Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~ – ตอนที่ 17.7

เช้าวันต่อมา ริสดูจะยุ่งกว่าที่คิด เพราะออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่เลย ไม่รู้ว่านัดเจอเพื่อนหรือไปทำ

 

 

พอถามว่าไปไหน น้องก็ตอบแค่ว่า ความลับ สงสัยผมยังไม่เป็นที่ไว้ใจล่ะมั้ง

ทว่า..พอตกกลางคืน

“….เพ่ชาย..กดเกมกันมั้ย”

ริสเดินมาหาผมที่ห้องพร้อมโน๊ตบุ๊คของเธอ

เธอเข้ามาในห้องผมถามต่อว่า

“เพ่ชาย วันนี้ไปทำไรดี”

“อืม เริ่มจากขุดแร่เป็นไง”

“โห น่าเบื่ออะ”

“ห๊ะ หมายความว่าไงครับ”

“อยากเป็นตัวเอกโหดๆไปล่าบอสมากกว่า”

บางที ริสอาจจะสนุกกับชีวิตประจำวันในตอนนี้แล้วก้ได้มั้ง

ผมเองก็ไม่อยากฝีนใจเร่งกระชับความสัมพันธ์กับน้อง ผมคิดว่าเกมส์ออนไลน์นี่ล่ะจะเป็นตัวช่วยให้ความสัมพันธ์พัฒนาไปอย่างเป็นธรรมชาติในแต่ละวันต่อจากนี้

…ทว่าโชคร้ายที่จู่ๆเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น

เช้าวันถัดมา หลังจากคืนก่อนที่กดเกมล่าบอสกันอย่างบ้าคลั่งซ้ำไปมา ริสโดนบอสดันเจี้ยนกระทืบ เลยแค้นจัด ลงดันสู้แม่มจนกว่าจะชนะ เลยจัดหนักเต็มที่

วันนี้เธอเคาะประตูเสียงดังปึงๆพร้อมส่งเสียงตะโกน

“เพ่ชาย เพ่ชาย ฮือออออ”

ผมเปิดประตูห้องได้ยินเสียงริสกำลังร้องไห้มาจากห้องเธอ ผมเลยรีบวิ่งเปิดประตูเข้าไปในห้อง ริสร้องไห้เสียใจหนักมาก ดวงตาเธอแดงก่ำ น้ำตาไหลเป็นทาง ตอนนี้เธอไม่ได้สวมฮู้ดคลุมหน้า ผมเลยได้เห็นหน้าเธอชัดๆ ทว่าตอนนี้ด้วยความที่น้องกำลังเสียใจ ผมเลยไม่มีเวลาว่างมาสังเกตว่าหน้าตาเธอน่ารักขนาดไหน

“โชคิโชคิซันโค มัน… ฮือออออ”

“หือ ด้วงตัวนั้นน่ะเหรอ ทำไมรึ ”

***หมายเหตุจากผู้แปล ตอนก่อนหน้าที่ผมตัดย่อไปเรื่องในห้องของริส โชกิโชกิซันโค ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งของ สรุปไม่ใช่นะครับ มันคือตัวด้วงนะครับ

“มันหงายท้องนิ่งไม่ขยับแล้ว ฮือออออออ”

ริสดูจะสูญเสียความเยือกเย็นแล้ว เธอเดินเข้ามากอดและซุกหน้าตัวเองกับอกผมและร้องไห้ไม่หยุด

ผมเองก็เพิ่งจะเคยเจอผู้หญิงร้องไห้หนักขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยรับมือไม่ถูกว่าต้องทำไงต่อดี

“เพ่ชาย เพ่ชาย แงงงงงงงง”

“ก..ก่อนอื่นลองตรวจสอบดูอีกทีก่อนนะ”

ผมเดินทั้งที่ริสยังกอดอยู่ เปิดกล่องดูตัวด้วง

ชัดเจนครับ นอนหงายท้องนิ่งไม่ขยับเลย

“เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมือไรนิ”

“..ฮือ…ฮือ …ตอนชั้นตื่น..มันก็นอนหงายท้องแล้ว”

“ตอนเช้า..ไม่สิ อาจจะเกิดตอนกลางคืนก็ได้สินะ”

“ฮือ ก่อนหน้าก็เคยมีเหตุการณ์นอนหงายแบบนี้ แต่มันยังขยับได้เลย”

แปลกดี ถ้าบอกว่าเคยเกิดขึ้น ไม่แน่ว่าด้วงมันอาจจะจำศีลหรือแกล้งตายก็ได้นะ แต่ว่าผมลองแตะตัวมัน มันก็ไม่ขยับเลยนี่สิ

“..โชกิโชกิซันโค จะไม่เป็นไรใช่มั้ย”

ริสถามผมเสียงสั่นทั้งที่น้ำตาไหลเป็นทาง

ผมดูแล้ว มองยังไงด้วงตัวนี้ก็ซี้แหงแก๋ไปแล้ว แต่ว่าผมพูดไม่ออก

แต่ว่าจะให้ผมบอกน้องที่กำลังร้องไห้เสียใจหนักด้วยคำลวงว่า มันไม่เป็นไร ก็เห็นคาตาว่าความจริงมันชัดเจน

“…ลองหาข้อมูลในเน็ตก่อนละกัน”

“…อืม..ฮือฮือ”

นี่ถือเป็นสถานการณ์ครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เจอแบบนี้

ผมเองก็ภาวนาในขณะหาข้อมูล หวังลมๆแล้งๆว่าจะเจอข้อมูลที่บอกว่ามันไม่ตาย

สำหรับริสที่ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวตามลำพัง ด้วงตัวนี้คือตัวตนที่หาอะไรมาแทนไม่ได้ แต่ว่าข้อมูลที่หาจากในเน็ต ก็บอกแต่ว่าตายแน่นอน

ริสเคยบอกว่าเลี้ยงด้วงตัวนี้ตั้งแต่ป.4 เท่ากับว่าด้วงตัวนี้น่าจะใช้ชีวิตมาอย่างต่ำก็6-7ปีแล้วนะ และถ้าดูข้อมูลในเน็ต ด้วงส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ได้แค่1-3ปีด้วยซ้ำ

ผมได้แต่เชื่อว่า โชกิโชกิซังโค เสียชีวิตอย่างไม่เจ็บปวด ในฤดูร้อนอันเงียบเหงานะ

“เพ่ชาย….โชกิโชกิซังโค ยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย”

“…….”

“ฮือ….ฮืออออ”

ผมรู้เลยว่าริสถามผมทั้งที่เธอเองนี่แหละที่เข้าใจสถานการณ์ได้ดีที่สุด

ริสหยิบโชกิโชกิซังโคขึ้นมาถือ มองมันนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลโดนด้วงโดยไม่ได้พูดอะไร

******

ผมเอาด้วงไปฝังไว้ที่สวนหน้าบ้าน ตรงนี้เป็นที่อากาศไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การหลับอย่างเป็นสุข

ริสที่ยืนข้างผม มองผมฝังด้วงทำสุสานเล็กๆ เธอกลับมาสวมฮู้ดคลุมใบหน้าอีกครั้งเลยไม่รู้่ว่าตอนนี้เธอแสดงอารมณ์ยังไงบ้าง แต่จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ถึงไม่เห็นก็เดาออกได้แหละว่าเธอเสียใจแน่

สำหรับริสแล้ว ด้วงตัวนี้คือสิ่งที่คอยช่วยเหลือเป็นแรงใจ ไม่ต่างกับผมที่ใช้เกมส์ออนไลน์เป็นที่กลบฝังความเหงาของผม ฉะนั้นหากช่วงนัั้นผมต้องเสียเกมส์ออนไลน์ไป ผมคงรู้สึกแย่มาก ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของริสเป็นอย่างดี

หลังจากฝังเสร็จ ผมกับเธอยืนมองสุสานนิ่งไม่พูดจาอะไรไปพักใหญ่ ก่อนที่ริสจะเอ่ยมาว่า

“โชกิโชกิซังโค ตายแล้วสินะ”

“ริส”

“ชั้น..ต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้ว”

คำพูดพึมพำที่เธอเอ่ยมา บีบรัดหัวใจผมมาก

“…..จริงๆแล้วชั้นไม่ได้ชอบแมลง เอาจริงๆนี่มันก็แค่ด้วงตัวหนึ่ง โลกนี้ยังมีแมลงสวยๆอีกตั้งเยอะ”

แม้คำพูดจะดูแรงแต่หากมองเธอและฟังน้ำเสียงตอนนี้จะรู้เลยว่า ริสกำลังพูดด้วยความรู้สึกอดกลั้นอารมณ์เสียใจที่สูญเสียของสำคัญ เสียงที่สั่นเทาและมือข้างหนึ่งที่แนบอก เป็ญภาษากายที่ชัดเจน

“…ถูกมั้ยล่ะ ก็แค่แมลง …หาซื้อใหม่ก็จบละ เรื่องพรรค์นี้ใคร…มันจะไปรู้สึกเหงากันเล่า”

“นี่ ริส”

“ฮึก ฮืออ มีอะไรรึ”

“พวกเราเป็นครอบครัวนะครับ ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องมาได้ ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นนะ”

“งั้นเหรอ กะอีคำว่าครอบครัว พวกเรามันก็แค่พี่น้องในนาม ที่บังเอิญอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เป็นคนอื่นแท้ๆ”

น้ำเสียงริสเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว เธอพูดโดยที่ไม่ได้มองผม

“เห็นชั้นเรียกเพ่ชายเลยเข้าใจผิดรึเปล่า ชั้นเรียกนายว่าเพ่ชายแต่ไม่ได้หมายความว่าชั้นคิดว่านายเป็นพี่ชายจากใจจริงนะ”

“……”

“พวกเราไม่ใช่ครอบครัวกันจริงๆ”

“นั่นสิ ถูกตามที่เธอว่า พวกเราไม่ได้ผูกพันกันด้วยสายเลือดด้วย”

“…อืม”

“ถึงจะเป็นตามเธอว่าแล้วมันทำไมล่ะ”

“เอ๋”

ริสตกใจกับคำตอบที่ไม่คาดคิดของผม

“ก่อนหน้านีัชั้นบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าชั้นไม่คิดจะฝืนใจเธอรีบกระชับความสัมพันธ์ สิ่งที่ชั้นคาดไว้คือพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นไปตามธรรมชาติ”

“ตามธรรมชาติ?”

“สรุปง่ายๆคือชั้นอยากจะสนับสนุนริสด้วยความรู้สึกจากข้างในผม ผมอยากจะสนุกในการทำกิจกรรมร่วมไปกับเธอในทุกๆวันต่อจากนี้ ถ้าทำได้ สักวันหนึ่ง เราก็จะเป็นพี่น้องกันจริงๆได้เอง”

“…..”

“ถึงผมจะต่างกับเธอแต่ก็อยากให้จำไว้ว่าผมคือพันธมิตรของเธอนะ”

“…พันธมิตร”

ริสกล่าวออกมาเบาๆ ผมพยักหน้ารับกับคำพูดเธอ

“เป็นครอบครัวกันไม่จำเป็นว่าต้องปลอบโยนด้วยคำหวานเสมอไป ชั้นคิดว่าริสก็น่าจะเห็นด้วยในจุดนี้นะ”

“….”

“และต่อจากนี้ นี่คือประกาศิตของผมเองว่าจะสนับสนุนริส เป็นพันธมิตรเธอต่อจากนี้ไป”

“มุ่งมั่นมาก คิดจะเป็นพระเอกต่างโลกรึไงคะ”

“เขาเรียกว่าปรับการสื่อสารให้เข้ากับนิสัยเธอต่างหากล่ะ “

“ก็ไม่แก้ตัวด้วยนะว่าอยากเป็นพระเอก”

“ยังจะพูดแบบนั้นอีกรึ นี่ผมจริงจังนะเฟ้ย”

“…ล้อเล่นจ้า”

ริสหัวเราะน้อยๆ เสียงหัวเราะเธออ่อนโยนเป็นธรรมชาติ รู้สึกได้ว่าบรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนไปเพราะเสียงริส

“ผมก็ยืนยันอยากให้เธอรู้ไว้ว่าผมจะยืนเคียงข้างเธอเสมอนะครับ”

“…..”

“เป็นเรื่องปกติของครอบครัวใช่มั้ยล่ะ ครอบครัวของริสน่ะต้องมีชั้นเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกครอบครัวด้วย และที่ๆชั้นอยู่ จะเป็นสถานที่ที่ริสสามารถกลับมาพักพิงได้เสมอ”

ผมพูดสิ่งที่อยากจะบอกเธอจนหมด และในหัวก็นึกถึงรินกะด้วย

ผมนึกถึงความรู้สึกของรินกะตอนนั้นที่เธอบอกผมว่าให้พึ่งพาเธอ นี่สินะ ความรู้สึกบริสุทธิ์แบบเดียวกันเลย

ถ้ามีใครสักคนที่เหงาจนร้องไห้ออกมา ก็อยากจะช่วยเหลือคนนั้น

“….เป็นแค่โอนี่จังสายเนตเกมเมอร์ง่อยๆแท้ๆ”

โอ้ ไม่ปฏิเสธสิ่งที่ผมบอกด้วยแฮะ แถมเรียกผมว่าโอนี่จังแล้วด้วย ถ้าผมยืนเคียงข้างเพื่อช่วยเหลือเธอได้ ผมก็จะยืนตรงนั้น

“…..”

ถึงตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้เสียบรรยากาศ ใช้ความรู้สึกเอาก็พอ

ผมกับริสนิ่งเงียบ ได้ยินเสียงรถวิ่งจากข้างนอกเป็นครั้งคราว

ในตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไร ผมก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์พวกเราดีขึ้นแล้วแน่ๆ

****

จบ Netoge no Yome ga Ninki Idol datta เล่ม 3 ch17-7 ใช้ชีวิตร่วมกับน้องสาวบุญธรรม

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~“คาสึโตะคุง เรื่องนี้มันหมายความว่าอะไร” ณ.กลางวัน วันอาทิตย์ ห้องๆหนึ่งของแมนชั่นที่มีไอดอลสาวมัธยมปลายอาศัยอยุ่ ในห้องมีผม กำลังนั่งคุกเข่ามือสองข้างวางบนต้นขาตัวเอง ภายในห้องจัดวางของเป็นระเบียบบ่งบอกถึงความคูลของนิสัยเจ้าของห้อง “เน่ ฟังที่ชั้นพูดอยู่มั้ย นี่เป็นเรื่องสำคัญในอนาคตของเราสองคนนะ” “ฟ..ฟังอยู่ครับ…” ในขณะที่ผมคาสึโตะกำลังนั่งคุกเข่า ส่วนคู่สนทนาผมคือเด็กสาวกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม เธอเป็นเด็กสาวผมยาวสงลย มีชื่อว่า มิสึกิ รินกะ บรรยากาศเงียบสงัดแฝงความโกรธแผ่ออกมาจากร่างเล็กของเธอ สายตาที่มองลงมาที่ผมเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง “คาสึโตะคุง ชั้นถามอีกรอบนะ คนพวกนี้เป็นใคร” รินกะหันหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ผมดู หน้าจอแสดงรายชื่อfirend list ในเกมMMO RPG ที่ผมเล่นอยู่ประจำเรียงเป็นแถว (มีแค่5คนเท่านั้น) “คนพวกนั้นมัน…เป็นผู้เล่นปกตินะ..นานๆทีก็ลงดันเจี้ยนด้วยกันแล้วรู้สึกดีเลยaddไว้เฉยๆ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset