OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF – ตอนที่ 50 จุดไฟติดเป็นครั้งแรกและหม้อต้มยาปริศนา

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF บทที่ 50 จุดไฟติดเป็นครั้งแรกและหม้อต้มยาปริศนา

บทที่ 50 จุดไฟติดเป็นครั้งแรกและหม้อต้มยาปริศนา

 

มันเป็นคืนที่เงียบสงบ

 

หลอดไฟระดับเจ็ดดาวในคลินิกนภาได้สั่นไหวไปมา ในอากาศเองก็มีควันสีดําและสีขาวพันอยู่เต็มไปหมด ในช่วงเวลานี้ของทุกวันมันจึงทําให้ทั่วทั้งคลินิกถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศลึกลับ

 

หนิงเถานั่งไขว่ห้างถัดจากกระถางธูปและฝึกฝนคู่มือ กตนเบื้องต้นของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

นี่เป็นวันที่ 30 ของเขาในการเป็นเจ้าของคลินิกแห่งนี้ และเป็นวันสุดท้ายที่จะต้องจ่ายค่าเช่าเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเร่งฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นเมื่อจ่ายค่าเช่าไปแล้วค่าพลังบุญและบาปที่มีอยู่ ในตอนนี้จะลดลงไปถึงสองในสาม ซึ่งนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อการฝึกฝนของเขาอย่างเห็นได้ชัด

 

ดังนั้นในวันนี้จุดมุ่งหมายของเขาคือการจุดไฟเล่นแร่แปรธาตุขึ้นมาเพื่อทําการปรุงยาอมตะขึ้นมาให้ได้

 

หนิงเถาได้ลองทํามันไม่น้อยกว่า 100 ครั้งตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนพลังวิญญาณของเขาให้กลายเป็นไฟแปรธาตุได้ และในตอนนี้ยาอมตะที่เฉินผิงดาวให้ก่อนหน้านี้เองก็เหลือเพียงแค่สองเม็ดเท่านั้น ถ้าเขายังไม่สามารถทํามันขึ้นมาเอง ได้ในตอนนี้เขาก็คิดว่าเร็วๆนี้คงจะต้องเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน

 

ระหว่างที่กําลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้นเองการเดินพลังภายของวันนี้ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว 

 

จากนั้นก็ถึงช่วงเวลาที่จะฝึกพลังจิตต่อ ในขั้นตอนนี้จําเป็นจะต้องใช้สมาธิสูงมากไม่สามารถมีความคิดวอกแวกได้เป็นอันขาด ดังนั้นเมื่อตั้งสมาธิได้แล้วตัวหนึ่งเถาก็เริ่มที่จะจมดิ่งลงไป ในช่วงเวลาหนึ่งร่างกายและวิญญาณของเขาตกลงไปในวังวนที่มีในจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็วและจากนั้นเขาก็เห็นสีขาวของท้องฟ้าและวังในใจกลางของโลก

 

วังนี้เป็นตัวบอกขนาดของพลังจิตของตัวเอง มันก็เป็นเหมือน “เครื่องยนต์” ของเขาในฐานะผู้ฝึกฝน มันดูใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ชัดเจนอยู่ดี มันยังคงดูเหมือนวังที่พร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะดูยังไงก็น่าเกลียดเป็นอย่างมาก

 

ในขณะที่ใจของหนิงเถากําลังคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่นั้น ไม่ไกลจากวังนั้นก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตขาวดําขึ้นมา ก่อนที่พวกมันจะเต้นในอากาศเหมือนริบบิ้น

 

ใช้! พวกมันเป็นพลังทางจิตวิญญาณของเขาเอง พลังจิตวิญญาณสีขาวดําของการดํารงอยู่ระหว่างความดีกับความชั่วสีดํา แสดงถึงความชั่วร้ายในขณะที่สีขาวแสดงถึงความดี และพวกมันยังแสดงถึงคงความสมดุลที่แน่นอน

 

ตอนแรกมันมีขนาดเล็กมาก แต่มาตอนนี้พวกมันมีขนาดเท่ากับปลาไหลไปแล้ว ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี

 

“มันใหญ่ขึ้นมาก ถ้าฉันไม่ได้มาดูด้วยตาตัวเองก็คงจะไม่รู้” การได้เห็น “วัง” และพลังจิตวิญญาณของตัวเอง มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตื่นเต้น “ฉันสงสัยว่าขนาดของพวกมันเป็นไปตามเกณฑ์สัาหรับการแปลงเป็นไฟการเล่นแร่แปรธาตุแล้วหรือยัง?”

 

เมื่อความคิดนี้จบลง ท้องฟ้าสีขาวและโลกสีขาวก็หายไปและดวงตาของเขากลับสู่สภาวะปกติ ในทันทีนั้นเขาโผล่ออกมาจากโลกทางกายภาพของตัวเอง

 

หนิงเถาพยายามเปลี่ยนพลังจิตของเขาให้กลายเป็นไฟการเล่นแร่แปรธาตุ เมื่อพลังวิญญาณของเขาถูกรวบรวมไว้ในมือของเขา เขารู้สึกว่าบนฝ่ามือของตัวเองกําลังร้อนขึ้น และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความทรมานด้วยความร้อน มันให้ความรู้สึกเหมือนเขากําเหลกร้อนๆสองก้อนและพวกมันก็พร้อมที่จะฆ่าเขาได้ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้พยายามรักษาความเข้มแข็งของจิตใจตัวเองอย่างต่อเนื่อง และคอยกระตุ้นพลังวิญญาณของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

 

ทันใดนั้นเปลวไฟสีดําและสีขาวสองสีก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของเขา

 

หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับเปิดปากกว้างด้วยความตื่นเต้นและเกือบจะร้องออกมาดังๆ

 

ถึงแม้ว่าเปลวไฟที่ปรากฏอยู่นั้นจะดูแล้วแผ่วเบาและพร้อมที่จะหายไปได้ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่สําคัญในตอนนี้ขอแค่มันปรากฏ ออกมาก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ส่วนการทําให้ไฟแรงขึ้นนั้นมันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและมันจําเป็นต้องใช้เวลา

 

อย่างน่าอัศจรรย์ไฟการเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดหลังจากที่มันปรากฏออกมาแล้ว!

 

ในตอนนี้ก็สามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่าตัวเขาประสบความสําเร็จด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตามเบื้องหลังความสําเร็จนี้คือความล้มเหลวหลายร้อยครั้งและการฝึกฝนพลังทางวิญญาณที่ยากลําบากและน่าเบื่อหลายต่อหลายครั้ง

 

ลูกไฟสองลูกได้เต้นรําบนมือของหนิงเถา ด้วยความมุ่งมั่นของพวกมันพวกมันก็ได้กระโดดขึ้นไปทางด้านหลังมือ แต่เมื่อเขาพยายามนําพวกมันให้ออกจากฝ่ามือของตัวเอง โดยไม่คาดคิดว่าไม่เพียงแต่มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากเท่านั้น แต่พลังทําลายที่เดิมเขาคิดว่าจะเป็นอะไรที่ตระการตาเองกับไม่มีให้เห็น เห็นได้ชัดว่าเจ้าไฟนี้ ทําได้เพียงแร่แปรธาตุและการรักษาเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการต่อสู้ได้

 

ในตอนนี้หนิงเถาไม่สามารถทดสอบว่าจะใช้ไฟเล่นแร่แปรธาตุเพื่อรักษาโรคได้ยังไง แต่เขาก็อดใจรอไม่ไหวที่จะลองใช้มันทํายาอมตะเบื้องต้น หลังจากความพยายามในการปลดปล่อยไฟการเล่นแร่แปรธาตุได้สําเร็จ เขาก็รีบลุกขึ้นจากพื้นและเริ่มควานหาของที่จําเป็นสําหรับทํายาอมตะนี้ในคลินิก

 

เขาได้ใช้เวลาค้นหาไปถึงครึ่งชั่วโมง

 

” เฉินผิงดาว!” หนิงเถาได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “แก แม่จะจนไปแล้ว!”

 

ยาอมตะการกลั่นหลักนั้นจําเป็นต้องการวัสดุยาและไม่ใช้ยาจํานวนเพียงเล็กน้อย แต่มันมีเยอะมากและแต่ละชนิดก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างหายาก แม้ว่าเฉินผิงดาวจะระบุว่าวัสดุที่ใช้มีอะไรบ้างพร้อมกับพวกมันอยู่ที่ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะได้พวกมันมา ซึ่งนั้นทําให้ในตอนนี้เขาได้ขาดวัสดุอยู่อย่างน้อยสองในสามที่จําเป็นต้องใช้เลยก็ว่าได้!

 

ด้วยวัสดุที่หายากและมีค่ามากมาย แม้ว่าจะสามารถหาซื้อได้ในตลาดขายยา แต่เขาก็ไม่สามารถหาซื้อพวกมันได้ในที่เดียว มีความเป็นไปได้ว่าวัตถุดิบพวกนี้ได้กระจายไปทั่วประเทศและนั้นทําให้เขาอาจจะต้องเดินทางไปทั่วเพื่อรวบรวมมัน!

 

เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็ถึงกับรู้สึกอยากจะเป็นบ้ามาให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อคิดว่ากังวลไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นเขาจึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะทํายาอมตะขึ้นมา ก่อนที่จะไปให้ความสนใจในยาหยินยางที่มีวัตถุดิบพร้อมมากกว่า

 

ยาหยินยางจริงๆแล้วไม่ได้ถูกเรียกด้วยชื่อนี้ เดิมมันถูกเรียกว่ายาถั่งเช่า ด้วยวัตถุดิบหลักของมันคือตัวถังเช่านั้นเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนรุ่นหลังต้องการให้เกียรติกับผู้คิดค้นยานี้ขึ้นมาจึงได้เปลี่ยนชื่อยานี้ไปเป็นยาหยินยางนั้นเอง แน่นอนว่ายาตัวนี้จําเป็นต้องใช้ถั่งเช่าที่มีอายุอย่างน้อย 100 ปีขึ้นไป

 

อาจจะเพราะเงื่อนไขนี้เองที่ทําให้จนถึงปัจจุบันตัวยาชนิดนี้เป็นของหายากที่แทบจะไม่มีใครรู้จักมัน แต่ถึงรู้ก็จะเป็นเพียงกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้น

 

โชคดีที่เฉินผิงดาวได้ทิ้งวัตถุดิบของยาตัวนี้ไว้ถึงแปดต้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบยาที่มีมากที่สุดในบรรดาวัตถุดิบยาทั้งหมด

 

การเล่นแร่แปรธาตุจําเป็นต้องใช้หม้อยาโดยเฉพาะ ดังนั้นมันจําเป็นที่จะต้องมีมันเป็นอันดับแรกไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถทํายาขึ้นมาได้ แน่นอนว่ากระถางธูปนั้นใช้ไม่ได้

 

หนิงเถาเริ่มค้นหาอีกครั้งสําหรับหม้อยาในคลินิก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบหม้อยาสามอัน หนึ่งคือหม้อยาทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าเตาไฟฟ้าที่มีการออกแบบที่เรียบง่ายดูเก่าและหนัก หนึ่งคือหม้อยาที่ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับขนาดของเตาไฟฟ้าที่มี “ท้อง” ยื่นออกมาทําให้รูปร่างของหม้อนั้นดูอ้วนและไม่สมประกอบ หม้อยาที่สามเป็นสีดําและมีรอยแตกที่มองเห็นได้ซึ่งดูเหมือนมันจะแตกได้ทุกเวลา มันมีขนาดเล็กที่สุดในสามหม้อยาที่เขาพบ มันมีขนาดเท่ากับชามซุปที่คนทั่วไปใช้เอาไว้ดื่มน้ําซุปเท่านั้น

 

หนิงเถาวางหม้อยาสามอันไว้บนโต๊ะตรงหน้าก่อนที่จะสังเกตพวกมันอย่างรอบคอบแล้วเลือกขาตั้งที่เล็กที่สุดขึ้นมา เขาคิดว่าไม่จําเป็นต้องใช้หม้อยาที่ดีมากในการทดลองทําครั้งแรก ถ้าเกิดว่ามันล้มเหลวขึ้นมาเขาก็ไม่ต้องการให้ของดีๆเสียหาย ดังนั้นการเลือกอันที่ดูแย่ที่สุดจากสามชิ้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้

 

เมื่อหม้อยาได้แล้ว หนิงเถาก็เริ่มทําความสะอาดมันอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเจ้าหมอพวกนี้ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ตรงมุมห้องมานานมันจึงเต็มไปด้วยฝุ่นมากมาก และหลักสําคัญที่สุดของการ ทํายาเม็ดโดยหม้อยานั้นคือความสะอาดของหม้อยาเพราะไม่อย่างนั้นยาที่ทําออกมาอาจจะมีสารอื่นปนอยู่ด้วย และเมื่อมันเป็นแบบนั้นประสิทธิภาพที่ตัวยาควรจะทําได้ก็อาจจะลดลงหรือหายไป

 

เมื่อทุกอย่างพร้อมหมดแล้วหนิงเถาก็ได้เปลี่ยนพลังทางจิตวิญญาณของเขาให้กลายเป็นไฟการเล่นแร่แปรธาตุอีกครั้ง จากนั้นปล่อยพวกมันออกจากมือของเขาและวางมือบนหม้อยาที่มีรอยร้าว

 

หึ่ง!

 

หม้อยาสีดําที่น่าสงสารเริ่มส่งเสียงพึมพําฟังลึกซึ้งและซับซ้อนราวกับว่ามาจากท้องฟ้าเบื้องบนออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเสียงที่ดังออกมาดูเหมือนจะมีพลังงานชนิดหนึ่งซึ่งทําให้ผู้ฟังเงียบสงบและยังสร้างเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสมาธิออกมาอีกด้วย!

 

ทันใดนั้นลูกบอลไฟสองลูกก็ได้กระจายไปตามรอยแตกบนหม้อยา ทุกรอยแตกเป็นเหมือนแม่น้ําแห้งที่กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้งหลังจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง! น้ําเป็นสีขาวครึ่งสีดําครึ่งมันทําให้ตัวหม้อยางดงามเป็นอย่างมาก จากนั้นหม้อยาทั้งหมดดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดําและสีขาวมันดูน่าอัศจรรย์!

 

หนิงเถาที่เห็นแบบนี้เป็นครั้งแรกก็ตกใจมาก “นี่ ไอ้เจ้าหมออันนี้มันผิดปกติหรือไง?!”

 

หม้อยาขนาดเล็กได้ส่งเสียงออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงนั้นต่ำลงมาก แต่ผู้ฟังก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ เมื่อได้ยินอย่างนี้หนิงเถาก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้ไปอยู่ในวิหารของพระพุทธเจ้าโบราณและมีความอยากคุกเข่าพร้อมกับต้องการนมัสการพระคุณเจ้า!

 

ในหม้อยาตัวยาอย่างยั่งเช่าเองก็เริ่มสลายตัว มันไม่ใช่การสลายตัวแบบอาหารที่ถูกนําไปวางเอาไว้ในอุณหภูมิสูงหรือไม่ใช่การสลายตัวทางเคมีในระหว่างการทดลองทางเคมี แต่เป็นการสลายตัวในการแตกดับ เมื่อได้ทําตามกระบวนการทั้งหมดที่ระบุบเอาไว้ในหนังถือเป็นที่เรียบร้อย ต้นถั่งเช่าก็ได้หายไปอย่างสมบรูณ์ หลงเหลือเพียงสาระสําคัญเท่านั้น นอกจากนี้สาระสําคัญยังคงเข้มข้นเป็นอย่างมาก นี่จึงสามารถพูดได้ว่าการทํายาประสบความสําเร็จ!

 

หลังจากช่วงเวลาสั้นๆยาหยินยางก็ปรากฏออกมาตรงหน้าของหนิงเถา เขาสังเกตเห็นว่าด้วยขนาดของถั่งเช่าที่หนักอย่างน้อยครึ่งกิโลกริมและมีความยาว20เซนติเมตร มันควรจะได้สาระสําคัญจํานวนมาก แต่มันกับได้เพียงหยุดเดียวเท่านั้น

 

ใช้ เพียงแค่หนึ่งหยดเท่านั้น แต่เพียงแค่หยดเดียวกลิ่นที่มันส่งออกมากับฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องหลังจากที่เขาเปิดฝาหม้อยาด้วยกลิ่นพวกนี้เองทําให้คนที่ได้กลิ่นไปนั้นเต็มไปด้วยความสดชื่น และน่ารื่นรมย์

 

หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่ต้องการจะดื่มมันในขณะที่เขาได้กลิ่นที่น่ารื่นรมย์นี้

 

” เอ๊ะ! มีตัวหนังชื่ออยู่ตรงนี้ด้วย?” เมื่อตอนที่เขากําลังมองดูของเหลวอยู่นั้นเอง เขาก็บังเอิญไปสังเกตเห็นประโยคสั้นๆที่อยู่มุมของหม้อยาเข้า จากนั้นเขาได้นําหม้อยาไปวางเอาไว้ใต้หลอดไฟระดับเจ็ดดาว ก่อนที่จะมองตัวหนังสือนั้นแบบชัดๆ

 

คราวนี้เขาไม่เพียงแต่เห็นหยดของเหลวเท่านั้น แต่ยังเห็นประโยคที่อยู่ด้านล่างของหม้อยาอีกด้วย จากการอ่านจับใจความได้ว่าเจ้าหมอยานี้เรียกว่า หม้อยาบุปผา

 

ไม่แน่แปลกที่เจ้าหมอนี้จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาตลอดเวลา

สรุปแล้วเจ้าหมอนี้มีความเป็นมายังไงกันแน่นะ?

