OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF – ตอนที่ 1 The student of a poor family

Chapter 1 The student of a poor family

ผู้แปล C

หลังพระอาทิตย์อัสดง ในเมืองชานซิตี้ได้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดขนาดใหญ่

ดวงดาวบนท้องฟ้าช่างดูเล็กเหมือนดังเช่นฝุ่นผงธุลี

ภูเขาสูงตั้งตระหง่านถูกแสงยามอาทิตย์อัสดงตกกระทบ เรืองแสงคล้ายสายรุ้ง

มันช่างเป็นฉากที่งดงามเสียนี่กระไร

ณ ป้อมยามที่18

หนิงเถาเหน็บจดหมายตอบรับไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขาและเดินออกมาทางป้อมยาม

ด้านหลังของเขาเป็นตึกเรียนที่สวยงามและ

ด้านหน้าของเขาเป็นถนนหน้าทางเข้าโรงเรียน

“พ่อครับ แม่ครับ ผมจะไม่ทําให้พ่อกับแม่ผิดหวัง

ผมจะไปมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือของชานซิตี้พรุ่งนี้

และเริ่มฝึกงานที่นั่นครับ” หนิงเถาพึมพํากับตัวเอง

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ราวกับว่าข้างบนนั้น เขาได้เห็นหน้าพ่อแม่ซึ่ง

พวกเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสี่ปีก่อนอีกครั้ง

ขณะนั่นเองรถยนต์BMW 745Li ขับมาจอดช้าๆหน้าประตูโรงเรียน

เมื่อไฟส่องที่ป้ายทะเบียนรถ หนิงเถาจําได้ทันทีว่านี่เป็นรถของหยางไฮ

หยางไฮเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา ซึ่งวันๆไม่ทําอะไร

พึ่งพาแต่ครอบครัวที่ร่ํารวยของเขาไปวันๆ

หนิงเถาเพียงแค่ชายตามองที่รถก่อนที่จะมองไปยังตึกเรียน

อย่างไรก็ตาม รถBMW 745Li ขับมาหยุดข้างๆหนิงเถา หน้าต่างรถเลื่อนเปิดลง

หยางไฮในทรงโมฮอกนั่นเอง เขามองมายังหนิงเถอด้วยรอยยิ้ม “ไง หนิงเถา

เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่ากันไง ทําไมไม่ทักทายตอนเจอกันหน่อยละ?”

เขาถามหนิงเถา

หนิงเถาเพีย

แค่ยิ้มอ่อนที่มุมปากและตอบกลับหยางไฮไปว่า “ไง หยางไฮ

กําลังจะออกไปเที่ยวข้างนอกหรอ?”

ขณะนั้นเองผู้หญิงที่นั่งข้างหยางไฮ

หันมาซบที่อกของหยางไฮและพูดกับเขาด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ไฮ ทําไมต้องไปทักทาย

รปภ.ด้วยอ่ะ? ไปกันเถอะ”

“เขาไม่ใช่รปภ. แต่เขาเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมคนนึงในชั้นเรียนของผมเลยละ

แต่ตั้งแต่ที่พ่อแม่เขาตายจากอุบัติเหตุรถยนต์

โรงเรียนก็เลยให้เขาทํางานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองเล็กๆน้อยๆละ”

หยางไฮอธิบายด้วยน้ําเสียงแปลกๆ “ฉันพูดถูกมั้ยหนิงเถา?”

หนิงเถาไม่ได้พูดอะไรออกมาภายนอกเขาดูเหมือนนิ่งสงบ แต่ลึกเข้าไปในใจ

เขายังคงมีบาดแผลที่เหมือนรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์นั้นอยู่เสมอ

แต่หลังจากสี่ปีที่เขาใช้ชีวิตคนเดียวโดยปราศจากพ่อและแม่

เขาจึงเรียนรู้ที่จะเก็บงําอารมณ์ความรู้สึกของเขาไว้ให้อยู่เพียงในใจเขาเท่านั้น

ผู้หญิงคนนั้นชําเลืองมองมาที่หนิงเถาแวบนึงและหันไปพูดกันหยางไฮว่า

“ฉันหิวมากเลยอ่ะไฮเมื่อไหร่เราจะไปทานข้าวกันสักที?”

