เช้าวันต่อมา ริสดูจะยุ่งกว่าที่คิด เพราะออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่เลย ไม่รู้ว่านัดเจอเพื่อนหรือไปทำ
พอถามว่าไปไหน น้องก็ตอบแค่ว่า ความลับ สงสัยผมยังไม่เป็นที่ไว้ใจล่ะมั้ง
ทว่า..พอตกกลางคืน
“….เพ่ชาย..กดเกมกันมั้ย”
ริสเดินมาหาผมที่ห้องพร้อมโน๊ตบุ๊คของเธอ
เธอเข้ามาในห้องผมถามต่อว่า
“เพ่ชาย วันนี้ไปทำไรดี”
“อืม เริ่มจากขุดแร่เป็นไง”
“โห น่าเบื่ออะ”
“ห๊ะ หมายความว่าไงครับ”
“อยากเป็นตัวเอกโหดๆไปล่าบอสมากกว่า”
บางที ริสอาจจะสนุกกับชีวิตประจำวันในตอนนี้แล้วก้ได้มั้ง
ผมเองก็ไม่อยากฝีนใจเร่งกระชับความสัมพันธ์กับน้อง ผมคิดว่าเกมส์ออนไลน์นี่ล่ะจะเป็นตัวช่วยให้ความสัมพันธ์พัฒนาไปอย่างเป็นธรรมชาติในแต่ละวันต่อจากนี้
…ทว่าโชคร้ายที่จู่ๆเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
เช้าวันถัดมา หลังจากคืนก่อนที่กดเกมล่าบอสกันอย่างบ้าคลั่งซ้ำไปมา ริสโดนบอสดันเจี้ยนกระทืบ เลยแค้นจัด ลงดันสู้แม่มจนกว่าจะชนะ เลยจัดหนักเต็มที่
วันนี้เธอเคาะประตูเสียงดังปึงๆพร้อมส่งเสียงตะโกน
“เพ่ชาย เพ่ชาย ฮือออออ”
ผมเปิดประตูห้องได้ยินเสียงริสกำลังร้องไห้มาจากห้องเธอ ผมเลยรีบวิ่งเปิดประตูเข้าไปในห้อง ริสร้องไห้เสียใจหนักมาก ดวงตาเธอแดงก่ำ น้ำตาไหลเป็นทาง ตอนนี้เธอไม่ได้สวมฮู้ดคลุมหน้า ผมเลยได้เห็นหน้าเธอชัดๆ ทว่าตอนนี้ด้วยความที่น้องกำลังเสียใจ ผมเลยไม่มีเวลาว่างมาสังเกตว่าหน้าตาเธอน่ารักขนาดไหน
“โชคิโชคิซันโค มัน… ฮือออออ”
“หือ ด้วงตัวนั้นน่ะเหรอ ทำไมรึ ”
***หมายเหตุจากผู้แปล ตอนก่อนหน้าที่ผมตัดย่อไปเรื่องในห้องของริส โชกิโชกิซันโค ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งของ สรุปไม่ใช่นะครับ มันคือตัวด้วงนะครับ
“มันหงายท้องนิ่งไม่ขยับแล้ว ฮือออออออ”
ริสดูจะสูญเสียความเยือกเย็นแล้ว เธอเดินเข้ามากอดและซุกหน้าตัวเองกับอกผมและร้องไห้ไม่หยุด
ผมเองก็เพิ่งจะเคยเจอผู้หญิงร้องไห้หนักขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยรับมือไม่ถูกว่าต้องทำไงต่อดี
“เพ่ชาย เพ่ชาย แงงงงงงงง”
“ก..ก่อนอื่นลองตรวจสอบดูอีกทีก่อนนะ”
ผมเดินทั้งที่ริสยังกอดอยู่ เปิดกล่องดูตัวด้วง
ชัดเจนครับ นอนหงายท้องนิ่งไม่ขยับเลย
“เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมือไรนิ”
“..ฮือ…ฮือ …ตอนชั้นตื่น..มันก็นอนหงายท้องแล้ว”
“ตอนเช้า..ไม่สิ อาจจะเกิดตอนกลางคืนก็ได้สินะ”
“ฮือ ก่อนหน้าก็เคยมีเหตุการณ์นอนหงายแบบนี้ แต่มันยังขยับได้เลย”
แปลกดี ถ้าบอกว่าเคยเกิดขึ้น ไม่แน่ว่าด้วงมันอาจจะจำศีลหรือแกล้งตายก็ได้นะ แต่ว่าผมลองแตะตัวมัน มันก็ไม่ขยับเลยนี่สิ
“..โชกิโชกิซันโค จะไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ริสถามผมเสียงสั่นทั้งที่น้ำตาไหลเป็นทาง
ผมดูแล้ว มองยังไงด้วงตัวนี้ก็ซี้แหงแก๋ไปแล้ว แต่ว่าผมพูดไม่ออก
แต่ว่าจะให้ผมบอกน้องที่กำลังร้องไห้เสียใจหนักด้วยคำลวงว่า มันไม่เป็นไร ก็เห็นคาตาว่าความจริงมันชัดเจน
“…ลองหาข้อมูลในเน็ตก่อนละกัน”
“…อืม..ฮือฮือ”
นี่ถือเป็นสถานการณ์ครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เจอแบบนี้
ผมเองก็ภาวนาในขณะหาข้อมูล หวังลมๆแล้งๆว่าจะเจอข้อมูลที่บอกว่ามันไม่ตาย
สำหรับริสที่ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวตามลำพัง ด้วงตัวนี้คือตัวตนที่หาอะไรมาแทนไม่ได้ แต่ว่าข้อมูลที่หาจากในเน็ต ก็บอกแต่ว่าตายแน่นอน
ริสเคยบอกว่าเลี้ยงด้วงตัวนี้ตั้งแต่ป.4 เท่ากับว่าด้วงตัวนี้น่าจะใช้ชีวิตมาอย่างต่ำก็6-7ปีแล้วนะ และถ้าดูข้อมูลในเน็ต ด้วงส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ได้แค่1-3ปีด้วยซ้ำ
ผมได้แต่เชื่อว่า โชกิโชกิซังโค เสียชีวิตอย่างไม่เจ็บปวด ในฤดูร้อนอันเงียบเหงานะ
“เพ่ชาย….โชกิโชกิซังโค ยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย”
“…….”
“ฮือ….ฮืออออ”
ผมรู้เลยว่าริสถามผมทั้งที่เธอเองนี่แหละที่เข้าใจสถานการณ์ได้ดีที่สุด
ริสหยิบโชกิโชกิซังโคขึ้นมาถือ มองมันนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลโดนด้วงโดยไม่ได้พูดอะไร
******
ผมเอาด้วงไปฝังไว้ที่สวนหน้าบ้าน ตรงนี้เป็นที่อากาศไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การหลับอย่างเป็นสุข
ริสที่ยืนข้างผม มองผมฝังด้วงทำสุสานเล็กๆ เธอกลับมาสวมฮู้ดคลุมใบหน้าอีกครั้งเลยไม่รู้่ว่าตอนนี้เธอแสดงอารมณ์ยังไงบ้าง แต่จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ถึงไม่เห็นก็เดาออกได้แหละว่าเธอเสียใจแน่
สำหรับริสแล้ว ด้วงตัวนี้คือสิ่งที่คอยช่วยเหลือเป็นแรงใจ ไม่ต่างกับผมที่ใช้เกมส์ออนไลน์เป็นที่กลบฝังความเหงาของผม ฉะนั้นหากช่วงนัั้นผมต้องเสียเกมส์ออนไลน์ไป ผมคงรู้สึกแย่มาก ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของริสเป็นอย่างดี
หลังจากฝังเสร็จ ผมกับเธอยืนมองสุสานนิ่งไม่พูดจาอะไรไปพักใหญ่ ก่อนที่ริสจะเอ่ยมาว่า
“โชกิโชกิซังโค ตายแล้วสินะ”
“ริส”
“ชั้น..ต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้ว”
คำพูดพึมพำที่เธอเอ่ยมา บีบรัดหัวใจผมมาก
“…..จริงๆแล้วชั้นไม่ได้ชอบแมลง เอาจริงๆนี่มันก็แค่ด้วงตัวหนึ่ง โลกนี้ยังมีแมลงสวยๆอีกตั้งเยอะ”
แม้คำพูดจะดูแรงแต่หากมองเธอและฟังน้ำเสียงตอนนี้จะรู้เลยว่า ริสกำลังพูดด้วยความรู้สึกอดกลั้นอารมณ์เสียใจที่สูญเสียของสำคัญ เสียงที่สั่นเทาและมือข้างหนึ่งที่แนบอก เป็ญภาษากายที่ชัดเจน
“…ถูกมั้ยล่ะ ก็แค่แมลง …หาซื้อใหม่ก็จบละ เรื่องพรรค์นี้ใคร…มันจะไปรู้สึกเหงากันเล่า”
“นี่ ริส”
“ฮึก ฮืออ มีอะไรรึ”
“พวกเราเป็นครอบครัวนะครับ ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องมาได้ ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นนะ”
“งั้นเหรอ กะอีคำว่าครอบครัว พวกเรามันก็แค่พี่น้องในนาม ที่บังเอิญอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เป็นคนอื่นแท้ๆ”
น้ำเสียงริสเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว เธอพูดโดยที่ไม่ได้มองผม
“เห็นชั้นเรียกเพ่ชายเลยเข้าใจผิดรึเปล่า ชั้นเรียกนายว่าเพ่ชายแต่ไม่ได้หมายความว่าชั้นคิดว่านายเป็นพี่ชายจากใจจริงนะ”
“……”
“พวกเราไม่ใช่ครอบครัวกันจริงๆ”
“นั่นสิ ถูกตามที่เธอว่า พวกเราไม่ได้ผูกพันกันด้วยสายเลือดด้วย”
“…อืม”
“ถึงจะเป็นตามเธอว่าแล้วมันทำไมล่ะ”
“เอ๋”
ริสตกใจกับคำตอบที่ไม่คาดคิดของผม
“ก่อนหน้านีัชั้นบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าชั้นไม่คิดจะฝืนใจเธอรีบกระชับความสัมพันธ์ สิ่งที่ชั้นคาดไว้คือพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
“ตามธรรมชาติ?”
“สรุปง่ายๆคือชั้นอยากจะสนับสนุนริสด้วยความรู้สึกจากข้างในผม ผมอยากจะสนุกในการทำกิจกรรมร่วมไปกับเธอในทุกๆวันต่อจากนี้ ถ้าทำได้ สักวันหนึ่ง เราก็จะเป็นพี่น้องกันจริงๆได้เอง”
“…..”
“ถึงผมจะต่างกับเธอแต่ก็อยากให้จำไว้ว่าผมคือพันธมิตรของเธอนะ”
“…พันธมิตร”
ริสกล่าวออกมาเบาๆ ผมพยักหน้ารับกับคำพูดเธอ
“เป็นครอบครัวกันไม่จำเป็นว่าต้องปลอบโยนด้วยคำหวานเสมอไป ชั้นคิดว่าริสก็น่าจะเห็นด้วยในจุดนี้นะ”
“….”
“และต่อจากนี้ นี่คือประกาศิตของผมเองว่าจะสนับสนุนริส เป็นพันธมิตรเธอต่อจากนี้ไป”
“มุ่งมั่นมาก คิดจะเป็นพระเอกต่างโลกรึไงคะ”
“เขาเรียกว่าปรับการสื่อสารให้เข้ากับนิสัยเธอต่างหากล่ะ “
“ก็ไม่แก้ตัวด้วยนะว่าอยากเป็นพระเอก”
“ยังจะพูดแบบนั้นอีกรึ นี่ผมจริงจังนะเฟ้ย”
“…ล้อเล่นจ้า”
ริสหัวเราะน้อยๆ เสียงหัวเราะเธออ่อนโยนเป็นธรรมชาติ รู้สึกได้ว่าบรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนไปเพราะเสียงริส
“ผมก็ยืนยันอยากให้เธอรู้ไว้ว่าผมจะยืนเคียงข้างเธอเสมอนะครับ”
“…..”
“เป็นเรื่องปกติของครอบครัวใช่มั้ยล่ะ ครอบครัวของริสน่ะต้องมีชั้นเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกครอบครัวด้วย และที่ๆชั้นอยู่ จะเป็นสถานที่ที่ริสสามารถกลับมาพักพิงได้เสมอ”
ผมพูดสิ่งที่อยากจะบอกเธอจนหมด และในหัวก็นึกถึงรินกะด้วย
ผมนึกถึงความรู้สึกของรินกะตอนนั้นที่เธอบอกผมว่าให้พึ่งพาเธอ นี่สินะ ความรู้สึกบริสุทธิ์แบบเดียวกันเลย
ถ้ามีใครสักคนที่เหงาจนร้องไห้ออกมา ก็อยากจะช่วยเหลือคนนั้น
“….เป็นแค่โอนี่จังสายเนตเกมเมอร์ง่อยๆแท้ๆ”
โอ้ ไม่ปฏิเสธสิ่งที่ผมบอกด้วยแฮะ แถมเรียกผมว่าโอนี่จังแล้วด้วย ถ้าผมยืนเคียงข้างเพื่อช่วยเหลือเธอได้ ผมก็จะยืนตรงนั้น
“…..”
ถึงตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้เสียบรรยากาศ ใช้ความรู้สึกเอาก็พอ
ผมกับริสนิ่งเงียบ ได้ยินเสียงรถวิ่งจากข้างนอกเป็นครั้งคราว
ในตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไร ผมก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์พวกเราดีขึ้นแล้วแน่ๆ
****
จบ Netoge no Yome ga Ninki Idol datta เล่ม 3 ch17-7 ใช้ชีวิตร่วมกับน้องสาวบุญธรรม