 

มาถึงจุดนี้หนิงเถานั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเริ่มที่จะคาดเดาสิ่งต่างๆขึ้นมา “ ไม่แน่ว่าเจ้าหมอยาตัวนี้อาจถูกทิ้งไว้โดยเจ้าของคลินิกคนหนึ่งซึ่งควรจะเป็นผู้หญิง เพราะไม่อย่างนั้นมันคงไม่ชื่อนี้”

 

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงหมอยาสองตัว จากนั้นเขาก็ได้ไปหยิบหม้อยาที่วางเอาไว้ไม่ไกลขึ้นมา ก่อนที่จะสํารวจดูพวกมันให้ละเอียดอีกครั้ง

 

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ด้านล่างของหมอยาถูกจารึกด้วยตัวอักษรจีน – หมอยาสวรรค์”

 

เมื่อเห็นชื่อนี้หนิงเถาก็ไม่สามารถเก็บความโกรธของเขาไว้นี้ เพราะรู้ว่าเจ้าหมอนี้เป็นของใคร จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฉินปิงดาว มีอยู่แวบหนึ่งที่เขามีความคิดจะระบายความโกรธของเขากับหม้อยาตัวนี้ แต่เมื่อคิดว่าหมอยาอันนี้อาจจะมีประโยชน์ในอนาคต การเก็บมันไว้อาจจะดีกว่าทําลายมันทิ้ง

 

ในไม่ช้าเขาก็เย็นลง และเริ่มคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก่อนที่จะรู้ว่าถ้าเฉินผิงดาวสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เขาก็คงจะไม่จัดการให้คลินิกนภานี้มาถึงมือของตัวเองอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะต้องการเอาเลือดหัวของเฉินผิงดาวออกมามากขนาดไหน แต่มันก็ไม่สามารถทําได้ในเร็วๆนี้และในอนาคตเองก็อาจจะไม่

 

จากความคิดนี้เองหนิงเถาจึงนําหมอยาสวรรค์ลงไป ก่อนที่จะนําหมอยาอันสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาหมอยาอันนี้ทําขึ้นด้วยทอง สัมฤทธิ์ทั้งหมด ในกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียดนั้นเขาก็พบชื่อของหมอยานี้เช่นกัน ซึ่งมันเป็นชื่อที่แปลกอย่างมาก เจ้าของเดิมของมันตั้งชื่อมันว่าหมอยาที่เน่าเสีย เขายอมรับว่ามันเป็นชื่อที่แปลกเท่าที่เคยมีมา หมอยาที่สมบูรณ์แบบนี้กลับมีชื่อที่ตรงกันข้ามอย่างชัดเจน ในขณะที่หมอยาสีดําเก่าๆที่เหมือนจะสลายได้ตลอด เวลากัยถูกตั้งชื่ออย่างกับบทกวี

 

ในที่สุดหนิงเถาก็เลิกคิดเรื่องชื่อพวกนั้นไป ยังไงมันก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าของมันไม่ใช้เขา เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็หันมาให้ความสนใจกับเจ้าของเหลวที่นอนยู่กัมหมอยาบุปผา ก่อนที่จะนําของเหลวนั้นเข้าไปในปากของเขาเอง

 

ทันทีที่ของเหลวนั้นสัมผัสกับต่อมรับรส มันก็ทําให้หนิงเถาตกตะลึงไปทันที มันให้ความรู้สึกที่เกินจะบรรยาออกมาเป็นคําพูด ไม่เพียงแค่นั้นทันทีที่มันไหลลงไปยังกระเพามันก็ได้ทําให้ร่างกายของเขาอบอุ่นและสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

 

หนิงเถาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะเอฟเฟกต์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ดวงตาของเขาจะสว่างขึ้น “พลังวิญญาณของฉันสามารถเปลี่ยนเป็นไฟ เล่นแร่แปรธาตุได้ในขณะนี้ และฉันมีหม้อยาที่จําเป็นแล้ว ในเมื่อมันติดขัดในเรื่องของการหาวัตถุดิบยาที่จําเป็น ทําไมฉันไม่ลองนําพวกเครื่องเทศมาทําก่อน? ไม่แน่ว่ามันอาจจะออกมาเวอร์กได้? ” เมื่อหนิงเถาคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “การกลั่นยาอายุวัฒนะขั้นต้นต้องการปริมาณยาที่ล้ำค่าจํานวนมาก ดังนั้นการเตรียมเงินเอาไว้มากๆก่อนก็ไม่ใช้เรื่องแย่อะไรจริงไหม?!”

 

ในความเป็นจริงเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะทําเงินได้มากมายหลังจากที่เขาได้เป็นเจ้าของคลินิกนภา เพราะสิ่งที่เขาให้ความสําคัญ จริงๆคือการหาค่าเช่ามาจ่ายให้ตรงเวลาและรักาชีวิตเล็กๆของตัวเองให้ปลอดภัย แต่เมื่อมาถึงจุดนี้เขาไม่คิดเรื่องเงินก็ไม่ได้แล้ว ดังนั้นก่อนที่จะทําอะไรออกไปอีกครั้งเขาควรจะคิดวิธีหาเงินให้เรียบร้อยก่อนเป็นอย่างแรก!

 

ระหว่างที่หนิงเถากําลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้น ทันใดนั้นควันสีดําและสีขาวบริเวณกระถางธูปก็ได้ลอยกลับเข้าไปข้างในเงียบๆ จากนั้นตัวกระถางเองก็ส่งเสียงแปลกๆออกมา

 

หนิงเถาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันทําให้ความคิดเกี่ยวกับวิธีหาเงินต้องถูกเก็บลงไป ก่อนที่เขาจะให้ความสนใจกระถางธูปแทน เขาสังเกตเห็นว่าเหลวสีดําและสีขาวในกระถางกําลังหมุนอย่างรวดเร็วจนก่อให้เกิดวังวน !

 

ในทันทีอ่างน้ําวนได้หยุดนิ่งลง ของเหลวสีดําและสีขาวก็ลดลงไปสองในสามทันที

 

หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินไปเอาบัญชีแยกประเภทใบไผ่ออกมาจากตู้ยาทันที ก่อนที่เขาจะเปิดมันขึ้นมาและพบว่าค่าเช่าของเดือนนี้ถูกหักไปแล้ว

 

นอกจากนี้ยังมีวรรคหนึ่งในบัญชีแยกประเภทที่เขียวเอาไว้ว่า ” 30 วันนับจากวันที่ชําระค่าเช่าครั้งนี้ ค่าเช่าเดือนถัดไปคือ 300 จุด”

 

ค่าเช่าเพิ่มขึ้น!

 

“ทําไมแกไม่มาปล้นฉันเลยละ!” หนิงเถาที่เห็นข้อความนั้นก็อด ใจไม่ไหวที่จะไม่คํารามออกมาอย่างโกรธเคือง

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีเนื้อหาใหม่ในบัญชีแยกประเภทว่า “ผู้เช่าไม่ต้องโกรธไป เพราะทางคลินิกจะอัปเกรดหลังจากที่คุณจ่ายค่าเช่า 1,000 จุดแล้ว”

 

หนิงเถาที่เห็นประโยคนี้ก็ตัวแข็งไปทันที

 

“อะไรกัน? คลินิกนี้สามารถอัพเกรดได้ด้วย?” หนิงเถาถามออกมาอย่างสงสัย แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถตอบคําถามนี้ได้

 

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

บทนำ นักศึกษาแพทย์ที่ยากจนคนหนึ่งได้เข้าไปช่วยชีวิตสุนัขสีดำที่ได้รับบาดเจ็บจากบนถนนโดยไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่คิดว่านั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์พันธ์ลึก และทำให้เขาได้รู้จักกับคลินิกลึกลับอย่างคลินิกนภา ตัวคลินิกเองยังมีกฎที่เป็นข้อบังคับที่ว่าถ้าหากเขาไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา จำนวนชีวิตน้อยๆของเขาจะต้องถูกหักออกไปทดแทนในส่วนที่ขาดไป เพื่อความอยู่รอดหนิงเถาผู้ที่พึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ฝึกตนมือใหม่และโลกใบใหม่นี้ จะต้องพยายามหาความดีและความชั่วเพื่อนำมาเป็นค่าเช่า นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นทั้งนักบุญและปีศาจ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset