ตอนที่ 2555 กองอัศวินโฉมใหม่
ลอร์เรนพยักหน้าให้กับคำขอของซือเฟิงและออกไปทันทีเพื่อจัดการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นไม่นานผู้อาวุโสลอร์เรนก็กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนามาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขา
“มากมายขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามพลางเหลือบมองไปที่หนังสือ
ลอร์เรนให้กระดาษแผ่นเดียวกับเขาในระหว่างการมาเยี่ยมเยียนครั้งสุดของเขา ในตอนที่เขาขอดูสถานะการรับสมัครของกองอัศวิน แต่ตอนนี้เธอกับนำหนังสือทั้งเล่มมาให้เขา ….
โดยปกติหากมีผู้สมัครน้อยกว่าสามหมื่นคน ผู้เล่นจะได้รับเพียงแผ่นกระดาษเท่านั้น พวกเขาจะได้รับแผ่นกระดาษอีกหนึ่งแผ่นสำหรับผู้สมัครทุกๆหนึ่งหมื่นคนนอกเหนือจากนั้น และผู้เล่นจะได้รับหนังสือที่สมบูรณ์แบบนี้ เมื่อมี NPC มากกว่าหนึ่งแสนคนมาสมัครเข้าร่วมกองอัศวินเท่านั้น
ซือเฟิงได้ทำการประกาศรับสมัคร NPC จากเมืองต่างๆของ NPC จำนวนมาก แล้วเขาก็ได้ยอมรับหรือไม่ก็ปฎิเสธ NPC ไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะมี NPC เข้ามาสมัครใหม่จำนวนมากเกินไป และการที่มี NPC สนใจมากกว่าห้าหมื่นคนก็จะนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว แต่ตอนนี้มันกับมี NPC ใหม่สนใจจะสมัครเข้ากองอัศวินของเขามากกว่าหนึ่งแสนคน ….
“ในตอนแรกท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง มันมีคนสนใจไม่มากนักหรอก อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีการแข่งขันกันของเผ่าอื่นๆจำนวนมากเพื่อเข้าสู่เมืองป่าหิน ดังนั้นจำนวนผู้สนใจจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก” ลอร์เรนอธิบาย
สิทธิประโยชน์ของฉายาเมืองอิสระนั้นมีผลอย่างรวดเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? คำอธิบายนี้ทำให้ซือเฟิงตกตะลึง
เขาคิดว่าเขาต้องรออีกสองถึงสามวันก่อนที่ฉายาจะมีผล เขาเพิ่งอัพเกรดเมืองป่าหินไปได้ไม่นาน และคิดว่าคงจะต้องรออีกพักหนึ่งจนกว่าฉายาจากระบบนี้จะมีผล อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะประเมินฉายาใหม่นี้ต่ำเกินไปหน่อย
“มันมีผู้สนใจสมัครเข้ากองอัศวินของท่านทั้งหมด 112,672 คน และในหมู่ทั้งหมดนี้ 83,241 คนเป็นมนุษย์ 27,412 คนเป็นออร์ค 1,836 คน เป็นเอลฟ์ และ 183 คนเป็นยักษ์ หนังสือเล่มนี้บันทึกข้อมูลของผู้สมัครเหล่านี้ไว้ทั้งหมด” ลอร์เรนกล่าวต่อโดยไม่สนใจคำพูดพึมพำของซือเฟิง
“มันมี NPC เกือบสามหมื่นคนจากเผ่าอื่น ? นี่ถ้ามหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของฉันรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะไม่เป็นบ้าไปเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นของเขาได้
การรับสมัคร NPC จากเผ่าอื่นมาเข้ากองอัศวินนั้นมันก็ยากมากสำหรับผู้เล่น เพราะเผ่าอื่นๆนั้นมีประชากรน้อยกว่ามนุษย์ และโดยปกติแล้วมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงก็จะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากมี NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์หลายพันคนสนใจจะสมัครเข้าร่วมกองอัศวินของพวกเขา
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับมีจำนวน NPC จากเผ่าอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์สนใจมาสมัครเข้าร่วมกองอัศวินของเขาเกือบสามหมื่นคน ซึ่งนี่มันนับเป็นจำนวนที่น่ากลัวอย่างมากแน่นอน และแม้แต่ลอร์ดระดับสองดาวก็ยังไม่อาจจะได้รับมากมายขนาดนี้ตลอดทั้งปี
ที่สำคัญที่สุดคือเอลฟ์และยักษ์นั้นก็ได้มาสมัครเป็นจำนวนมาก สถานการณ์นั้นมันเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
ใน God domain ประชากรออร์คนั้นมีมากเป็นอันดับสองรองจากมนุษย์เท่านั้น และโดยทั่วไปแล้วออร์คก็จะจัดเป็นส่วนใหญ่ของ NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ที่เข้ามาสมัคร
แน่นอนว่ามันไม่ได้ลดความแข็งแกร่งของอัศวินออร์คลงไป ในทางตรงกันข้าม NPC ออร์คนั้นทรงพลังมากทีเดียว พวกเขาเป็นนักรบโดยกำเนิดที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมและโครงสร้างที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก และนอกเหนือจากฮีโร่ของมนุษย์ มันก็ไม่มีนักสู้มนุษย์คนไหนที่จะสามารถเทียบกับนักสู้ออร์คในขั้นและเลเวลเดียวกันได้
การวิจัยและความคิดสร้างสรรค์ที่เหนือกว่าของเผ่ามนุษย์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ออร์คเทียบกับเผ่ามนุษย์ไม่ติด และถูกบังคับให้อาศัยอยู่ห่างไกลจากดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรของทวีปหลัก
อย่างไรก็ตามหากผู้เล่นสามารถรับสมัครออร์คจำนวนหนึ่งเข้ากองอัศวิน และจัดตั้งเป็นหน่วยระยะประชิดที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีได้ มันก็แทบจะไม่มีมหาอำนาจใดสามารถจะหยุดยั้งพวกเขาในการต่อสู้ได้เลย
ซือเฟิงรีบตรวจสอบรายชื่อการรับสมัครทันที ….
เมื่อเขามาถึง เขาได้วางแผนจะรับสมัครอัศวินใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อแทนที่ NPC ที่อ่อนแอของเขา แต่ตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่เขาจะสามารถทำได้กับกองอัศวินของเขา
เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพัก ซือเฟิงใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงในการเรียกดูรายชื่อการรับสมัคร และเขาก็จดจ่ออยู่กับมันมากซะยิ่งกว่าตอนล่าบอสซะอีก
โชคดีที่ฉันนำเหรียญทองจำนวนมากมาด้วย ไม่งั้น ฉันจะมีเงินไม่พอจ่ายค่าธรรมเนียมการเลิกจ้างด้วยซ้ำ ซือเฟิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เขาอ่านรายชื่อเสร็จสิ้น
หากสิ่งต่างๆเป็นไปตามแผนเดิมของเขา เขาจะสามารถแทนที่สมาชิกในกองอัศวินของเขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาได้มีโอกาสที่จะรับสมัคร NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์จำนวนมากมาเข้ากองอัศวินของเขาตลอดไปเป็นจำนวนมากแล้ว ….
เมื่อเขาคัดเลือก อัศวิน NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว เขาจะไม่สามารถยกเลิกหรือแทนที่ได้ ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังอย่างมากในการเลือกอัศวินที่ไม่ใช่มนุษย์
โชดคีที่อัศวิน NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์นั้นมีราคาการรับสมัคร และราคาการดูแลที่ถูกกว่า NPC ที่เป็นมนุษย์มาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะมีราคาถูกกว่าอย่างน้อยสามสิบเปอ
เซ็นต์ และเมื่อพิจารณาแล้ว มันก็ไม่ใช่ธุรกรรมที่ไม่ดีเลย ….
ยิ่งไปกว่านั้น NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ก็มักจะมีความสามารถมาก ในความเป็นจริงมากกว่าครึ่งของ NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ใน God domain นั้นล้วนมีมาตราฐานอัศวินระดับทองแดงหรือสูงกว่าทั้งหมด ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆในอดีตต้องการ NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์
จากออร์ค 27,412 คนที่สนใจจะสมัครเข้าร่วมกองอัศวินของซือเฟิง 15,123 คน เป็นอัศวินระดับทองแดงขั้นสอง อัตราส่วนนี้ไม่เคยมีมาก่อนในหมู่ NPC ของมนุษย์ อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างปกติสำหรับออร์ค
แถมมันก็มีออร์คขั้นสามจำนวนมาสนใจมาสมัครเข้ากองอัศวินของเขาเช่นกัน และพวกนี้ทั้งหมดก็ล้วนมีศักยภาพสูงมาก แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีมาตราฐานที่ระดับเหล็กลึกลับ ในขณะที่มีสี่สิบห้าคนที่อยู่ในระดับลึกลับขั้นเงิน และหนึ่งคนที่อยู่ในระดับไฟน์โกล
ขณะที่ผู้สมัครที่เป็นเอลฟ์และยักษ์นั้นมันก็น่าตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน ….
เอลฟ์นั้นเป็นนักเวทย์ตั้งแต่เกิดตามธรรมชาติ และมีโอกาสในการเติบโตสูงกว่าเผ่าส่วนใหญ่มากๆ แม้แต่เอลฟ์ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในระดับทองแดง ในขณะที่มีเอลฟ์มากถึงสี่สิบสามคนอยู่ในระดับลึกลับขั้นเงิน และอีกสองคนอยู่ในระดับไฟน์โกล ยิ่งไปกว่านั้นเอลฟ์ทุกคนที่มาสมัครยังเป็นเอลฟ์ขั้นสามทั้งหมด ….
ขณะที่แม้ว่าจะมียักษ์สนใจมาสมัครเข้ากองอัศวินของเขา 183 คน แต่มันก็มีเพียง 13 คนเท่านั้นที่เป็นอัศวินระดับลึกลับขั้นเงิน และหนึ่งคนเป็นอัศวินระดับไฟน์โกล
ซึ่งโดยรวมแล้วมันก็ทำให้มีอัศวินระดับลึกลับขั้นเงินและไฟน์โกลมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมกับกองอัศวินของซือเฟิง ซึ่งนี่มันมีอัศวินระดับสูงมากกว่าผู้สมัครของมนุษย์แปดหมื่นคนซะอีก เมื่อคิดเป็นสัดส่วน
“ท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง ท่านตัดสินใจได้แล้วรึยัง ?” ลอร์เรนถามเมื่อเห็นซือเฟิงปิดหนังสือ
“อืมมม ฉันต้องการอัศวินทุกคนที่มีศักยภาพระดับลึกลับขั้นเงินขึ้นไปทั้งหมด และฉันต้องการอัศวินระดับเหล็กลึกลับเหล่านี้ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และอัศวินขั้นสามที่เหลือด้วย” ซือเฟิงตอบพลางพยักหน้า
โดยปกติแล้วอัศวิน NPC นั้นจำเป็นต้องมีศักยภาพในการเติบโตที่ระดับเหล็กลึกลับเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสามได้ และแม้ช่วงต่อไปของ God domain NPC ขั้นสามก็ยังถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก เพราะท้ายที่สุดมันจะมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปถึงขั้นสี่ได้ และแม้ว่าจะทำได้ แต่กลุ่มของ NPC ขั้นสามที่ได้รับการสนับสนุนจากวงเวทย์ป้องกันของเมืองก็จะไม่ฝช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดาย ซึ่งหากมี NPC ขั้นสามมากพอที่จะสร้างและใช้วงเวทย์การต่อสู้ พวกเขาก็สามารถจะฆ่าผู้เล่นขั้นสี่ได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแม้จะมาถึงขั้นสี่แล้ว แต่ผู้เล่นก็จะสามารถแสดงความหยิ่งผยองของตนได้แค่ในแผนที่ล่าเท่านั้น
“ดีมาก !! มีผู้สมัคร 152 คน ที่มีระดับลึกลับขั้นเงินหรือสูงกว่าขึ้นไป รวมถึงส่วนที่เหลือมีอัศวินขั้นสามทั้งหมด 326 คน และเมื่อคำณวนรวมกับการรับสมัครอัศวินระดับเหล็กลึกลับอีก 1,872 คนแล้ว ทั้งค่าใช้จ่ายในการเลิกจ้างและการรับสมัครของท่านจะอยู่ที่ 554,600 เหรียญทอง” ลอร์เรนใช้เวลาชั่วครู่ก่อนจะกล่าวออกมา หลังจากคำณวนค่าใช้จ่ายทั้งหมด
“กรุณารวมค่าอัพเกรดอัศวินเดิมของฉันอีก 437 คน เข้าไปด้วย …” ซือเฟิงกล่าว และเขาก็พูดต่อว่า “และฉันก็อยากจะอัพเกรดอาวุธกับอุปกรณ์ของอัศวินขั้นสามของฉันทั้งหมดให้เป็นระดับอีปิค มันคิดเป็นจำนวนเท่าไหร่ ?”
“นั่นจะทำให้ราคาสูงขึ้นมาก หากเรารวม 437 คน ที่จะได้รับการอัพเกรดเป็นขั้นสามแล้ว ท่านจะต้องเพิ่มเงินอีก 5,640,000 เหรียญทอง เพื่อให้อัศวินของท่านที่ได้รับการอัพเกรดแล้วทุกคนกลายเป็นขั้นสามอย่างเป็นทางการ และติดตั้งอุปกรณ์กับอาวุธระดับอีปิคให้พวกเขา และเมื่อรวมกับก่อนหน้านี้จำนวนที่ท่านต้องจ่ายก็จะอยู่ที่ 6,198,970 เหรียญทอง” ลอร์เรนตอบพลางมองไปยังซือเฟิงอย่างแปลกๆ
“หื้มมม …” หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็กล่าวออกมาว่า “ลดจำนวนลง
สักเล็กน้อย ฉันต้องการเซ็ทอาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิค 1,150 ชุด”
“นั่นไม่มีปัญหา งั้นยอดรวมทั้งหมดก็จะเหลืออยู่ที่ 5,158,970 เหรียญทอง และเมื่อท่านดำเนินการชำระเงินแล้ว สินค้าก็จะถูกจัดส่งภายในสามชั่วโมง และอัศวินหน้าใหม่ทั้งหมดก็จะไปถึงคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองในเวลาหนึ่งชั่วโมง” ลอร์
เรนกล่าวอย่างใจเย็น
จากนั้นเหรียญทองทั้งหมดที่ซือเฟิงเก็บรวบรวมมาได้ก็หายไปจากกระเป๋าของเขาแทบทั้งหมด และในพริบตาเขาก็กลายเป็นคนจนอีกครั้ง ….
“การดูแลกองอัศวินนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมหาอำนาจทั้ง
หมดที่มีกองอัศวินเป็นของตัวเองจึงยากจนมากๆ” ซือเฟิงพึมพำด้วยรอยยิ้มขมขื่น เมื่อเห็นว่าเขาเหลือเงินน้อยกว่าสามพันเหรียญทองในกระเป๋าของเขา
ขณะที่ซือเฟิงอัพเกรดกองอัศวินของเขา ที่บริเวณหุบเขาอันห่างไกลในป่าใบไม้ผลิ ….
กลุ่มผู้เล่นนักเวทย์ในชุดเสื้อคลุมสีดำก็ได้เริ่มร่ายเวทย์ หลังจากเขียนวงเวทย์ขนาดมหึมาเสร็จสิ้น โดยวงเวทย์นี้นั้นปกคลุมรัศมีสองร้อยหลา และตรงกลางก็มีชายหนุ่มรูปงามที่ไม่แยแสกับคริสตัลสีดำสนิทที่เขาถืออยู่ในมือซ้ายยืนอยู่ ขณะที่เขาเขียนอักษรรูนศักสิทธิ์ด้วยมือขวาของเขา และด้วยอักษรรูนที่เสร็จสมบูรณ์แต่ละบรรทัดนั้น ชิ้นส่วนของคริสตัลก็ค่อยๆแตกตัวและสลายไป
หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็เขียนอักษรรูนศักสิทธิ์จนเสร็จ และคริสตัลสีดำสนิทในมือของเขาก็สลายหายไป
ทันใดนั้นท้องฟ้าเหนือวงเวทย์ก็แตกออกและประตูขนาดมหึมาก็หล่นลงมาจากรอยแยกมิติ โดยประตูนี้มีความสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร และถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนโบราณ ที่แผ่ออร่าอันยิ่งใหญ่ออกมาจนทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆนั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ประตูนั้นได้ค่อยๆตกลงมาถึงตรงกลางของวงเวทย์
“ยอดเยี่ยม !!! เสร็จสมบูรณ์แล้ว !!!” เฟรมมิ่งไลท์อุทานเมื่อเห็นฉากนี้ พร้อมกันนั้นประตูก็เริ่มเปิดออก จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ และพูดว่า “ฮาร์ท แจ้งไปยังมหาอำนาจต่างๆ และพวกเขาว่าประตูเปิดแล้ว !! พวกเขาจะคว้าโอกาสนี้ไว้ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว !!!”
“เข้าใจแล้ว !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทตอบด้วยความเคารพก่อนจะนำทีมของเขาออกไป