Perfect Superstar – ตอนที่ 230 อุ่นเครื่อง

ตอนที่ 230 อุ่นเครื่อง

“บริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส”

ลู่เฉินกลับถึงบ้านตอนเย็น ก็โทรหาเฉินเฟยเอ๋อร์ บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้แก่อีกฝ่ายรู้

ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ถูกจู้หมิงเหอจากบริษัทเป่าหลงฟิล์มปฏิเสธ จากนั้นคนของบริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง เหมือนกับจุดหักเหของนิยายก็ไม่ปาน ดังนั้นเขาจึงต้องอธิบายให้นางเอกฟัง

เฉินเฟยเอ๋อร์ได้ฟังชื่อของอีกฝ่ายก็รู้แล้ว “เป็นบริษัทที่เปิดขึ้นมาโดยจางกานกับจางเต๋อ ก่อนหน้านั้นเคยเจอพวกเขาในงานเลี้ยง ได้ยินว่าพี่น้องสองคนนี้เป็นคนมีน้ำใจต่อมิตรสหาย มีชื่อเสียงที่ไม่เลวในวงการ ถ้าหากตกลงเงื่อนไขได้ มอบให้กานเต๋อทำก็ไม่เป็นไร”

ลู่เฉินโล่งอกทันที “งั้นก็ดีครับ ถึงตอนนั้นผมจะเรียกให้ผู้จัดการของพี่มาคุยด้วยกันนะครับ”

เนื่องจากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่ได้มีฉากที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษมากนัก เพราะฉะนั้นต้นทุนการผลิตจึงไม่สูงมาก แต่ค่าตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์กลับเป็นปัญหา

ค่าตัวของนักแสดงละครโทรทัศน์เป็นปัญหาใหญ่มาโดยตลอด ถ้าหากเอามาเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ละก็ อย่างน้อยก็คงหนาเป็นชั้นๆ

แต่ก่อนในยุค 80-90 ค่าตัวของนักแสดงต่ำมาก แค่ไม่กี่ร้อยต่อหนึ่งตอน ถ้าขึ้นถึงหลักพันก็ถือว่าเป็นดาราดังแล้ว

ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมบันเทิงมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดมาก เค้กในตลาดภาพยนตร์โทรทัศน์ก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าค่าตัวของนักแสดงก็เพิ่มขึ้นเหมือนน้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงขึ้นตาม ดาราไอดอลที่มีเสน่ห์ล้นเหลือจึงมีค่าจ้างหลายแสนต่อหนึ่งตอน แถมยังเชิญยากอีกต่างหาก

ยกตัวอย่างดาราหนังตัวท็อป เช่น เกาเกอ ซูอวี่เหมิง ราคาที่แจ้งแก่คนภายนอกทะลุล้านแล้ว แต่ความจริงราคาที่ระบุในสัญญาเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากกว่านั้น ถ่ายทำละครยาวเรื่องหนึ่ง ค่าตัวทั้งหมดรวมแล้วสูงหลายล้านกระทั่งถึงหลักร้อยล้านก็เป็นเรื่องปกติมาก

จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากคำนวณต้นทุนรวมทั้งหมดของละครเรื่องหนึ่งแล้วพบว่า ค่าตัวนักแสดงสูงกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำ การตัดต่อเบื้องหลัง หรือการโปรโมต ทุกคนเห็นจนเคยชินแล้ว

โดยเฉพาะละครสุดสัปดาห์ ค่าตัวของนักแสดงนั้นสำคัญมาก มักจะเกินงบที่คำนวณไว้เสียเป็นส่วนใหญ่

แน่นอนว่าเชิญเด็กใหม่มาแสดงก็ทำได้ และค่าตัวก็จะลดต่ำมาก แต่จะรับประกันเรตติ้งผู้ชมได้อย่างไร ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ

เพราะฉะนั้นการถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ลู่เฉินจึงคิดค่าตัวของตัวเองในราคาของเด็กใหม่ แล้วเปลี่ยนเงินส่วนนั้นเป็นเงินลงทุน ได้ครอบครองหุ้นเป็นสัดส่วนเท่าไรไม่สำคัญ แต่เฉินเฟยเอ๋อร์กลับไม่เหมือนกัน

ตำแหน่งในวงการของเธอสูงมากเกินไป และยังไม่เคยถ่ายละครโทรทัศน์มาก่อน ดังนั้นการคำนวณค่าตัวจึงซับซ้อนมาก

ต่ำไปก็ไม่ได้ ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์จะไม่ขาดเงิน แต่ถ้าลดราคามากไปจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้ จะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด

แต่ถ้าสูงไปฝ่ายผู้ร่วมทุนจะต้องมีความคิดเห็นแน่นอน ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรีบเจรจาปรึกษาหารือกัน หยิบแผนการกระจายสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมออกมา

แน่นอนว่าลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนร่วมมือกันลงทุนก็มากพอแล้ว แต่การถ่ายละครโทรทัศน์ใช่ว่าหาบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์เจ้าไหนก็ได้มาสักเจ้า ก็สามารถถ่ายทำให้เสร็จได้ง่ายๆ แล้ว เพราะมันเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายมาก

อย่างเช่นการตรวจและอนุมัติเนื้อหาของบทละคร การตรวจและอนุมัติใบอนุญาตในการถ่ายทำ แล้วยังมีการถ่ายทำและกระบวนการหลังการถ่ายทำอีก ถ้าหากให้บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ทำการ ‘แปรรูปวัตถุดิบ’ เพียงอย่างเดียว บริษัทที่มีความสามารถส่วนใหญ่มักไม่รับทำ บริษัทที่ไม่เก่งก็ทำงานชุ่ย

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแบ่งหุ้นแบ่งกำไรกัน ให้ทุกคนได้ผลประโยชน์กันอย่างเสมอภาค ถึงจะมั่นใจได้ว่าการถ่ายทำจะสำเร็จราบรื่นจนถึงช่วงสุดท้าย

ไม่อย่างนั้นแม้ว่าบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์จะรับงานของลู่เฉินมาแล้ว หรือแม้แต่เซ็นสัญญาแล้วก็ตาม หากมีการเล่นแง่ใช้ลูกเล่นเล็กๆ ระหว่างการถ่ายทำ ก็จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นจนสูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ ผลสุดท้ายจะได้ไม่คุ้มเสีย

ตอนนี้ภาพยนตร์โทรทัศน์ส่วนใหญ่ต้องการการลงทุนจากหลายๆ ฝ่าย เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์และความเสี่ยงร่วมกัน ทำเช่นนี้จนกลายเป็นระบบการปฏิบัติงานที่คุ้นชินกันมานานแล้ว

ในฐานะคนใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการภาพยนตร์โทรทัศน์ ลู่เฉินไม่อยากไปท้าทายกฎเกณฑ์นี้

อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว เว้นเสียแต่ว่าจะเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์เป็นของตัวเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ หุ้นส่วนที่ร่วมงานด้วยจึงสำคัญมากอย่างเห็นได้ชัด

เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “เดิมทีฉันรู้สึกประทับใจเป่าหลงฟิล์มมาก ในเมื่อพวกเขาไม่รู้จักทะนุถนอม…เชอะ!”

เห็นได้ชัดว่าพี่สาวไม่พอใจ

เธอไหว้วานเพื่อนให้ช่วยเป็นตัวเชื่อมระหว่างลู่เฉินกับเป่าหลงฟิล์ม แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝ่ายหลังจะปฏิเสธไม่ร่วมงานด้วย

ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกเขาก็พิจารณาแล้วครับ ถึงยังไงก็ไม่ใช่แนวที่เป็นที่นิยม ถ้าหากไม่ใช่เพราะผมดึงพี่ออกมา เกรงว่าฝั่งกานเต๋อก็คงจะไม่ร่วมมือด้วย นับว่าชื่อเสียงของเฟยเอ๋อร์เลื่องลือระบือนามพอตัว!”

“อะไรคือเลื่องลือระบือนามพอตัว…”

เฉินเฟยเอ๋อร์แสร้งทำเป็นดุ “ฉันไม่ใช่จอมยุทธ์หญิงในยุทธภพนะ นายรีบเขียนบทละครหลังจากนี้ออกมาเร็วๆ เลย!”

จนถึงตอนนี้ ลู่เฉินเพิ่งเขียนบทละครเสร็จไปแค่สี่ตอน ตามแผนการแล้วยังเหลืออีกสิบหกตอน

ที่เฉินเฟยเอ๋อร์มีต้นฉบับบทละครอยู่ เธอยังอ่านไม่จุใจเลย

ความจริงความเร็วของลู่เฉินถือว่าเร็วมากแล้ว ทุกวันตอนเช้าเขาจะต้องไปออกกำลังกายที่สโมสรป๋อรุ่ย แล้วก็ต้องไปเข้าชั้นเรียนที่วิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่ง แถมยังต้องแบ่งเวลามาเขียนบทละคร เวลาของทุกวันถูกจัดตารางงานไว้เต็มไปหมด

ด้วยเหตุนี้ ลู่ซีจึงต้องช่วยลู่เฉินปฏิเสธงานโชว์ตัวไปไม่น้อย รายได้ขาดหายไปมากเลยทีเดียว

แต่เป็นเพราะเขามีสตูดิโอเป็นของตัวเองทำให้มีอิสระ มิเช่นนั้นถ้าเซ็นสัญญากับบริษัทบันเทิงไหนสักแห่ง มีหรือจะได้รับอนุญาต คงถูกให้ทำงานหนักหาเงินจนงานทับตายไปนานแล้ว

ลู่เฉินเกาศีรษะ “ผมจะพยายามเร่งความเร็วนะครับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฉันก็พูดไปอย่างนั้น นายไม่ต้องคิดจริงจัง อย่าหักโหมเกินไปนัก โดยเฉพาะตอนกลางคืนอย่าทำงานจนดึก ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร”

ลู่เฉินรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองอบอุ่นเหลือเกิน

แต่ถึงเฉินเฟยเอ๋อร์จะรอได้ กลับมีบางคนที่รอไม่ไหวแล้ว

เช้าวันถัดมา บริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สได้ส่งคนมาที่สตูดิโอของลู่เฉิน เพื่อเจรจาร่วมงานกัน

ยกเว้นหลู่อี้ที่ลู่เฉินรู้จักแล้ว กานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สยังส่งรองผู้จัดการใหญ่กับผู้อำนวยการมาด้วย แสดงท่าทีให้ความสำคัญกับละครโทรทัศน์เรื่องนี้อย่างเต็มที่

แต่การเจรจาธุรกิจแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วลู่เฉินจะไม่ยุ่ง มอบให้พี่สาวจัดการทั้งหมด

ตอนนี้กิจการของสตูดิโอดำเนินไปด้วยดี ลู่ซีมีประสบการณ์สั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ ลดความยุ่งยากให้เขาไปไม่รู้ตั้งเท่าไรต่อเท่าไร

เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ส่งผู้จัดการมา ตัวแทนของทั้งสามฝ่ายนั่งลงและเริ่มเจรจากันอย่างเป็นทางการ

ที่ผ่านมาหากเกิดความเคลื่อนไหวใดๆ ก็จะถูกแพร่กระจายในวงการอย่างรวดเร็ว และมีข่าวลือบางอย่าง

ซึ่งข่าวลือนั้นก็ได้รับการยืนยันแล้ว วันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็คือคืนก่อน ‘วันคนโสด’ ลู่เฉินได้โพสต์บล็อกอันหนึ่งในบล็อกล่างฉาว

เนื้อหาในโพสต์บล็อกนี้ ลู่เฉินได้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญให้แก่ทุกคน นั่นก็คือละครโทรทัศน์ที่เขาเขียนบทขึ้นมาและจะแสดงด้วยตัวเองนั้นกำลังจะเปิดกล้องเร็วๆ นี้

เหมือนดั่งก้อนหินก้อนหนึ่งที่โยนลงไปในน้ำเกิดคลื่นที่แตกกระสานซ่านเซ็นเป็นฟองฝอย!

หลังจากการระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ลู่เฉินก็เงียบมาตลอด นอกจากอัปเดตชีวิตประจำวันในบล็อกแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่มีข่าวอะไรออกมา ทำให้แฟนคลับของเขารู้สึกกลัดกลุ้มพอสมควร

ต่อให้เป็นข่าวซุบซิบนินทาก็ยังดี! อย่างน้อยก็มีเรื่องให้พูดคุยกันบ้าง

ในที่สุดตอนนี้ลู่เฉินก็มีประเด็นให้พวกเขาพูดคุยแล้วจริงๆ

การตอบสนองของเหล่าแฟนคลับก็กระตือรือร้นสุดๆ ยอดกดเข้าชมบล็อกและแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

แค่อาศัยเรื่อง ‘วีรบุรุษช่วยสาวงาม’ กับเรื่อง ‘ช่วยเหลือแฟนคลับ’ สองเรื่องนี้ จำนวนแฟนคลับในบล็อกล่างฉาวของลู่เฉินก็ทะลุเกินสิบล้านคนแล้ว ในฐานะนักร้องหน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์คนหนึ่ง การก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์โทรทัศน์ของเขาทำให้ทุกคนอึ้งมาก ดังนั้นจึงเกิดการวิจารณ์ที่ร้อนแรงขึ้นมาโดยธรรมชาติ

“ว้าว ลู่เฉินจะถ่ายละครแล้ว สุดยอดจริงๆ!”

“ฉันเคยพูดนานแล้ว ลู่เฉินของพวกเราสามารถอาศัยหน้าตาทำมาหากินได้ ตอนนี้โอกาสก็มาเสียที!”

“สนับสนุนๆ รีบถ่ายทำออกมาเร็วๆ นะ!”

“ขอถามหน่อยว่านางเอกเป็นใคร มีตัวเลือกแล้วหรือยัง”

“เมื่อเทียบกับนางเอกแล้ว ฉันสนใจบทละครที่ลู่เฉินเขียนมากกว่า พอจะสปอยล์หน่อยได้ไหม”

“ฉันรู้สึกมีกลิ่นตุๆ ว่านี่จะเป็นละครแนวดราม่าน้ำตาไหลพราก!”

“ฮ่าๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันคนโสดแล้ว ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขล่วงหน้านะ!”

“ขอถามเหมือนกันว่านางเอกเป็นใคร…”

ตอนกลางคืนวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน ลู่เฉินอัปเดตบล็อกอีกครั้ง เพื่อตอบคำถามสองสามข้อที่เหล่าแฟนคลับให้ความสนใจมากที่สุด

อย่างแรกละครโทรทัศน์ที่เขาเขียนบทขึ้นมาเรื่องนี้เป็นละครแนวความรักของคนเมือง แนววัยรุ่นไอดอลประมาณนั้น

รองลงมาคือชื่อของละครเรื่องนี้คือ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เขาจะอัปเดตเนื้อหาของเรื่องในรูปแบบนิยายบางส่วน หลังจากถ่ายทำเสร็จแล้วจะออกเป็นเล่มหนังสือตามมา

สุดท้าย นางเอกของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์

ถ้าหากพูดว่าก่อนหน้านั้นลู่เฉินแอบแง้มข้อมูลของละครเพื่อกระตุ้นการวิจารณ์แล้ว เช่นนั้นตอนนี้โพสต์บล็อกอันนี้ ก็ทำให้เกิดความอึกทึกครึกโครมทั้งภายในและภายนอกวงการเป็นอย่างมากอย่างไม่ต้องสงสัย!

สาเหตุนั้นง่ายมาก เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์ราชินีแห่งวงการเพลงจะปรากฏตัวในละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรก แถมยังรับบทนางเอกอีกด้วย

ข้อมูลนี้เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะว่าตอนท้ายของโพสต์บล็อก ลู่เฉินได้แท็กเฉินเฟยเอ๋อร์ และคนหลังก็ตอบกลับมาสี่คำหลังจากผ่านไปเพียงสิบนาทีกว่าๆ ว่า ‘น่ารอคอยจัง!’

บวกกับสัญลักษณ์หน้ายิ้มอีกอันหนึ่ง

แน่นอนว่าลู่เฉินไม่ได้เกิดฉุกคิดขึ้นมาอย่างฉับพลันแล้วเขียนโพสต์บล็อกทั้งสองอัน แต่เป็นแผนการโปรโมตฉบับอุ่นเครื่องต่างหาก

หลังจากผ่านการเจรจาสามฝ่ายอย่างจริงจัง ข้อตกลงในการถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็บรรลุผลขั้นพื้นฐานแล้ว โครงเรื่องของบทละครได้ส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว ถ้าหากผ่านก็สามารถเริ่มถ่ายทำได้เลย

เนื่องจากมีการร่วมงานกับเฉินเฟยเอ๋อร์ บริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สจึงให้ความสำคัญกับโปรเจกต์นี้มาก ไม่เพียงแต่ยอมถอยให้หลายก้าวในระหว่างที่มีการทำข้อตกลงเท่านั้น หนำซ้ำยังรวบรวมทีมงานถ่ายทำระดับหัวกะทิ และส่งทีมงานหลายคนมุ่งหน้าไปที่เมืองจินหลิงก่อน

สถานที่ที่เลือกมาเป็นฉากในการถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ที่เมืองจินหลิงและโรงถ่ายจินหลิง

แน่นอนว่ากานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สใช่ว่าจะไม่มีความต้องการใดๆ เงื่อนไขหนึ่งในนั้นก็คือพวกเขาอยากให้ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์โปรโมตล่วงหน้าโดยอาศัยช่องทางของตัวเอง เพื่อดึงดูดให้สถานีโทรทัศน์และเว็บไซต์ที่มีกำลังความสามารถมาแย่งสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรก

นี่ไม่ใช่วิธีการที่คดโกงอะไร แต่เป็นวิธีปกติทั่วไปของการตลาดภาพยนตร์โทรทัศน์

มีละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ที่ยังไม่เริ่มถ่ายทำก็ขายสิทธิ์ในการออกอากาศได้แล้ว เรียกต้นทุนกลับคืนมาได้ทั้งหมด

เพียงแต่คนโสดมากมายที่ทนดูไม่ได้ร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยเหตุนี้

“แม่งเอ๊ย นี่คือการอวดความรักใช่ไหม นางฟ้าของฉัน หัวใจฉันแตกสลายแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ เดิมทีฉันเดาว่านางเอกคือเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้วฉันก็ทายถูกจริงๆ!”

“เฉินเฟยเอ๋อร์เหรอ คาดไม่ถึงจริงๆ”

“สงสัยข่าวลือของทั้งสองคนก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นเรื่องจริง ทุกคนคิดว่ายังไง”

“พูดไม่ออกกับทุกคนจริงๆ ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ทั้งสองคนเป็นพี่สาวกับน้องชาย พวกเธอไม่รู้เหรอ”

“เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นนางเอก หรือว่าเกิดความรักต่างวัย?”

“รักต่างวัย+1!”

ความคิดเห็นของทุกคนเพิ่มสูงขึ้น แล้วละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็กลายเป็นคำค้นหายอดฮิตบนบล็อกล่างฉาวในไม่ช้า!

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset