สองวันผ่านไป สรุปว่าเสียเวลากลับบ้านเปล่าๆปลี้ๆ เพราะว่าผมกับริสไม่ได้คุยกันเลย
เธอมักจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วกลับมาอีกทีช่วงดึก ตอนกลับมาถึงบ้านก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เวลาเจอ ทางผมจะเป็นคนทักทาย ส่วนริสตอบกลับด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
เช้าวันนี้ผมก็ได้เห็นเพียงแค่หลังริสที่เป็นชุดไปรเวท แต่ว่าก็ยังมีส่วนฮู้ดปิดบังใบหน้าอยู่ดี ตอนนี้เธอกำลังสวมรองเท้าและออกจากบ้านไปแล้ว
“เฮ้อ อึดอัดชิปเป๋งเลย”
พอนึกดูแล้ว รอบตัวผมมีแต่คนช่างพูดทั้งนั้น พอมาเจอคนสไตล์ริส ผมเลยรับมือไม่ถูกนี่แหละ
ผมคิดว่าจะชวนเธอมาเล่นเกมส์ออนไลน์ แต่ก็นึกคำตอบริสได้ว่า เธอคงจะไม่เล่น และเผลอๆจะเรียกตำรวจมาจับผม ข้อหาพูดจาชวนทำอะไรไม่ดีด้วย
“ดูวงสตาร์มายดีกว่า”
ผมกลับห้องเปิดคอม ดูคลิปวงสตาร์มาย วงก็ยังคงมีสมาชิก5คน น่ารักเหมือนเดิม
หือ
ในบรรดาสมาชิก5คน ผมเริ่มสะดุดตากับน้องคนเล็กสุดของวง เธอชื่อว่า โคโมริ ริริสุ
ถึงเธอจะมีรูปร่างเล็กที่สุดในวง แต่สีหน้าท่าทางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
จำได้ว่าคาแรกเตอร์ของน้อง วางมาว่าเป็นน้องเล็ก และเมื่อก่อนด้วยความเตี้ยและรนเลยทำไมค์ตกบ้าง เดินเอาหัวไปโขกไมค์บ้าง แต่ว่านี่ก็เป็นข่าวนะ เพราะตัวน้องเป็นเด็กที่ไม่ใช่คนช่างพูดด้วย ส่วนจากอายุที่ประเมินกันก็น่าจะเป็นเด็กมอปลายปีหนึ่ง
ดูแล้วน้องเป็นคาแรคเตอร์สไตล์โลลิเด็กสุดประจำวงแหละ
แต่ว่าเป็นน้องเล็กก็ไม่ใช่ว่าจะสบาย เพราะแฟนคลับของวงก็ใช่ว่าจะมีแต่คนปกติ มันมีทั้งพวกโลลิค่อน พวกปากหมาที่ช่างแขวะเรื่องคุณภาพการแสดงที่สู้สมาชิกคนอื่นไม่ได้
“จะว่าไป ทำไมคุ้นหน้าจังวะ”
โคโมริ ริริสุในหน้าจอคอม ตัวเธอเล็กมากจนมองรายละเอียดได้ไม่ชัด แต่ผมมั่นใจว่าถ้าได้เจอตัวเป็นๆในโลกความจริง ผมต้องรู้ได้ทันทีว่าเป็นเธอแน่
“ไม่สิ หรือว่าเธอคือริส งั้นเหรอ”
ที่ไม่กล้าฟันธงเพราะดุจากความปากคอเราะร้ายของเธอนี่แหละ แถมยังสร้างกำแพงซะสูงลิบผิดกับภาพที่เห็นในวงตอนนี้
กระนั้น ผมก็อยากให้เธอเลิกพูดเรื่องแจ้งตำรวจนะ เพราะผมไม่ได้เป็นคนอันตรายตรงไหนเลย
“ไอ้ตอนแนะนำตัวก็ดันได้ยินแค่ชื่อ น้องมันไม่บอกนามสกุลด้วยสิ”
ตอนนี้ผมเลยคิดแผนว่า จะพูดเรื่องริริสุกับริสยังไงดี
****
ผมตัดสินใจว่าจะให้เธอแนะนำตัวอีกรอบ เลยยืนสแตนบายรอที่ห้องรับแขกตั้งแต่ช่วงเย็น
ผมได้ยินเสียงฝีเท้า เธอเข้ามาในบ้านแล้ว กำลังจะเดินผ่านหน้าผมไป
“คุยกับผมสักแปบได้มั้ยครับ”
“…..”
ริสไม่ตอบกลับผม ยังคงเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รอก่อนสิ อย่างน้อยก็ช่วยแนะนำตัวเต็มๆอีกสักรอบได้มั้ยครับ ผมคิดว่าเราสองคนควรจะรู้จักกันให้มากกว่านี้นะ”
“..พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ ถึงจะไม่สื่อสารด้วยคำพูดก็สื่อสารกันด้วยใจได้นะคะ”
“โฮ่ คิดงั้นจริงดิ ถ้างั้นบอกหน่อยได้มั้ยครับว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่”
“….ฮะฮะฮะ คิดไว้ไม่ผิด โลลินี่มันเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลย”
“…ถถถถ ไม่ได้ใกล้เคียงสักมิลเลยเฟ้ย มองมุมไหนถึงเห็นผมเป็นสายโลลิครับ”
“….ชั้นเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึั้น ชั้นรับผิดชอบตัวเองได้”
“เข้มแข็งก็จริงแต่พอโดนเหมารวมว่าเด็กประถมก็หัวร้อนอะนะ”
“…หนอย ชั้นจะฆ่านาย ไอ้โลลิค่อนจิตหลุด”
“เด็กอะไรน่ากลัวชิบ ปากคอเราะร้ายเกิ้นนนน”
ร่างกายผมสั่นเทาไปด้วยความกลัวเพราะคำพูดของริส
ริสตัดสินใจเดินไปจะกลับเข้าห้อง
“รอเดี๋ยวสิ ขอเวลาไม่นานหรอก คุยกับผมแปบนึงได้มั้ยครับ”
“…..”
“ขอร้องล่ะ ผมพูดจริงคำไหนคำนั้นเลย”
“..ขวางซะขนาดนี้ จะไปไหนได้ล่ะ งั้นมีอะไรก็เปิดอกคุยกันเลยค่ะ”
ริสเห็นผมขวาง เลยเดินกลับไปที่ห้องรับแขก นั่งเก้าอี้
ถึงแม้ผมจะได้คุยกับเธอในระยะประชิด แต่เธอก็ยังคงคลุมหน้าด้วยฮู้ดทำให้ผมไม่เห็นหน้าเธออยู่ดี ดูเหมือนว่าเธอจะระมัดระวังมากไม่อยากใครเห็นหน้าที่แท้จริง
ผมเดินกลับไปนั่่งเก้าอี้ห้องรับแขก กล่าวว่า
“ขอแนะนำตัวอีกรอบละกัน ผมชื่ออายาโนะโคจิ คาสึโตะ อยู่มอปลายปีสอง”
“…อืม”
“งานอดิเรกคือเล่นเกมออนไลน์”
“งั้นเหรอ เกมส์ทุ่งสีนิลใช่มั้ยล่ะ”
“…อืม”
ผมเห็นรีแอคชั่นเธอก็แอบแปลกใจว่าเธอรู้จักด้วยเหรอเนี่ย แต่คิดอีกที เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่โคตรฮิตสุดๆ ถึงเธอเอ่ยชื่อมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดนี่หว่า
“ริสเองก็เคยเล่นด้วยเหรอครับ”
“เล่นไปนิดหน่อย แต่ตอนนี้เลิกแล้ว”
ริสเอ่ยประโยคสั้นๆแค่นั้น ดูแล้วเธอไม่มีความสนใจในเกมส์นี้เลย
…หลังจากนั้นผมก็เอ่ยแนะนำตัวผมเพิ่มไปว่า ผมมีเพื่อนเป็นใคร ชอบทานอาหารชนิดไหน ยกเว้นเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับรินกะ อันนี้ไม่เล่าให้เธอฟัง
“เห็นมั้ยครับ ฟังจบน่าจะนึกภาพออกนะว่าผมไม่ใช่คนอันตรายขนาดชวนเรียกให้ตำรวจมาจับผมตรงไหนเลย”
“ยิ่งปฏิเสธสุดตัวแบบนี้ชั้นยิ่งรู้สึกกลัวกว่าเดิมมากกว่าค่ะ
“……”
ชิบหายละโว้ย กุต้องทำยังไงต่อดีวะ TT
เน็ตเกมเมอร์อย่างผมไม่ได้มีสกิลพูดคุยกับคนอื่นได้ดีซะด้วย นอกจากการแนะนำตัว ผมก็นึกไม่ออกว่าจะหาหัวข้อเรื่องไหนมาคุยให้บทสนทนาไปต่อราบรื่น
เฮ้อ อย่างน้อยถ้าเธอเล่นเกม มันก็ยังหาหัวข้อตรงนี้มาคุยได้ แต่เธอไม่เล่นอะดิ
ริสเห็นสีหน้าท่าทางเป็นทุกข์ของผม เลยเก็บงำอารมณ์ความอยากเรียกตำรวจ ถามผมมาว่า
“ทำไมถึงอยากสนิทกับชั้นเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ ไม่ได้มีเจตนาใดๆทั้งนั้นแหละนอกจากว่าอยากให้ริสอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ”
“สบายใจ?”
“อืม บ้านเป็นสถานที่พักใจ ใช้ชีวิตได้ผ่อนคลายเต็มที่ ผมอยากให้บ้านเรามันเป็นแบบนั้นครับ”
“..เรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่ว่า..”
“แต่ว่า?”
“….ไม่มีอะไรค่ะ”
“งั้นเหรอ ผมไม่ได้ไปสร้างบาดแผลอะไรให้ริสใช่มั้ย”
“..ชั้นเกือบตกบันไดเพราะนาย”
“เดี๋ยวนะ เธอก็ไม่ได้ตกนี่หว่า ผมแค่ตะโกนเสียงดังเองนะ”
“..นายคิดว่าชั้นเป็นเด็กประถม”
“ขอโทษด้วยครับ ก็ตอนนั้นมันเห็นเป็นแบบนั้นจริง”
ผมก้มหน้า เอาหน้าผากโขกโต๊ะเป็นเชิงขอโทษ เอาจริงๆการเหมารวมว่าเธอเป็นเด็กประถมโดยไม่ถามความจริงจากปากเจ้าตัวก่อน มันคือเรื่องเสียมารยาทนะ
“….ฮะฮะ”
“เอ๋?”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะน้อยของริสเลยเงยหน้าขึ้น มองหน้าเธอ
“…ไม่ใช่คนเลวจริงด้วย ชั้นเชื่อแล้วล่ะ”
“อ…อืม”
“มีอะไรก็คุยกันได้นะ”
“ฝากด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะฝืนบังคับให้เธอรีบซี้กับชั้นด้วย”
“…งั้นเหรอ”
“ผมอยากให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างน้อยก็ให้มันดีกว่าปัจจุบันครับ”
ซี้กันได้ก็เป็นเรื่องดี แต่การไปบังคับให้ใครมาสนิทสนม ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ฉะนั้นการที่เธอเริ่มพูดเปิดใจเท่านี้ ผมก็ดีใจแล้วล่ะ
“อ้อ ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกเกี่ยวกับงานอดิเรกของผม คิดว่าควรบอกเธอไว้ก่อนล่วงหน้าดีกว่า”
“..เรื่อง?”
“ผมเป็นแฟนบอยวงสตาร์มายครับ”
“เอ๋?”
น้องเงยหน้ามองผมด้วยความตกใจจริงจนรู้สึกได้ว่าแววตาที่ซ่อนอยู่ใต้ฮู้ดเบิกตากว้างเลยล่ะ
“โอ้ รู้จักวงนี้ด้วยรึ”
“ไม่รู้ก็ต้องรู้สิ วงไอดอลสุดฮอตนะคะ”
“แจ๋วใช่มั้ยล่ะ”
“ชอบใครที่สุดในวงคะ”
“แน่นอนว่าต้องเป็น…”
“…เป็น”
“มิสึกิ รินกะครับ”
“มักง่ายนะคะ”
“อ้าว?”
คำพูดดูแรงแต่น้ำเสียงไม่มีอะไร นี่เป็นการหยอกล้อกันซะมากกว่า อารม์แบบอยากชกสักหมัดขำๆประมาณนี้
“..แต่ว่ารสนิยมดีไม่เบานะคะ ชั้นเองก็ชอบและเคารพนับถือมิสึกิ รินกะมากๆค่ะ”
“ใช่มั้ยล่ะ ก็รินกะทั้งสวยและเก่งขนาดนั้น”
“….”
“….”
“นี่รู้มั้ยหลุดไปจากลุคเดิมมากเลยนะ”
“ก็แค่ช่วงนี้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย การคุยเรื่องที่ชอบมันก็ต้องใส่อารมณ์ร่วมและความรู้สึก เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์นะ”
ผมรู้สึกได้ว่าสองตาของเธอใต้ฮู้ดจ้องมาที่ผม
บางทีตอนนี้เธออาจจะคิดขึ้นมาแล้วว่าผมเป็นคนที่น่าสนุกแล้วก็ได้นะ
“….คนที่เป็นแฟนตัวยงของมิสึกิ รินกะ ไม่มีทางเป็นคนไม่ดี ตอนนี้ชั้นเชื่อแล้วว่านายเป็นคนดีค่ะ”
“วิธีประเมินโคตรแปลกเลยนะ ถ้าเอาไปประเมินกับสังคมภายนอกคงอันตรายน่าดุ”
“ขอแค่สนับสนุนในฐานะแฟน ไม่ใช่คิดในเชิงลุ่มหลงชู้สาว คนนั้นคือคนดีค่ะ”
“ข..เข้าใจแล้วครับ”
บรรยากาศและคำพูดริสตะกี้โคตรจริงจัง
แล้วตอนนี้ผมกับรินกะคบกันเป็นแฟน รินกะเองก็ตั้งใจเป็นภรรยาของผม
ไอ้ความรู้สึกนี้มันคงไม่เรียกว่าลุ่มหลงชู้สาวหรอก…มั้ง
“อ้อจริงสิ สนใจลองแวะมาดูที่ห้องชั้นมั้ย ชั้นมีโปสเตอร์วงสตาร์มายแปะไว้ด้วยนะ”
“เอาเหยื่อมาล่อ จิตใจนายทำด้วยอะไรคะ คุณโลลิค่อน”
“เหยื่อล่อบ้าอะไรครับ ขอย้ำอีกรอบ ผมไม่ใช่โลลิค่อนโว้ย
“โหดร้าย..นับชั้นเป็นพวกเด็กโลลิด้วย”
“ขอโทษนะ..เอ้าเฮ้ย เดี๋ยวดิ คนเอ่ยโลลิแต่แรกมันฝั่งเธอไม่ใช่เหรอฟะ”
“รีบๆไปดูโปสเตอร์ดีกว่าค่ะ”
ริสตัดบท ก่อนที่ผมกับเธอจะไปที่ห้อง
*******
จบ CH17-3