ตอนที่ 2565 กองอัศวินที่น่ากลัว และความสิ้นหวังที่แท้จริง
ไม่ถึงสิบวินาทีหลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ความมั่นใจของผู้เล่นสายความมืดก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แท๊งเกอร์ที่อยู่แนวหน้าของพวกเขานั้นล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสามที่แท้จริงทั้งหมด และหลายคนนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งความมืด ซึ่งพวกเขานั้นมี HP และพลังป้องกันมากซะจนสามารถยืนนิ่งๆอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆเข้าโจมตีพวกเขา
แต่ถึงกระนั้นแท๊งเกอร์ขั้นสามที่กำลังพูดถึงกันนี้กับตายไปเร็วเกินกว่าที่ฮีลเลอร์ในแนวหลังจะสามารถช่วยฮีล และฟื้นฟูให้พวกเขาได้ทัน พวกเขาได้ตายลงโดยที่ไม่มีโอกาสจะตอบโต้เลย ….
ครู่หนึ่งทุกคนที่เฝ้าดูต่างสงสัยว่าแท๊งเกอร์เหล่านี้จงใจสวมอุปกรณ์ระดับระดับทองแดงเข้าสู่สนามรบหรือไม่
คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นเป็นเพียง NPC ขั้นสามเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดหลายคนก็เคยต่อสู้กับทหาร NPC ขั้นสาม ของเมืองในโลกแห่งความมืดมาก่อน และแม้ว่า NPC ขั้นสามจะมีค่าสถานะพื้นฐานกับมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงกว่า แต่ความแตกต่างมันก็ไม่ควรมีมากขนาดนี้
แม้แต่ผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
อัศวินขั้นสามนั้นได้ฆ่าผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคน และผู้เล่นขั้นสองอีกหลายพันคนไปในการโจมตีระลอกเดียว ซึ่งกองทัพแบบนี้นั้นจะทำให้ซุเปอร์กิลปวดหัวได้อย่างมากเลย และการจะยุติการต่อสู้ให้ได้ก็ต้องใช้เวลาสักพัก อย่างไรก็ตามผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดทั้งขั้นสอง และขั้นสาม เหล่านี้นั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเด็กทารกเลยต่อหน้าอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีก พลังการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่ไม่ได้ประหลาดใจใดๆกับผลลัพธ์นี้
อัศวินขั้นสามของเขานั้นดูเหมือนจะมีเลเวลมากกว่าผู้เล่นสายความมืดเหล่านี้อยู่แค่สิบเลเวลหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย ซึ่งตามเหตุผลแล้ว มันไม่ควรจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย แม้ว่าอัศวินขั้นสามเหล่านี้จะมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคเต็มรูปแบบก็ตาม
อย่างไรก็ตามผู้เล่นในปัจจุบันของ God domain นั้นไม่ทราบเลยว่าพลังการต่อสู้ของ NPC คุณภาพสูงนั้นจะมีความแตกต่างขึ้นอย่างมาก เมื่ออยู่ในขั้นสามหรือสูงกว่าขึ้นไป และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการปลดปล่อยมานาออกมาจากร่างมานาของพวกเขา
มันแตกต่างจากผู้เล่น…. NPC นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากนักในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหลังจากที่พวกเขามาถึงขั้นสามแล้ว เพราะพวกเขาสามารถอาศัยความสามารถและศักยภาพในการเติบโตของตัวเองทำได้อย่างรวดเร็ว และตราบใดที่ NPC มีศักยภาพในการเติบโตกับมีความสามารถมากพอ พวกเขาก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทันทีด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงขั้นสาม ตรงกันข้ามกับผู้เล่นบางคนที่ไม่สามารถจะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ แม้จะใช้เวลาตลอดช่วงชีวิตของตัวเองก็ตาม
เหล่า NPC ที่ซือเฟิงได้รับสมัครเข้ามากองอัศวินของเขานั้นถือเป็นพวกระดับสูงในหมู่ NPC และความสามารถโดยกำเนิดกับศักยภาพในการเติบโตของพวกเขานั้นเหนือกว่าทหารในเมือง NPC มาก ดังนั้นทันทีที่พวกเขามาถึงขั้นสาม พวกเขาจึงสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอ หรือฝึกฝน และวิจัยเหมือนกับผู้เล่น
แต่แล้วผู้เล่นในปัจจุบันของ God domain ล่ะ ? ส่วนใหญ่นั้นยังไม่ได้เริ่มกระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ดังนั้นมันจึงยังเร็วเกินไปสิบปี หากพวกเขาคิดว่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับกองอัศวินของซือเฟิงได้
ยิ่งไปกว่านั้นภายในกองอัศวินของซือเฟิงก็ยังมีทั้งออร์ค เอลฟ์ และยักษ์อีกมากมาย ซึ่งพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่กว่า NPC ของมนุษย์ในเลเวลและขั้นเดียวกันมาก ตัวอย่างเช่นอัศวินออร์คระดับเหล็กลึกลับนั้นสามารถจะต่อกรกับอัศวินมนุษย์ระดับลึกลับขั้นเงินได้สบายๆเลย
และในหมู่สมาชิกกองอัศวินของซือเฟิงที่ไม่ใช่มนุษย์นั้น แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ระดับเหล็กลึกลับ ….
ไม่มีแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามคนใดที่มีอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดครบเซ็ทจะสามารถต่อสู้กับ NPC เหล่านี้ได้นานกว่าสองถึงสามวินาที ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปเลย
ก่อนที่ผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดจะทันได้หายตกตะลึง กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกก็เริ่มเปิดการโจมตีเข้าใส่พวกเขาอีกระลอก และมันก็เป็นเช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี เหล่าอัศวินไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเกินสามการเคลื่อนไหวเลยเพื่อฆ่าผู้เล่นสายความมืดและเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกเขา
มันไม่มีเวลาสำหรับการใช้เทคนิคการต่อสู้ที่หรูหราหรือน่าอัศจรรย์ในสนามรบแห่งนี้ มันมีเพียงแค่ความแข็งแกร่งและความหวาดกลัวเท่านั้นที่เข้าปกคลุมไปทั่วในตอนนี้ !!!
หน่วยแรกนั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นมากกว่าห้าหมื่นคน แต่มันก็ถูกทำลายลงในเวลาไม่ถึงสองนาที และมากกว่าหกพันคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ในทางตรงกันข้าม สภาสิบแปดปีกไม่ได้สูญเสียอัศวินไปเลยแม้แต่คนเดียว อันที่จริงต้องบอกว่าพวกเขาแทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลยด้วยซ้ำ ….
ความเงียบนั้นเข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบ ผู้เล่นสายความมืดที่พุ่งเข้าสู่การต่อสู้อย่างกระตือรือร้นก่อนหน้านี้ได้เริ่มถอยห่างไปทีละก้าว ….
“เป็นได้ยังไง ?!” ฟิวเรียสฮาร์ทที่เตรียมจะเข้าร่วมการต่อสู้นั้นอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นทุ่งซากศพ
เขานั้นคิดว่าชัยชนะของกองทัพโลกแห่งความมืดนั้นได้รับการรับรองแน่นอนแล้ว เขาไม่เคยคาดหวังเลยว่าการต่อสู้จะจบลงเช่นนี้
พวกเขากำลังพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหกพันคน !!!
กองกำลังที่น่ากลัวแบบนี้นั้นจะสามารถทำลายเมืองกิลทั่วไปได้สบายๆเลย แต่ต่อหน้ากองอัศวินของสภาสิบแปดปีก ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้กับอ่อนแอพอๆกับมอนสเตอร์ทั่วไป
“พวกเขามีพลังในการต่อสู้มากขนาดนี้ได้ยังไง ?”
บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ที่เฝ้ามองจากระยะไกลต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง หลังจากได้มองดูกองอัศวินของสภาสิบแปดปีกสังหารหมู่ผู้เล่นสายความมืดระลอกแรกไป
เดิมทีพวกเขานั้นคิดว่าความมั่นใจของซือเฟิงเป็นเรื่องตลก พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆว่ากิลของเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ในตอนที่สภาสิบแปดปีกเลือกจะไม่ใช้เรือเหาะนั้น พวกเขามองว่าการตัดสินใจแบบนี้มันโง่เขลาชัดๆ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่สถานการณ์ตอนนี้ มันไม่เป็นเช่นนั้น ที่สภาสิบแปดปีกตัดสินใจไม่ใช้เรือเหาะนั้นก็เพราะพวกมันไม่จำเป็น ….
NPC ขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนนี้จะถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสามได้อย่างไร ? พวกเขาดูเหมือนกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่มากกว่า และก็เป็นมอนสเตอร์ที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ
หากโลกแห่งความมืดต้องการจะเอาชนะกองกำลังแบบนี้ พวกเขาก็จะต้องเริ่มทุ่มรากฐานของพวกเขาทั้งหมดเข้าใส่ เพราะตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสามทั้งหมดกี่คน เนื่องจากถ้าส่งออกไปแบบเดิมมันก็จะพบกับความพินาศเช่นเดิมแน่นอน
NPC ขั้นสามเหล่านี้แข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน ? ดอร์นโดมิแน้นซ์ขมวดคิ้ว หลังจากได้เห็นการโจมตีระลอกแรกของกองทัพโลกแห่งความมืดถูกทำลายลง เขากัดฟันแน่น ก่อนจะตะโกนว่า “ทุกคนตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาปกปิดความแข็งแกร่ง หรือไพ่ของตัวเองไว้แล้ว !!! กิลและทีมนักผจญภัยทั้งหมดใช้ไพ่ของตัวเองเลย เราจะต้องฆ่า NPC เหล่านั้นให้ได้ !!! ถ้าเรายังมัวรีรอ สภาสิบแปดปีกจะเข้ายึดประตูเทเลพอร์ตเอาไว้ได้ !!!”
กิลและทีมนักผจญภัยต่างๆได้รีบดำเนินการทันที ….
กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกอาจจะน่ากลัว แต่พวกเขาก็ไม่ใช่จะไม่มีไพ่ที่ใช้ต่อกรด้วยได้ เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องการแรงกระตุ้นเท่านั้น ซึ่งการกระทำของสภาสิบแปดปีกก็ได้ทำให้เกิดแรงกระตุ้นอย่างมาก และทำให้พวกเขายอมลงมือใช้ไพ่ของตัวเอง
กิลและทีมนักผจญภัยทีมจำนวนมากได้เริ่มใช้ไพ่ของพวกเขา ….
ม้วนคัมภีร์อัญเชิญขั้นสี่ !!
บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูง !!
องครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม !!
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที มอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบตัวก็ปรากฎขึ้น พร้อมกับองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามอีกราวสี่พันคน และเมื่อออร่าของทั้งหมดนี้รวมกันนั้น มันก็ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลนั้นก็รู้สึกกลัวมากเช่นกัน เมื่อเห็นฉากนี้
กิลจากโลกแห่งความมืด และทีมนักผจญภัยพึ่งจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่
น่าทึ่ง !!! นี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ !!! ไม่มีใครจะสามารถยืนหยัดต่อกรกับโลกแห่งความมืดได้แน่นอน !!! หัวใจของฟิวเรียสฮาร์ทเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาได้เห็นฉากตรงหน้า
เขานั้นตกใจมากที่ได้เห็น NPC ขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนของสภาสิบแปดปีกแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว แต่ตอนนี้ NPC ขั้นสามเหล่านี้นั้นไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับพลังของโลกแห่งความมืด
“ยอดเยี่ยม !! ทุกคนโจมตี !!” ดอร์นโดมิแน้นซ์ออกคำสั่งอย่างภาคภูมิใจ “ทำลายล้างสภาสิบแปดปีกให้หมด และล้างแค้นให้กับพี่น้องของเราที่ตายไป !!!”
ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำสั่ง กิลและทีมนักผจญภัยต่างๆก็ได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามของพวกเขา พร้อมกับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่เข้าสู่สนามรบทันที ….
ผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกนั้นเริ่มจะตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้เห็นฉากนี้ ตอนนี้กระแสน้ำเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
แต่ในขณะที่ผู้ที่มาจากโลกแห่งความมืดคาดว่าจะได้เห็นซือเฟิงตกอยู่ในความสิ้นหวัง ซือเฟิงก็จ้องมองไปยังกองกำลังที่กำลังเคลื่อนเข้ามาด้วยความสงบ ก่อนที่เขาจะดึงแหวนแห่งกอสเปลออกมาจากกระเป๋าของเขา และทำการเปิดใช้งานมัน
“โลกจิ๋ว !!!”