ตอนที่ 840 : ถ้ํามังกรโลหิตมาร
ครึ่งเซียนหลายคนของสํานักมังกรฟ้าต่างมาพร้อมกับหลงฉวนอู่ หลงอวี้คังเองก็ติดตามคนกลุ่มนี้มาเช่นกัน
“คิดทําอะไร? ทุบตีผู้ต้องขังถือเป็นการทําผิดกฏร้ายแรงของคฤหาสน์ราชันมังกร!” หลงอวี้คัง กล่าวออกด้วยเสียงอันดัง
“ก็ไม่ทําอะไร เพียงย้ายผู้ต้องขังมาขังรวมกันก็เท่านั้น!” ชายชรากล่าวคํา
ผู้ต้องขังเหล่านี้มีกันกว่าสิบคน ทั้งหมดล้วนร่างสูงใหญ่ผิดมนุษย์และอยู่ขอบเขตราชันยุทธ์ เพียงมองก็กล้ากล่าว ว่าพวกเขาเหล่านี้มาจากแดนอสูรอ้างว้าง เวลานี้ถูกจงใจนํามากักขังที่นี่ จุด ประสงค์ย่อมชัดเจน นั่นก็เพื่อสอนสั่งบทเรียนแก่ฉินหยุน!
หลงอวดังเวลานี้ส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุน “พี่หยุน เร่งรีบหนีไป อย่าได้ห่วงข้า!”
แน่นอนว่าฉินหยุนย่อมไม่คิดหนี ตอนนี้เขาคือราชันยุทธ์ ทว่าผนึกเก็บงําการฝึกฝนเอาไว้อย่างมิดชิด
พวกเราไปก่อนแล้ว!” หลงฉวนอู่เดินจากไปพร้อมหัวเราะโฉดชั่ว
ชายชราหลายคนต่างเริ่มหัวเราะเดินกันออกไปคนแล้วคนเล่า
“หลงอวี้คัง เจ้าเองก็เร่งรีบออกมา!”
“เร่งรีบออกมา หมดเวลาเยี่ยมเยือนแล้ว!”
ชายชราหลายคนตะโกนเสียงดังอย่างเข้มงวดใส่หลงอวี้คัง เขาจึงได้แต่ต้องเดินออกไป ความรู้สึกภายในเวลานี้หาได้ร้อนรนใดอีก เมื่อครู่เขาได้เห็นสีหน้าไม่ยี่หระใดของฉินหยุนแล้ว
ติ้ง!
ประตูปิดลง กลุ่มคนร่างสูงใหญ่เหล่านี้จึงเริ่มเผยเสียงหัวเราะ
หนึ่งในกลุ่มคนที่ขนดกและผิวหนังสีดําเมี่ยม เขากล่าวพร้อมหัวเราะโฉดชั่ว “ดูเจ้าตัวอ่อนแอนี้ ให้ข้าได้ขึ้นคร่อมมันสักคราคงไม่เลว!”
“ขึ้นคร่อมข้าอย่างนั้นหรือ? คิดหรือว่าจะทุบตีข้าได้ตามใจชอบ?” ฉินหยุนเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ทุบตีเจ้า? เหอะ… ทุบตีเจ้ามันทําอันใดให้ข้าสุขกายสบายตัวได้? เสพสมกับเจ้าต่างหากจึงทําให้ข้าสบายตัว!” ชายร่างใหญ่หัวเราะโฉดชั่ว
ความรู้สึกนึกรังเกียจพลันแล่นปราดในจิตของฉินหยุน คนกลุ่มนี้ถึงกับมีเจตนามาเพื่อก่อเรื่องเช่นนั้น! ฉินหยุนเวลานี้รู้สึกไม่ดียิ่ง ที่ตนกลับกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มชายร่างใหญ่เหล่านี้
“ไสหัวไป!” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกกล่าวคําเบา
“รังเกียจหรือ? รอจนกว่าข้าจะทําให้เจ้าจุกจนสําลักออก!” ชายร่างใหญ่หัวเราะดัง
ชายร่างใหญ่ผู้อื่นเวลานี้เริ่มคํารามร้องหัวเราะตาม กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ฝึกตนอสูรขอบเขตราชันยุทธ์ แม้ฉินหยุนไม่ใช่ราชันยุทธ์ สังหารอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องง่ายดาย โดยเฉพาะตอนนี้ยิ่งไม่ควรค่าให้ต้องกล่าวถึง
หลังก้าวข้ามขอบเขต พลังงานที่กักเก็บไว้ภายในตะวันทมิฬและกระดูกของเขาจึงเพิ่มพูนอย่างมหาศาล พลังเต่ลึกล้ําที่ปลดปล่อยออกมาเวลานี้จึงแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมสองถึงสามเท่า
“หลงฉวนอู่จงใจส่งพวกเจ้ามา?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เป็นฝีมือเขาแล้วอย่างไร? ไม่ใช้ฝีมือเขาแล้วอย่างไร? หากยังไม่อยากร่างแหลกออกเป็นเสี่ยง เช่นนั้นจงถอดกางเกงเจ้า!” ชายร่างใหญ่เผยยิ้มอย่างมีอารมณ์
ความรู้สึกนึกรังเกียจของฉินหยุนทะลักล้นอีกครั้งหนึ่ง เขาหลับตาลงพร้อมกล่าว “ตัวโสโครกเช่นพวกเจ้าช่างทําข้ารําคาญสายตานัก! เหมือนความตายจะง่ายดายเกินไปสําหรับพวกเจ้า! ข้าจะทําให้ชีวิตพวกเจ้าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”
“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใด? เจ้าหรือจะมีปัญญาทําให้ชีวิตพวกเราเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย?”
“ดื้อด้านดี ข้าชอบ!”
“อย่าได้พูดกล่าวมากความแล้ว เร่งรีบจับตัวมัน ให้ข้าเล่นมันก่อน!”
ชายร่างใหญ่เหล่านี้พลันพุ่งเข้ามา ฉินหยุนหลบเลี่ยงก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรร่างสูงใหญ่กลายเป็นซะงักงัน พวกเขาเริ่มมองหาตัวฉินหยุนรอบทิศ
“มันไปที่ใดแล้ว?”
“บัดซบ สถานที่เล็กจ้อยเช่นนี้ พวกเราหามันไม่ได้เจอได้อย่างไร!”
“กระจายตัว พวกเราจะบีบบังคับให้มันออกมา!”
ขณะกลุ่มคนคิดลงมือ ชายร่างใหญ่พลันต้องกรีดร้องออกอย่างชวนสังเวช ผู้อื่นเวลานี้ต่างหันกลับมอง พบเห็นหน้าท้องชายร่างใหญ่ทะลวงปรากฏเป็นมือ และมือนั้น ได้ชักกลับพร้อมนําแก่น แต่ของชายร่างใหญ่ออกจากร่างครึก!
แก่นเต๋ถูกบดขยี้ออกเป็นฝุ่นผง พลังงานอสูรกระจัดกระจายทั่ว
“ข้า ข้าจบสิ้นแล้ว!” ชายร่างใหญ่กระอักเลือดคําโตกรีดร้อง
ผู้ฝึกตนอสูรที่เหลือเร่งรีบพุ่งเข้ามา ฉินหยุนจึงแค่นเสียง ก่อนจะใช้วิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรมภายในตะวันทมิฬ ปลดปล่อยพลังแห่งความเที่ยงธรรมพร้อมรุกคืบด้านหน้า มวลอากาศระเบิดออกเบิกเป็นทางสีขาวพร้อมลําแสงส่องประกาย
“อาก!”
กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรร่างถูกปกคลุมด้วยพลังแห่งความเที่ยงธรรม ร่างกายพวกเขาราวกับตกอยู่ในห้วงความร้อนเผาไหม้พร้อมกรีดร้องเจ็บปวด พร้อมกันนี้ มวลอากาศสีดําจึงเริ่มลอยฟังออก
“เจ้า… นี่เจ้าใช้พลังอันใดออกมา?” ผิวหนังของผู้ฝึกตนอสูรถูกเผาไหม้รุนแรงจนถึงขนาดชวนไม่น่ารับชม
ฉินหยุนยังคงเงียบ ส่งฝ่ามือโจมตีออกจากระยะไกลเกิดขึ้นเป็นมวลอากาศสีขาว พลังงานเข้าปะทะใส่ร่างผู้ฝึกตนอสูร เป็นผลให้พวกเขาต้องกรีดร้องเจ็บปวดออกมา
เดิมพวกเขามีกล้ามเนื้อหนาแน่นตามร่างกาย ทว่าเวลานี้กลับกลายเป็นผอมบาง กล้ามเนื้อเหล่านั้นถูกหลอมละลายหายหมดสิ้นแล้ว
“แม้พวกเจ้าดูน่ารังเกียจไปบ้าง ทว่ามันดูน่ารังเกียจน้อยกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย!” ฉินหยุนเผยยิ้มอ่อน
ผู้ฝึกตนอสูรที่คิดจัดการบุคคลซึ่งครอบครองพลังแห่งความเที่ยงธรรม กล่าวได้ว่าไม่ต่างอะไรกับรนหาความตาย แม้เป็นผู้ฝึกตนอสูรจักรพรรดิยุทธ์ หากต้องเผชิญหน้ากับฉินหยุนเวลานี้ เขาก็สามารถบีบบังคับให้อีกฝ่ายต้องคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรที่อหังการอวดดีเมื่อครู่ เวลานี้กลับกลายเป็นร้องโอดครวญ ฉินหยุนนั่งลงที่มุมหนึ่ง ปลดปล่อยเผยออกซึ่งพลังงานราชันโคจรภายในร่างเพื่อรวบรวมฝึกฝน
สองวันผ่านพ้น หลงฉวนอูและคณะกลับมาเยือนอีกครั้ง หลงอวี่คั่งรออยู่ที่ประตูหน้าทางเข้าพื้นที่ต้องห้ามเป็นเวลาถึงสองวันเต็ม ทันทีเมื่อพบเห็นหลงฉวนอู่มาถึง เขาจึงติดตามอีกฝ่ายเข้าสู่ภายใน
ประตูเมื่อเปิดออก กลิ่นเหม็นฉุนจึงเข้าจู่โจมประสาทรับกลิ่นของพวกเขา กลุ่มคนที่เพิ่งเข้ามาพบเห็นผู้ฝึกตนอสูรอยู่ในสภาพชวนสังเวชพลันอดไม่ได้ที่จะเผยอาการตื่นตะลึง บางคนถึงขั้นคิดอยากสํารอกออกด้วยซ้ํา
หลงอวดังเองก็แตกตื่น เพราะหากเป็นตัวเขาที่ถูกปิดล้อมโดยผู้ฝึกตนอสูรราชันยุทธ์ เขาจะไม่มีทางอยู่รอดพ้นอย่างไร้รอยขีดข่วนใดได้
ทว่าฉินหยุนไม่ใช่ เขาเพียงนั่งหลบมุมฝึกฝนด้วยอาการสงบ และบรรดาผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ต่างนอนทอดกายกับพื้น ร่างกายมีสภาพจนไม่ชวนให้ผู้ใดหันมอง ทั้งยังกรีดร้องออกอย่างเจ็บปวด
“เจ้า… นี่เจ้าทําอะไรลงไป?” หลงฉวนอู่คํารามกราดเกรี้ยว เขาคิดว่าเมื่อผ่านไปสองวันและกลับมา ที่พบเห็นจะเป็นฉินหยุนซึ่งมีสภาพเลวร้าย ทว่าฉินหยุนเวลานี้หาได้บาดเจ็บอันใดไม่!
“พวกมันคิดโจมตีข้า ดังขึ้นจึงสอนสั่งไปว่าอะไรควรเป็นอะไร!” ฉินหยุนกล่าวตอบ
“เปิดศึกปะทะต่อกันภายในห้องขังไม่ได้รับอนุญาต! เข้าไปจับตัวมันไว้!” ชายชราตระกูลหลงร้องตะโกนเสียงดัง
เวลานี้เอง หนึ่งในชายชราสํานักมังกรฟ้าจึงก้าวเดินเข้าไปตรวจสอบอาการผู้ฝึกตนอสูร น้ําเสียงพลันต้องร้องออกอย่างตื่นตระหนก “พลังแห่งความเที่ยงธรรม! ไม่แปลกใจเลยที่ชายคนนี้สามารถจัดการผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ได้ แม้เขาจะยังไม่ก้าวถึงราชันยุทธ์ก็ตาม!”
“จะบอกว่า ชายคนนี้ครอบครองวิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรม?” หลงฉวนอู่ร้องออกด้วยอาการตระหนก สีหน้าของเขาเวลานี้เผยความริษยาเกินใดเทียบเปรียบ
หลงอวี้คังมองที่ฉินหยุนด้วยอาการตื่นตะลึงเช่นกัน เวลานี้เขายังแทบไม่อาจเชื่อ สําหรับเขาแล้ว ฉินหยุนเป็นชายผู้มากเล่ห์กล กระนั้นอีกฝายถึงขั้นมีวิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรมในครอบครอง!
ผู้คนของสํานักมังกรฟ้าและตระกูลหลงยังนึกถึง พวกเขาเร่งรีบเข้าไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร หลังได้พิจารณาถี่ถ้วน พวกเขาล้วนมั่นใจว่าผู้ฝึกตนอสูรกลุ่มนี้บาดเจ็บ เพราะพลังแห่งความเที่ยงธรรม!
“ผู้อาวุโส ท่านนําวิญญาณยุทธ์ของมันออกมามอบให้แก่ข้าได้หรือไม่?” หลงฉวนอู่เผยความยินดี
“ไม่อาจทําได้! วิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรมพิเศษยิ่ง หากเป็นผู้ที่มีจิตผิดศีลธรรมและมีความไม่ชอบธรรมคิดผสานรวมกับมัน เช่นนั้นผลลัพธ์คือถูกกลืนกิน! แม้เจ้าไม่ใช่คนผิดศีลธรรม หรือไม่ชอบธรรม กระนั้นอย่าได้คิดเสี่ยง!” ชายชราจากสํานักมังกรฟ้ากล่าวตอบ
“ชายผู้นี้ เหตุใดจึงตื่นรู้วิญญาณยุทธ์เช่นนี้ขึ้นมาได้?” หลงฉวนอู่ทราบกรรมดีชั่วของตนเองดี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทดลอง หากเขาคิดอยากผืนผสานรวมเข้ากับมัน เช่นนั้นอาจสูญสิ้นชีวิต “หากไม่อาจได้ เช่นนั้นก็ทําลาย ฆ่ามันทิ้งเสียที่นี่!”
“หลงฉวนอู ที่นี่หาได้ใช่บ้านเจ้า อย่าได้คิดก่อการจนเกินเลย!” หลงอวี้คังเร่งรีบเข้าถึงข้างกายฉินหยุน
“มันเปิดศึกต่อสู้กับผู้อื่นในห้องขัง! มันต้องชดใช้!” ชายชราตระกูลหลงตะโกนดัง พวกเขาเวลานี้ล้วนริษยาจนถึงขั้นคิดอยากสังหารฉินหยุนให้ตายตก
ชายชราจากสํานักมังกรฟ้าพลันโพล่งออก “รอประเดี๋ยว! เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรม เช่นนั้นย่อมสามารถนําพวกเราเข้าสู่ถ้ํามังกรโลหิตมาร! ด้วยเขาเบิกทาง เรื่องราวที่เหลือสําหรับพวกเราก็ง่ายดาย!”
ฉินหยุนพลันรับรู้ถึงสังหรณ์เลวร้าย
หลงอวี้คังตะโกนตอบ “นี่บ้าไปแล้วหรือไร?”
“หลงอวดัง เจ้าควรทราบดี ว่าถ้ํามังกรโลหิตมารนั้นสําคัญต่อพวกเราตระกูลหลงเพียงใด!” ชายชราจากสํานักมังกรฟ้าแค่นเสียง “หากพวกเราสามารถได้รับสิ่งที่คงอยู่ภายใน เช่นนั้นตระกู ลสายเลือดมังกรเช่นพวกเราจะยิ่งเท่าทวีอํานาจ!”
หลงฉวนอู่เผยเสียงหัวเราะโฉดชั่ว “จริงด้วย ให้มันผู้นี้เบิกทางให้! ถ้ํามังกรโลหิตมารมีแต่ภูตผี และเหล่ามารอสูร ด้วยมันใช้พลังแห่งความเที่ยงธรรม คิดจัดการวิญญาณร้ายเหล่านั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!”
หลงอวี้คังเผยเสียงกราดเกรี้ยว “กระทั่งครึ่งเซียนยังต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่ถ้ําแห่งนั้น อย่าได้กล่าวถึงยอดยุทธ์แล้ว!”
“พอแล้ว เรื่องราวถือว่าสรุปที่ตรงนี้! พวกเราผู้คนของแดนเซียนอ้างว้างจะรับหน้าที่เบิกทางสํารวจถ้ํามังกรโลหิตอสูรเอง! เหอะ อีกสามวันพวกเราจะเริ่มเดินทาง!” ชายชราสํานักมังกรฟ้าหัวเราะดังจากใจ
“หากข้าพาเข้าสู่ด้านในได้ เช่นนี้ความดีของข้าจะชดใช้ความผิดได้หรือไม่?” ฉินหยุนพลันเอ่ยถาม
“หากเจ้าสามารถนําพวกเราเข้าสู่เบื้องลึกของถ้ํามังกรโลหิตอสูร เช่นนั้นกรรมที่เจ้าก่อไว้ถือว่าเป็นโมฆะ! พวกเราจะไม่สืบสาวเรื่องราวที่เจ้าก่อไว้อีกต่อไป!” ชายชราตระกูลหลงกล่าว
“ได้ ข้าตกลง!” ฉินหยุนรับคํา
“พวกเราจะมาพาตัวเจ้าไปในอีกสามวันให้หลัง จงรออยู่ที่นี่!” ชายชราตอบคํา
หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว หลงอวี้คังจึงสายศีรษะเดินไปมา
“เป็นอะไรหรือน้องหลง?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พี่หยุน ท่านไม่ทราบว่าถ้ํามังกรโลหิตมารน่าสะพรึงเพียงใด!” หลงอวี้คังถอนหายใจ “พวกมันเพียงส่งท่านไปตาย!”
“แล้วถ้ํามังกรโลหิตมารนั้นอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง
“อยู่ภายในคฤหาสน์ราชันมังกรของเรา เป็นส่วนลึกใต้พื้นดินลงไป มันคือความลับของพวกเราตระกูลหลง! ข้าเพียงได้รับฟังมาจากท่านปูบ้างเล็กน้อย!” หลงอวี้คังกล่าวเสียงเบา “ตํานานกล่าวขาน มันมีเคล็ดวิชาอันแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์คงอยู่ภายในถ้ําแห่งนั้นเป็นเคล็ดเต๋า!”
“เคล็ดเต่ํา?” ฉินหยุนพลันเกิดความสงสัยใคร่รู้
“เป็นเคล็ดวิชาที่ทําให้พวกเราสามารถใช้กฎมหาวิถีแห่งเต๋ มันแข็งแกร่งยิ่ง และดีเยี่ยมทัดเทียมความสามารถเทวะ! นอกจากนี้ เคล็ดเตลึกลับดังกล่าวยังสามารถเรียนรู้ได้โดยตรง!”
ดังกล่าว “ข้าจะไปดูว่าท่านปูออกจากการเก็บตัวหรือยัง เช่นนั้นท่านจะได้มาห้ามปรามพวกมันไว้!”
หลงอวี้คังเดินจากไป ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าคฤหาสน์ราชันมังกรจะยังมีสถานที่ลึกลับดังเช่นถ้ํามังกรโลหิตมาร เวลานี้เขานั่งมุมหนึ่งเพื่อฝึกฝน เขาต้องเตรียมความพร้อมและคงเสถียรภาพในร่างตนเอง
สามวันผ่านไปรวดเร็ว ฉินหยุนถูกคุมตัวออกมา เดินทางสู่ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งภายในคฤหาสน์ราชันมังกร ที่แห่งนี้มันมีถ้ําขนาดใหญ่ หลายคนต่างยืนรอคอยที่ด้านหน้าถ้ํา เซียนหมูจิ้งยังร่วมทางมา
นางมองที่ฉินหยุนพร้อมครวญครางเย็นเยือก เวลานี้นางยืนอยู่กับหลงฉวนอู ราวกับว่านางหาได้มีเรื่องผิดใจอันใดกับอีกฝ่ายไม่