Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2864

ตอนที่ 2864 เปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้สาธารณชน

“ในที่สุดพวกเขาก็ไปแล้ว …”

เฟยยี่มองไปที่ซือเฟิงและพรรคพวกของเขาที่หายลับตาไป พลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ก่อนหน้านี้เธอนั้นคิดว่าซือเฟิงจะลงมือทำบางอย่างกับพวกเขา ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวการถูกฆ่า แต่หากอาวุธหรืออุปกรณ์ชั้นยอดที่พวกเขาใช้และสวมใส่อยู่ดรอป
ออกไปหลังพวกเขาตาย มันก็ยังจะนับเป็นความสูญเสียที่รุนแรงเช่นกัน

“แบล๊คเฟรม !!” ซี่หยวนมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงหายลับตาไปด้วยดวงตาที่เย็นชา “รอก่อนเถอะ !! ฉันจะต้องจัดการคุณให้ได้ !!!”

ซือเฟิงนั้นจัดว่าแข็งแกร่งและทรงพลังมากๆอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นอมตะ ….

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ในสงครามโลกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกขั้นสี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ หรือแม้แต่ NPC ขั้นห้าก็ไม่สามารถจะหยุดการรุกรานจากกองทัพของโลกของพวกเขาได้ ไม่งั้นประเทศต่างๆจำนวนมากในทวีปหลักของ God domain ก็คงจะไม่ล่มสลายไป ….

ปัจจุบันมันอาจจะดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายได้มาถึงสภาวะหยุดนิ่งต่อกันแล้ว แต่ความจริงนั้น ที่มันเป็นแบบนี้เพราะพวกเขากำลังสะสมความแข็งแกร่งเพิ่มเติมต่างหาก

และตอนนี้อีกไม่นานพวกเขาก็จะเริ่มทำการโจมตีครั้งใหญ่ครั้งต่อไปแล้ว ….

“ซี่หยวน อย่าทำเรื่องวุ่นวายมากไปกว่านี้เลย แบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้มาก หากมันส่งผลกระทบต่อแผนของพันธมิตร แม้ว่าคุณจะเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดที่กิลเลี้ยงดูขึ้นมา แต่เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงก็จะไม่สามารถปกป้องคุณได้ …” เฟยยี่ส่ายหัว และอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนเมื่อเธอได้ยินคำพูดของซี่หยวน “สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดที่เราต้องทำตอนนี้คือการกลับไปแจ้งข้อมูลของแบล๊คเฟรมให้ผู้อาวุโสรู้ ….”

ในสงครามโลกนั้น แม้ว่าพวกขั้นสี่ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวแบบซือเฟิงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้มากนัก แต่พวกขั้นสี่แบบนี้ก็จะยังคงมีอิทธิพลอยู่บ้างแน่นอนในบางพื้นที่ ….

“ฉันเข้าใจ …” ซี่หยวนพยักหน้า “หลังจากนี้ฉันก็จะกลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักเพื่อสมัครเข้าร่วมการทดสอบ …”

“นี่คุณจะสมัครเข้าร่วมการทดสอบตอนนี้เลยงั้นหรอ ? มันเร็วเกินไปหรือปล่าว …” เฟยยี่กล่าวอย่างประหลาดใจ

ในโลก God domain ของพวกเขานั้นมันเหนือกว่าที่นี่มากๆ เพราะมันยังคงมีมรดกมากมายเหลือไว้ และในหมู่มรดกทั้งหมดมันก็มีการทดสอบบางอย่างที่กิลจะสงวนไว้สำหรับอิจฉริยะของกิล ซึ่งหากอัจฉริยะของกิลสามารถทำการทดสอบได้สำเร็จนั้น อัจฉริยะของกิลก็จะเติบโตขึ้นอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตามการเข้ารับการทดสอบนี้มันก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะหากล้มเหลว จิตวิญญาณของผู้เข้ารับการทดสอบจะตกอยู่ในสถานะอ่อนเป็นเวลานาน นอกเหนือจากนี้อัจฉริยะของกิลหนึ่งคนยังจะได้รับโอกาสจากกิลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

“ฉันจำเป็นจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองให้มากขึ้นเพื่อให้ตัวเองไปได้ไกลขึ้นในพันธมิตร และสามารถรับเอาคะแนนสะสมจำนวนมากได้ ซึ่งเมื่อฉันสามารถสะสมคะแนนได้มากเพียงพอแล้ว ฉันก็จะนำมันไปแลกกับโควต้ามรดก”

ซี่หยวนครุ่นคิดเรื่องนี้มาแล้ว ….

หลังจากพันธมิตรพิชิตทวีปด้านตะวันออกไปด้วยส่วนหนึ่งนั้น ทรัพยากรของพันธมิตรก็อุดมสมบูรณ์ขึ้นมากๆ และโควต้ามรดกนั้นก็นับเป็นสิ่งล้ำค่าแน่นอน ดังนั้นนี่จึงนับเป็นโอกาสดีสำหรับเขาที่จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้ไวที่สุด

ปัญหาเดียวที่เขากังวลในตอนนี้คือเขาจะต้องทำการทดสอบให้สำเร็จเท่านั้น ….

เขานั้นเคยได้ยินเรื่องของการสร้างโลกมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นั้นเขายังไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าการสร้างโลกมันน่ากลัวแค่ไหน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ดูการต่อสู้ของซือเฟิง เขาก็ได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของการสร้างโลกแล้ว และนี่แหละก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้

หุบเขาอาร์กติกแกรนด์ เมืองสภาสิบแปดปีก :

เมื่อวงเวทย์เทเลพอร์ตสว่างขึ้นในห้องเทเลพอร์ตของเมือง ร่างของซือเฟิง และอีกหกคนก็ปรากฎตัวขึ้นในห้องเทเลพอร์ต

“นี่คือเมืองสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?”

ซิคทีนคลาวด์มองไปที่ห้องเทเลพอร์ตตรงหน้าของเธอ แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

มานา !!

มานาที่นี่มันหนาแน่นในระดับที่น่ากลัวมากๆ !!!

แม้ว่าเธอจะได้ยินข่าวคราวมาบ้างแล้วว่ามานาในเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อเธอได้มาที่เมืองสภาสิบแปดปีก และได้สัมผัสมันด้วยตัวเองนั้น เธอก็คิดว่ามานาที่มันเหนือกว่าในข่าวลือซะอีก

นอกเหนือจากมานาที่หนาแน่นในระดับที่น่ากลัวมากๆแล้ว เมืองสภาสิบแปดปีกก็ยังมีการจราจรที่พลุกพล่านมากๆด้านนอกห้องเทเลพอร์ต โดยมันก็มีทั้งพ่อค้า NPC ขุนนาง NPC มากมาย รวมไปถึงพวก NPC ขั้นสี่ได้เข้ามาที่เมืองนี้

ถ้าในเวลานี้ เธอไม่ได้เป็นตัวแทนของไชนิ่งไทเกอร์เพื่อเดินทางมาเซ็นสัญญาความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับสภาสิบแปดปีกที่เมืองสภาสิบแปดปีก เธอก็คงจะไม่รู้เลยว่าเมืองสภาสิบแปดปีกที่ไม่ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมนั้นทรงพลังมากขนาดนี้

หลังจากที่ฟิธาเลีย แม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิช ทั้งสามได้มาถึงเมืองสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็ประหลาดใจกับสถานการณ์ของเมืองสภาสิบแปดปีกมากเช่นกัน

เมืองนี้มีแม้กระทั่งหน่วยลาดตระเวนเป็นทหาร NPC ขั้นสี่ ซึ่งมันนับเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ แม้แต่ในเมืองกิลขนาดใหญ่ของซุเปอร์กิล
NPC ขั้นสี่ทุกคนนั้นล้วนจัดเป็นตัวตนที่ทรงพลังและล้ำค่ามากๆสำหรับผู้เล่น โดยส่วนใหญ่ถ้าผู้เล่นไม่ให้ NPC แบบนี้เป็นองครักษ์ของเมือง ผู้เล่นก็จะให้ NPC เป็นผู้พิทักษ์ของเมือง

แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับนำ NPC ขั้นสี่มาร่วมในหน่วยลาดตระเวนตามท้องถนนจริงๆ แถมยังไม่ใช่แค่หน่วยหรือสองหน่วยด้วย นี่มันบ้าชัดๆ ….

อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้แปลกใจกับสิ่งนี้เท่าไหร่นัก ….

ปัจจุบันเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นเมืองหลักของกิลเพียงแห่งเดียวใน God domain แถมมันก็ยังตั้งอยู่ในพื้นที่เชิงกลยุทธ์อย่างหุบเขาอาร์กติกแกรนด์ ดังนั้นมันจึงจะต้องมี NPC ขั้นสี่เข้ามาล่าที่นี่อยู่แล้ว และเมื่อเป็นแบบนี้นั้นการรับสมัครทหาร NPC ขั้นสี่เข้ามาคอยดูแลเมืองสภาสิบแปดปีก มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ….

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพแวดล้อมในปัจจุบันของเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นเทียบได้กับในยุคโบราณแล้ว มันจึงยิ่งสามารถจะดึงดูด NPC ขั้นสี่จำนวนมากเข้ามาได้ ซึ่งสภาพแวดล้อมแบบนี้มันจะเอื้อต่อ NPC ขั้นสี่ในการฝึกฝนตัวเองให้ไปได้ไกลกว่านี้อย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ต้องยอมรับอยู่เรื่องหนึ่งว่า เขาไม่อยู่แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น แต่เมืองสภาสิบแปดปีกกับพัฒนาไปได้ไกลอย่างมากจริงๆ ….

ไม่เพียงแต่เรื่องความแข็งแกร่งของหน่วยทหาร NPC ที่ลาดตระเวนอยู่ตามท้องถนนเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงความแข็งแกร่งของผู้เล่นบนท้องถนนด้วย พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสามหรือสูงกว่าที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหกหรือมากกว่าขึ้นไปทั้งหมด และสำหรับผู้เล่นขั้นสี่ที่นี่นั้นก็สามารถจะพบเห็นได้ค่อนข้างมากเช่นกัน

เพียงแค่เดินจากห้องเทเลพอร์ตไปยังสถานที่พักกิลนั้น ซือเฟิงก็สังเกตเห็นผู้เล่นขั้นสี่ตามรายทางมากกว่าสิบคนแล้ว …. ซึ่งมันนับว่ามากกว่าป้อมปราการแสงดาวมากเลยทีเดียว

ต้องรู้ก่อนว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกได้นั้นจะต้องเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก หรือไม่ก็สมาชิกของผู้ที่มีความร่วมมือกันกับสภาสิบแปดปีก ไม่งั้นจะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกเลย

นอกจากนี้มันก็ยังมีสมาชิกของสภาสิบแปดปีกจำนวนมากด้วยที่เดินอยู่ตามท้องถนน

เท่าที่ซือเฟิงสังเกต ตอนนี้เมืองสภาสิบแปดปีกน่าจะมีประชากรมากกว่าห้าแสนคนแล้ว

หากต้องการจะปฎิบัติการใดๆรอบเมืองสภาสิบแปดปีกนั้น ผู้ที่ต้องการจะต้องเป็นผู้เล่นขั้นสามเป็นอย่างน้อย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตอนนี้สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นขั้นสามอยู่อย่างน้อยห้าแสนคนแล้ว ….

ซึ่งจำนวนนี้นั้นมันนับว่าเกินจำนวนที่ซุเปอร์กิลทั่วไปมีแล้วอย่างแน่นอน …. และมันก็จะมีเพียงแต่พวกซุเปอร์กิลชั้นยอดเท่านั้นที่จะมีจำนวนในเรื่องนี้มากกว่าสภาสิบแปดปีก ….

“หัวหน้ากิล นี่คือข้อมูลทั้งหมดในปัจจุบันของกิลสภาสิบแปดปีกของเรา …” เหลียง
จิงกล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ ขณะที่เธอส่งข้อมูลล่าสุดทั้งหมดของกิลให้ซือเฟิง

แม้ว่าซือเฟิงจะหายไประยะหนึ่ง และมันก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในทวีปด้านตะวันออก ซึ่งมันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน

แต่เนื่องจากเมืองกิลสามเมืองของสภาสิบแปดปีก และป้อมปราการเคลื่อนที่ มันจึงทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถจะยันสถานการณ์เอาไว้ได้ และพอหาผลประโยชน์ได้บ้าง …. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมืองที่เป็นเมืองหลักอย่างเมืองสภาสิบแปดปีก ซึ่งในสงครามโลกตอนนี้นั้นผู้เล่นทุกคนล้วนต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อจะให้ตัวเองได้เข้ามาหลบที่เมืองนี้ เพราะมันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

ด้วยเหตุนี้มันจึงมีกิลจำนวนมากที่ถูกกวาดล้าง และทีมนักผจญภัยที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากสงครามโลกครั้งนี้มาเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเป็นจำนวนมาก และนี่มันก็ทำให้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดด้านทรัพยากรของกิลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเงื่อนไขในการจะเข้าร่วมที่โหดมากๆนั้น กิลอาจจะมีผู้เล่นมากกว่าในข้อมูลเหลียงจิงรายงานราวสองเท่าเลย

“ยอดเยี่ยม !!!”
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ หลังจากได้อ่านข้อมูลที่เหลียงจิงส่งมาให้

ปัจจุบันจำนวนผู้เล่นขั้นสามของกิลมีทะลุแปดแสนคนไปแล้ว ….. ซึ่งในหมู่แปดแสนคนนี้ มากกว่าห้าแสนคนได้ทำงานอยู่ในเมืองสภาสิบแปดปีก ขณะที่ส่วนที่เหลือก็ถูกแบ่งออกไปที่เมืองกิลอีกสองเมืองของสภาสิบแปดปีก และป้อมปราการเคลื่อนที่

แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด ….

จำนวนผู้เล่นขั้นสี่ของกิลตอนนี้คือประเด็นสำคัญที่สุด โดยตอนนี้กิลมีผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดเจ็ดสิบสามคนแล้ว ซึ่งมากกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปอย่างแน่นอน

ในตอนที่ได้อ่านข้อมูลนี้นั้น แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังสงสัยเล็กน้อยว่าเขาได้ยินผิดรึ
ปล่าว

ปัจจุบันซุเปอร์กิลทั่วไปนั้นน่าจะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่มากกว่ายี่สิบคนเท่านั้น ส่วนพวกซุเปอร์กิลชั้นยอดก็น่าจะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ราวสามสิบคนหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีก …..

นอกจากนี้ตามรายงานของเหลียงจิง ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังมีผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกอีกมากกว่าสี่สิบคนที่อยู่ในดินแดนมรดกขั้นสี่ และจากการประเมินแล้วนั้น มันก็น่าจะมีมากกว่าครึ่งที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ ซึ่งมันอาจกล่าวได้เลยว่าอีกไม่นานนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะมีผู้เล่นขั้นสี่ทะลุหนึ่งร้อยคนแล้ว

และแน่นอนว่ามันก็จะยังไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วสภาพแวดล้อมในเมืองสภาสิบแปดปีก รวมทั้งแผนที่ที่เมืองสภาสิบแปดปีกตั้งอยู่นั้น มันเอื้อ และช่วยเหลือผู้เล่นขั้นสามในการทำเควสเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่อย่างมาก

เหลียงจิงมองไปที่ซือเฟิงที่มีท่าทีประหลาดใจด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะกล่าวแนะนำว่า “หัวหน้ากิล เนื่องจากการรุกรานจากโลกอื่น ในตอนนี้มันจึงมีองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆมากมายถูกกวาดล้าง และถูกทำลายไป ซึ่งนี่มันก็ทำให้มีผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ที่ไร้สังกัดเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก จะให้ฉันทยอยดูดซับพวกเขาทั้งหมดเลยไหม ?”

“แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทรัพยากรของกิลเราได้มาถึงคอขวดแล้ว หากเราต้องการจะพัฒนาไปมากกว่านี้เพิ่มเติมในอีกหลายด้าน เราก็จำเป็นจะต้องเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกเพื่อที่จะนำกำไรจากเมืองสภาสิบแปดปีกมาสนับสนุนการพัฒนาทั้งหมดนี้”
ซือเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเหลียงจิง

แม้ว่าสงครามโลกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหลายด้านของสภาสิบแปดปีก แต่มันก็มาพร้อมกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของกิลเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ระบบได้ระบุมาอย่างชัดเจนนั่นก็คือ ผู้เล่นที่มาจากโลกอื่นในตอนนี้นั้นจะนับเป็นศัตรูของผู้เล่นในทวีปหลักอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นทั้งสองโลกนั้นไม่สามารถจะเพิ่มเพื่อน หรือส่งข้อความหากันได้เลย และทั้งสองฝ่ายก็จะไม่ต้องเจอกับค่าอาชญากรรม หรือชื่อสีแดงใดๆเมื่อฆ่าอีกฝ่าย ในทางตรงกันข้ามหากฆ่ากันได้นั้น ฝ่ายที่สามารถฆ่าได้นั้นก็จะได้รับทั้ง EXP และไอเทมที่มีค่าจำนวนมากด้วย

แถมระบบยังระบุอีกว่าผู้เล่นของทวีปหลักก็จะไม่สามารถไปเข้าร่วมกับกิลของโลกอื่นได้ และผู้เล่นของกิลจากโลกอื่นก็จะไม่สามารถไปเข้าร่วมกับกิลในทวีปหลักได้เช่นกัน ดังนั้นนี่มันจึงนับเป็นโอกาสอันดีมากๆสำหรับสภาสิบแปดปีกที่จะทำในหลายสิ่ง โดยเฉพาะอย่างการดูดซับเหล่าผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ที่พึ่งจะกลายเป็นคนไร้สังกัดมาเข้าสู่กิลตัวเอง

“เราจะเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกัน ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ก่อนหน้านั้นฉันจำเป็นจะต้องทำอะไรบางอย่างก่อน ….”

“หื้ม ?” เหลียงจิงรู้สึกงงงวย

ในปัจจุบันเธอรู้สึกว่าสภาสิบแปดปีกได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว และการพัฒนาของกิลตอนนี้มันก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว หากสภาสิบแปดปีกต้องการจะก้าวหน้า และพัฒนาต่อไปจริงๆ กิลก็จะสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้สาธารณชนเท่านั้น มันไม่น่าจะมีวิธีอื่นอีก

“ไปเตรียมวัสดุทั้งหมดนี้มาให้ฉัน ฉันต้องการมันตอนนี้ …” ซือเฟิงไม่ได้คิดจะอธิบายเพิ่มเติมใดๆกับท่าทีงงงวยของเหลียงจิง ตรงกันข้ามเขากับหยิบรายการวัสดุที่เขาต้องการออกมา และออกคำสั่งกับเหลียงจิงทันที ….

แน่นอนว่ายังไงซะเขาก็จำเป็นจะต้องเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามถ้าทำหลังจากที่เขาตั้งค่า และเซ็ทวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปเรียบร้อยแล้ว มันก็จะดีกว่าแน่นอน ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset