บทที่ 27 ความภาคภูมิใจของชนชั้นสูงและความลำเอียง
หมู่บ้านอันงดงามได้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฉานเจียง มีภูเขาอยู่ด้านหลังสัญลักษณ์ของผู้สนับสนุนและแม่น้ำที่ไหลผ่านประตูเป็นสัญลักษณ์ของการมั่งคั่งเงินทอง เห็นได้ชัดว่าสถานทีแห่งนี้นั้นเป็นฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในเมืองฉานเจียง และทำให้พื้นที่รอบบริเวฌนี้ต่างก็เต็มไปด้วยคฤหาสน์ของคนรวยหรือมีเกียรติมากมาย
บ้านของหลินชิงวู่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นวิลล่าเดี่ยวพร้อมสวนด้านหน้าหลังและสระว่ายน้ำกลางแจ้ง กล่าวอีกนัยหนึ่งครอบครัวของเธอนั้นมีคฤหาสน์ที่หรูหรามาก
หนิงเถาถูกนำตัวเข้าไปในบ้านโดยหลินชิงวู่และพบกับพ่อและแม่ของเธอ พ่อของเธอชื่อหลินตงไห่อยู่ในช่วงอายุ 50 ต้นๆ เขาดูเป็นคนผอมและมีภูมิฐาน แม่ของเธอชื่อฟางเหมยหลิง เธอดูเหมือนหญิงสาวที่มีอายุเพียงสามสิบต้นๆเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าพวกเธอแม่ลูกเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน คงมีคนเข้าใจผิดว่าเป็นคู่พี่น้องได้ไม่ยาก
ทันทีที่หนิงเถาเข้ามาในห้อง หลินตงไห่และฟางเหมยหลิงซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับดื่มชาก็ได้จดจ่อไปบนตัวเขา
ปฏิกิริยาของฟางเหมยหลิงนั้นแปลกมาก เพราะทันทีที่เธอเห็นหน้าของหนิงเถาเธอก็แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างชัดเจน ด้วยหน้าตาที่ดีมีพลังและสมบูรณ์แบบ มันเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีกับลูกสาวของเธอมาก ยังไงก็ตามในขณะที่เธอกำลังจะกล่าวทักทายกับหนิงเถานั้น เธอก็ได้สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าราคาถูกจากแผงขายข้างถนนและมีกล่องไม้โทรมๆในมือของเขา ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายไปและมีร่องรอยของการดูถูกและความระมัดระวังเกิดขึ้นในสายตาของเธอแทน
“ลูก! นี่ใครกัน?” ฟางเหมยหลิงถามออกมาด้วยเสียงเย็นชา
“แม่ นี่คือหมอหนิง” หลินชิงวู่ได้แนะนำว่า “หนูได้พาหมอหนิงกลับบ้านเพื่อให้เขาได้เห็นพี่ชายของหนู ด้วยทักษะการแพทย์ของหมอหนิง … “
ก่อนที่หลินชิงวู่จะจบประโยคของเธอ หลินตงไห่ก็ลุกขึ้นจากโซฟาและพูดว่า “การศึกษาที่ผ่านมาของลูกเป็นของไร้ค่าใช้ไหม? ” เขาได้พูดขัดขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ลูกจะไว้ใจหมอเร่ร่อนข้างถนนไม่ได้ ลูกรู้ไหมว่าถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปแล้วครอบครัวเราจะเอาหน้าไว้ที่ไหน? เราจะกลายเป็นตัวตลกของครอบครัวอื่นได้ง่ายๆ!”
ฟางเหมยหลิงเองก็พูดเพิ่มเติมว่า “ลูกต้องคิดให้รอบครอบมากกว่านี้ แม่รู้ว่าลูกเป็นห่วงพี่ชายมากและต้องการให้เขาหายเร็วๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่ลูกควรทำคือการช่วยพ่อของลูกดูแลกิจการของเรา ส่วนเรื่องพี่นั้นให้พวกเราเป็นคนจัดการก็ดีอยู่แล้ว และอีกอย่างครั้งต่อไปลูกไม่ควรจะนำคนแปลกหน้าเข้าบ้านง่ายๆแบบนี้อีก “
ปฏิกิริยาของทั้งคู่ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับหนิงเถา แต่ยังมีอคติที่ดูถูกคนของชนชั้นสูงและการเลือกปฏิบัติอีกด้วย
“ ดูเหมือนว่าผมจะตัดสินใจผิดที่มาที่นี่” หนิงเถาพูดต่อว่า “ดี! งั้นผมควรจะกลับได้แล้ว” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไป
หลินชิงวู่เห็นแบบนั้นก็รีบจับมือของหนิงเถาอย่างเร่งด่วนและพูดว่า “หมอหนิง! หยุดก่อนค่ะ! ได้โปรดอย่าออกไป”
หนิงเถาพยายามดิ้นรน แต่หลินชิงวู่จับมือของเขาไว้แน่ไม่ยอมปล่อย
“พ่อ แม่” หลินชิงวู่พูดออกมาอย่างกังวล “หมอหนิงนี้เป็นแพทย์จริงๆและยังเป็นแพทย์ที่เก่งอีกด้วย ก่อนหน้านี้เขายังได้รักษาลูกน้องของหนูสิบกว่าคนให้หายได้ และเขายังได้รักษาโรคกระดูกสันหลังและโรคนอนไม่หลับของหนูด้วย เห็นได้ชัดว่าทักษะทางการแพทย์ของเขานั้นดีมากขนาดไหน อีกอย่างอาการป่วยของพี่ก็เป็นมาสามเดือนแล้ว เราไปโรงพยาบาลไหนพวกหมอก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ทำไมเราถึงไม่ลองให้หมอหนิงดูอาการพี่ก่อน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้อะไรบ้าง?”
“ไร้สาระ” คำอธิบายของหลินชิงวู่ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้หลินตงไห่มีการประนีประนอมเกิดขึ้นแต่มันยังทำให้เขาโกรธมากอีกด้วย “ลูกคิดว่าพี่ชายของลูกคืออะไร? ลูกคิดว่าพ่อจะอนุญาตให้หมอเร่รอนที่ไหนมารักษาทายาทของตัวเองได้หรือไง? และอีกอย่างวันนี้เราจะมีแขกคนสำคัญมากมาที่บ้าน พ่อไม่ต้องการให้แขกผู้มีเกียรติของเราได้เห็นภาพนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเราเข้าใจไหม? “
“ลูก! เรารู้ว่าลูกรักพี่มากขนาดไหนแต่เราไม่สามารถนำใครมารักษาก็ได้ อีกอย่างตอนนี้เราได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในอเมริกาแล้ว เมื่อพวกเขาพร้อมเราจะพาพี่ชายของลูกไปที่นั่นเพื่อรักษาทันที” ฟางเหมยหลิงพูดต่อว่า “แม่รู้ว่าลูกเป็นห่วงใยพี่ชายของลูก แต่ลูกก็ไม่ควรนำคนต้มตุ๋นเข้ามาในบ้านของเรา ลูกเป็นนักเรียนที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ระดับโลกมา ลูกควรจะรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี”
ในตอนนี้หลินชิงวู่รู้สึกกังวลและอายเป็นอย่างมาก และนั้นทำให้เกิดน้ำตาคลอในดวงตาคู่สวยของเธอ
ฟางเหมยหลิงหันไปหาหนิงเถาและพูดว่า “เอาล่ะ! เธอไปได้แล้ว ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมาที่นี้อีกต่อไป เอานี้! 500 สำหรับค่าเดินทาง”
“ไม่ต้องครับ” หนิงเถาได้ปฏิเสธอย่างสุภาพ “ผมไม่ได้แย่จนไม่สามารถแม้แต่จะจ่ายค่าแท็กซี่ได้ ผมไม่ต้องการเงินของพวกคุณเลย คุณหลิน! ผมคิดว่าคุณควรจะปล่อยมือของผมได้แล้วในตอนนี้ “
จากนั้นหลินชิงวู่ที่จับมือของหนิงเถาอยู่ก็เกิดอาการลังเลขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจที่จะปล่อยมันไป
หนิงเถาหันไปหาประตู
ติ้งต๊อง , ติ้งต๊อง!
ออดได้ดังขึ้นในเวลานี้เช่นกัน
หนิงเถาผู้เพิ่งมาถึงประตูได้หยุดลงชั่วครู่ก่อนที่จะเหยียดมือออกเพื่อเปิดประตู เมื่อชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเขาก็ตกตะลึงไปทันที
เพราะชายที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูคือเจียงหยีหลง
เจียงหยีหลงเองก็ยืนตัวแข็งเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยคิดว่าหนิงเถาจะเปิดประตูให้เขาที่บ้านของหลินตงไห่
“โอ้! คุณเจียง! คุณมาแล้ว เข้ามา เข้ามาก่อนครับ” ฟางเหมยหลิงได้เข้ามาทักทายเจียงหยีหลงทันที
หลินตงไห่เองก็มาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “ บ้านหลังนี้ถึงจะดูเล็กไปบ้างแต่มันก็เต็มไปด้วยพลังงานด้านบวก ผมหวังว่าคุณเจียงจะไม่รังเกียจมัน และผมยังได้เตรียมไวน์คุณภาพดีหนึ่งขวดเอาไว้ต้อนรับอีกด้วย “
ปรากฎว่าเจียงหยีหลงเป็นแขกผู้มีเกียรติของหลินตงไห่
อย่างไรก็ตามเจียงหยีหลงทำตัวราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่หลินตงไห่หรือฟางเหมยหลิงพูดกับเขา เขามองหนิงเถาและถามอย่างประหม่าว่า “ท่านอาจารย์! … ท่านอาจารย์หนิงทำไมคุณถึงมาที่นี้?า“
หนิงเถาไม่พูดอะไรเลยและเขาก็หาทางเดินหลบทางเจียงหยีหลง
เจียงหยีหลงรู้สึกกังวลมากขึ้น เขาไม่กล้าทำอะไรออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของหนิงเถานั้นเป็นอะไร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน
ฟางเหมยหลิงไม่เห็นปฏิกิริยาของเจียงหยีหลงเลย เธอได้เดินไปที่ประตูและยัด 500 หยวนตรงเข้าไปในมือของหนิงเถาและพูดว่า “ไปได้แล้ว! เธออย่ายืนขวางทางแขกของบ้านนี้อีก! “
หนิงเถาปล่อยเงิน 500 หยวนตกลงไปบนพื้น
หลินตงไห่พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เงิน 500 หยวนมันก็มากพอสำหรับคนอย่างเธอแล้ว เธออย่าบีบให้ฉันต้องเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยมาลากตัวเธออกไป!”
ก่อนที่หนิงเถาจะพูดอะไรก็ได้เจียงหยีหลงก็ถามออกมาด้วยอารมณ์ความรู้สึกไม่เข้าใจว่า “เกิดอะไรขึ้นครับท่านอาจารย์หนิง?”
หลินตงไห่และฟางเหมยหลิงอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองกันและกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
หลินชิงวู่ก็ประหลาดใจมากและถามว่า “ลุงเจียง คุณลุง … “
ทันใดนั้นเจียงหยีหลงชี้ไปที่จมูกของหลินตงไห่และพูดว่า “นาย! นายกล้าพูดแบบนี้กับท่านอาจารย์หนิงได้ยังไง?”
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินตงไห่ตกใจกับปฏิกิริยาของเจียงหยีหลงอย่างมาก
ฟางเหมยหลิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เมืองฉานเจียงไม่ถือว่าใหญ่แต่มันก็ไม่เล็กเช่นกัน เธอรู้สถานะของเจียงหยีหลงเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนระดับนั้นจะใช้นำเสียงสุภาพพูดถึงชายเร่รอนคนหนึ่ง มันต้องมีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้อย่างแน่นอน
แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เจียงหยีหลงมองเงินที่อยู่บนพื้นและพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “เธอรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรลงไป? เธอไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหนกัน?!” เขาชี้ไปที่จมูกของฟางเหมยหลิงและยังตะโกนต่อว่า “หากไม่ใช่เพราะครอบครัวของเธอกับฉันคบหากันมานาน ฉันจะต้องเข้าไปสั่งสอนเธอตอนนี้แล้ว!”
“คุณ … ” ฟางเหมยหลิงเหมือนถูกตรึงโดยคำสาปของเจียงหยีหลง
หลินตงไห่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและมหาเศรษฐีในเมืองฉานเจียง ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาไม่เคยดุร้ายแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแปลกมาก เขาจึงได้ระงับความโกรธของเขาและถามว่า “คุณเจียง! มีอะไรผิดปกติกับคุณ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้เจียงหยีหลงก็ได้ตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “เข้าใจผิด? นายรู้ไหมว่านี่คือใคร? นี่คืออาจารย์หนิงผู้ช่วยชีวิตของฉัน! หากปราศจากอาจารย์หนิงก็จะไม่มีฉัน เข้าใจไหม! “
ตาของหลินตงไห่และฟางเหมยหลิงตกบนใบหน้าของหนิงเถาอย่างตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงหยีหลงผู้ที่สามารถมองข้ามได้ทั้งรัฐบาลและโลกใต้ดินถึงได้นอบน้อมต่อชายหนุ่มผู้ยากจน ผู้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าไม่เกิน 100 หยวนและยังเรียกอีกฝ่ายว่า “ท่านอาจารย์”
หลินชิงวู่หันมามองหนิงเถาด้วยสายตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็น
ในทางกลับกันใบหน้าของหนิงเถายังคงสงบโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เขาเป็นถึงผู้ฝึกตนและยังเป็นเจ้าของคลินิกนภาที่ลึกลับ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถรักษาโรคภัยได้ทุกชนิด แต่เขายังเป็นคนบังคับใช้ความยุติธรรมในนามของสวรรค์อีกด้วย เมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วมันคุ้มค่าหรือที่เขาจะต้องรู้สึกดีใจเพราะการยกย่อของเจียงหยีหลง?
นอกจากนี้การโกรธเพราะการเลือกปฏิบัติของหลินตงไห่และฟางเหมยหลิงนั้นคุ้มค่า? แน่นอนว่ามันไม่คุ้มค่า หลินตงไห่และฟางเหมยหลิงคิดว่าพวกเขาเหนือกว่าคนอื่นและเป็นชนชั้นสูงของโลก แต่ในสายตาของเขาแล้วพวกนั้นไม่ใช่ชนชั้นสูง แต่แย่ยิ่งกว่าคนธรรมดาเสียอีก
“คุณ … คุณไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย” หลินตงไห่ถามออกมาหลังจากเขาตื่นจากอาการตกใจแล้ว จนถึงตอนนี้เขายังไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“หลินตงไห่! นายหุบปากได้แล้ว!” เจียงหยีหลงยังคงแสดงอปฏิกิริยามากเกินไป “ นายตาบอดหรือไง? นายกล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าท่านอาจารย์หนิง! นายต้องจัดการเรื่องนี้ให้เป็นที่น่าพอใจ ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนจัดการเอง นายคงไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น!”
คำพูดของเขาทำให้หลินตงไห่และฟางเหมยหลิงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
“เจียงหยีหลง! ทำไมคุณถึงยังชอบที่จะคุกคามคนอื่นอยู่อีก?” หนิงเถาถามต่อว่า “เมื่อไหร่ที่คุณจะสามารถกำจัดนิสัยนี้ไปได้? มันทำให้ผม … “
ก่อนที่หนิงเถาจะพูดสำเร็จนั้นเจียงหยีหลงก็รู้สึกตกใจมาก โดยไม่คำนึงถึงการการมีอยู่ของหลินตงไห่ ฟางเหมยหลิง และ หลินชิงวู่ เขาได้คุกเข่าลงที่หน้าหนิงเถาและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “ผมผิด ผมผิด … ท่านอาจารย์หนิงโปรดอย่า… ไม่มีอีกแล้ว ผมจะรีบแก้นิสัยนี้ออกไป! “
ภาพเห็นการณ์นี้ทำให้ตระกูลหลินทั้งหมดต่างก็ตะลึงไปอีกครั้ง
ปฏิกิริยาของเจียงหยีหลงเป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะแสดงความเคารพต่อหนิงเถาเท่านั้น แต่เขาถึงกับยอมคุกเขาให้ด้วย มันเป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็เอื้อมมือออกไปและพยุงเจียงหยีหลงให้ลุกขึ้น “ทำไมคุณถึงได้คุกเข่าลงไปง่ายๆแบบนั้นกัน? ผมกำลังบอกคุณว่าผมจะเป็นคนดัดนิสัยให้คุณเองถ้าคุณยังไม่แก้มัน ทำไมคุณถึงทำหน้าแบบนั้น? คุณคิดว่าผมจะพูดอะไรออกมากัน??”
“ไม่! ผมเองก็คิดแบบเดียวกัน! ใช่แล้วใช่!” เจียงหยีหลงพูดซ้ำๆอย่างประจบสอพลอ “ผมจำได้! ผมจะไม่อารมณ์ร้อนและใช้กำลังแก้ไขปัญหาอีกต่อไป”
“ดี! แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่?” หนิงเถาถามอย่างไม่เป็นทางการ
เจียงหยีหลงตอบกลับทันที “ผมมาที่นี่เพื่อขายที่ดินและจากนั้นผมก็นำเงินไปสร้างโรงเรียนประถมแห่งความหวังในพื้นที่ที่เป็นภูเขาที่ยากจน และยังจะใช้เงินนี้ซื้อโอกาสที่ดีในการเพิ่มมูลค่าของมัน ตงไห่เขาเป็นคนฉลาดและเราเคยมีความร่วมมือที่น่าพอใจจึงคิดว่าจะร่วมมือกันในครั้งนี้ แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำตัวแบบนั้นกับอาจารย์เลย! ดังนั้นผมคิดว่าผมจะไปพูดคุยเรื่องนี้กับทางรัฐบาลดีกว่า ถึงแม้ว่าราคาที่พวกนั้นจะให้นั้นถูกกว่านี้ แต่มันก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้อะไรเลย !”
“ นั่นคือธุรกิจของคุณ ไม่ใช่ของผม แค่จำไว้ว่าคุณต้องไม่ทำตัวแบบนั้นอีก” หนิงเถาพูดจบก็ได้เดินผ่านเจียงหยีหลงตรงไปที่ประตูทางออก
“ท่านอาจารย์หนิง! ผมจะไปกับคุณ” เจียงหยีหลงเองก็เดินออกไปเช่นกัน เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกับมามองครอบครัวหลิน
หลินตงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ตื่นตระหนกและรีบออกไปขวาง “คุณเจียง! หมอหนิง! อย่าถึงไป! ได้โปรด! ผมเสียใจจริงๆกับสิ่งที่ทำลงไป….มันเป็นความเข้าใจผิดและความผิดของเรา”