บทที่ 10 รักษาเสร็จสมบรูณ์
ในทางเดิน
ถังหลิงมองดูนาฬิกาโอเมก้าของเธอ ก่อนที่เธอจะมองไปยังเจียงเฮาที่รออยู่หน้าประตูวอร์ด “คุณเจียง! เหลือเวลาอีกห้านาที” เธอพูดด้วยเสียงที่เป็นมิตรมาก
“ฉันรู้! ฉันไม่ต้องการให้เธอมาเตือนฉันหรอก” เจียงเฮาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามเดิม
ถังหลิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เธอทำเพียงยักไหล่แล้วพูดต่อว่า “คุณเจียง! ฉันรู้ว่าคุณไม่มีความสุขที่จะได้ยินความจริง แต่ฉันก็ต้องบอกตามจริงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนชายของแฟนฉันเอง เขาไม่ใช่หมอจริงๆด้วยซ้ำในตอนนี้ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนที่ได้ยอมรับเขาฝึกงานจบ อาจจะพูดได้ว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยลงมือรักษาผู้ป่วยจริงๆมาก่อน … “
เจียงเฮาได้พูดขัดจังหวะถังหลิง “หยุดพูดได้หรือยัง?”
ถังหลิงไม่คิดแบบนั้นเธอยังคงเล่าต่อว่า “เมื่อวานนี้เขายังได้ทำร้ายหัวหน้าหม่าเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลอีกด้วย เหตุผลนะเหรอ? ก็เพราะหัวหน้าหม่าได้ปฏิเสธรับเขาเข้าฝึกงานยังไงละ จากการสอบถามมาฉันรู้มาอีกว่าเหตุผลที่หัวหน้าหม่าไม่รับเขาเข้าทำงานก็เพราะเขามีปัญหาทางจิต มันเป็นอะไรที่อันตรายมากที่จะรับแพทย์ที่มีสภาพจิตแบบนั้นเข้ามา “
ทางด้านเจียงเฮา ถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินทุกคำพูดที่ถังหลิงได้พูด แต่เธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย คำพูดที่อีกฝ่ายพูดมานั้นมันช่างแตกต่างจากที่เธอเจอมาก ถ้าไม่ใช้เพราะหนิงเถาช่วยเหลือเธอเอาไว้ในตอนนั้น ตอนนี้เธอก็คงจะตายไปแล้ว เธอคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ได้
“อะไรนะ? ผู้ชายคนนั้นยังได้ทำร้ายคนด้วย? แบบนี้เขาก็ทำผิดกฎหมายนะสิ? ไม่ได้การละ ฉันจะต้องรีบแจ้งตำรวจให้มาจัดการนายคนนั้นทันที “ซูยูเหมยพูดออกมาด้วยเสียงแปลกๆ
เธอยังคงร้องไห้สะอื้นและพูดว่า “ที่รัก! คุณช่างน่าสงสารจริงๆ คุณพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เจอลูกสาวสุดที่รักอีกครั้ง แต่ดูที่เธอทำกับคุณสิ! เธอถึงกับพาหมอเถื่อนมารักษาคุณซะอย่างงั้น มันช่าง… “
เจียงเฮาทนไม่ไหวอีกแล้ว “หยุดต่อแหลได้แล้ว ” เธอตะโกนต่อว่า “ไม่ใช้ว่าเธอหวังให้พ่อของฉันตายไปเร็วๆเหรอไง? ฉันรู้จักเธอดี มันไม่มีทางที่เธอจะหวังให้เขาหายได้หรอห”
ซูยูเหมยที่ได้ฟังแบบนั้นก็หยุดร้องไห้ทันที
จากนั้นเชินเซิงหยีก็เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลกลุ่มหนึ่ง “ ผู้กำกับเจียง เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วครับ เพื่อนของคุณควรออกมาได้แล้ว”
เจียงเฮามองดูเวลาและพูดว่า “ยัง! มันยังเหลืออีกหนึ่งนาที”
“ครับ! จากนั้นเราจะรอสักครู่” เชินเซิงหยีตอบกลับมาเรียบๆ
หนึ่งนาทีต่อมาเจียงเฮาก็ได้เอื้อมมือออกไปและเคาะประตู
“เข้ามา” เสียงของหนิงเถาพูดดังออกมาจากในห้อง
เจียงเฮาได้เปิดประตูแล้วเข้าไปข้างใน
เชินเซิงหยี ถังหลิง และคนอื่นๆเองก็ติดตามเธอเข้าไปในห้องเช่นกัน
ในเตียงของโรงพยาบาล เจียงหยีหลงยังคงนอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างก็คือบนร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยเข็มเงินหลายเล่ม
เข็มเงินเหล่านั้นมาจากคลินิกของเขาเอง ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเข็มเงินธรรมดาแต่มันกับมีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาเลย
“หยุด!” ซูยูเหมยได้ตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก พร้อมกับชี้นิ้วของตัวเองไปยังหนิงเถา “เธอกำลังทำอะไร?”
หนิงเถาหันมามองฝูงชนแล้วมองดูซูยูเหมย“คุณตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังรักษาคุณเจียงด้วยวิธีการฝังเข็มอยู่?”
ถังหลิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้หัวเราะเยาะขึ้นมา “ดูสิว่าพวกเราเจอเข้ากับอะไร? ฉันได้บอกพวกคุณก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาเป็นคนบ้า แล้วคนบ้าจะรู้วิธีรักษาคนได้ยังไง? มันจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกคุณจะรีบจับเขาโยนออกไปและเรียกหมอมาที่นี้เพื่อตรวจดูอาการของคุณเจียงหยีหลง เพราะเราไม่รู้ว่าคนบ้าคนนี้ได้ทำอะไรลงไปแล้วบ้าง! “
ใบหน้าของเชินเซิงหยีเองก็ไม่หน้ามองเช่นกัน “หนิงเถา! แม้ว่านายจะเป็นเพื่อนของผู้กำกับเจียง แต่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ! การหลอกลวงถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาด! นายก็รู้เรื่องนี้ดี แล้วทำไมนายถึงยังกล้าทำแบบนี้อยู่อีก”
เจียงเฮาเองก็ตกใจเช่นกัน เธอรู้ดีเกี่ยวกับอาการของพ่อเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดเขามากขนาดไหน แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นพ่อของเธอ เธอก็คงยังหวังว่าให้เขาหายจากโรคและอาการดีขึ้น
“ไม่นะที่รัก! แค่โรคที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ก็มากพอแล้ว ทำไมสรรค์ถึงได้ใจร้ายกับคุณมากขนาดนี้? ทำไมท่านถึงได้ส่งมารมาทำร้ายคุณด้วย ถ้าหากว่าคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วฉันจะทำยังไง … ที่รัก … ” น้ำเสียงที่ซูยูเหมยพูดออกมานั้น ทำให้คนที่ได้ยินนั้นฟังดูเศร้า
ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังได้ชี้ไปที่หนิงเถาและพูดจาข่มขู่ต่อ
ทันทีที่เธอพูดจบ มันก็เป็นช่วงเวลาเดี่ยวกับที่การฝังเข็มสุดท้ายของหนิงเถาเสร็จเช่นกัน
ทันใดนั้นเจียงหยีหลงก็ได้ลืมตาขึ้นมา
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มที่จะดึงเข็มน้ำเงินที่ฝังเอาไว้ออกมา
เจียงหยีหลงมองไปที่หนิงเถาโดยไม่กระพริบตา เขายังจำความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคลินิกนั้นได้ เขาจำความหวาดกลัวที่เขาได้รับมาได้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช้ความฝันอย่างที่เขาคิด
ในจุดเดียวกัน ดวงตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องต่างก็จ้องมองไปยังเจียงหยีหลง
หนิงเถาไม่ได้สนใจสายตาที่กำลังจับจ้องมองมา เขาได้โน้มตัวเข้ามาข้างหูของเจียงหยีหลงและกระซิบว่า “คุณเจียง! คุณมีเวลาเพียงครึ่งเดือนในการทำข้อตกลงตามใบสั่งแพทย์ ถ้าคุณไม่ทำหรือผัดวันประกันพรุ่ง ผมจะให้คุณเห็นว่านรกที่แท้จริงเป็นยังไง!”
เจียงหยีหลงที่ได้ฟังแบบนั้น เขาก็นึกไปถึงเสียงของมีดและความหวาดกลัวที่เขาได้รับมาขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
หนิงเถาได้กลับคืนตัวมาอย่างรวดเร็ว เขาได้ก้าวถอยออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณเจียงโปรดพยายามลุกขึ้นมาด้วยครับ”
ถังหลิงทีได้ฟังแบบนั้นก็พูดขัดขึ้นว่า “นายจะบ้าไปแล้วหรือไง? นายคิดว่าตัวเองเป็นหมอในตำนานหรือไงที่คิดว่าฝังเข็มเพียงไม่กี่อันก็สามารถรักษาโรคได้ นายคิดว่าพวกเราทุกคนในที่นี้เป็นคนโง่หรือไง?!”
หนิงเถามองไปที่ถังหลิงและถามว่า “ฉันจำไม่ได้ว่าเธอเป็นหมอด้วย?”
“นาย -” ถังหลิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนอย่างมากก็คือความโกรธที่เธอแสดงออกมาบนใบหน้า
ทันใดนั้นเจียงหยีหลงที่นอนติดเตียงมาโดยตลอดก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ฉัน! … นิ้ว! ฉันสามารถขยับนิ้วได้!”
เกิดอะไรขึ้น?
ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่ตัวเองพึ่งได้ยิน แต่นิ้วมือของเจียงหยีหลงกับขยับได้จริงๆ และต่อมาแขนข้างนั้นของเขาก็เริ่มที่จะขยับได้อย่างช้าๆ
“ที่รัก! … คุณไม่ได้เป็นอัมพาตหรอกเหรอ?” ซูยูเหมยถามด้วยความตกใจ “ทำไมมือของคุณถึง … ขยับได้?”
เจียงหยีหลงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัด “อะไรนะ? เธอต้องการให้ฉันเป็นอัมพาตเหรอไง?”
“ไม่ใช้นะที่รัก … ฉัน … ” ซูยูเหมยรู้ตัวว่าตัวเองเผลอหลุดพูดความในใจออกมา เธอจึงพยายามที่จะหาข้อแก้ตัว
เจียงหยีหลงที่สามารถขยับตัวได้มากขึ้นจนสามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว เขาก็ได้โยนผ้าห่มทิ้งก่อนที่จะลงมายืนต่อหน้าทุกคน!
ในเวลานี้แม้แต่หนิงเถาเองก็รู้สึกต้องตกใจกับความมหัศจรรย์ของยาไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขายังไม่มีความมั่นใจด้วยซ้ำว่าจะสามารถรักษาเจียงหยีหลงให้หายได้ แต่มาดูตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเรื่องไร้สาระไป
เจียงหยีหลงมองทั่วทั้งห้อง ก่อนที่จะสะดุดไปที่เจียงเฮา
ริมฝีปากของเจียงเฮาได้ขยับเล็กน้อยราวกับว่าเธอต้องการเรียกเขาว่าพ่อ แต่เธอก็ไม่ทำ
แต่เหตุการณ์ต่อไปนี้กับเป็นอะไรที่ทุกคนในห้องไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น เจียงหยีหลงจู่ๆก็ได้ตรงมาหน้าของเจียงเฮา ก่อนที่เขาจะคุกเขาลงตรงหน้าของเจียงเฮา “ลูก! พ่อต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่พ่อได้ทำกับลูกและแม่ของลูก … ” เขาถึงกับร้องไห้ออกมาพร้อมกับและตบหน้าตัวเองไปพร้อมกัน “พ่อมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย! พ่อเสียใจกับสิ่งที่พ่อทำลงไป … “
ภาพนั้นก็ทำให้เจียงเฮาน้ำตาไหลเช่นกัน เธอถึงกับได้เอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการกระทำของพ่อเธอ ก่อนที่เธอจะพูดว่า “พ่อ! เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญเลย แต่พ่อต้องไปขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ ไม่ใช้หนู”
เจียงหยีหลงยังคงร้องไห้ออกมาและตอบว่า “ได้! พ่อจะไปขอโทษแม่ของเธอ และพ่อยังสัญญาว่า … “
ซูยูเหมยและทุกคนต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มีเพียงเชินเซิงหยีที่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจึงรีบเดินมาหาหนิงเถา “หนิงเถา … ไม่สิ หมอหนิง คุณทำได้ยังไง?” เสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความตกใจและตื่นเต้นพร้อมๆกัน
หนิงเถากับตอบกลับสั้นๆว่า “ นายไม่เห็นหรือไม่ว่าฉันใช้เข็มเงิน”
“อ่า! ดูสิ่งที่ผมถามคุณไปสิ! เห็นอยู่ชัดๆว่าทักษะการฝั่งเข็มของหมอหนิงนั้นสุดยอดที่สุดในโลก!” ดวงตาของเฉินเจิ้งอี้เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและเขาได้จินตนาการว่าเป็นตัวเขาเองที่มีทักษะนั้น
หนิงเถาเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพูดขัดขึ้นว่า “นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
เชินเซิงหยีค้างอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “คือว่า … ผมในฐานะเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยทางการแพทย์เมืองฉานเจียง ผมอยากจะเชิญหมอหนิงมาฝึกงานกับเราอย่างเป็นทางการ!”
“ฝึกงาน?”
เชินเซิงหยีรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไป ดังนั้นเขาจึงรีบพูดแก้ไขว่า “ไม่ ไม่ ไม่เลยในนามของโรงพยาบาล ผมจะกล้ารับหมอหนิงฝึกงานได้ยังไงกัน ผมจะพูดว่าเรายินดีจ้างคุณอย่างเป็นทางการในฐานะโรงพยาบาลของเรา!”
หนิงเถาได้ส่ายหัวและปฏิเสธทันที
เชินเซิงหยีที่เห็นแบบนั้นก็รีบหยุดหนิงเถาเอาไว้ทันที ก่อนที่จะพูดว่า “หมอหนิง! คุณอย่าพึ่งรีบตัดสินใจเร็วสิครับ ทางเราสัญญาว่าไม่ว่าคุณจะตั้งเงื่อนไขยังไง ทางเราก็ยินดีตอบรับทั้งหมด หมอหนิงคิดว่าไงกับข้อเสนอนี้ของเรา?”
ถังหลินตกตะลึงกับสิ่งที่เธอได้ยิน หัวหน้าแพทย์อยู่ในระดับเดียวกับศาสตราจารย์! โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาระดับสูง มันไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างหัวหน้าแพทย์เอยปากรับนักศึกษาแพทย์เข้าทำงานด้วยตัวเองมาก่อน!
ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? …
หนิงเถามองไปที่เชินเซิงหยีด้วยสีหน้ารังเกียจและพูดว่า “คณบดีเชิน! มันดูจะเป็นการดูไม่เหมาะที่ผู้ชายคนหนึ่งจะคว้ามือของผู้ชายอีกคน ถ้าคุณยังทำแบบนี้อยู่ ผมก็คงต้องขอโทษกับสิ่งที่ผมจะทำลงไปแล้ว”
เชินเซิงหยีรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังปล่อยสิ่งล้ำค่าหลุดลอยไป แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนักเช่นกัน
หนิงเถาทีได้รับอิสระก็ไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้อีกต่อไป เขาได้รีบเดินออกจากห้องนี้ไปทันที
“รอก่อน” เจียงเฮาได้เดินไปหยุดหยิงเถาเอาไว้ และถามว่า “นายจะไปไหน?”
“ ผมทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว มันไม่จำเป็นที่ผมจะต้องอยู่ที่นี้อีก ดังนั้นผมจะกลับบ้านแล้ว”
เจียงเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดว่า “งั้นฉันจะไปหานายหลังจากเสร็จเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
หนิงเถาพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปทันที
ทันทีที่เขาจากไปซูยูหลินที่เงียบมาโดยตลอดก็ได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมา และกดโทรออกไปทันที…