเหรอ….”

“ชั้นอยากจะอ้อนคาสึโตะคุง และก็เป็นฝ่ายถูกอ้อนบ้าง ก็เลยอยากทำให้คาสึโตะคุงสดชื่นค่ะ”

“สดชื่นงั้นเหรอ”

“อืม มานอนสิ”

รินกะนั่งทับส้นเท้า เอามือทุบต้นขาตัวเองแปะๆ เป็นเชิงให้มานอนตรงนี้ แต่ดูทรงแล้วเธอก็อายเหมือนกันนะที่ชวนผมนอน

เมื่อก่อนผมก็นอนเตียงเดียวกับรินกะนะ แต่ความรู้สึกเขินในตอนนี้ต่างกันคนละแบบเลย

ไอ้การอ้อนกับถูกอ้อน บรรยากาศมันคนละเรื่องเลย

“คาสึโตะคุง?”

“งั้นก็ขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ”

“พูดอะไรซะเป็นทางการเลย ฮะฮะ”

รินกะหัวเราะน้อยๆเมื่อฟังคำพูดผม

ผมค่อยๆเอนตัวลงนอน หน้าซบต้นขาเธอ

สัมผัสที่ผ่านหน้ามันนุ่มนวลมาก

ผมหันข้างมองกำแพงเพื่อให้ตัวเองใจเย็นขึ้นนิด

“คาสึโตะคุงไม่อยากให้ชั้นมองหน้าเธอเหรอ”

“ผมอายครับเลยเกรงใจต้องหันข้างครับ”

“เสียใจจังเลย ทั้งที่ชั้นอยากเห็นหน้าคาสึโตะคุงแท้ๆ”

เธอกล่าวจบ ใช้มือลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน โอโห นอนหนุนต้นขา+ลูบหัว นี่มันคอมโบสั่งตายสงบศพสีชมพูชัดๆ

สัมผัสมือที่นุ่มนวลสมเป็นมือผู้หญิง เธอลูบหัวผมหลายต่อหลายครั้ง ช่วยให้ผมรู้สึกดีและหัวใจที่เต้นตึกตักก็เริ่มค่อยๆผ่อนคลาย สุดยอดจริงๆ

“คาสึโตะคุงน่ารักจัง”

“ไม่น่ารักหรอกครับ”

“น่ารักสิ น่ารักมากๆด้วย ทุกครั้งที่ชั้นลูบหัวเธอ ชั้นสัมผัสถึงความรักผ่านฝ่ามือชั้นแหละ …อ้อ จริงสิ ไหนเธอลองส่งเสียงแบบทารกพยายามเรียกแม่ บะบะบะ หน่อยได้มั้ย”

“้เดี๋ยวนะ นั่นมันทารกนะครับ ผมว่าทำแล้วคงไม่น่ารักหรอกมั้ง”

“.เอาน่าลองพูดสิ”

“บะ บะ บะ”

“…….

“……”

“…..”

โอ้ย อายจนแทบอยากตายเลยครับ

รินกะลูบหัวผมเงียบๆไม่พูดไม่จา ในห้องเงียบกริบไปพักใหญ่ ก่อนเธอจะเอ่ยว่า

“….น่ารักที่สุดเลย”

“เอ๋”

“หน้าขาวๆของเธอบวกเสียงตะกี้มันน่ารักมาก คาสึโตะคุงจะน่ารักเกินไปแล้วค่ะ”

“…..”

นั่นคงไม่หน้าขาวหรอก ผมว่าผมหน้าซีดเพราะความอายมากกว่านะ แต่เอาเหอะ ถ้ารินกะมีความสุขเพราะการกระทำของผม ผมก็พึงพอใจเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว

*****

ผมเพิ่งรู้สึกตัว ลืมตาตื่น สายตาที่ควรจะเห็นเพดานห้อง กลับเห็นใบหน้าไร้เดียงสาของรินกะเต็มตาแทน เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นกับผมนะ ผมจะถามเธอ แต่ว่ารินกะใช้มือกดหน้าผากผมให้นอนหนุนต้นขาต่อเป็นเชิงว่ายังไม่ต้องถาม ให้นอนพักต่อ

“อาร่า ตื่นแล้วเหรอคะ”

“….ผม…เผลอหลับไปงั้นเหรอ … ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ”

“3ทุ่มค่ะ”

“โกหกน่า…”

“พ่อแม่ของคาสึโตะคุงก็ยังไม่กลับมาถึงบ้านนะคะ”

“…….”

ผมลุกขึ้นจากตักรินกะ ขึ้นไปนั่งบนโซฟา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูห้องแชทที่ผมตั้งขึ้นไว้คุยกับพ่อ สิ่งที่เห็นก็ยังมีแค่ข้อความของผมคนเดียว ไม่มีข้อความจากพ่อตอบกลับมา ……หึ ก็คิดไว้แล้วแต่อดไม่ได้ที่จะคาดหวังสักนิดอยู่ดี

“คาสึโตะคุง ไม่เป็นไรใช่มั้ย “

“อืม..”

“พ่อแม่เธอทำงานในวันหยุดด้วยเหรอ”

“ผมไม่ทราบครับ”

“ไม่ทราบเหรอ ครอบครัวเธอมันเป็นยังไงนิ”

จากภาพที่เห็น รินกะเลิกเกรงใจและถามผมตรงๆแล้วเธอสบตาผมเขม็งคาดคั้นเอาคำตอบ

บรรยากาศหวานแหววที่ผ่านมาเปลี่ยนวับไปเป็นความตึงเครียดแทน

กระนั้นผมก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป รินกะจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดแทน

“จริงๆก่อนหน้าชั้นก็มีเรื่องสะกิดใจมานานละ เธอช่วยฟังที่ชั้นพูดก่อนแล้วกัน”

คงเพราะเธอรู้ว่าผมจะไม่พูดอะไรแน่ๆ รินกะเลยเป็นฝ่ายพูดแล้วให้ผมรับฟังแทน

“ก่อนอื่นเลย อย่างแรก คาสึโตะคุงไม่เคยพูดอะไรถึงครอบครัวให้ชั้นฟังแม้แต่อย่างเดียว”

“……เรื่องนั้น มันก็ไม่ได้แปลกตรงไหนนะครับ”

“ถ้าเป็นนิสัยเด็กผู้ชายมอปลายทั่วไป เขาจะอายในเรื่องคุยครอบครัวจนไม่ค่อยจะพูดเรื่องนี้ อันนี้ชั้นรู้ แต่ว่า วันที่คาสึโตะคุงไปบ้านชั้น นานๆครั้ง สายตาของคาสึโตะคุงตอนมองมาที่ครอบครัวชั้น มีแววความอิจฉาปะปนอยู่ด้วย”

“……..”

ผมทำแววตาแบบนั้นด้วยรึ จำไม่เห็นได้เลย

“เผื่อเธอจะนึกภาพออกง่ายกว่าเดิม จำตอนที่ชั้นบอกว่า พี่สาวชั้น นานๆจะกลับมาบ้านทีนึงได้ัย”

“อ้อ….”

ผมนึกออกแล้ว วันนั้นก่อนที่คุณคาสึมิจะกลับมาถึงบ้านแปบนึง แล้วตอนที่รินกะพูดถึงครอบครัว ตอนนั้นผมคิดว่า “เธอรักครอบครัวดีจังเลยนะ” น่าจะประมาณนั้นนะ

“แล้วก็บ้านหลังนี้น่ะ”

รินกะลุกจากโซฟา ใช้นิ้วชี้ปาดโต๊ะ

“โต๊ะตัวนี้มีฝุ่นเกาะค่ะ”

“ก็แค่ฝุ่นเล็กน้อยไม่ใช่เหรอครับ”

“ดูห้องรับแขกตอนนี้ไม่นึกสงสัยอะไรบ้างเหรอคะ”

“ไม่นะครับ ผมว่าก็ปกติดี”

“ใช่ค่ะ คาสึโตะคุงคิดว่าเรื่องนี้ปกติดี แต่ว่าที่จริงแล้ว ห้องนี้รับแขกนี้บอกชัดเลยว่า ชั้นไม่เห็นสัญญาณการใช้ชีวิตจากคนอื่นภายในห้องนี้เลย อย่างน้อยห้องรับแขกมันก็ควรมีเฟอร์นิเจอร์ หรือของเล็กน้อยที่เป็นของใช้งานส่วนตัวคนอื่นวางไว้บ้าง ง่ายๆว่า ห้องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องโชว์ตามห้างอินเด็กไลฟ์วิ่งมอล ไม่ใช่ห้องที่คนใช้ชีวิตร่วมกัน ฉะนั้น การที่โต๊ะตัวนี้มีฝุ่น มันจึงเป็นเรื่องผิดปกติค่ะ”

“คุณพูดเหมือนคุณเป็นโคนันเลยนะครับ”

บางทีรินกะคงสัมผัสเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธอรอหาโอกาสที่จะคุยเรื่องนี้มานาน พอมีโอกาสว่าผมจะฟังคำพูดเธอ เลยระเบิดออกมาเป็นชุดแบบนี้

“แล้วก็ชั้นเคยไปห้องครัวเธอ สภาพห้องก็ชัดเจนว่าไม่เคยมีการใช้อุปกรณ์ในครัวเลย จะหม้อหรือกะทะ ทุกอย่างใหม่เอี่ยมหมด”

“ม่า อืม”

พอพูดซะขนา่ดนี้ ผมก็อึ้งไม่รู้จะว่าอะไรเหมือนกัน ผมลองกวาดสายตามองรอบห้องรับแขก มันก็จริงตามที่เธอว่า เทียบกับห้องรินกะแล้วจะเห็นภาพชัดเจนเลยว่ามีของอะไรอย่างอื่นวางบนโต๊ะด้วย

“ชั้นขอดูข้างในตู้เย็นเธอหน่อยได้มั้ย”

“ได้ครับ ว่าแต่ทำไมถึงอยากดูเหรอครับ”

“ถ้าเห็นของข้างในตู้ ชั้นจะประเมินออกทันทีว่าบ้านหลังนี้ใช้ชีวิตยังไงบ้าง เธอน่าจะรู้ว่าชั้นตั้งใจเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบนะ”

รินกะเดินไปเปิดตู้เย็นดู ก่อนจะพูดระล่ำระลัก

“…คาสึโตะคุง…นี่มัน…”

*****

จบ CH12-1

ตัดจบแบบละครไทยซะหน่อย จริงๆกะจะจบตั้งแต่ตอนนอนหนุนตักละ แต่ไหนๆก็พอมีเวลาเลยอัดไปสักชั่วโมงสี่สิบเลย จากอีเว้นกาว มาหวานแหวว แล้วก็มาดราม่า วิ่งเป็นรถไฟเหาะเลย มาทายกันเล่นๆครับว่าของในตู้เย็นจะมีอะไรบ้าง ก็รอดูตอนหน้านะครับ ว่าเรื่องราวจะเป็นไง

ตอนหน้าผมก็จัดทีเดียวชั่วโมงครึ่ง แปลทีเดียว อ่านแล้วไม่ค้างคาใจแน่นอน จะได้รอขึ้นอีเว้นใหม่เลยครับ

รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~“คาสึโตะคุง เรื่องนี้มันหมายความว่าอะไร” ณ.กลางวัน วันอาทิตย์ ห้องๆหนึ่งของแมนชั่นที่มีไอดอลสาวมัธยมปลายอาศัยอยุ่ ในห้องมีผม กำลังนั่งคุกเข่ามือสองข้างวางบนต้นขาตัวเอง ภายในห้องจัดวางของเป็นระเบียบบ่งบอกถึงความคูลของนิสัยเจ้าของห้อง “เน่ ฟังที่ชั้นพูดอยู่มั้ย นี่เป็นเรื่องสำคัญในอนาคตของเราสองคนนะ” “ฟ..ฟังอยู่ครับ…” ในขณะที่ผมคาสึโตะกำลังนั่งคุกเข่า ส่วนคู่สนทนาผมคือเด็กสาวกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม เธอเป็นเด็กสาวผมยาวสงลย มีชื่อว่า มิสึกิ รินกะ บรรยากาศเงียบสงัดแฝงความโกรธแผ่ออกมาจากร่างเล็กของเธอ สายตาที่มองลงมาที่ผมเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง “คาสึโตะคุง ชั้นถามอีกรอบนะ คนพวกนี้เป็นใคร” รินกะหันหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ผมดู หน้าจอแสดงรายชื่อfirend list ในเกมMMO RPG ที่ผมเล่นอยู่ประจำเรียงเป็นแถว (มีแค่5คนเท่านั้น) “คนพวกนั้นมัน…เป็นผู้เล่นปกตินะ..นานๆทีก็ลงดันเจี้ยนด้วยกันแล้วรู้สึกดีเลยaddไว้เฉยๆ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset