Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ch14-1
ตั้งแต่วันที่ค้างบ้านรินกะวันแรกก็ผ่านไปหลายวัน
ตอนแรกผมก็คิดอยู่ว่าการค้างบ้านรินกะจะต้องวุ่นวายหรือลำบาก แต่แท้จริงแล้วมันแทบไม่มีไรเลยเพราะพ่อแม่ของรินกะไม่ออกไปทำงานก็ไปทำธุระ ส่วนคุณคาสึมิไปเที่ยวบ้านเพื่อน รินกะก็วุ่นกับงานไอดอลทั้งวัน จึงเหลือแค่ผมกับโนโนอะอยู่ด้วยกันประจำ
ส่วนใหญ่กิจวัตรประจำวันไม่เล่นเกมด้วยกัน หรือพาโนโนอะไปสวนสาธารณะจับแมลงเล่น
ตกเย็น รินกะ กับพ่อแม่กลับมาบ้าน รินกะเป็นคนทำกับข้าว จัดการเรื่องราวต่างๆ แม่ก็ช่างซักไซ้ด้วยความจริงจัง ส่วนพ่อก็ชอบพูดจาเชิงปริศนาเหมือนทุกครั้งตลอด
ทว่าการอยู่ด้วยกันกับครอบครัวรินกะก็ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่แย่เลย เผลอแป๊บเดียว เวลาก็ย่างเข้าเดือน 8แล้ว
ส่วนเรื่องเล่นเกมส์ออนไลน์นี่ก็ไม่ได้แตะอีกเลย เพราะตอนกลางวัน ผมต้องพาโนโนอะไปเล่นข้างนอก พอตกกลางคืน แรงกายผมกับน้องก็แทบไม่เหลือ หัวถึงหมอนก็แทบหลับเลย
“…..อืม”
ผมลืมตาตื่น รู้สึกว่าวันนี้เป็นเช้าวันรุ่งขึ้น
ภาพที่เห็นไม่ใช่เพดานที่่คุ้นตาแต่เป็นใบหน้าของรินกะ ผมกับเธอสบตากัน
“มีอะไรเหรอครับ คุณรินกะ”
“เอ่อ…อืม..ไม่มีอะไรค่ะ”
รินกะเบนหน้าหนีไม่สบตาผม ก่อนจะลุกขึ้นยืน
ปกติเธอจะมีบรรยากาศความคูล แต่ท่าทางเมื่อครู่ มันไม่ใช่ ผมติดใจว่าเธอต้องมีเรื่องอะไรแน่
ผมชันตัวลุกขึ้น ถามเธอ
“มีอะไรอยากให้ผมช่วยรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ ชั้นแค่เห็นหน้าสามีชั้นน่ารักดีเลยอยากจะมองค่ะ”
“แล้วต้องมองใกล้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“อืม ของที่ชอบ มันต้องอยากมองใกล้ๆก็เป็นเรื่องปกติไงคะ”
“ง..งั้นเหรอ แต่ว่าคุณถ่ายรูปผมตอนหลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อาร่า ถ้าใบหน้าตอนหลับของเธอ ชั้นถ่ายเก็บไว้เกินร้อยใบแล้วล่ะ และพวกมันคือสมบัติล้ำค่าของชั้นค่ะ”
“เอิ่ม มันออกจะดูจิตไปนิดหน่อยนะครับคุณรินกะ?”
ผมชักระแวงเวลานอนหลับละ บางทีตอนหลับอาจจะถูกทำอะไรอย่างอื่นมากกว่าถ่ายรูปก็ได้
สำหรับผมที่เป็นเน็ตเกมเมอร์ ไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมาย แค่เล่นกับโนโนอะก็แทบใช้พลังชีวิตจนหมดหลอดแล้ว
ฉะนั้นเวลาผมนอน ผมจะหลับยาวยันเช้าเลย … เอาเหอะ ช่างแม่ง ถ้าเป็นรินกะ เธออยากทำอะไรก็ตามสบาย
“วันนี้เธอจะมาดูไลฟ์สดของชั้นรึเปล่า”
“อืม ยังไงก็จะไปให้ได้ครับ”
วันนี้เป็นวันโซโล่ไลฟ์ของรินกะ แผนการวันนี้คือผมกับโนโนอะกับคุณคาสึมิจะไปดูรินกะแสดงวันนี้
เอาจริงๆวันนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปดูคอนเสิรฺ์ตไลฟ์สดด้วยตาผมเอง เพราะผมไม่เคยไปเลยสักครั้ง
“จะออกเดินทางแล้วเหรอครับ”
“อืม ใกล้ถึงเวลาชั้นต้องแสดงละ”
แปลกใจตรงนี้แหละ เพราะอีกไม่นานจะถึงเวลา แปลว่าเธอต้องมีอะไรกับผมแน่ ผมจะเอ่ยปากถาม แต่ว่ารินกะก็ชิงพูดมาก่อนด้วยท่าทีเขินอาย
“ชั้นมีเรื่องอยากให้คาสึโตะทำอย่างหนึ่งน่ะ”
“…อืม”
ผมชะงักไปพักนึงเพราะไม่รู้ว่าคำขอของรินกจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวหรือเรื่องน่ารักรึไม่ แต่ก็อยากจะลองฟังดูอยู่ดี
“ช่วยลูบหัวชั้นไปด้วยพร้อมบอกว่า พยายามเข้านะ จะได้รึเปล่า”
ว้าว ออกมาเป็นเรื่องน่ารักแฮะ
รินกะเงยหน้าเล็กน้อย มองผมด้วยแววตาคาดหวัง
ถึงผมจะไม่มีเหตุผลที่ปฏิเสธคำขอเธอ แต่ก็แอบเขินกับคำขอพอสมควร
“คาสึโตะ ลูบหัวหน่อยน้าค้า..”
“….”
โอ้ ไม่นึกว่าโลกนี้จะมีสิ่งชีวิตน่ารักและขี้อ้อนแบบนี้
รินกะทำเสียงอ้อนเหมือนเป็นเด็กน้อย พอถูกมือผมลูบหัว จากคูลไอดอล ก็กลายร่างเป็นเด็กตัวน้อยน่ารักแทน
ผมอาจจะตีขลุมไปเอง แต่ผมเชื่อว่า สีหน้าท่าทางเธอตอนนี้ เป็นเพราะเธอเชื่อใจผมอย่างสุดซึ้งถึงแสดงนิสัยส่วนนี้ออกมา
“พ…พยายามเข้านะ รินกะ ชั้นเอาใจช่วย”
“อืม”
ผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะความเขินจนหัวใจแทบกระดอนออกจาอกขณะลูบหัวรินกะ
ผมใช้เวลาลูบหัวเธอไปได้ประมาณ 2-3 นาที
รินกะหยิบมือถือดูเวลาก่อนจะกล่าวว่า
“ชั้นไปก่อนนะ”
“อืม พยายามเข้านะ”
“วันนี้ชั้นทุ่มเทการแสดงเพื่อแฟนๆที่สนับสนุนชั้นและคาสึโตะนะคะ”
รินกะเปลี่ยนสีหน้า จากสีหน้าท่าทางเด็กขี้อ้อน เปลี่ยนไปเป็นสีหน้ามุ่งมั่น น้ำเสียงจริงจัง
ผมตะลึงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา นี่สินะ มืออาชีพต้องเป็นแบบนี้แหละ
รินกะเปิดประตูออกจากห้องไป
สักพักหนึ่ง คุณคาสึมิเปิดประตู โผล่หน้ามาตรงช่องประตูด้วยสีหน้ายิ้ม
“ทั้งสองคนจู๋จี๋กันแต่เช้าเลยนะ”
“…..เห็นหมดเลยเหรอครับ”
“ไม่ได้เห็นตั้งแต่ต้น แต่ดูจากบรรยากาศก็เข้าใจได้ไม่ยากหรอก”
“งั้นเหรอครับ”
ผมเขินกับคำพูดคุณคาสึมิจนไม่กล้าสบตา
คุณคาสึมิเห็นท่าทางของผมเลยหัวเราะชอบใจกล่าว “ฤดูใบไม้ผลินี่มันดีจังน้า” ก่อนจะเดินหายลับไปที่ห้องรับแขก
***
ผมมาถึงฮอลล์แสดงสดก่อนเวลานิดหน่อย ที่นี่จุคนได้ประมาณ 3,000คน ถ้าเป็นงานแสดงหมู่ จะจัดที่ฮอลล์ใหญ่กว่านี้ แต่นี่คืองานโชว์เดี่ยวของรินกะเลยลดสถานที่เหลือประมาณนี้ (ข้อมูลจากคุณคาสึมิ)
“อาเระ ตื่นเต้นเหรอ คาสึโตะคุง”
คุณคาสึมิที่นั่งอยู่ด้านขวาผม ถามผมด้วยความกังวล
ผมไม่ได้ตอบ เพียงแค่ส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ
แต่ความจริงคือผมตื่นเต้นเพราะส่วนหนึ่งคือผมไม่ชอบไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะ ฉะนั้นไอ้การมาที่ฮอลล์แสดงนี่คือเรื่องใหญ่เลย ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นผมคงไม่มาเหยียบที่นี่แน่
“ฮะฮะ ทั้งที่คาสึโตะคุงไม่ได้ไปเป็นคนยืนเต้นบนเวทีแท้ๆ”
“ผมก็รู้แหละครับ แต่ว่า …เดี๋ยวต่อไปเป็นตาของรินกะแล้วนี่ครับ”
“เย้ เย้”
“โนโนอะจัง”
ผมได้ยินเสียงเชียร์น่ารักจึงหันไปหาต้นเสียงด้านซ้าย คนที่เชียร์คือโนโนอะจัง
โนโนอะจังยืนขึ้นส่งเสียงเชียร์ วันนี้เธอสวมเสื้อทีเชิ้ต สองมือถือแท่งไฟสีน้ำเงิน ส่ายโบกไปมาด้วยท่าทีจริงจัง
“ถ้าหนูทำแบบนี้ คิดว่าจะเป็นกำลังใจและเชียร์พี่รินกะได้ค่ะ”
“งั้นเหรอ รินกะได้ยินเธอคงดีใจมากแน่”
“อืม”
โนโนอะส่งยิ้มยินดีกับคำพูดจากก้นบึ้งหัวใจ
โอ้ยยย น้องน่ารักเหลือเกิน รอยยิ้มน่ารักถึงระดับฆาตกรรมคนเห็นรอยยิ้มเธอได้สบาย
***สรุปรวดรัดเลยนะครับ**
หลังจากนี้จะเป็นการแสดงไลฟ์ของรินกะ คนที่ดูต่างก็ทึ่งในคุณภาพเสียงและการเต้นของเธอ และนี่ทำให้คาสึโตะรับรู้แล้วว่า ตอนนี้เขากำลังได้คบกับผู้หญิงที่เจ๋งสุดๆเป็นแฟน
****
“เจ๋งสุดๆไปเลยครับ ไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แค่ว่าเจ๋งสุดๆ เจ๋งเกินคำบรรยายไม่รู้จะพูดยังไงเลยครับ”
“คาสึคุงพูดซ้ำไปมาเป็นเด็กประถมเลยนะคะ”
ผมกลับมาถึงบ้านรินกะตอนเย็น โทรหาคุณคุรุมิซากะเพื่อบรรยายความรู้สึกที่ได้ไปดูไลฟ์วันนี้
ถึงตอนนี้รินกะยังไม่ได้กลับมาถึงบ้าน คิดว่างานแสดง มันอาจจะมีอะไรให้ทำต่อจากนี้ล่ะมั้ง
“เทียบกับที่ดูผ่านคลิปมันคนละเรื่องเลย บรรยากาศมันคนละเรื่อง รินกะก็มีฝีมือร้องเพลงและเต้นได้เก่งมาก เก่งเกินคำบรรยาย ความคิดที่ผมมีต่อเธอยิ่งเคารพและพูดได้คำเดียวว่าเธอเจ๋งสัสๆเลยครับ”
“คาสึคุงรู้ตัวมั้ยคะว่าตอนนี้พูดเป็นอยู่คำเดียวมาตลอดเลยว่าเจ๋งสุดๆ”
“ก็มันเจ๋งจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกน่ะครับ คุณคุรุมิซากะได้ดูไลฟ์ไม่คิดแบบนั้นบ้างเหรอครับ”
“อย่าว่าแต่ดุเลยค่ะ ชั้นเคยแสดงร่วมบนเวทีเดียวกับเธอนะคะ”
คุรุมิซากะหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะกล่าวมา
“….อืม ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่ว่าตั้งแต่คาสึคุงมาค้างบ้านรินกะ ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มมีความอยากอวดเมียมากกว่าเมื่อก่อนนะคะ”
“..ห๊ะ ผมเนี่ยนะ ไม่ใช่มั้ง”
“จะบอกว่าอวดเมีย ก็เกินไป เอาเป็นว่าบรรยากาศเปลี่ยน ดูเธอแจ่มใสมากกว่าเมื่อก่อนละกัน”
“คุณคุรุมิซากะพูดแบบนี้ก็จบเลยสิ”
“หมายความว่าไงค้า ชั้นอยากฟังรายละเอียดซะแล้วสิ”
ผมคิดว่าคุณคุรุมิซากะไม่ใช่คนที่สอดรู้สอดเห็นนะ เธอพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องเล่าให้เธอฟัง
“…จะว่าไป ผมเปลี่ยนไปจริงๆเหรอ”
“ก็ไม่ได้เปลี่ยนแบบเห็นชัดเป็นรูปธรรมนะ”
“หมู่นี้ผมเห็นโนโนอะจังเป็นนางฟ้าตัวน้อย บางทีผมอาจจะป่วยก็ได้มั้ง”
“อืม…อธิบายเพิ่มเติมได้มั้ย”
“ผมอยากได้โนโนอะจังเป็นน้องสาวของผมจริงๆนะ”
“ป่วยชัวร์แล้วค่ะ แต่ว่าชั้นก็เข้าใจความรู้สึกนะ”
คุณคุรุมิซากะกล่าวต่อเพิ่มอีก
“โนโนอะจังเป็นเด็กน่ารัก ชั้นเองก็เคยคิดว่าอยากได้น้องแบบโนโนอะเหมือนกัน”
“ใช่ม้า”
“แต่ว่าตอนนี้คาสึคุงเป็นพี่ชายของเธออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“น้องที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดนะ”
“ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวสักหน่อย เธอแต่งงานกับรินกะแล้วนะ ลืมไปแล้วเหรอ เท่ากับว่าเธอเป็นพี่ชายโนโนอะทางกฏหมายอยู่แล้วนะ”
“พี่ชายทางกฏหมายเหรอ เฮ้อ”
“ยังมีอะไรไม่พอใจอีกเหรอคะ”
เอาจริงๆอยากได้เธอเป็นน้องแท้ๆเกี่ยวข้องทางสายเลือดนี่แหละ แต่ความจริงคือเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ผมวกหัวเรื่องกลับมาคุยเรื่องรินกะต่อ
“ถึงตอนนีี้ผมยังไม่หายตื่นเต้นที่ไปดูไลฟ์เลยครับ”
“จริงเหรอ ถ้างั้นคราวหน้า อยากให้มาดูไลฟ์สตาร์มายบ้างนะ”
“ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดจะไปนะ”
“ก็แค่คิดแต่ก็ไม่ได้ไปนี่นา สุดท้ายเธอไม่สนใจใครนอกจากรินกะเลยนะ”
เอาจริงๆ ก็ถูกแหละ ทุกวันนี้ผมรู้ว่าสมาชิกวงมีห้าคน แต่ว่า…คนที่เหลือนอกจากคุณคุรุมิซากะกับรินกะ มันมีใครอีกบ้าง ผมนึกชื่อกับรายละเอียดไม่ออกเลย
“คาสึคุง ชั้นมีเรื่องจะถาม”
“ครับ”
“ไปค้างบ้านรินจัง ความสัมพันธ์มีอะไรคืบหน้าไปบ้างคะ”
“ก็ไม่มีนะ”
“เอ๋? ทั้งที่เป็นโอกาสพิเศษพัฒนาความสัมพันธ์แท้ๆ บางทีชั้นอาจจะต้องเปิดยุทธการกระชับความสัมพันธ์ครั้งที่สองแล้วล่ะมั้ง”
คุณคุรุมิซากะกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผมตอบกลับไปว่า
“แต่ว่า มันก็มีพัฒนาเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง ตอนนี้รินกะไม่ได้เรียกผมด้วยคุงต่อท้ายแล้ว เหลือแค่คาสึโตะเพียวๆครับ”
“เอ๋ เรียกชื่อไม่ลงท้ายแล้วเหรอ นี่มันวิเศษมากเลยนะคะ”
“ข..ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“อืม ถึงจะพัฒนาเล็กน้อย แต่ก็เป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกหนึ่งก้าวนะคะ แค่ไม่เรียกคุงลงท้าย นี่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีเลยค่ะ”
“ม่า พอลองให้เรียกแบบนี้ ผมรู้สึกว่าระยะห่างเราเริ่มกระชับขึ้นมานิดหน่อยครับ”
“งั้นเธอลองเรียกชั้นว่า นานะ ได้มั้ยล่ะ”
“นา…คุณนานะ”
“ฮะฮะ เรียกไม่ได้ซะงั้น นี่ชั้นกับเธอมีความสัมพันธ์ดีหรือไม่ดีกันแน่เนี่ย”
แน่นอนว่า นี่คือการเรียกแบบเพื่อน ผมคิดว่าเธออยากให้ผมเรียกก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งแน่
แต่ว่าถ้าผมยังเรียกเธอด้วยชื่อเพียวๆไม่ได้ ผมอาจจะเรียกเธอว่าเพื่อนเต็มปากเต็มคำไม่ได้
“อืม ถ้างั้นก็ต่อจากนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ นานะ”
“อืม เช่นกันค่ะ คาสึคุง”
“…เรียกผมว่าคาสึโตะก็ได้นะครับ”
“เรียกไม่ได้หรอกค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
ผมแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธ
นานะกล่าวกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เพราะชั้นคิดว่านั่นเป็นชื่อเรียกที่รินจังควรไว้เรียกเธอคนเดียวค่ะ”
*****
จบ CH 14-1
กินเหล้าเมาแอ๋เลยแปลช้านิดนึง ต้องขอโทษด้วย แล้วเอาจริงๆเนื้อหาช่วงนี้ตัดไปแล้วนะ แต่ยังรู้สึกเลยว่ายืดละ 55
คนเขียนเรื่องนี้จะมีช้อตยืดๆตอนคุยกับนานะนี่แหละ แต่คิดว่าคนอ่านบางคนน่าจะชอบเลยแปลติดไว้นิดหน่อย เพราะจะได้รู้ว่าคาสึโตะมันรู้สึกยังไงบ้าง
ว่าไปคนอ่านนี่ก็มาๆหายๆจริง ถ้ามีอะไรให้ปรับปรุง หรือคิดว่า ทำแล้วจะมียอดคนอ่านบวกมากขึ้นก็บอกกันได้นะครับผม
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่มะรืนนะครับ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon