OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF – ตอนที่ 37 เบาะแสสําคัญ

บทที่ 37 เบาะแสสําคัญ

 

หนิงเถาคิดว่าห้องปฏิบัติการของหลินชิงหัวอยู่ในอาคารสํานักงานที่เขาเคยไป แต่หลินชิงวู่กับพาเขาไปที่สวนพฤกษศาสตร์ในชานเมืองแทน

 

สวนพฤกษศาสตร์เป็นของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ เนินเขากว้างใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยสมุนไพรที่พบได้ทั่วไปและชนิดพิเศษ นอกจากนี้ยังมีโรงเรือนทันสมัยหลายสิบแห่งที่มีพืชมีค่าสําหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

 

ห้องปฏิบัติการของหลินชิงหัวอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ มันเป็นอาคารคอมโพสิตขนาดเล็กที่มีวัสดุสีเงินจํานวนมากและกระจกแนววิทยาศาสตร์

 

ประตูเองก็เป็นประตูโลหะสีเงินที่มีแผ่นสแตนเลสสตีลเขียนว่า “หอสวรรค์” แทน “แลป…”

 

หนิงเถาหยุดอยู่หน้าแผ่นสเตนเลสสตีลและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า ” หอสวรรค์” “ทําไมห้องแล็บของพี่ชายคุณถึงมีชื่อแปลกๆ?”

 

“ ฉันเองก็เคยสงสัยเช่นกันว่าทําไมห้องปฏิบัติการนี้จึงมีชื่อแปลกๆ และฉันก็ได้ถามมันกับพี่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้บอกฉัน” หลินชิงวู่ตอบกลับ “ดังนั้นฉันจึงคิดไปว่ามันเป็นแค่รสนิยมส่วนตัวของพี่เท่านั้น และไม่ได้สนใจมันเมื่อเวลาผ่านไป ทําไม? คุณคิดว่ามันมีความหมายพิเศษเหรอ?”

 

หนิงเถาเองก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “บางทีคุณอาจจะพูดถูก มันเป็นแค่ชื่อเท่านั้น เราควรจะรีบเข้าไปข้างในได้แล้ว”

 

หลินชิงวู่ได้เดินไปที่ประตูโลหะสีเงิน ก่อนที่เธอจะเปิดประตูด้วยบัตรแม่เหล็กของเธอแล้วนําหนิงเถาไปข้างใน

 

ด้านหลังประตูนั้นมีทางแยก ด้านข้างมีกล้องวงจรปิดหลายตัวที่พร้อมทํางาน

 

“ไม่มีใครอยู่ที่นี่เหรอ?” หนิงเถาถามขึ้นมา

 

“ มันต้องมีคนอยู่อยู่แล้ว! แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาคงจะไปทําธุระส่วนตัว” หลินชิงวู่พูดต่อว่า “หรือไม่บางทีพวกเขาอาจแอบไปงีบหลับที่ไหนก็ได้ เราอย่าไปสนใจพวกนั้นเลย ฉันจะเป็นคนพาคุณไปเอง”

 

หนิงเถาไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเลือกที่จะเดินตามหลินชิงวู่ไป ตลอดทางเดินที่พวกเขาเดินผ่านมานั้นมันเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์ เครื่องมือและเครื่องใช้มากมายที่ใช้สําหรับทดลอง

 

ในช่วงสุดท้ายของทางเดินนั้นเองได้มีประตูซึ่งถูกปิดเอาไว้ และนั่นทําให้พื้นที่ที่อยู่ด้านหลังประตูมองไม่สามารถมองเห็นได้

 

ทันทีที่หลินชิงวู่และหนิงเต่ามาที่นี่ไฟทั้งหมดในเขตทดลองซึ่งปิดอยู่ก็ได้เกิดขึ้น มีชายชราในเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยที่มีกระบองยางเดินออกมาจากประตูเล็กๆ แล้วตะโกนว่า ” นั้นใครกัน?”

 

หลินชิงขู่รีบตอบว่า “ฉันเอง หลินชิงวู่!”

 

ชายชราเดินเข้าหาพวกเขาไม่กี่ก้าวราวกับจะยืนยันตัวตนของหลินชิงวู่

 

ตาของหนิงเถาตกไปกับชายชรา ชายชราอายุประมาณ 60 ปี มีใบหน้าแกตามกาลเวลาแต่เขาดูมีสุขภาพดีมาก

 

หลังจากไม่กี่ก้าวชายชราก็หยุดและพูดว่า “คุณคือคุณหลินชิงวู่จริงๆ แต่ตอนนี้มันดึกแล้วทําไมคุณถึงมาที่นี้กัน? หรือว่าคุณได้ลืมของเอาไว้??”

 

“ ฉันแค่ต้องการกลับมาดูอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง” หลินชิงวู่ตอบกลับไป

 

” แล้วชายคนนี้เป็นเพื่อนของคุณใช้ไหม?” ชายชราถามอีกครั้ง

 

“ใช่” หลินชิงวู่ตอบ

 

“โอเค! งั้นผมจะออกไปตรวจสอบพื้นที่อื่นต่อ” ชายชราพูดจบก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไป

 

หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ได้โน้มตัวไปที่หลินชิงวู่และกระซิบว่า ” คุณรู้จักชายชราคนนี้เหรอ?”

 

“ไม่” หลินชิงวู่พูดต่อว่า “ฉันเคยมาที่นี่สองสามครั้งเท่านั้น บางที่เราเคยพบกันมาก่อน แต่ฉันอาจจะจําไม่ได้” หลังจากหยุดครู่หนึ่งเธอถามว่า ”คุณถามทําไม?”

 

“คุณไม่คิดว่าเขาพูดมากเกินไปเหรอในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย?” หนิงเถาพูดออกมาอย่างสงสัย “และเขายังไม่ได้คุยกับคุณเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดกับเจ้านายอีกด้วย?”

 

ตาของหลินชิงวู่หันหลังกับไปมองชายชราทันที

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ชายชราเองก็มองกลับมาทําเช่นกัน แต่เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็หันกลับมาและเดินต่อไป

 

แต่ยังไงก็ตามในช่วงเวลานั้นหนิงเต่ารู้สึกถึงสิ่งที่น่ากลัวที่ชายชรานั้นปล่อยออกมายังตัวพวกเขา ด้วยความคิดนี้ทําให้เขาได้เปิดใช้ทักษะที่ดวงตาและจมูกของเขา

 

กลิ่นของชายชรานั้นมีสีสันสดใสเหมือนคนทั่วไปและดูเหมือนว่ากลิ่นรอบๆของเขาก็ปกติเช่นกัน แต่กลิ่นของเขานั้นมีไวน์ผสมอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะดื่มไวน์เมื่อไม่นานมานี้

 

“ฉันคิดว่าเขาก็ปกติดีนะ” หลินชิงวู่ได้พูดถึงการตัดสินใจของตัวเองออกมา

 

“อาจจะ! บางทีผมอาจจะหวาดระแวงไปเอง” หนิงเถาพูดพร้อมกับจ้องมองของชายชราเดินลับตาไป

 

หลินชิงวู่ยิ้มและพูดว่า “คุณยังเด็กมาก แต่คุณรู้ตัวไหมว่าบางครั้งคุณก็ให้ความรู้สึกลึกลับกับฉัน”

 

” จริง?” หนิงเถาถามอย่างไม่เป็นทางการ “คุณหมายถึงอะไร?”

 

หลินชิงวู่คิดสักครู่ก่อนตอบ “ อาจเป็นเพราะทักษะทางการแพทย์และบุคลิกภาพของคุณ มันจึงทําให้ฉันรู้สึกว่าคุณนั้นเต็มไปด้วยความลับมากมาย ทําไมเราไม่หยุดคุยเรื่องนี้กันเอาไว้ก่อนละ? เรายังมีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า”

 

หนิงเถาเห็นด้วย ทันทีที่พวกเขาเข้ามาด้านหลังของประตูนี้แล้วเขาได้มองไปรอบๆก่อนที่จะส่ายหัวออกมา “ในฐานะนักศึกษาแพทย์ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความรู้ในการวิจัยทางชีววิทยา แต่ดูของพวกนี้แล้วผมไม่พบอะไรผิดปกติเลย ทําไมเราไม่ไปห้องนอนของพี่ชายของคุณกัน?”

 

“ได้! มันอยู่ตรงนั้น! ” หลินชิงวู่มุ่งหน้าไปที่ประตูที่อยู่ไม่ไกล

 

หนิงเถาได้ติดตามหลินชิงวูไปที่ประตู

 

ด้านหลังประตูเป็นโดมที่ไม่มีหน้าต่างซึ่งมีอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น คอมพิวเตอร์และตู้เก็บเอกสารจํานวนมากเองก็อยู่ในนั้นเช่นกัน

 

” หลินชิงวู่เคยพูดว่าเธอมาที่นี้หลังจากหลินชิงหัวป่วย แต่เธอไม่พบวัสดุหรือบันทึกใดๆที่เกี่ยวข้องกับการโครงการต้นกําเนิดบรรพบุรุษ แม้ว่าฉันจะดูข้อมูลทั้งหมดและฮาร์ดไดรฟ์ที่นี่ ฉันก็อาจจะไม่พบสิ่งใดที่มีประโยชน์เหมือนกัน ดังนั้นฉันควรเริ่มจากตรงไหนดี? หลินชิงหัว หลินชิงหัว คุณจะเก็บความลับเอาไว้ที่ไหนกัน? ”

 

ในขณะที่หนิงเถากําลังใช้ความคิดอยู่นั้น สายตาของเขาก็กวาดไปทั่วเหมือนต้องการหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะไปหยุดที่กําแพงโค้งด้านหน้า

 

บนผนังเป็นภาพวาดด้วยมือรูปพระอาทิตย์กําลังตกดิน มีภูเขาสีดําและชายคนหนึ่งเดินไปทางพระอาทิตย์ตก เขาแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงิน ซึ่งมันทําให้เป็นจุดที่โดดเด่นที่สุดในภาพนี้

 

มีข้อความอยู่บนภาพวาดเช่นกัน “ทุกคนคิดว่าอนาคตของเราคือวันพรุ่งนี้และเส้นทางของเราอยู่ข้างหน้า แต่พวกเขาคิดผิดทางข้างหน้าคือความตายและการทําลายล้าง ดังนั้นฉันต้องย้อนกลับไปค้นหาแหล่งที่มาและคําตอบทั้งหมดนี้”

 

นี่คือข้อความแปลกๆ หนิงเถาถึงกับอ่านมันสองครั้ง

 

“ฉันวาดมันเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่ชายของฉัน” หลินชิงวู่อธิบายพร้อมกับแสดงรอยยิ้มออกมา

 

” แล้วคุณได้เขียนคําพวกนี้ลงบนภาพวาดด้วยเหรอ?” หนิงเถาถาม

 

“ไม่! พี่ชายของฉันเป็นคนเขียนมัน” หลินชิงวู่พูดต่อว่า ” คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้? คุณไม่คิดว่าเราเป็นเหมือนนักกวีใช้ไหม? ”

 

หนิงเถามองไปที่ภาพวาด เขาไม่รู้สึกถึงความรู้สึกของวรรณกรรมสมัยใหม่หรืออะไรเลย เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็คงมีอารมณ์อย่างการหลงตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดออกมาแบบนั้น

 

ประโยคที่ว่า – “หนทางข้างหน้าคือความตายและการทําลาย” – ฟังดูแล้วเป็นอะไรที่สิ้นหวังมาก แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ผู้คนยังคงเดินหน้าต่อไปหลังจากที่พวกเขาเกิดมาและในที่สุดก็จะตายจากไปไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร ดังนั้นหลินชิงหัวอาจจะคิดกลับไปหาแหล่งกําเนิดและหาคําตอบ

 

แต่ “ข้อความทั้งหมดนี้” หมายความว่าอะไร?

 

นอกจากนี้ทําไมเขาถึงได้จินตนาการว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิซวนจงถึงกัน? และไหนจะการพูดเรื่องเล่าเมื่อ 1,000 กว่าปีก่อน?

 

เรื่องทั้งหมดนี้หนิงเถาไม่สามารถเข้าใจได้ในเวลาสั้น

 

ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นลึกลับที่คุ้นเคย – กลิ่นของ “ดิน” สีน้ำเงิน! การค้นพบนี้ทําให้เขาตื่นเต้นและเขาก็เร่งฝีเท้าของตัวเองขึ้นมา

 

” คุณคิดอย่างไรกับภาพวาดของฉัน” เสียงของหลินชิงวู่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

 

หนิงเถาหยุดอยู่ข้างภาพวาดแล้วตอบว่า “เยี่ยมมาก! ผมอยากรู้ว่าคุณวาดนี้เมื่อไหร่? ผมไม่เห็นวันที่ลงเลย”

 

“มันถูกทําขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อน” หลินชิงวู่พูดต่อว่า “ฉันมอบมันให้กับพี่ชายของฉันในวันเกิดครบรอบ 30 ปีของเขา” ดูเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรขึ้นได้ เธอจึงได้หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “นั่นดูเหมือนจะเป็นวันที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับโครงการต้นกําเนิดบรรพบุรุษจากเขา และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีอาการของโรคเกิดขึ้น หมอหนิง! ได้โปรดรักษาพี่ชายของฉันด้วย”

 

หนิงเถาพยักหน้าและเอื้อมมือไปที่ภาพวาดบนผนัง

 

หลินชิงวู่ไม่หยุดการกระทํานี้

 

มือของหนิงเถาสัมผัสกับตัวคนสีน้ำเงินในภาพวาดและเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้แตะผ้าใบ เขารู้สึกถึงพิเศษเกี่ยวกับรูปตัวคนสีน้ำเงินนั้นอย่างชัดเจน

 

“หมอหนิง! มีอะไรผิดปกติกับภาพวาดนี้ไหม?” พฤติกรรมแปลกๆของหนิงเถาได้กระตุ้นความอยากรู้ของหลินชิงวู่ นั้นทําให้เธอได้เดินมาที่กําแพงและยืนอยู่ด้านข้างหนิงเถา ก่อนที่เธอจะมองไปยังตัวแทน ” พี่ชาย” ของเธอในภาพวาด

 

ทันใดนั้นหนิงเถาก็แตะผ้าใบด้วยนิ้วมือขวาของเขา!

 

เสียงแตก!

 

ผ้าใบแยกออกและนิ้วของหนิงเถาได้ทะลุเข้าไป

 

” คุณกําลังทําอะไร?” หลินชิงวู่อุทานออกมาเมื่อเธอเห็นภาพนี้

 

หนิงเถาไม่สนใจเสียงที่ดังขึ้นของหลินชิงวู่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ดึงมือออกจากภาพวาด บริเวณที่มือของเขาทะลุไปนั้นยังคงเป็นรูอยู่เหมือนเดิม

 

“เกิดอะไรขึ้น? … ทําได้คุณถึงทําลายรูปนี้กัน? มันเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่ชายของฉัน มันมีความหมายกับพี่ชายและฉันมาก!” หลินชิงวู่รู้สึกโกรธมากจนเสียงของเธอออกมาอาการสั่นเล็กน้อย

 

หนิงเถายื่นมือขวาของเขาไปทางหลินชิงวู่แล้วกางมันออก ในมือของเขามีเจ้าก้อน “ดิน” สีน้ำเงินขนาดไข่ไก่อยู่ในนั้น

 

” นั้น …” ความโกรธของหลินชิงวู่ดูเหมือนว่าจะหายไป หลังจากที่เธอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือ “มันคืออะไร?”

 

“ผมเองก็ไม่รู้” หนิงเถาได้ตอบกลับ “แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจ นั้นคือเจ้าสิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยของพี่ชายของคุณ”

 

“ให้ฉันดูมันหน่อย” หลินชิงวู่ไม่พูดเปล่า แต่เธอได้ยื่นมือเข้ามาด้วย

 

หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ผลักมือเธอออกไป ก่อนที่จะพูดว่า ” คุณไม่ควรแตะต้องมัน ลองคิดดูว่าพี่ชายของคุณป่วยเพราะมัน แล้วคุณอยากเป็นเหมือนเขาด้วยหรือไง?”

 

หลินชิงวู่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบดึงมือของเธอกลับ

 

หนิงเถาไมสนใจการแสดงออกบนใบหน้าของเธอ เขากับรีบไปที่โต๊ะทํางานของหลินชิงหัวจากนั้นก็พบมีดตัดตัวอย่างทดลองและเขาได้ตัด ”ดิน” สีน้ำเงินออกมาอย่างระมัดระวัง มีแคปซูลซ่อนอยู่ข้างใน

 

“นี่เป็นผลิตภัณฑ์ต้นกําเนิดบรรพบุรุษที่หลินชิงหัวพูดถึงใช้ไหม? สรุปแล้วมันเป็นยาเม็ดเล็กๆที่เปลี่ยนให้คนธรรมดากลายเป็นปีศาจ?” หนิงเถาได้เดาเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอย่างลับๆ

 

หนิงเถาได้จับแคปซูลไว้ในมือแล้วตรวจดูอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาพลิกกลับไปมาเขาก็เห็นสัญลักษณ์สีน้ำเงินที่ด้านล่างซึ่งดูเหมือนว่าตัวที่เขาเจออยู่บนหน้าผากของหลินชิงหัว

 

ร่างสีน้ำเงินเล็กๆนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวทําให้หลินชิงหัวกลายเป็น “ปีศาจกลายพันธ์”

 

“คุณพบอะไร?” หลินชิงวู่ที่ต้องการรู้ว่าเกิดขึ้นก็ได้เอนตัวเข้ามาจนทําให้ใบหน้าของเธอเกือบจะสัมผัสกับหนิงเถาแล้ว

 

ระหว่างที่ความสัมผัสจะเดินหน้าต่อไปนั้น ทันใดนั้นเองไฟทั้งหมดก็ดับและอาคารก็กลายเป็นมืดมิด

 

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

บทนำ นักศึกษาแพทย์ที่ยากจนคนหนึ่งได้เข้าไปช่วยชีวิตสุนัขสีดำที่ได้รับบาดเจ็บจากบนถนนโดยไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่คิดว่านั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์พันธ์ลึก และทำให้เขาได้รู้จักกับคลินิกลึกลับอย่างคลินิกนภา ตัวคลินิกเองยังมีกฎที่เป็นข้อบังคับที่ว่าถ้าหากเขาไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา จำนวนชีวิตน้อยๆของเขาจะต้องถูกหักออกไปทดแทนในส่วนที่ขาดไป เพื่อความอยู่รอดหนิงเถาผู้ที่พึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ฝึกตนมือใหม่และโลกใบใหม่นี้ จะต้องพยายามหาความดีและความชั่วเพื่อนำมาเป็นค่าเช่า นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นทั้งนักบุญและปีศาจ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset