Perfect Superstar – ตอนที่ 50 ถือเป็นการเดทไหมวะ?

ร้องเพลง《ฉันอยากมีบ้านสักหลัง》จบเป็นรอบที่สอง พี่สาวนาก็น้ำตาไหลนองหน้าแล้ว

 

ตอนที่ร้องถึงสองท่อนสุดท้าย น้ำเสียงของเธอต่างสั่นเทา กลับแฝงพลังที่เพียงพอจะฉีกกระชากหัวใจ!

 

ในร้านไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่รู้จักหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในวงการหรือพนักงานในร้าน พวกเขาต่างล้วนลุกขึ้นยืนปรบมือให้พี่สาวนา ไม่มีเสียงเชียร์ไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าว มีเพียงแค่เสียงปรบมือ

 

เสียงปรบมืออันบริสุทธิ์และอบอุ่นทะลวงหน้าต่างประตูของร้าน ทะลุไปจนถึงถนนคนเดินด้านนอก ดึงดูดคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันกลับมามองหลายครั้ง ไม่รู้ว่าข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

ฉินฮั่นหยางลงกีตาร์ไฟฟ้าในมือลง ลุกขึ้นก้าวยาวๆออกไป อ้าสองแขนโอบกอดพี่สาวนา

 

“ร้องได้ดี!”

 

เขาพูดเสียงดังว่า “ร้องดีมากเลยครับ!”

 

พี่สาวนาเองก็กอดฉินฮั่นหยางกลับ วางคางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย อีกทั้งเช็ดคราบน้ำตาด้วยเสื้อเชิ๊ตของเขา

 

ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณ!”

 

ฉินฮั่นหยางตบหลังเธอเบาๆ ปล่อยอ้อมกอดแล้วถอยไป

 

ครั้นแล้วจึงเป็นลู่เฉินเดินขึ้นมา โอบกอดพี่สาวนาเอาไว้เช่นกัน “พี่สาวนาเยี่ยมยุทธมากครับ!”

 

พี่สาวนาหัวเราะทั้งน้ำตา “ปากดีจังนะ!”

 

จากนั้นก็เป็นมือกอง มือคีย์บอร์ด มือเบสของวงผั่งหวง…ทุกคนกอดพี่สาวนากันคนละที เป็นการแสดงความยินดีที่เธอร้องเพลงประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันก็แสดงถึงการสนับสนุนด้วย

 

เสียงปรบมือในร้านเหล้าต่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงักเลย หลังจากพี่สาวนากอดกับวงดนตรีทั้งหมดแล้ว ตอนที่เะอหันมาโค้งขอบคุณให้พวกเขานั้นเสียงปรบมือก็พุ่งพีคขึ้นไปจนถึงขีดสุด!

 

บางคนตะโกนเสียงดังว่า “ขออีกรอบหนึ่ง!”

 

พี่สาวนายื่นมือปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือ ยิ้มแย้มพูดว่า “ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ!”

 

“คืนนี้ฉันร้องเพลงนี้ได้รอบเดียวเท่านั้น เพียงแต่ฉันเซ็นสัญญาเข้าสังกัดไลท์เรนมีเดียแล้ว หลังจากปล่อยซิงเกิ้ลออกมา ฉันจะขอเลี้ยงทุกท่านที่มาเที่ยววันนี้คนละหนึ่งแก้วดีไหมคะ?”

 

พี่สาวนาจะออกซิงเกิ้ล?

 

ทุกคนที่ได้ยินต่างผงะ ชั่วครู่ต่างก็ร้องเชียร์ขึ้นมา

 

แม้ไม่ใช่อัลบั้มจริงๆ แต่การที่สามารถเซ็นสัญญาเข้าสังกัดบริษัทบันเทิงเพื่อออกซิงเกิ้ลได้นั้น สำหรับนักร้องหลายคน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้นอนฝันหวานแล้ว มีค่าพอให้ดีใจแน่นอน

 

พวกเขาในฐานะมิตรสหายของพี่สาวนา จึงรู้สึกได้รับเกียรติ!

 

“ยินดีด้วยพี่สาวนา!”

 

ลู่เฉินเอ่ยคำอวยพรให้พี่สาวนาเป็นคนแรก เขาเองก็เพิ่งทราบเรื่องนี้เหมือนกัน

 

พี่สาวนาพูดว่า “เสี่ยวลู่ ขอบคุณนะ ขอบคุณเธอมากจริงๆ!”

 

สิ่งที่ลู่เฉินมอบให้เธอ ไม่ใช่เพียงแค่เพลงดีเพลงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมอบโอกาสให้ฝันของเธอเป็นจริงครั้งหนึ่งด้วย!

 

ในบาร์เดย์ลิลลี่ วิกาลนี้ยังอีกยาวนานนัก

 

……

 

กาลเวลาผ่านผันไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัว อากาศของเมืองหลวงยิ่งมาก็ยิ่งร้อนมากขึ้น

 

พริบตาเดียวก็เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว

 

ผ่านค่ำคืนดนตรีไลท์บลูมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ชีวิตของลู่เฉินเริ่มเปลี่ยนแปลงไม่น้อย

 

อันดับแรกเขาย้ายบ้านใหม่ มีห้องเดี่ยวอันสะดวกของตนเองห้องหนึ่ง คุณภาพชีวิตได้รับการปรับปรุงจนดีขึ้นมาก

 

จากนั้นลู่เฉินก็ทุ่มเทเวลาและกำลังวังชาทั้งหมดให้กับงานไลฟ์ของตนเอง จำนวนครั้งที่ไปบาร์เดย์ลิลลี่ตอนกลางคืนนั้นจึงย่อมลดน้อยถอยลงไปตามธรรมชาติ คล้ายกับว่าเป็นแขกรับเชิญเสียมากกว่า

 

สำหรับเรื่องนี้เฉินเจี้ยนฮ่าวกลับไม่มีความเห็นอะไร จะว่าอย่างไรลู่เฉินในตอนนี้ก็เป็นหุ้นส่วนน้อยของร้านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นกิจการของร้านก็ดีขึ้นอีกมาก นักร้องที่วิ่งรอกขึ้นเวทีกับนักร้องยืมตัวก็มีมากขึ้น ซึ่งไม่น้อยเลยที่มาหาลู่เฉินโดยเฉพาะ

 

อาศัยเส้นสายความสัมพันธ์ของเฉินเจี้ยนฮ่าว พี่สาวนากับวงผั่งหวงต่างเซ็นสัญญาเข้าสังกัดไลท์เรนมีเดียได้สำเร็จ

 

เพียงแต่สัญญาร่วมงานที่ทั้งสองเซ็นนั้นต่างเป็นสัญญาร่วมงานระยะสั้น ซึ่งจุดสำคัญอยู่ที่เพลง《ฉันอยากมีบ้านสักหลัง》และ《ในฤดูใบไม้ผลิ》ทั้งสองเพลงต่างหาก เมื่อถึงกำหนดการพี่สาวนาและวงผั่งหวงจะได้รับการโปรโมทเป็นนักร้องในสังกัด อีกทั้งยังได้รับการช่วยเหลือผลักดันซิงเกิ้ลและมินิอัลบั้มอีกด้วย*

*(พี่สาวนาออกซิงเกิ้ล ส่วนผั่งหวงออกมินิอัลบั้ม)

 

สำหรับตัวลู่เฉินเองกลับมีบริษัทบันเทิงมาเคาะประตูบ้านไม่เว้นแต่ละวัน

 

พวกเขาต่างคิดจะจับลู่เฉินเข้าสังกัดกันทั้งนั้น แต่นี่ไม่ต้องให้พูดถึงบริษัทขนาดเล็กเลย สัญญาร่วมงานเหล่านั้นต่างมีข้อกำหนดมากมายเกินไป  ลู่เฉินไหนเลยจะยอมเซ็นได้ ครั้นแล้วจึงปฎิเสธอย่างอ้อมค้อม แสดงท่าทีว่าถ้าหากมีโอกาสในอนาคตอาจได้ร่วมงานกับทุกคนแทน

 

ซื้อขายไม่อาจไร้สัจจะมโนธรรม แม้จะเจรจากันไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่องให้ผิดใจกัน

 

เรื่องนี้ ประสบการณ์ชีวิตทั้งสามช่วงในฝันนั้นนับว่ามีประโยชน์มาก ลู่เฉินจึงจัดการไปอย่างเหมาะสมไม่ได้ล่วงเกินใคร

 

สำหรับนักร้องในแวดวงเหล่านั้น ตอนที่ลู่เฉินมาแสดงที่เดย์ลิลลี่ก็มีคนห้อมล้อมเข้ามาตีสนิทอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครร้องขอเพลงหรือขอซื้อเพลงจากลู่เฉินเลย โดยส่วนใหญ่ก็มาเพื่อตีสนิทล้วนๆนั่นละนะ

 

ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดายิ่ง แม้ว่าลู่เฉินจะแสดงออกซึ่งพรสวรรค์อันน่าตระหนก เพลงแต่งไม่ว่าจะเป็นเพลง《เธอที่นั่งข้างฉัน》《ซินเดอเรลล่า》《ในฤดูใบไม้ผลิ》《บลูโลตัส》หรือ《ฉันอยากมีบ้านสักหลัง》 ต่างเรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นเยี่ยมกระทั่งเพลงอมตะเลยด้วยซ้ำ

 

แต่ผลงานของเขาจะอย่างไรก็ยังไม่เคยผ่านการทดสอบจากตลาดเพลงเลย แค่เพียงบอกกันว่ายอดเยี่ยมอยู่ในวงการย่อมไม่มีประโยชน์อันใด อีกทั้งราคาของเพลงๆหนึ่งนั้นก้ยังแพงลิ่วอีกด้วย จะมีนักร้องสักกี่คนยอมตัดใจควักเงินออกมาวางเดิมพันสักเพลงหนึ่งล่ะ?

 

สำหรับลู่เฉินนั้นคาดการณ์ไว้นานแล้ว เขาจึงไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร รอทั้งสามเพลงเปิดตัวบนตลาดเพลงก่อนแล้วค่อยว่ากล่าวเหอะ

 

จะว่าไปก็มีเรื่องน่าตลกอยู่ ตอนแรกซูชิงเม่ยอยากจับเขาเข้าสังกัด แต่ก็ถูกเขาปฎิเสธ แต่ตอนนี้เพลงของเขากลับไปอยู่กับไลท์เรนมีเดียทั้งหมดซะงั้น

 

ไลท์เรนมีเดียนั้นเป็นบริษัทใหม่ในวงการ ไม่ได้ขาดแคลนเส้นสายและคนหนุนหลัง แต่สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดกลับเป็นประสบการณ์และพลังแฝง รวมทั้งการโปรโมทเพลงๆหนึ่งที่ยังนับว่าธรรมดามาก ดังนั้นลู่เฉินจึงอยากอาศัยลมตะวันออกของไลท์เรนมีเดียมายกระดับชื่อเสียงของตนเอง ซึ่งยังคงต้องรอคอยอย่างอดทน

 

และก็ด้วยเพราะเหตุนี้ เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงทุ่มให้กับการไลฟ์ออนไลน์ที่สร้างรายได้ให้มากกว่า ตอนนี้จำนวนปลาป่นที่ติดตามของห้องไลฟ์ลู่เฟยทะลุถึงสองแสนห้าหมื่นกว่าแล้ว จำนวนออนไลน์ก็รักษาระดับอยู่ระหว่างหนึ่งแสนห้าหมื่นถึงสามแสนกว่า ยอดเฉลี่ยของฟิชบอลอยู่ที่ 5T ซึ่งก็ได้เข้าสู่ทำเนียบพิธีกรแถวหน้าของ【วาฬทีวี】ได้สำเร็จแล้ว

 

เพียงแต่อู่ชานชานบอกกับลู่เฉินว่า จะบุกฝ่าจากจุดนี้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งนั้นยังไม่ง่ายนัก

 

ตัวลู่เฉินเองก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นให้ความสำคัญกับอีเว้นท์PKประชันธีมในคืนวันที่ 30 มากเป็นพิเศษ เนื่องจากนี่อาจเป็นโอกาสให้เขาดีที่สุดที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านสภาพคอขวดของตนเองได้!

 

เที่ยงวันที่ 29 ลู่เฉินก็ส่งธีมหลักของการไลฟ์ที่เตรียมไว้อย่างดีให้กับอู่ชานชาน

 

เพิ่งจะพูดกับอู่ชานชานเสร็จ ข้อความแจ้งเตือนตรงมุมขวาของหน้าจอก็เด้งรูปโปรไฟล์ของสาวน่ารักคนหนึ่ง

 

ลู่เฉินเหลียวไปดู ก็อดยิ้มขึ้นมาเสียไม่ได้

 

เย่จื่อถง นักศึกษาชั้นปีสองคณะอักษรศาสตร์มหาวิทยาลัยครูนครหลวงที่เคยมาฟังเขาร้องเพลงในร้านเดย์ลิลลี่กับเพื่อนๆนี่น่า ตอนนั้นคนทั้งสองต่างเคยแอดไอดีเฟยซวิ่นของกันเอาไว้

 

นักศึกษาคนงามคนนี้กับเพื่อนของหล่อน ยังเคยอัพวิดีโอเพลง《เธอที่นั่งข้างฉัน》และ《ซินเดอเรลล่า》ในตอนที่ลู่เฉินกำลังทำการไลฟ์ทั้งสองเพลงเข้าไปในเว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่ ซึ่งเขายังเคยแอบเข้าไปโพสชื่นชมเล็กๆ ในกระทู้ด้วยนะ

 

กระทู้นั้นฮอตมากเลยทีเดียว น่าเสียดายผลกระทบที่เว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่มีนั้นค่อนข้างจำกัด ถ้าหากไม่มีนักโฆษณามืออาชีพคอยโปรโมทช่วยผลักช่วยดันละก็ คงไม่อาจปั่นป่วนคลื่นลมบนอินเตอร์เน็ตให้ได้มากเท่าใดนัก

 

ลู่เฉินและเย่จื่อถงติดต่อกันผ่านเฟยซวิ่นอยู่ตลอด เพียงแต่จำนวนครั้งในการพูดคุยกันนั้นมีน้อยมาก

 

หากเป็นเมื่อก่อนที่ฐานะครอบครัวยังดีอยู่ บางทีลู่เฉินอาจเป็นฝ่ายเปิดฉากจีบหล่อนก็ได้ แต่เขาในตอนนี้กลับแบกภาระหนี้สินอันหนักหน่วงดุจขุนเขาเอาไว้ เพียงคิดว่าจะไปหาเงินจำนวนมากได้อย่างไรเท่านั้น ไม่ได้มีเวลามาพูดคุยเรื่องความรักอะไรมากนักจริงๆ

 

เย่จื่อถง “รุ่นพี่ลู่เฉิน ตอนบ่ายว่างไหมคะ?”

 

ลู่เฉิน “ว่างอยู่ครับ มีอะไรหรือครับ?”

 

เย่จื่อถง “คืออย่างนี้นะคะ คอมหนูเสียแล้วไม่รู้จะเอาไปซ่อมยังไงด้วย เลยอยากไปซื้อซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่น่ะค่ะ รุ่นพี่เรียนคณะคอมพิวเตอร์ใช่ไหมคะ พอจะช่วยหนูดูคอมให้หน่อยได้ไหม จะได้ไม่ถูกคนหลอกน่ะค่ะ”

 

ลู่เฉิน “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ หรือจะให้ผมไปหาคุณตอนนี้เลยดีไหม?”

 

ช่วงนี้นอกจากเขาจะออกกำลังกายตอนเช้าแล้ว เวลาส่วนใหญ่ก็มักจะหมกตัวอยู่ในห้อง นอกจากกับเขียนเพลงกับร้องเพลงในไลฟ์ นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกเลย แล้วเขาก็อยากจะผ่อนคลายตัวเองด้วยนั่นละนะ

 

นอกจากนี้ตัวลู่เฉินเองก็คิดจะซื้อโน๊ตบุ๊คด้วยเหมือนกัน จะได้เตรียมเอากับไปให้น้องสาวลู่เสวี่ย

 

ได้จังหวะเหมาะไปด้วยกันพอดี

 

เย่จื่อถง “อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ หนูจะรอพี่อยู่ที่หน้าประตูใหญ่มหา’ลัยนะคะ!”

 

ลู่เฉิน “โอเคครับ!”

 

พอปิดคอม เขาก็เดินออกจากห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงวิ่งไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

 

ออกจากบ้านไปโดยรู้สึกแจ่มใส

 

ตอนที่เดินออกมาที่ประตู จู่ๆลู่เฉินนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาได้——นี่ถือเป็นการเดทไหมวะ?

 

เขาฝืนยิ้มพลางส่ายหัว

 

แต่เรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้ก็คือเขามีความประทับใจในตัวเย่จื่อถงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

เมื่อมาถึงหน้าประตูชุมชนเขาก็โบกเรียกรถแท็กซี่ ลู่เฉินเร่งเดินทางไปให้ถึงมหาวิทยาลัยครูนครหลวงที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองมหาวิทยาลัยนั้นโดยเร็ว

 

ตรงหน้าประตูใหญ่ของมหา’ลัยครู เขาก็พบเย่จื่อถง แถมยังมีจั่วซินเถียนอีกคนหนึ่งด้วยแน่ะ!

 

จั่วซินเถียนนั้นเป็นรูมเมทและเพื่อนร่วมคณะของเย่จื่อถง วันนั้นก็มาที่บาร์เดย์ลิลลี่ด้วยเช่นกัน และกระทู้วิดีโอไลฟ์ของลู่เฉินทั้งสองเพลงก็เป็นจั่วซินเถียนนี่ละที่ใช้ไอดีของตัวเองไปโพสไว้ในเว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่

 

เมื่อเห็นลู่เฉินมาถึงแล้ว จั่วซินเถียนก็ยิ้มแย้มถามว่า “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่ผิดหวังหรือเปล่า?”

 

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset