ร้องเพลง《ฉันอยากมีบ้านสักหลัง》จบเป็นรอบที่สอง พี่สาวนาก็น้ำตาไหลนองหน้าแล้ว
ตอนที่ร้องถึงสองท่อนสุดท้าย น้ำเสียงของเธอต่างสั่นเทา กลับแฝงพลังที่เพียงพอจะฉีกกระชากหัวใจ!
ในร้านไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่รู้จักหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในวงการหรือพนักงานในร้าน พวกเขาต่างล้วนลุกขึ้นยืนปรบมือให้พี่สาวนา ไม่มีเสียงเชียร์ไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าว มีเพียงแค่เสียงปรบมือ
เสียงปรบมืออันบริสุทธิ์และอบอุ่นทะลวงหน้าต่างประตูของร้าน ทะลุไปจนถึงถนนคนเดินด้านนอก ดึงดูดคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันกลับมามองหลายครั้ง ไม่รู้ว่าข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ฉินฮั่นหยางลงกีตาร์ไฟฟ้าในมือลง ลุกขึ้นก้าวยาวๆออกไป อ้าสองแขนโอบกอดพี่สาวนา
“ร้องได้ดี!”
เขาพูดเสียงดังว่า “ร้องดีมากเลยครับ!”
พี่สาวนาเองก็กอดฉินฮั่นหยางกลับ วางคางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย อีกทั้งเช็ดคราบน้ำตาด้วยเสื้อเชิ๊ตของเขา
ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณ!”
ฉินฮั่นหยางตบหลังเธอเบาๆ ปล่อยอ้อมกอดแล้วถอยไป
ครั้นแล้วจึงเป็นลู่เฉินเดินขึ้นมา โอบกอดพี่สาวนาเอาไว้เช่นกัน “พี่สาวนาเยี่ยมยุทธมากครับ!”
พี่สาวนาหัวเราะทั้งน้ำตา “ปากดีจังนะ!”
จากนั้นก็เป็นมือกอง มือคีย์บอร์ด มือเบสของวงผั่งหวง…ทุกคนกอดพี่สาวนากันคนละที เป็นการแสดงความยินดีที่เธอร้องเพลงประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันก็แสดงถึงการสนับสนุนด้วย
เสียงปรบมือในร้านเหล้าต่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงักเลย หลังจากพี่สาวนากอดกับวงดนตรีทั้งหมดแล้ว ตอนที่เะอหันมาโค้งขอบคุณให้พวกเขานั้นเสียงปรบมือก็พุ่งพีคขึ้นไปจนถึงขีดสุด!
บางคนตะโกนเสียงดังว่า “ขออีกรอบหนึ่ง!”
พี่สาวนายื่นมือปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือ ยิ้มแย้มพูดว่า “ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ!”
“คืนนี้ฉันร้องเพลงนี้ได้รอบเดียวเท่านั้น เพียงแต่ฉันเซ็นสัญญาเข้าสังกัดไลท์เรนมีเดียแล้ว หลังจากปล่อยซิงเกิ้ลออกมา ฉันจะขอเลี้ยงทุกท่านที่มาเที่ยววันนี้คนละหนึ่งแก้วดีไหมคะ?”
พี่สาวนาจะออกซิงเกิ้ล?
ทุกคนที่ได้ยินต่างผงะ ชั่วครู่ต่างก็ร้องเชียร์ขึ้นมา
แม้ไม่ใช่อัลบั้มจริงๆ แต่การที่สามารถเซ็นสัญญาเข้าสังกัดบริษัทบันเทิงเพื่อออกซิงเกิ้ลได้นั้น สำหรับนักร้องหลายคน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้นอนฝันหวานแล้ว มีค่าพอให้ดีใจแน่นอน
พวกเขาในฐานะมิตรสหายของพี่สาวนา จึงรู้สึกได้รับเกียรติ!
“ยินดีด้วยพี่สาวนา!”
ลู่เฉินเอ่ยคำอวยพรให้พี่สาวนาเป็นคนแรก เขาเองก็เพิ่งทราบเรื่องนี้เหมือนกัน
พี่สาวนาพูดว่า “เสี่ยวลู่ ขอบคุณนะ ขอบคุณเธอมากจริงๆ!”
สิ่งที่ลู่เฉินมอบให้เธอ ไม่ใช่เพียงแค่เพลงดีเพลงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมอบโอกาสให้ฝันของเธอเป็นจริงครั้งหนึ่งด้วย!
ในบาร์เดย์ลิลลี่ วิกาลนี้ยังอีกยาวนานนัก
……
กาลเวลาผ่านผันไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัว อากาศของเมืองหลวงยิ่งมาก็ยิ่งร้อนมากขึ้น
พริบตาเดียวก็เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว
ผ่านค่ำคืนดนตรีไลท์บลูมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ชีวิตของลู่เฉินเริ่มเปลี่ยนแปลงไม่น้อย
อันดับแรกเขาย้ายบ้านใหม่ มีห้องเดี่ยวอันสะดวกของตนเองห้องหนึ่ง คุณภาพชีวิตได้รับการปรับปรุงจนดีขึ้นมาก
จากนั้นลู่เฉินก็ทุ่มเทเวลาและกำลังวังชาทั้งหมดให้กับงานไลฟ์ของตนเอง จำนวนครั้งที่ไปบาร์เดย์ลิลลี่ตอนกลางคืนนั้นจึงย่อมลดน้อยถอยลงไปตามธรรมชาติ คล้ายกับว่าเป็นแขกรับเชิญเสียมากกว่า
สำหรับเรื่องนี้เฉินเจี้ยนฮ่าวกลับไม่มีความเห็นอะไร จะว่าอย่างไรลู่เฉินในตอนนี้ก็เป็นหุ้นส่วนน้อยของร้านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นกิจการของร้านก็ดีขึ้นอีกมาก นักร้องที่วิ่งรอกขึ้นเวทีกับนักร้องยืมตัวก็มีมากขึ้น ซึ่งไม่น้อยเลยที่มาหาลู่เฉินโดยเฉพาะ
อาศัยเส้นสายความสัมพันธ์ของเฉินเจี้ยนฮ่าว พี่สาวนากับวงผั่งหวงต่างเซ็นสัญญาเข้าสังกัดไลท์เรนมีเดียได้สำเร็จ
เพียงแต่สัญญาร่วมงานที่ทั้งสองเซ็นนั้นต่างเป็นสัญญาร่วมงานระยะสั้น ซึ่งจุดสำคัญอยู่ที่เพลง《ฉันอยากมีบ้านสักหลัง》และ《ในฤดูใบไม้ผลิ》ทั้งสองเพลงต่างหาก เมื่อถึงกำหนดการพี่สาวนาและวงผั่งหวงจะได้รับการโปรโมทเป็นนักร้องในสังกัด อีกทั้งยังได้รับการช่วยเหลือผลักดันซิงเกิ้ลและมินิอัลบั้มอีกด้วย*
*(พี่สาวนาออกซิงเกิ้ล ส่วนผั่งหวงออกมินิอัลบั้ม)
สำหรับตัวลู่เฉินเองกลับมีบริษัทบันเทิงมาเคาะประตูบ้านไม่เว้นแต่ละวัน
พวกเขาต่างคิดจะจับลู่เฉินเข้าสังกัดกันทั้งนั้น แต่นี่ไม่ต้องให้พูดถึงบริษัทขนาดเล็กเลย สัญญาร่วมงานเหล่านั้นต่างมีข้อกำหนดมากมายเกินไป ลู่เฉินไหนเลยจะยอมเซ็นได้ ครั้นแล้วจึงปฎิเสธอย่างอ้อมค้อม แสดงท่าทีว่าถ้าหากมีโอกาสในอนาคตอาจได้ร่วมงานกับทุกคนแทน
ซื้อขายไม่อาจไร้สัจจะมโนธรรม แม้จะเจรจากันไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่องให้ผิดใจกัน
เรื่องนี้ ประสบการณ์ชีวิตทั้งสามช่วงในฝันนั้นนับว่ามีประโยชน์มาก ลู่เฉินจึงจัดการไปอย่างเหมาะสมไม่ได้ล่วงเกินใคร
สำหรับนักร้องในแวดวงเหล่านั้น ตอนที่ลู่เฉินมาแสดงที่เดย์ลิลลี่ก็มีคนห้อมล้อมเข้ามาตีสนิทอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครร้องขอเพลงหรือขอซื้อเพลงจากลู่เฉินเลย โดยส่วนใหญ่ก็มาเพื่อตีสนิทล้วนๆนั่นละนะ
ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดายิ่ง แม้ว่าลู่เฉินจะแสดงออกซึ่งพรสวรรค์อันน่าตระหนก เพลงแต่งไม่ว่าจะเป็นเพลง《เธอที่นั่งข้างฉัน》《ซินเดอเรลล่า》《ในฤดูใบไม้ผลิ》《บลูโลตัส》หรือ《ฉันอยากมีบ้านสักหลัง》 ต่างเรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นเยี่ยมกระทั่งเพลงอมตะเลยด้วยซ้ำ
แต่ผลงานของเขาจะอย่างไรก็ยังไม่เคยผ่านการทดสอบจากตลาดเพลงเลย แค่เพียงบอกกันว่ายอดเยี่ยมอยู่ในวงการย่อมไม่มีประโยชน์อันใด อีกทั้งราคาของเพลงๆหนึ่งนั้นก้ยังแพงลิ่วอีกด้วย จะมีนักร้องสักกี่คนยอมตัดใจควักเงินออกมาวางเดิมพันสักเพลงหนึ่งล่ะ?
สำหรับลู่เฉินนั้นคาดการณ์ไว้นานแล้ว เขาจึงไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร รอทั้งสามเพลงเปิดตัวบนตลาดเพลงก่อนแล้วค่อยว่ากล่าวเหอะ
จะว่าไปก็มีเรื่องน่าตลกอยู่ ตอนแรกซูชิงเม่ยอยากจับเขาเข้าสังกัด แต่ก็ถูกเขาปฎิเสธ แต่ตอนนี้เพลงของเขากลับไปอยู่กับไลท์เรนมีเดียทั้งหมดซะงั้น
ไลท์เรนมีเดียนั้นเป็นบริษัทใหม่ในวงการ ไม่ได้ขาดแคลนเส้นสายและคนหนุนหลัง แต่สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดกลับเป็นประสบการณ์และพลังแฝง รวมทั้งการโปรโมทเพลงๆหนึ่งที่ยังนับว่าธรรมดามาก ดังนั้นลู่เฉินจึงอยากอาศัยลมตะวันออกของไลท์เรนมีเดียมายกระดับชื่อเสียงของตนเอง ซึ่งยังคงต้องรอคอยอย่างอดทน
และก็ด้วยเพราะเหตุนี้ เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงทุ่มให้กับการไลฟ์ออนไลน์ที่สร้างรายได้ให้มากกว่า ตอนนี้จำนวนปลาป่นที่ติดตามของห้องไลฟ์ลู่เฟยทะลุถึงสองแสนห้าหมื่นกว่าแล้ว จำนวนออนไลน์ก็รักษาระดับอยู่ระหว่างหนึ่งแสนห้าหมื่นถึงสามแสนกว่า ยอดเฉลี่ยของฟิชบอลอยู่ที่ 5T ซึ่งก็ได้เข้าสู่ทำเนียบพิธีกรแถวหน้าของ【วาฬทีวี】ได้สำเร็จแล้ว
เพียงแต่อู่ชานชานบอกกับลู่เฉินว่า จะบุกฝ่าจากจุดนี้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งนั้นยังไม่ง่ายนัก
ตัวลู่เฉินเองก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นให้ความสำคัญกับอีเว้นท์PKประชันธีมในคืนวันที่ 30 มากเป็นพิเศษ เนื่องจากนี่อาจเป็นโอกาสให้เขาดีที่สุดที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านสภาพคอขวดของตนเองได้!
เที่ยงวันที่ 29 ลู่เฉินก็ส่งธีมหลักของการไลฟ์ที่เตรียมไว้อย่างดีให้กับอู่ชานชาน
เพิ่งจะพูดกับอู่ชานชานเสร็จ ข้อความแจ้งเตือนตรงมุมขวาของหน้าจอก็เด้งรูปโปรไฟล์ของสาวน่ารักคนหนึ่ง
ลู่เฉินเหลียวไปดู ก็อดยิ้มขึ้นมาเสียไม่ได้
เย่จื่อถง นักศึกษาชั้นปีสองคณะอักษรศาสตร์มหาวิทยาลัยครูนครหลวงที่เคยมาฟังเขาร้องเพลงในร้านเดย์ลิลลี่กับเพื่อนๆนี่น่า ตอนนั้นคนทั้งสองต่างเคยแอดไอดีเฟยซวิ่นของกันเอาไว้
นักศึกษาคนงามคนนี้กับเพื่อนของหล่อน ยังเคยอัพวิดีโอเพลง《เธอที่นั่งข้างฉัน》และ《ซินเดอเรลล่า》ในตอนที่ลู่เฉินกำลังทำการไลฟ์ทั้งสองเพลงเข้าไปในเว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่ ซึ่งเขายังเคยแอบเข้าไปโพสชื่นชมเล็กๆ ในกระทู้ด้วยนะ
กระทู้นั้นฮอตมากเลยทีเดียว น่าเสียดายผลกระทบที่เว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่มีนั้นค่อนข้างจำกัด ถ้าหากไม่มีนักโฆษณามืออาชีพคอยโปรโมทช่วยผลักช่วยดันละก็ คงไม่อาจปั่นป่วนคลื่นลมบนอินเตอร์เน็ตให้ได้มากเท่าใดนัก
ลู่เฉินและเย่จื่อถงติดต่อกันผ่านเฟยซวิ่นอยู่ตลอด เพียงแต่จำนวนครั้งในการพูดคุยกันนั้นมีน้อยมาก
หากเป็นเมื่อก่อนที่ฐานะครอบครัวยังดีอยู่ บางทีลู่เฉินอาจเป็นฝ่ายเปิดฉากจีบหล่อนก็ได้ แต่เขาในตอนนี้กลับแบกภาระหนี้สินอันหนักหน่วงดุจขุนเขาเอาไว้ เพียงคิดว่าจะไปหาเงินจำนวนมากได้อย่างไรเท่านั้น ไม่ได้มีเวลามาพูดคุยเรื่องความรักอะไรมากนักจริงๆ
เย่จื่อถง “รุ่นพี่ลู่เฉิน ตอนบ่ายว่างไหมคะ?”
ลู่เฉิน “ว่างอยู่ครับ มีอะไรหรือครับ?”
เย่จื่อถง “คืออย่างนี้นะคะ คอมหนูเสียแล้วไม่รู้จะเอาไปซ่อมยังไงด้วย เลยอยากไปซื้อซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่น่ะค่ะ รุ่นพี่เรียนคณะคอมพิวเตอร์ใช่ไหมคะ พอจะช่วยหนูดูคอมให้หน่อยได้ไหม จะได้ไม่ถูกคนหลอกน่ะค่ะ”
ลู่เฉิน “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ หรือจะให้ผมไปหาคุณตอนนี้เลยดีไหม?”
ช่วงนี้นอกจากเขาจะออกกำลังกายตอนเช้าแล้ว เวลาส่วนใหญ่ก็มักจะหมกตัวอยู่ในห้อง นอกจากกับเขียนเพลงกับร้องเพลงในไลฟ์ นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกเลย แล้วเขาก็อยากจะผ่อนคลายตัวเองด้วยนั่นละนะ
นอกจากนี้ตัวลู่เฉินเองก็คิดจะซื้อโน๊ตบุ๊คด้วยเหมือนกัน จะได้เตรียมเอากับไปให้น้องสาวลู่เสวี่ย
ได้จังหวะเหมาะไปด้วยกันพอดี
เย่จื่อถง “อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ หนูจะรอพี่อยู่ที่หน้าประตูใหญ่มหา’ลัยนะคะ!”
ลู่เฉิน “โอเคครับ!”
พอปิดคอม เขาก็เดินออกจากห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงวิ่งไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
ออกจากบ้านไปโดยรู้สึกแจ่มใส
ตอนที่เดินออกมาที่ประตู จู่ๆลู่เฉินนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาได้——นี่ถือเป็นการเดทไหมวะ?
เขาฝืนยิ้มพลางส่ายหัว
แต่เรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้ก็คือเขามีความประทับใจในตัวเย่จื่อถงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงหน้าประตูชุมชนเขาก็โบกเรียกรถแท็กซี่ ลู่เฉินเร่งเดินทางไปให้ถึงมหาวิทยาลัยครูนครหลวงที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองมหาวิทยาลัยนั้นโดยเร็ว
ตรงหน้าประตูใหญ่ของมหา’ลัยครู เขาก็พบเย่จื่อถง แถมยังมีจั่วซินเถียนอีกคนหนึ่งด้วยแน่ะ!
จั่วซินเถียนนั้นเป็นรูมเมทและเพื่อนร่วมคณะของเย่จื่อถง วันนั้นก็มาที่บาร์เดย์ลิลลี่ด้วยเช่นกัน และกระทู้วิดีโอไลฟ์ของลู่เฉินทั้งสองเพลงก็เป็นจั่วซินเถียนนี่ละที่ใช้ไอดีของตัวเองไปโพสไว้ในเว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่
เมื่อเห็นลู่เฉินมาถึงแล้ว จั่วซินเถียนก็ยิ้มแย้มถามว่า “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่ผิดหวังหรือเปล่า?”