OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF
บทที่ 40 ดินวิญญาณ
ศพทั้งสี่ได้ถอดร่างในทุ่งยาบนเนินเขา คนตายทุกคนอายุน้อยกว่า 30 ปี หนึ่งในคนตายที่ถูกถอดเสื้อผ้าไปมีขนาดเท่ากันกับชายชรานั้นพอดี มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะคาดเดาว่าชายชราได้ฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนแล้วถอดเสื้อผ้าของชายที่ตายไปแล้วปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“ฆาตกรควรจะมองหาเจ้าสิ่งนี้ด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถหามันเจอในเวลาอันสั้น และประจวบเหมาะที่ฉันและหลินชิงวู่มาที่นี้ในวันนี้พอดี? มีความเป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้อีก ฝ่ายมีความต้องการที่จะฆ่าพวกฉัน แต่เมื่อเขารู้ว่าคนที่มานั้นคือหลินชิงวู่เขาก็เปลี่ยนใจไม่ลงมือทันที และเมื่อฉันได้พบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพเขาก็ได้บิดสวิตช์ไฟและเข้ามาโจมตีอย่างที่เห็น “หนิงเถาได้พูดถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ออกมา
เจียงเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คนที่ชื่อพี่เหมิงได้ลักพาตัวซูหยาและชายชราที่ปรากฏตัวที่นี่ในคืนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นไม่ได้มาจากกองกําลังเดียวกัน”
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกประหลาดใจและมีความอยากรู้อยากเห็น “เธอจะพูดว่ามีกองกําลังมากกว่าหนึ่งที่จ้องจะเอางานวิจัยของหลินชิงหัว?”
“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่มันก็มีความเป็นไปได้มาก” เจียงเฮาพูดต่อว่า “ในตอนนี้ฉันยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆที่จะสรุปมันได้ ฉันจะต้องส่งรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้กับหัวหน้าของฉันรู้โดยด่วนที่สุด เห็นได้ชัดว่าความรุนแรงของเรื่องนี้ได้เกินกว่าขอบเขตของฉันไปแล้ว แต่ฉันก็ต้องการให้นายช่วยฉันต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ไปก่อน ฉันหวังว่านายจะเห็นด้วย “
หนิงเถาได้พยักหน้าเห็นด้วย เรื่องมันได้มาถึงจุดนี้แล้วมันไม่มีทางที่เขาจะสามารถหนีไปจากมันได้ ในตอนนี้เขาได้พบเจ้าก้อนดินสีฟ้าถึงสองชิ้น” และคนที่ตามล่าพวกเขา ต่างก็เป็นหนึ่งในนักฆ่าที่อันตราย เขาคงไม่สามารถแกล้งว่าเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับศัตรูคือการรู้จักอีกฝ่ายให้ดี
ความเงียบที่เกิดขึ้นทําให้หนิงเถาได้ใช้มันเปิดทักษะของตัวเองขึ้นมา
ร่างทั้งสี่ไม่มีรัศมีที่มีสีสัน มีเพียงคนที่มีชีวิตเท่านั้นที่มีออร่า ออร่าซึ่งเป็นตัวแทนของชีวิต คนตายนั้นไม่ต่างจากโลกและก้อนหิน พวกเขาจะไม่มีสิ่งใดที่แสดงสัญญาณของชีวิตอีกต่อไปเช่นการเคลื่อนไหวหรือเสียง
สูญเสียรัศมีที่มีมาแต่กําเนิดของพวกเขาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต แต่พวกเขายังคงปล่อยกลิ่นออกมา ในไม่ช้าหนิงเถาก็เลือกกลิ่นของชายชราบนตัวของศพหนึ่งในสี่ได้ มันได้ทอดตัวจากทุ่งยาไปทางยอดเขา การค้นพบนี้ทําให้เขารู้สึกถูกกระตุ้นอย่างฉับพลัน – เขาต้องการติดตามกลิ่นของชายชราไปและจับเขา!
“นายคิดอะไรอยู่?” เจียงเฮาเป็นคนช่างสังเกต ดังนั้นการแสดงออกเล็กๆน้อยๆบนใบหน้าของหนิงเถาจึงไม่อาจจะหลุดรอดไปได้
“ไม่มีอะไรหรอก … ก็แค่ว่าภาพที่เกิดขึ้นตรงนี้มันน่ากลัวนิดหน่อย” หนิงเถาตอบกลับไปอย่างเลี่ยงๆ
ถ้าเขาอยู่ที่นี่คนเดียวเขาจะทําตามความคิดนั้นอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้เจียงเฮาได้อยู่กับเขาด้วย และเขาจะอธิบาย ให้เธอฟังได้ยังไงว่าเขาสามารถรับรู้ถึงกลิ่นชายชรได้อย่างสุนัขและสามารถตามหาอีกฝ่ายได้? นอกจากนี้หากเจียงเฮาพูด ถึงเรื่องนี้ในรายงานของเธอ เขาจะไม่กลายเป็นหนูตะเภา สําหรับพวกนักวิทยาศาสตร์หรือไง?
อย่างไรก็ตามในตอนนี้หนิงเถาไม่ต้องกังวลว่าชายชราจะไปที่ไหนไกล เพราะอีกฝ่ายถูกโจมตีโดยเข็มอันศักดิ์สิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ เขาไม่เชื่อว่าชายชราจะไม่กลับมาหาเขา
” หลินชิงวู่มีแผลที่หน้าอก นายเป็นคนทําแผลให้เธอใช่มั้ย?” เจียงเฮาได้ตั้งคําถามอีกข้อหนึ่งขึ้น
นั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ค่อนข้างกะทันหันและหนิงเถาก็รู้สึกละอายใจ “ไม่” เขาพูดต่อว่า ” เธอเป็นคนทําแผลพวกนั้นเอง”
“จริงเหอร?” เจียงเฮาถามอย่างไม่น่าเชื่อ
หนิงเถายักไหล่แล้วพูดว่า ” ทําไมฉันถึงต้องโกหกเธอด้วย? แล้วทําไมเธอถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?”
“ ไม่มีอะไร! ตอนนี้นายสามารถกลับไปได้แล้ว ไม่มีอะไรที่นี้ที่เราต้องให้นายช่วยอีกแล้ว” เจียงเฮาพูดขึ้นมา
“ดี! งั้นฉันขอตัวก่อน” จากนั้นหนิงเถาหันหลังไปจากที่นี้
กลับไปที่ห้องทดลองวูเวยได้ของให้หลินชิงวู่ไปทําการตรวจร่างกายต่อที่โรงพยาบาลเพื่อสุขภาพของตัวเธอเอง แต่เธอก็พยายามที่จะปฏิเสธโดยตลอด จนหนิงเถาต้องเป็นคนเข้ามากล่อมให้เธอไปรักษา เธอถึงจะยอมไป
หนิงเถาได้นั่งรถกลับไปที่ย่านใจกลางเมืองด้วยรถตํารวจ หลังจากบอกลาเฉียงเฮาแล้วเขาก็กลับไปที่คลินิกนภาโดยลําพัง
คลินิกนภายังคงเงียบสงบเหมือนเดิม ควันสีดําและควันสีขาวบนกระถางธูปก็ยังคงพันเข้าด้วยกัน พึ่งพาซึ่งกันและกัน และควบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกัน
ประตูทั้งสามบานเองก็ยังคงปิดผนึกไม่ยอมเปิดออกแม้แต่น้อย
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในที่นี่และนั้นทําให้หนิงเถารู้สึกว่า เหมือนอยู่บ้านมากขึ้น
จากนั้นเขาก็เปิดกล่องยาเล็กๆของเขา ก่อนที่จะหยิบ “ดิน” สีน้ําเงินที่เขาเก็บเอาไว้อย่างลับๆออกมา
ชิ้นส่วนที่เขาตัดมาจาก “ดินเหนียว” สีน้ําเงินที่เขาพบใต้เตียงของซูหยามีเพียงขนาดของนิ้วโป้งของเขาเท่านั้น มันดูเหมือนองุ่นที่มีรูปร่างและสีที่ไม่เหมือนใครภายใต้หลอดไฟที่ส่องโดนตัวมัน
เจียงเฮาได้บอกเขาก่อนหน้านี้ว่าเธอได้ส่ง ”ดิน” สีน้ําเงินนี้ ไปยังสถาบันการศึกษาเพื่อวิเคราะห์วิทยาศาสตร์ แต่ในความเป็นจริงแม้ว่าเธอจะได้รับผลลัพธ์ออกมาเธอก็อาจจะไม่บอกเขา เพราะกฎความลับ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาได้ซ่อน “ดิน” นี้เอาไว้เล็กน้อย อีกเหตุผลหนึ่งก็คือมันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับ “ปีศาจกลายพันธ์ชนิดใหม่”
หนิงเถาได้นําเอาบัญชีแยกประเภทใบไผ่ของคลินิกออกมา ด้วยเพราะก่อนหน้านี้บัญชีแยกประเภทได้บอกว่าหลินชิงหัว กลายเป็นปีศาจกลายพันธ์ชนิดใหม่ และสิ่งนี้เองที่เกี่ยวข้องกับหลินชิงหัวจนแยกไม่ออก กล่าวอีกนัยหนึ่งมันเกี่ยวข้องกับ ปีศาจกลายพันธ์ชนิดใหม่ เขาจึงสงสัยว่าบัญชีแยกประเภทสามารถปลดล็อกความลับมากกว่านี้ได้ไหม?
ด้วยความคิดนี้หนิงเถาจึงเปิดบัญชีแยกประเภทออกมา ซึ่งหน้าแรกเป็นหน้าที่แสดงให้เห็นถึงยอดเงินในบัญชีของคลินิก หน้าถัดไปเป็นหน้าที่แสดงบุญและบาปที่เขามี ก่อนหน้านี้ในหน้านี้ได้มีเส้นสีดําปรากฏขึ้น แต่ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่หนิงเถาจะคาดเดาถึงสาเหตุที่มันหายไปได้ “เส้นสีดํานั่นคือบาปที่ฉันได้ทําเมื่อฉันต้องการลงโทษเชินเซิงหลิน ซึ่งมันเต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้ายของฉันเอง ต่อมาฉันได้ช่วยซูหยา ดังนั้นจึงได้รับความตั้งใจดีมา ในระยะสั้นนี้ฉันได้ทําสิ่งเลวร้ายและสิ่งที่ดีไปพร้อมๆกัน มันเป็นเหมือนการทําบุญชดเชยบาปที่ฉันทําไป แต่เมื่อคืนนี้ฉันได้แทงชายชราด้วยเข็มอันศักดิ์สิทธิ์ต่อโรคที่น่ารังเกียจไป แต่ในช่วงเวลานั้นฉันไม่มีความอาฆาตพยาบาทในใจเลย กลับกันในตอนนั้นฉันคิดแต่จะปกป้องตัวเองเท่านั้น ด้วยเหตุผลพวกนี้เองทําให้ฉันไม่ได้สร้างบาปเพิ่มขึ้นมา”
มีความยุติธรรมอยู่บนโลกและพระเจ้าทรงสังเกตเห็นสิ่งพวกนี้
เมื่อพิจารณาถึงตรรกะนี้โดยละเอียด หนิงเถาก็รู้สึกโล่งใจ “ดังนั้นในอนาคตฉันก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเส้นสีดําหรือเส้นสีขาวที่จะปรากฏขึ้นในบัญชีแยกประเภทอีกต่อไป ฉันจะทําในสิ่งที่ฉันต้องทําและดูแลคลินิกให้ดี”
จากนั้นเขาก็ใส่ “ดิน” สีน้ําเงินบนบัญชีแยกประเภท
ไม่กี่วินาทีต่อมาประโยคหนึ่งโผล่ขึ้นมาบนบัญชีแยกประเภท ”ดินวิญญาณ เป็นดินชนิดหนึ่งในโลกวิญญาณ มันเป็นดินที่ครอบครองจิตวิญญาณและดินที่จําเป็นสําหรับการปลูกพืชวิญญาณ”
เนื้อหาประหลาดๆพวกนี้ทําให้หนิงเถาเต็มไปด้วยความสงสัย “ดินวิญญาณ? และไหนจะเป็นดินที่ใช้สําหรับปลูกพืชวิญญาณอีก? เห็นได้ชัดว่ามันเริ่มจะเหมือนนิยายขึ้นไปมาก? ถ้าตามพล็อตเรื่องต่อไปมันก็ต้องมีออกมามากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติอย่างแน่นอน ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบรักษาหลินชิงหัวให้หาย และถามเขาว่าไปเอาดินพวกนี้มาจากไหน”
จากนั้นเนื้อหาในบัญชีแยกประเภทก็หายไป
บัญชีแยกประเภทนี้สามารถปลดล็อกความลับของบางสิ่งที่เฉพาะเจาะจงได้เช่นเดียวกับ “สารานุกรม” ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมาก
หนิงเถาได้ใส่ดินจิตวิญญาณลงไปในขวดพอร์ซเลนในคลินิกแล้วเก็บบัญชีแยกประเภทเอาไว้ในกล่องยาตามเดิม หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระถางธูปสามขา และเริ่มฝึกฝนพลังวิญญาณของเขา
เขาฝึกฝนขั้นต้นซ้ําแล้วซ้ําอีก
ในการฝึกนี้เขาลืมเวลาเหมือนเคย เมื่อเขาเสร็จสิ้นการฝึก เวลาก็เกือบตีสี่แล้ว แทนที่เขาจะรู้สึกเหนื่อยจากการฝึกฝนซึ่งกินเวลาตลอดทั้งคืน เขากลับรู้สึกเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่เคยมีมาก่อนแทน แต่สิ่งที่ทําให้เขาพึงใจมากขึ้นคือเขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่มันก็ดีกว่าไม่เพิ่มขึ้นมาเลย
หนิงเถาลุกขึ้นและคิดว่า “นี่เป็นช่วงเวลาพิเศษ ฉันควรกลับไปสถานสงเคราะห์เด็กกําพร้าของซันไชน์ก่อน”
เขาต้องการออกจากประตูวาปในห้องของซูหยา นอกเหนือจากความสะดวกสบายแล้ววัตถุประสงค์อื่นๆก็เพื่อปกป้องซูหยาและเด็กๆที่นั่น
หนิงเถามองผนังและในไม่ช้าก็พบรูปแบบประตูซึ่งเหมือนกับรูปแบบประตูที่เขาวาดไว้ในห้องของซูหยา จากนั้นเขาก็คว้ากุญแจคลินิกที่ห้อยอยู่บนคอของเขาแล้วเสียบมันเข้าไปในล็อคเลือด และทําให้มันบิดเปิดมัน
ทันใดนั้นประตูวาปก็แตกกระจายและกําแพงหินก็หายไป เหมือนกระดาษที่ถูกเผาไหม้เผยให้เห็นหลุมดําเหมือนหมึกตรงหน้า
หนิงเถาไม่ได้มีความตึงเครียดแบบก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาได้เดินผ่านประตูนี้ไปอย่างสบายๆ แต่เขายังคงรู้สึกราวกับว่า เขากําลังเดินทางผ่านอุโมงค์เวลาและหลังจากเดินในความมีดซักพักเขาเห็นสิ่งที่คุ้นเคย – ตู้เสื้อผ้าเรียบง่าย เตียงไม้หยาบๆ และโต๊ะเล็กๆ นี่คือห้องของซูหยาแน่นอน
ซูหยากําลังนอนหลับอยู่บนเตียง
หนิงเถาออกมาจากด้านหลังกําแพงโดยปรากฏอยู่ด้านข้างเตียงและยืนอยู่มองซูหยา และในทันใดเขาก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
ในห้องนี้ไม่มีแอร์ ไม่มีแม้แต่พัดลมไฟฟ้า เมืองฉานเจียงเป็น เมืองร้อนที่มีชื่อเสียง และตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนที่สุดแม้กระทั่งตอนกลางคืน ดังนั้นซูหยาจึงไม่ได้คลุมผ้าห่มในขณะที่นอน เธอใส่กางเกงสั้นๆพร้อมกับชุดชั้นในที่หุ้มส่วนสําคัญของร่างกายเธอเท่านั้น…
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นเขาก็ต้องการออกไปเดิน สํารวจข้างนอก เพื่อดูแลความปลอดภัยของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า
ในขณะนั้นเองซูหยาโพล่งออกมาทันที “ช่วยด้วย ช่วยเหลือฉัน ฉันไม่อยากตาย…”
หนิงเถาหยุดเดินแล้วมองกลับไปที่ซูหยา
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองกําลังละเมอ เธอยังพูดต่อไปว่า “หนิงเถา! ทําไมนายถึงเป็นคนดีกับฉัน? ทําไม? … นายมันเป็นคนโง่ … “
หนิงเถาทั้งโกรธและขบขันไปในเวลาเดียวกัน “เธอดุฉันแม้แต่ในความฝัน? ฉันต้องการที่จะลงโทษเธอจริงๆ!” เขาคิด
เมื่อความคิดพุ่งทะลุผ่านจิตใจของเขาเขาจึงแข็งตัวครู่หนึ่ง ทําไมเขาถึงมีความคิดที่น่ารังเกียจแบบนี้? คําตอบนั้นถูกต้องต่อสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา ราวกับว่าเขาถูกดึงดูดโดยแม่เหล็กแม่เหล็กแรงสูง
ทันใดนั้นก็มีเสียงของบางอย่างตกลงมาอย่างหนักที่นอกหน้าต่าง
หนิงเถาได้ละสายตาที่มองซูหยาทันที ก่อนที่เขาจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
ด้านนอกหน้าต่างเป็นผนังด้านหลังของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าซันไชน์ มันอยู่ในความมืดและมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นในช่วงเวลานี้
คลิก!
ทันใดนั้นที่มุมมืดก็เสียงของกระเบื้องแตกดังขึ้น
หนิงเถารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบก้มไปที่ผนังติดกับหน้าต่าง
ซูหยาที่นอนอยู่บนเตียงเองก็ลืมตาขึ้นและดวงตาของเธอก็ตกลงมาที่หนิงเถา เธอไม่เห็นใครนอกหน้าต่าง แต่เห็นร่างของหนิงเถาซ่อนตัวอยู่ข้างกําแพง ครู่หนึ่งเธอต้องการตะโกน แต่เธอเปลี่ยนใจด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอปืนขึ้นจากเตียงเบาๆ ก่อนที่ดึงมีดทําครัวออกมาจากใต้หมอนของเธอและพุ่งไปที่หนิงเถา
หนิงเถาดูเหมือนว่าจะไม่สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลัง เขายังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างในความเงียบ
ซูหยาเข้าหาหนิงเถาทีละน้อยและยกมีดครัวขึ้นเงียบๆ