ความเป็นจริงแล้วหนิงเถารู้จักผู้หญิงคนนี้เธอคือถังหลิง

ลูกสาวของผู้อํานวยการของสํานักงานด้านการเรียนการสอน

ซึ่งเธอทํางานอยู่ฝ่ายธุรการของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือขอ

งชานซิตี้

ปี๊ด! ปี๊ด!

เสียงแตรจากรถด้านหลังของหยางไฮดังขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้น หยางไฮก็ยังไม่สะทกสะท้านและยังคงพูดติดตลกกับหนิงเถาต่อว่า

“หนิงเถา ทําพิธีสดุดีทหารให้ฉันหน่อยสิฉันอยากรู้สึกเหมือนตัวเองกําลังไปสนามรบ”

รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของหนิงเถา

“คุณต้องเป็นผู้ชํานาญการด้านพลปืนใหญ่ที่น่าอัศจรรย์เป็นแน่โดยคุณจะยิงโดนเป้าหมาย

ทุกครั้งอย่างแน่นอน” หนิงเถายกยอหยางไฮ

หยางไฮพอใจกับคําพูดนั้นเป็นอย่างมากจึงหัวเราะออกมาอย่างดัง

หนิงเถาชะโงกหน้าเข้าไปในรถและกระซิบบอกหยางไฮว่า “ฉันรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ

ที่อยู่แถวถนนลิเบอร์เรตติ้ง ดูมีคลาสมากๆ แฟนของคุณจะต้องชอบมัน”

รอยยิ้มเขินอายจองถังหลิงผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอในขณะที่เธอได้ยินคําว่า

“แฟนของคุณ”

หนิงเถาชะโงกหน้าไปที่กระซิบข้างหูหยางไฮอีกครั้งและพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “

มีโรงแรมอยู่ถัดจากร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยนะ ที่นั้นเต็มไปด้วยของที่น่าสนใจ

คุณจะได้รู้แก่นแท้ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยละ”

“จริงหรอ?” ตาของหยางไฮเป็นประกายขึ้นมา

“จริงสิ…..ใครโกหกคุณขอให้เป็นหมาเลย”

หนิงเถาพูดพร้อมยืนตรงและวันทยาหัตถ์ให้แก่หยางไฮ

หยางไฮยิ้มและพูดว่า “นายนี่เป็นเพื่อนที่ยอดเยี่ยมสําหรับฉันจริงๆ ไว้เจอกัน”

BMW 745Li เร่งความเร็วออกประตูโรงเรียนไป

หลังจากนั้น หนิงเถาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงผู้ชายดังขึ้นจากโทรศัพท์“สวัสดีครับ

ไม่ทราบว่านี่ใครโทรมาครับ?”

“ผอ.ถังครับ ผมเห็นผู้ชายคนนึงออกจากโรงเรียนไปกับลูกสาวคุณ

ผู้ชายคนนั้นเป็นไม่ได้เรื่องเลยครับ ผมได้ยินมาว่า

เขาเคยทําเด็กผู้หญิงคนนึงท้องต่อมาจึงพาเด็กคนนั้นไปทําแท้งครับ

ตอนนี้เขาจะพาลูกสาวคุณไปร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งใกล้ๆนั้นมีโรงแรมเลิฟตั้งอยู่

ผมแนะนําว่าคุณนํานักเรียนที่เก่งด้านกีฬาสักคนที่ที่อยู่ตามนี้นะครับ…78

ถนนลิเบอร์เรตติ้ง ส่วนผมเป็นใครงั้นหรอครับ?

ผมเป็นนักเรียนธรรมดาคนนึงของคุณนั้นแหละผมคือ…….ช่างมันเถอะครับ

อย่าถามว่าผมเป็นใครเอาเป็นว่า ทําตามที่ผมบอกนะครับ” เขาพูดด้วยน้ําเสียงเข้มครึม

และวางสายโทรศัพท์ไป

“ฉันคือเหลยเฟิงผู้เสียสละ” หนิงเถาพูดกับตัวเอง

เหลยเฟิง (จีน: 雷

; พินอิน: Léi Fēng; 18 ธันวาคม ค.ศ. 1940 – 15 สิงหาคม ค.ศ. 1962)

เป็นทหารในสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นลูกกําพร้าจากจังหวัดฉางชา มณฑลหูหนาน และเข้าร่วมเป็นยุวสมาชิก

พรรคคอมมิวนิสต์จีน สมัครเข้าเป็นทหารพลาธิการในกองทัพปลดแอกประชาชนตั้งแต่อายุ 20 ปีและประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่

ด้วยวัยเพียง 21 ปี[1]

ภายหลังการเสียชีวิต ชื่อและภาพลักษณ์ของเหลยเฟิงถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนนํามาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อในฐานะ ประชาชนจีนตัวอย่าง

ผู้สมถะ ทุ่มเท และอุทิศตนให้กับแนวทางของเหมา เจ๋อตง [2] มีการตีพิมพ์สมุดบันทึกประจําวันของเหลยเฟิง ที่เขียนชื่นชมแนวคิดของเหมา เจ๋อตง

ผู้นําพรรคคอมมิวนิสต์อย่างกว้างขวาง

BMW 745Li ของหยางไฮขับมาจอดตรงสี่แยกไฟแดงซึ่งใกล้จะไฟเขียวเต็มที

ขณะที่ไฟเขียวฉายขึ้นมารถหยางไฮเร่งความเร็ว ทันใดนั้นเอง

สุนัขตัวสีดําวิ่งข้ามถนนมาด้วยความเร็ว หยางไฮไม่หยุดรถจึงชนสุนัขตัวนั้นเข้าอย่างจัง

ปัง!

“วู้วว….”

เสียงควรญครางด้วยความเจ็บปวดของสุนัขตัวนั้นดังขึ้นทันทีเมื่อถูกชนเข้ากับรถของหย

างไฮ มันกระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศ

หยางไฮจอดรถอย่างรวดเร็วและลงมาเช็คความเสียหายของรถ

เขาพบว่ารถไม่ได้เสียหายอะไรมากเขาสบถเล็กน้อยแล้วจึงขึ้นรถขับออกไป

สุนัขตัวนั้นกําลังจะตายอยู่บนถนน

รถบนท้องถนนเพียงแค่ขับผ่านไปมาแต่ไม่มีวี่แววใครที่จะสนใจมันเลย

หนิงเถาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกสงสารมันเป็นอย่างมาก

จึงรีบวิ่งออกมากจากประตูและมุ่งหน้าไปที่เจ้าหมาอย่างรวดเร็ว

“อยากตายรึไงว่ะ?” เสียงคนขับรถตะโกนออกมา

เนื่องจากหนิงเถาวิ่งออกถนนมาโดยไม่ทันสังเกตรถที่วิ่งผ่านไปมาเลย

หนิงเถาเพิกเฉยต่อคําด่าของคนขับรถคนนั้น

เขาเพียงแค่เข้าไปอุ้มเจ้าหมาออกจากทางขับรถนํามันมาไว้ข้างทาง

เมื่อมองอย่างถี่ถวนแล้วเจ้าหมาตัวนี้ดูมีอะไรที่พิเศษเล็กน้อยคือ

มันเหมือนลูกครึ่งดัชชุนและครึ่งหมีเท็ดดี้มันดูผอม

ขนแลดูนุ่มแถมยังมีตาสีเขียวที่สวยมากแต่เมื่อมองเลื่อนลงไปที่ขาพบว่าขาขวาของมัน

หักและมีเลือดออก

เมื่อเขาเห็นแววจาอันน่าสงสารของมัน เขาไม่สามารถทนที่เห็นมันตายไปแบบนี้ได้

เขาจึงอุ้มมันกลับมาที่โรงเรียน

ขอร้องเพื่อนร่วมงานของเขาว่าเขาจะนํามันไปไว้ที่ห้องใต้ดินที่อยู่ใต้ห้องทดลอง

ในห้องใต้ดินนี้มีโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์ทดลองที่ถูกทิ้งร้างไว้มากมาย

และตรงมุมเล็กๆของห้องตรงนั้น หนิงเถาอาศัยอยู่ที่นี่ เขามีหน้าที่ซ่อมโต๊ะ

เก้าอี้ที่พังด้วยเหตุนี้

เขาจึงนําห้องเล็กๆแห่งนี้เป็นห้องทํางานเนื่องจากสะดวกในการทําความสะอาด

ห้องเล็กๆนี้อัดแน่นไปด้วยหนังสือและยา

หนิงเถาวางเจ้าหมาดําไว้บนโต๊ะต่อมาเขาจึงนํา

ยาฆ่าเชื้อมาทําความสะอาดแผลของเจ้าหมา

ยาฆ่าเชื้ออาจจะเป็นเหตุทําให้เกิดความเจ็บปวดได้แต่เจ้าหมาดําก็ยังคงนอนแน่นิ่ง

เสมือนว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด

“เก่งมากเจ้าหมา ทําไมเจ้าถึงออกมาข้างนอกคนเดียว?”

เจ้าหมาดําจ้องมายังหนิงเถา ตาสีเขียวเข้มของมันดูน่าลึกลับชอบกล

“เจ้าหมาที่น่าสงสารกระดูกแกหักหลายส่วนเลยนะแกต้องอดทนหน่อยนะ

ฉันไม่มียาสลบให้แกนะแต่ฉันต้องจัดกระดูกให้เข้าที่ต่อจากนั้นจึงใส่เฝือกให้ขาแก”

เมื่อพูดจบเขาจึงเริ่มทําการรักษาเจ้าหมากล่าวได้ว่า เจ้าหมาดําตัวนี้เป็นคนไข้ (ตัว)

คนแรกของหนิงเถาเลยก็ว่าได้โดยระหว่างทําการจัดกระดูกอยู่นั้น

เขาก็เบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหมาโดยการพูดกับมันไปเรื่อยๆ

หนิงเถาลูบหัวเจ้าหมาดําพร้อมยิ้มออกมา “ด้วยความยินดี

มันเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องรักษาและช่วยเหลือผู้ที่กําลังจะตาย”

แต่ทันใดนั้นเอง เจ้าหมาดําแว้งกัดไปยังข้อมือของหนิงเถา

“โอ้ยยยย!!” ฟันของเจ้าหมาทะลุเข้าผิวหนังหนิงเถาความเจ็บปวดแล่นเข้ามา

ผ่านทุกโสตประสาททั่วร่างกายของหนิงเถา เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

เจ้าหมาดําอ้าปากและคลายออกจากข้อมือหนิงเถา

ต่อมามันจึงกลิ้งและกระโดลงจากโต๊ะโดยใช้สี่ขายืน

เลือดสีแดงไหลออกมาจากข้อมือหนิงเถาหยดลงบนพื้น

เขาดูช็อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนิงเถาคว้าม้านั่งแล้วปาไปที่หัวของเจ้าหมา

“เจ้าหมาบ้า!! ฉันพึ่งช่วยชีวิตแกไปนะกล้าดียังไงมากัดฉัน ฉันจะฆ่าแก!!!!”

เจ้าหมาดําพุ่งไปยังประตูซึ่งเร็วกว่าสุนัขทั่วๆไป

หนิงเถายืนขึ้นอย่างตะลึงงัน

“วู้ววววว…” เจ้าหมาดํามองกลับมาที่หนิงเถาแวบนึงและวิ่งออกประตูไป

หนิงเถาพยายามที่จะไล่ตามมัน แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเวียนศีรษะในที่สุด

สติของเขาหลุดหายไปพร้อมร่างกายของเขาที่ล้มลงบนพื้นห้อง……..

“ตุ๊บ”

Chapter 1 The student of a poor family

ผู้แปล C

หลังพระอาทิตย์อัสดง ในเมืองชานซิตี้ได้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดขนาดใหญ่

ดวงดาวบนท้องฟ้าช่างดูเล็กเหมือนดังเช่นฝุ่นผงธุลี

ภูเขาสูงตั้งตระหง่านถูกแสงยามอาทิตย์อัสดงตกกระทบ เรืองแสงคล้ายสายรุ้ง

มันช่างเป็นฉากที่งดงามเสียนี่กระไร

ณ ป้อมยามที่18

หนิงเถาเหน็บจดหมายตอบรับไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขาและเดินออกมาทางป้อมยาม

ด้านหลังของเขาเป็นตึกเรียนที่สวยงามและ

ด้านหน้าของเขาเป็นถนนหน้าทางเข้าโรงเรียน

“พ่อครับ แม่ครับ ผมจะไม่ทําให้พ่อกับแม่ผิดหวัง

ผมจะไปมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือของชานซิตี้พรุ่งนี้

และเริ่มฝึกงานที่นั่นครับ” หนิงเถาพึมพํากับตัวเอง

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ราวกับว่าข้างบนนั้น เขาได้เห็นหน้าพ่อแม่ซึ่ง

พวกเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสี่ปีก่อนอีกครั้ง

ขณะนั่นเองรถยนต์BMW 745Li ขับมาจอดช้าๆหน้าประตูโรงเรียน

เมื่อไฟส่องที่ป้ายทะเบียนรถ หนิงเถาจําได้ทันทีว่านี่เป็นรถของหยางไฮ

หยางไฮเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา ซึ่งวันๆไม่ทําอะไร

พึ่งพาแต่ครอบครัวที่ร่ํารวยของเขาไปวันๆ

หนิงเถาเพียงแค่ชายตามองที่รถก่อนที่จะมองไปยังตึกเรียน

อย่างไรก็ตาม รถBMW 745Li ขับมาหยุดข้างๆหนิงเถา หน้าต่างรถเลื่อนเปิดลง

หยางไฮในทรงโมฮอกนั่นเอง เขามองมายังหนิงเถอด้วยรอยยิ้ม “ไง หนิงเถา

เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่ากันไง ทําไมไม่ทักทายตอนเจอกันหน่อยละ?”

เขาถามหนิงเถา

หนิงเถาเพีย

แค่ยิ้มอ่อนที่มุมปากและตอบกลับหยางไฮไปว่า “ไง หยางไฮ

กําลังจะออกไปเที่ยวข้างนอกหรอ?”

ขณะนั้นเองผู้หญิงที่นั่งข้างหยางไฮ

หันมาซบที่อกของหยางไฮและพูดกับเขาด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ไฮ ทําไมต้องไปทักทาย

รปภ.ด้วยอ่ะ? ไปกันเถอะ”

“เขาไม่ใช่รปภ. แต่เขาเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมคนนึงในชั้นเรียนของผมเลยละ

แต่ตั้งแต่ที่พ่อแม่เขาตายจากอุบัติเหตุรถยนต์

โรงเรียนก็เลยให้เขาทํางานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองเล็กๆน้อยๆละ”

หยางไฮอธิบายด้วยน้ําเสียงแปลกๆ “ฉันพูดถูกมั้ยหนิงเถา?”

หนิงเถาไม่ได้พูดอะไรออกมาภายนอกเขาดูเหมือนนิ่งสงบ แต่ลึกเข้าไปในใจ

เขายังคงมีบาดแผลที่เหมือนรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์นั้นอยู่เสมอ

แต่หลังจากสี่ปีที่เขาใช้ชีวิตคนเดียวโดยปราศจากพ่อและแม่

เขาจึงเรียนรู้ที่จะเก็บงําอารมณ์ความรู้สึกของเขาไว้ให้อยู่เพียงในใจเขาเท่านั้น

ผู้หญิงคนนั้นชําเลืองมองมาที่หนิงเถาแวบนึงและหันไปพูดกันหยางไฮว่า

“ฉันหิวมากเลยอ่ะไฮเมื่อไหร่เราจะไปทานข้าวกันสักที?”

ความเป็นจริงแล้วหนิงเถารู้จักผู้หญิงคนนี้เธอคือถังหลิง

ลูกสาวของผู้อํานวยการของสํานักงานด้านการเรียนการสอน

ซึ่งเธอทํางานอยู่ฝ่ายธุรการของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือขอ

งชานซิตี้

ปี๊ด! ปี๊ด!

เสียงแตรจากรถด้านหลังของหยางไฮดังขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้น หยางไฮก็ยังไม่สะทกสะท้านและยังคงพูดติดตลกกับหนิงเถาต่อว่า

“หนิงเถา ทําพิธีสดุดีทหารให้ฉันหน่อยสิฉันอยากรู้สึกเหมือนตัวเองกําลังไปสนามรบ”

รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของหนิงเถา

“คุณต้องเป็นผู้ชํานาญการด้านพลปืนใหญ่ที่น่าอัศจรรย์เป็นแน่โดยคุณจะยิงโดนเป้าหมาย

ทุกครั้งอย่างแน่นอน” หนิงเถายกยอหยางไฮ

หยางไฮพอใจกับคําพูดนั้นเป็นอย่างมากจึงหัวเราะออกมาอย่างดัง

หนิงเถาชะโงกหน้าเข้าไปในรถและกระซิบบอกหยางไฮว่า “ฉันรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ

ที่อยู่แถวถนนลิเบอร์เรตติ้ง ดูมีคลาสมากๆ แฟนของคุณจะต้องชอบมัน”

รอยยิ้มเขินอายจองถังหลิงผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอในขณะที่เธอได้ยินคําว่า

“แฟนของคุณ”

หนิงเถาชะโงกหน้าไปที่กระซิบข้างหูหยางไฮอีกครั้งและพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “

มีโรงแรมอยู่ถัดจากร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยนะ ที่นั้นเต็มไปด้วยของที่น่าสนใจ

คุณจะได้รู้แก่นแท้ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยละ”

“จริงหรอ?” ตาของหยางไฮเป็นประกายขึ้นมา

“จริงสิ…..ใครโกหกคุณขอให้เป็นหมาเลย”

หนิงเถาพูดพร้อมยืนตรงและวันทยาหัตถ์ให้แก่หยางไฮ

หยางไฮยิ้มและพูดว่า “นายนี่เป็นเพื่อนที่ยอดเยี่ยมสําหรับฉันจริงๆ ไว้เจอกัน”

BMW 745Li เร่งความเร็วออกประตูโรงเรียนไป

หลังจากนั้น หนิงเถาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงผู้ชายดังขึ้นจากโทรศัพท์“สวัสดีครับ

ไม่ทราบว่านี่ใครโทรมาครับ?”

“ผอ.ถังครับ ผมเห็นผู้ชายคนนึงออกจากโรงเรียนไปกับลูกสาวคุณ

ผู้ชายคนนั้นเป็นไม่ได้เรื่องเลยครับ ผมได้ยินมาว่า

เขาเคยทําเด็กผู้หญิงคนนึงท้องต่อมาจึงพาเด็กคนนั้นไปทําแท้งครับ

ตอนนี้เขาจะพาลูกสาวคุณไปร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งใกล้ๆนั้นมีโรงแรมเลิฟตั้งอยู่

ผมแนะนําว่าคุณนํานักเรียนที่เก่งด้านกีฬาสักคนที่ที่อยู่ตามนี้นะครับ…78

ถนนลิเบอร์เรตติ้ง ส่วนผมเป็นใครงั้นหรอครับ?

ผมเป็นนักเรียนธรรมดาคนนึงของคุณนั้นแหละผมคือ…….ช่างมันเถอะครับ

อย่าถามว่าผมเป็นใครเอาเป็นว่า ทําตามที่ผมบอกนะครับ” เขาพูดด้วยน้ําเสียงเข้มครึม

และวางสายโทรศัพท์ไป

“ฉันคือเหลยเฟิงผู้เสียสละ” หนิงเถาพูดกับตัวเอง

เหลยเฟิง (จีน: 雷

; พินอิน: Léi Fēng; 18 ธันวาคม ค.ศ. 1940 – 15 สิงหาคม ค.ศ. 1962)

เป็นทหารในสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นลูกกําพร้าจากจังหวัดฉางชา มณฑลหูหนาน และเข้าร่วมเป็นยุวสมาชิก

พรรคคอมมิวนิสต์จีน สมัครเข้าเป็นทหารพลาธิการในกองทัพปลดแอกประชาชนตั้งแต่อายุ 20 ปีและประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่

ด้วยวัยเพียง 21 ปี[1]

ภายหลังการเสียชีวิต ชื่อและภาพลักษณ์ของเหลยเฟิงถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนนํามาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อในฐานะ ประชาชนจีนตัวอย่าง

ผู้สมถะ ทุ่มเท และอุทิศตนให้กับแนวทางของเหมา เจ๋อตง [2] มีการตีพิมพ์สมุดบันทึกประจําวันของเหลยเฟิง ที่เขียนชื่นชมแนวคิดของเหมา เจ๋อตง

ผู้นําพรรคคอมมิวนิสต์อย่างกว้างขวาง

BMW 745Li ของหยางไฮขับมาจอดตรงสี่แยกไฟแดงซึ่งใกล้จะไฟเขียวเต็มที

ขณะที่ไฟเขียวฉายขึ้นมารถหยางไฮเร่งความเร็ว ทันใดนั้นเอง

สุนัขตัวสีดําวิ่งข้ามถนนมาด้วยความเร็ว หยางไฮไม่หยุดรถจึงชนสุนัขตัวนั้นเข้าอย่างจัง

ปัง!

“วู้วว….”

เสียงควรญครางด้วยความเจ็บปวดของสุนัขตัวนั้นดังขึ้นทันทีเมื่อถูกชนเข้ากับรถของหย

างไฮ มันกระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศ

หยางไฮจอดรถอย่างรวดเร็วและลงมาเช็คความเสียหายของรถ

เขาพบว่ารถไม่ได้เสียหายอะไรมากเขาสบถเล็กน้อยแล้วจึงขึ้นรถขับออกไป

สุนัขตัวนั้นกําลังจะตายอยู่บนถนน

รถบนท้องถนนเพียงแค่ขับผ่านไปมาแต่ไม่มีวี่แววใครที่จะสนใจมันเลย

หนิงเถาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกสงสารมันเป็นอย่างมาก

จึงรีบวิ่งออกมากจากประตูและมุ่งหน้าไปที่เจ้าหมาอย่างรวดเร็ว

“อยากตายรึไงว่ะ?” เสียงคนขับรถตะโกนออกมา

เนื่องจากหนิงเถาวิ่งออกถนนมาโดยไม่ทันสังเกตรถที่วิ่งผ่านไปมาเลย

หนิงเถาเพิกเฉยต่อคําด่าของคนขับรถคนนั้น

เขาเพียงแค่เข้าไปอุ้มเจ้าหมาออกจากทางขับรถนํามันมาไว้ข้างทาง

เมื่อมองอย่างถี่ถวนแล้วเจ้าหมาตัวนี้ดูมีอะไรที่พิเศษเล็กน้อยคือ

มันเหมือนลูกครึ่งดัชชุนและครึ่งหมีเท็ดดี้มันดูผอม

ขนแลดูนุ่มแถมยังมีตาสีเขียวที่สวยมากแต่เมื่อมองเลื่อนลงไปที่ขาพบว่าขาขวาของมัน

หักและมีเลือดออก

เมื่อเขาเห็นแววจาอันน่าสงสารของมัน เขาไม่สามารถทนที่เห็นมันตายไปแบบนี้ได้

เขาจึงอุ้มมันกลับมาที่โรงเรียน

ขอร้องเพื่อนร่วมงานของเขาว่าเขาจะนํามันไปไว้ที่ห้องใต้ดินที่อยู่ใต้ห้องทดลอง

ในห้องใต้ดินนี้มีโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์ทดลองที่ถูกทิ้งร้างไว้มากมาย

และตรงมุมเล็กๆของห้องตรงนั้น หนิงเถาอาศัยอยู่ที่นี่ เขามีหน้าที่ซ่อมโต๊ะ

เก้าอี้ที่พังด้วยเหตุนี้

เขาจึงนําห้องเล็กๆแห่งนี้เป็นห้องทํางานเนื่องจากสะดวกในการทําความสะอาด

ห้องเล็กๆนี้อัดแน่นไปด้วยหนังสือและยา

หนิงเถาวางเจ้าหมาดําไว้บนโต๊ะต่อมาเขาจึงนํา

ยาฆ่าเชื้อมาทําความสะอาดแผลของเจ้าหมา

ยาฆ่าเชื้ออาจจะเป็นเหตุทําให้เกิดความเจ็บปวดได้แต่เจ้าหมาดําก็ยังคงนอนแน่นิ่ง

เสมือนว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด

“เก่งมากเจ้าหมา ทําไมเจ้าถึงออกมาข้างนอกคนเดียว?”

เจ้าหมาดําจ้องมายังหนิงเถา ตาสีเขียวเข้มของมันดูน่าลึกลับชอบกล

“เจ้าหมาที่น่าสงสารกระดูกแกหักหลายส่วนเลยนะแกต้องอดทนหน่อยนะ

ฉันไม่มียาสลบให้แกนะแต่ฉันต้องจัดกระดูกให้เข้าที่ต่อจากนั้นจึงใส่เฝือกให้ขาแก”

เมื่อพูดจบเขาจึงเริ่มทําการรักษาเจ้าหมากล่าวได้ว่า เจ้าหมาดําตัวนี้เป็นคนไข้ (ตัว)

คนแรกของหนิงเถาเลยก็ว่าได้โดยระหว่างทําการจัดกระดูกอยู่นั้น

เขาก็เบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหมาโดยการพูดกับมันไปเรื่อยๆ

หนิงเถาลูบหัวเจ้าหมาดําพร้อมยิ้มออกมา “ด้วยความยินดี

มันเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องรักษาและช่วยเหลือผู้ที่กําลังจะตาย”

แต่ทันใดนั้นเอง เจ้าหมาดําแว้งกัดไปยังข้อมือของหนิงเถา

“โอ้ยยยย!!” ฟันของเจ้าหมาทะลุเข้าผิวหนังหนิงเถาความเจ็บปวดแล่นเข้ามา

ผ่านทุกโสตประสาททั่วร่างกายของหนิงเถา เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

เจ้าหมาดําอ้าปากและคลายออกจากข้อมือหนิงเถา

ต่อมามันจึงกลิ้งและกระโดลงจากโต๊ะโดยใช้สี่ขายืน

เลือดสีแดงไหลออกมาจากข้อมือหนิงเถาหยดลงบนพื้น

เขาดูช็อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนิงเถาคว้าม้านั่งแล้วปาไปที่หัวของเจ้าหมา

“เจ้าหมาบ้า!! ฉันพึ่งช่วยชีวิตแกไปนะกล้าดียังไงมากัดฉัน ฉันจะฆ่าแก!!!!”

เจ้าหมาดําพุ่งไปยังประตูซึ่งเร็วกว่าสุนัขทั่วๆไป

หนิงเถายืนขึ้นอย่างตะลึงงัน

“วู้ววววว…” เจ้าหมาดํามองกลับมาที่หนิงเถาแวบนึงและวิ่งออกประตูไป

หนิงเถาพยายามที่จะไล่ตามมัน แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเวียนศีรษะในที่สุด

สติของเขาหลุดหายไปพร้อมร่างกายของเขาที่ล้มลงบนพื้นห้อง……..

“ตุ๊บ”

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

บทนำ นักศึกษาแพทย์ที่ยากจนคนหนึ่งได้เข้าไปช่วยชีวิตสุนัขสีดำที่ได้รับบาดเจ็บจากบนถนนโดยไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่คิดว่านั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์พันธ์ลึก และทำให้เขาได้รู้จักกับคลินิกลึกลับอย่างคลินิกนภา ตัวคลินิกเองยังมีกฎที่เป็นข้อบังคับที่ว่าถ้าหากเขาไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา จำนวนชีวิตน้อยๆของเขาจะต้องถูกหักออกไปทดแทนในส่วนที่ขาดไป เพื่อความอยู่รอดหนิงเถาผู้ที่พึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ฝึกตนมือใหม่และโลกใบใหม่นี้ จะต้องพยายามหาความดีและความชั่วเพื่อนำมาเป็นค่าเช่า นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นทั้งนักบุญและปีศาจ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset