Perfect Superstar – ตอนที่ 129 คะแนนเต็ม

ตอนที่ 129 คะแนนเต็ม

เพลง ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’ เป็นผลงานพิเศษที่เฉพาะมากเพลงหนึ่งยามที่อยู่ในความฝันของลู่เฉิน

ตอนแรกไม่มีใครสนใจมันมากนัก หลายคนไม่รู้จักเพลงนี้ แต่เป็นเพราะการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งถึงได้โด่งดังเป็นพลุแตก เป็นที่แพร่หลายในอินเทอร์เน็ต สัมผัสน้ำตาของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน จึงเป็นที่ชื่นชอบอย่างกว้างขวางในกลุ่มคนหนุ่มสาว กลายเป็นผลงานเพลงร็อกคลาสสิกก็ว่าได้

การร้องเพลงต้นฉบับนี้ใช้การแสดงของทำนองเสียงที่ดังก้องและเสียงคำรามทำให้จิตใจเกิดความฮึกเหิม ท่วงทำนองที่ขับร้องออกมาค่อนข้างแปลก เกือบจะเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกที่ยากจะควบคุมได้ ทำให้ผลงานเพลงชิ้นนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ยิ่งฟังก็ยิ่งซาบซึ้ง

แต่ลู่เฉินไม่ได้เลียนแบบวิธีการร้องประเภทนี้ เพราะไม่เหมาะสมกับคุณภาพเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

เขานำเพลงนี้ไปเปลี่ยนแทนในรายการเพลงอย่างกะทันหัน และขอให้กู่รุ่ยผู้อำนวยการเพลงกับวงดนตรีประกอบของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ช่วยเหลือ นำเพลงมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง

เพราะฉะนั้นในเรื่องของสไตล์จึงเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเมื่อเทียบกับต้นฉบับเดิม

แต่เนื้อเพลงไม่เปลี่ยน ทำนองดนตรีก็ไม่เปลี่ยน ยังคงความรู้สึกฮึกเหิมเหมือนเดิม!

ตอนที่ลู่เฉินแสดงเพลงนี้ เขาค่อยๆ สะสมความรู้สึกของตัวเองทีละนิด ไม่ว่าจะเป็นความอดทนอัดอั้นก่อนหน้านี้ ความเจ็บปวด การเสาะแสวงหา การตระหนักรู้ถึงความโดดเดี่ยว ความหดหู่ การต่อต้านความรู้สึกกับความมีเหตุผล

“…อนาคตที่งดงามชวนหลงใหลกำลังเรียกฉัน

ต่อให้มีความเจ็บปวดเป็นเพื่อนก็จะมุ่งไปข้างหน้า

ฉันอยากล่องเรือไปในทะเลใหญ่สีฟ้าครามที่สุด

จะไม่ยอมให้ตัวเองย้อนกลับไปเด็ดขาด

ความหงอยเหงาเศร้าสร้อยหลังจากล้มเหลว

นั่นคือการแสดงออกของคนขี้ขลาด

ตราบใดที่ยังไม่หมดลมหายใจ ขอให้กำหมัดแน่นทั้งสองข้าง!

ก่อนรุ่งสาง

พวกเราต้องกล้ามากกว่านี้

รอวินาทีที่พระอาทิตย์สว่างสดใสที่สุด

…”

ความรู้สึกซับซ้อนที่สะสมบนตัวเขาจนถึงขีดสุดพลันระเบิดออกมา!

“…วิ่งไปข้างหน้า ต้อนรับสายตาดูถูกและหัวเราะเยาะ

ความกว้างใหญ่ของชีวิตหากไม่เจออุปสรรคจะรู้สึกได้ยังไง

โชคชะตาไม่มีทางทำให้พวกเราคุกเข่าขอร้อง

ต่อให้เลือดสาดเต็มอ้อมแขน

วิ่งต่อไป พาจิตใจอันเย่อหยิ่งที่บริสุทธิ์ไปด้วย

ความเจิดจรัสของชีวิตหากไม่ยืนหยัดจะมองเห็นได้ยังไง

ฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายสู้ ไม่สู้ปล่อยให้มันสิ้นสุดเองดีกว่า

เพื่อสิ่งสวยงามในหัวใจ

จะไม่ยอมประนีประนอมจนกระทั่งเข้าสู่วัยชรา!

…”

ไม่มีเสียงรบกวนภายในพื้นที่งานอันกว้างใหญ่ มีแต่เสียงเพลงของลู่เฉินกับเสียงบรรเลงของวงดนตรีสะท้อนไปมาอยู่กลางอากาศ กระทบแก้วหูของทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า สั่นสะเทือนจนหูอื้อ

ไม่มีใครคิดว่าลู่เฉินจะหยิบผลงานเพลงร็อกออกมา และยังมีความพิเศษเช่นนี้…

เร้าใจมากจริงๆ!

ภายในห้องพักเก่าๆ บริเวณรอบนอกปักกิ่ง เฉินเสียงจ้องมองหน้าจอ ตาไม่กะพริบ สั่นสะท้านไปทั้งตัว

เขารู้สึกว่าภายในร่างกายของตัวเองเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังแผดเสียงคำราม อยากจะพุ่งออกมา

เพลงนี้ของลู่เฉิน ทำให้เฉินเสียงนึกถึงตอนที่ตัวเองเพิ่งเข้ามาอยู่ในเมือง กับประสบการณ์ที่ได้พบเจอ

เขาในตอนนั้นมาพร้อมกับความฝัน แต่ภาพความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้ากลับต้องเจอแต่เรื่องหัวร้างข้างแตก เนื่องจากการศึกษาไม่พอ เจอแต่ความผิดหวังทุกครั้งในการสมัครงาน เขาต้องไปทำงานใช้แรงงานเกือบทุกที่เพื่อหาเลี้ยงชีวิต

เขาเคยไปแจกใบปลิวตามท้องถนน เคยล้างจานในร้านอาหาร วิ่งส่งของลากของไปมา ไม่รู้ว่าต้องถูกสายตาดูถูกเหยียดหยามและเย็นชาจากคนอื่นตั้งกี่ครั้ง และคิดอยากจะกลับบ้านเกิดนับครั้งไม่ถ้วน

แต่เฉินเสียงก็ยังยืนหยัดต่อไป ชีวิตทำให้เขารู้จักความเข้มแข็ง และก็ทำให้เขารู้จักความสำคัญของความรู้

เขาขยันทำงานหาเงิน เรียนหนังสืออย่างตั้งใจ แล้วจึงหางานที่เหมาะกับสาขาของตัวเองได้ในที่สุด ขณะเดียวกันก็เริ่มปักหลักในเมืองได้อย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้จุดประกายความฝันเล็กๆ ต้องดับมอดลง

หลังจากผ่านประสบการณ์มามากมาย เฉินเสียงคิดว่าตัวเองมีความกล้าหาญมีความเข้มแข็งมากแล้ว แต่พอได้ยินเพลง ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’ อารมณ์ของเขาพังทลายลงในทันที!

“วิ่งไปข้างหน้า ต้อนรับสายตาดูถูกและหัวเราะเยาะ ความกว้างใหญ่ของชีวิตหากไม่เจออุปสรรคจะรู้สึกได้ยังไง!”

“โชคชะตาไม่มีทางทำให้พวกเราคุกเข่าขอร้อง…”

เฉินเสียงกัดฟันกำหมัดแน่น ฟังเพลงนี้จนจบ

จากนั้นเขาหยิบถ้วยบะหมี่ที่อืดแล้วจากบนโต๊ะ ใช้ส้อมพลาสติกม้วนเส้นบะหมี่ขึ้นมากินอย่างช้าๆ

น้ำตาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว

ผ่านไปนานพักหนึ่ง เสียงปรบมือคึกคักดังกระหึ่มไปทั่วโรงยิม ราวกับเกลียวคลื่นขนาดยักษ์กระเพื่อมขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หลายคนลุกขึ้นยืน โห่ร้องและปรบมือให้ลู่เฉิน

ลู่เฉินโน้มสุดตัวให้พวกเขา น้ำตาเล็กน้อยเอ่อขึ้นมาที่หางตาของเขา

จากนั้นคือกรรมการ ถานหงกับหลินจื้อเจี๋ยลุกขึ้นยืนก่อน เฉินเฟยเอ๋อร์กับเจินเจินช้าไปก้าวหนึ่ง

แล้วก็ยังมีวงดนตรี ตอนที่ลู่เฉินหันไปคำนับขอบคุณพวกเขา เหล่านักดนตรีที่หยิ่งมาโดยตลอดต่างก็คำนับตอบเช่นกัน ราวกับเสร็จสิ้นพิธีการอันยิ่งใหญ่

ประมาณสองสามนาทีเต็ม การถ่ายทอดสดภายในงานถึงได้สงบลง

กรรมการทั้งสี่นั่งลง ถานหงพูดว่า “เพลงนี้ ผมไม่อยากประเมินอะไรมาก ถึงแม้จะดูหยาบไปนิด สมบูรณ์ไม่พอ แต่ผมให้สิบคะแนน!”

พูดจบ ถานหงก็กดปุ่มลงไป ตัวเลข ‘10’ สีทองแวววาวปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอขนาดใหญ่ทันที

ลู่เฉินยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณอาจารย์ถานครับ…”

“ไม่หรอก!”

ถานหงส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม แล้วพูดว่า “ผมควรขอบคุณคุณถึงจะถูก ให้ผมได้ฟังเพลงที่ควรค่าแก่การซาบซึ้ง ควรค่าในการใช้หัวใจฟังเพลงดีๆ ผมมองเห็นความหวังของเพลงป็อปจากในตัวคุณแล้ว!”

ในรายการวาไรตี้โชว์ เป็นเรื่องปกติที่กรรมการจะพูดยกย่องชมเชยผู้เข้าแข่งขัน บางครั้งก็เพื่อประสิทธิผลของรายการที่โดดเด่นหรือไม่ก็จำเป็นต้องสร้างกระแส กระทั่งต้องพูดอะไรที่เลี่ยนมากๆ ทำเอาคนฟังแล้วขนลุกซู่

แต่ถานหงเป็นใคร เขาอยู่ในวงการนี้ มีทั้งตำแหน่งและความสามารถ เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นคำพูดชื่นชมของเขาที่มีต่อลู่เฉินจึงออกมาจากใจจริงๆ

ถานหงชอบเพลงนี้มาก เพราะมีจิตวิญญาณของเพลงร็อกแนวใหม่ มีระดับเหนือกว่าผลงานเพลงทั้งหมดก่อนหน้านี้ของลู่เฉิน

เขาให้ลู่เฉินสิบคะแนน เป็นเพราะว่าสิบคะแนนคือตัวเลขสูงที่สุด

หลินจื้อเจี๋ยก็ให้ลู่เฉินสิบคะแนน

ผู้อำนวยการเพลงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้พูดว่า “ถ้าคุณเกิดเร็วกว่านี้สักยี่สิบปีก็คงดี”

เมื่อยี่สิบปีก่อน นั่นคือยุคทองของอุตสาหกรรมแผ่นเสียง และยังเป็นยุคของวีรบุรุษ ราชินีปรากฏตัวขึ้นทีละคน!

หลินจื้อเจี๋ยคิดว่านั่นคือยุคที่ดีที่สุดของเพลงป็อป

เหมาะสมกับยุคของลู่เฉินมากที่สุด!

ถานหงหัวเราะฮ่าๆๆ

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดว่า “ลู่เฉิน คุณรู้ไหม ตอนแรกฉันจะให้คุณสิบคะแนน แต่พี่ถานหงให้คุณสิบคะแนนไปแล้ว อย่างนั้นฉันจะให้คุณเก้าคะแนน”

เสียงฮือฮาดังขึ้นในงานทันที มีหลายคนไม่เข้าใจสิ่งที่เฉินเฟยเอ๋อร์พูด

ทำไมถานหงให้สิบคะแนน แล้วเธอจะต้องให้เก้าคะแนนล่ะ

ถานหงเปลี่ยนเป็นสีหน้าขมขื่นทันที อดส่ายหน้าไม่ได้…รุ่นน้องเอาแต่ใจก็เป็นแบบนี้แหละ!

เขารู้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ชอบสีเจียมาก เมื่อครู่เขาให้สีเจียเก้าคะแนน ดังนั้นจึงอยากจะแก้แค้น

แต่ถานหงก็คัดค้านไม่ได้ เพราะการให้คะแนนคือสิทธิ์ของกรรมการ

เมื่อเห็นสีหน้าจนใจของถานหง มุมปากขอเฉินเฟยเอ๋อร์จึงโค้งยิ้มอย่างสวยงาม

เธอกดปุ่มให้คะแนนเบาๆ

บนหน้าจอยักษ์ปรากฏตัวเลขขนาดใหญ่ทันที

เลข 10!

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ให้ลู่เฉินเก้าคะแนน แต่เป็นสิบคะแนนต่างหาก เกิดการหักมุมกะทันหัน!

เธอเม้มมุมปากยิ้มแล้วพูด “ฉันล้อเล่นค่ะ ลู่เฉิน เพลงนี้ของคุณดีมากจริงๆ สมควรที่จะได้คะแนนเต็ม!”

จินตนาการได้ยากมากว่า ผู้หญิงสวยราวกับหงส์และเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกขาวจะมีอายุเกินสามสิบปีแล้ว!

หลินจื้อเจี๋ยยิ้มพูดว่า “พวกคุณศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างก็ให้สิบคะแนน งั้นผมก็ให้สิบคะแนนเหมือนกัน”

เขาชูนิ้วโป้งให้ลู่เฉิน “เพลงดีมาก!”

ก็เหมือนดังที่ถานหงพูดไว้ เพลงนี้ไม่จำเป็นต้องประเมินอะไรมากนัก ให้คะแนนเต็มก็พอแล้ว

เจินเจินก็ให้สิบคะแนนเหมือนกัน

เธอพูดว่า “เพลงนี้ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงพลัง พลังในการต่อสู้ไปข้างหน้า การให้คะแนนเต็มจึงไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย!”

กรรมการทั้งสี่คนให้สิบคะแนนเต็ม คะแนนรวมจากกรรมการของลู่เฉินคือสี่สิบคะแนน

มากกว่าสีเจียที่ได้สามสิบแปดคะแนน!

สีเจียที่ยืนอยู่ตรงพื้นที่ให้รอก็ปรบมือไปพร้อมๆ กับเหล่าผู้ชม ใบหน้าของเธอมีความเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ

ถึงแม้เธอรู้ว่าตัวเองแพ้แล้วก็ตาม

คะแนนเต็มจากกรรมการสี่สิบคะแนนไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงการแข่งขันท้าดวลแบบนี้ ลู่เฉินเพิ่งได้เป็นคนแรก

และก็มีเพียงเขาเท่านั้น

สีเจียไม่รู้สึกน้อยใจที่แพ้ให้กับลู่เฉิน

หลังจากลู่เฉินขอบคุณเรียบร้อยแล้ว พิธีกรจึงขึ้นมาบนเวที และเชิญสีเจียกลับมาในขณะเดียวกัน

เขาจะต้องประกาศผลสรุปรวมสุดท้าย

คนแรกคือสีเจีย

คะแนนรวมจากกรรมการคือ 38 คะแนน การโหวตจากผู้ชมในงานคือ 4875 ใบ การโหวตรวมจากผู้ชมนอกสนามคือ 428,530 ใบ

คะแนนรวมทั้งหมดคือ 97.52 คะแนน!

จากนั้นก็ถึงรอบของลู่เฉิน

คะแนนรวมจากกรรมการคือ 40 คะแนน การโหวตจากผู้ชมในงานคือ 4623 ใบ การโหวตรวมจากผู้ชมนอกสนามคือ 725,506 ใบ

คะแนนรวมทั้งหมดคือ 98.79 คะแนน!

ผลสรุปไม่มีความน่ากังขาใดๆ ลู่เฉินชนะสีเจีย คว้าตำแหน่งที่หกในสิบอันดับผู้แข็งแกร่งของประเทศ

คะแนนรวมของเขาถูกจัดอยู่อันดับที่หนึ่ง

ถึงแม้การนับคะแนนจากผู้ชมที่อยู่ในงาน ลู่เฉินจะน้อยกว่าสีเจียสองร้อยใบ ยังไม่ต้องพูดถึงคะแนนจากกรรมการที่สูงกว่าสองคะแนน การโหวตจากผู้ชมนอกสนามนั้นได้บดขยี้สีเจียอย่างสิ้นเชิง มีข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

“ยินดีด้วยค่ะ!”

ตอนที่ประกาศผลรอบสุดท้าย สีเจียก็ยังเผยสีหน้าผิดหวังมากออกมา

แต่ใช่ว่าเธอจะควบคุมอารมณ์เรื่องนี้ไม่ได้ แล้วก็พูดแสดงความยินดีกับลู่เฉินอย่างมีมารยาท

“ขอบคุณครับ!”

ลู่เฉินจับมือกับเธอ เขาไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเธออย่างไรถึงจะถูกต้อง อย่างไรเสียเขาก็คือผู้ชนะ

จะพูดว่าอีกฝ่ายก็แสดงได้ดีมาก ไม่แน่ว่าอาจถูกคนอื่นด่า กล่าวหาว่าจอมปลอมเสแสร้ง หรือไม่ก็หยิ่งในตัวเองสูง

เขาจึงได้แต่พูดขอบคุณง่ายๆ…ไม่น่าจะถูกคนอื่นกล่าวหาว่าโอ้อวด

เขาเคยโดนใส่ร้ายป้ายสีมาก่อน จึงรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ

โชคดีที่เฉินเฟยเอ๋อร์เดินขึ้นมาบนเวทีพอดี ดึงสีเจียเข้าไปกอด ช่วยลดความเก้อเขินให้ลู่เฉิน

ราชินีเสียงหวานคนนั้นกระซิบพูดข้างหูสีเจียสองสามประโยค แล้วคนหลังก็หน้าแดงขึ้นมาทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะความประหลาดใจก็เป็นเพราะความดีใจ!

ลู่เฉินอดสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาก็เกรงใจที่จะถาม จึงลงไปพักผ่อนหลังเวที

คนที่สงสัยเหมือนกันกับลู่เฉินก็คือถานหง เฉินเฟยเอ๋อร์กลับมาเขาก็ถามว่า “เธอพูดอะไรกับสีเจียเหรอ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ทำตาขาวใส่ศิษย์พี่ด้วยความรักแล้วพูดว่า “นี่คือความลับของผู้หญิงค่ะ!”

ถานหงหัวเราะแห้งๆ

สิบกว่าปีแล้ว เขากับศิษย์น้องคนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย

แต่การแข่งขันยังต้องดำเนินต่อไป

เพียงแต่การแข่งขันรอบหลังไม่เกี่ยวกับลู่เฉินแล้ว

เขาในตอนนี้จำเป็นต้องดื่มด่ำเพลิดเพลินกับรสชาติของชัยชนะ!

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset