ตอนที่ 2902 ความเป็นไปได้ของร่างครึ่งเทพ และขั้นหกในอนาคต
ในขณะที่ซือเฟิงเริ่มทำการกวัดแกว่งดาบแสงแห่งสองโลกนั้นท้องฟ้าที่แต่เดิมเคยมืดครึ้มก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสุกสกาว และมันก็ดูเหมือนกับว่าท้องฟ้าทั้งหมดกำลังจะถล่มลงมา
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !
เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งนี่มันทำให้ชางหู และคนอื่นๆที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่จากระยะไกลนั้นรู้สึกพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
การโจมตีนี้นั้นมันสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงมากๆซะจน แม้แต่วงเวทย์ป้องกันที่คอยปกป้องกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นก็ยังถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิง
และหลังจากนั้นการโจมตีนี้ก็ค่อยๆทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในระยะการโจมตีของมันลงไปทั้งหมด โดยเมื่อผลของการโจมตีหายไปนั้น พื้นที่ที่อยู่ในระยะการโจมตีนี้ที่ปรากฎขึ้นมาแก่สายตาของทุกคนมันก็เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้นั้นมันทำให้แม้แต่ชางหู กับคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว และหวาดหวั่น ….
“นี่มันจะไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!”
ในตอนนี้ชางหู และคนอื่นๆมองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด
การโจมตีที่ซือเฟิงใช้โจมตีเมื่อครู่นั้น พวกเขาสามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันไม่ใช่สกิล หรือเวทย์ใดๆ แต่มันเป็นเทคนิคการต่อสู้บางอย่าง ซึ่งเทคนิคการต่อสู้นี้ได้ทำลายการป้องกันของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่น และกวาดล้างผู้เล่นจากโลกอื่นที่อยู่ในระยะการโจมตีของมันไปโดยตรงเลย
“ฉันรู้สึกว่าอัศวินกิตติมศักดิ์ขั้นห้าของจักรพรรดิที่ฉันเคยเห็นมาในเมืองหลวงของจักรวรรดิก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้เลย !!!” แอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงินกล่าวด้วยความตกตะลึง “นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดใน God domain ตอนนี้ ….. งั้นหรอ ?”
สำหรับความแข็งแกร่งของซือเฟิง ทุกคนได้เห็นมันอย่างชัดเจนแล้วจากการต่อสู้ที่เมืองหินโบราณ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นในปัจจุบันนั้นมันเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เท่าที่พวกเขาเห็นนั้นวงเวทย์ป้องกันที่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นใช้น่าจะอยู่ในขั้นห้า ซึ่งวงเวทย์ระดับนี้นั้น แม้แต่ NPC ขั้นห้าก็ยังไม่สามารถจะทำลายลงได้ในหนึ่งหรือสองการโจมตีแน่นอน
แต่ซือเฟิงในตอนนี้กับทำลายมันลงได้ในการโจมตีเดียว ซึ่งพลังแบบนี้ของเขานั้น แม้แต่ NPC ขั้นห้าบางคนก็ยังไม่มีเลย
ในตอนนี้ซือเฟิงดูเหมือนเหล่าทวยเทพที่ได้ลงมาแสดงพลังให้มนุษย์ตกตะลึงซะมากกว่าด้วยซ้ำ !!!
“แบล๊คเฟรม ?” แอสซาซินรุ่นเยาว์จ้องมองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และชื่นชม “ในอนาคตฉันจะต้องแข็งแกร่งให้ได้เหมือนเขา !!!”
ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ชางหู และคนอื่นๆที่อยู่ในระยะไกลเท่านั้นที่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของซือเฟิง กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นเองก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
“นี่มันไม่จริงใช่ไหม ?! ผู้เล่นในโลกนี้จะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ได้อย่างไร ?!!”
“เขาต้องเป็น NPC ที่อยู่ในระดับร่างครึ่งเทพที่ปลอมตัวมาแน่นอน !!! ไม่งั้นเขาจะมีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!”
เมื่อเทียบกับผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain แล้ว ผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นมีความเข้าใจดีกว่ามากถึงพลังของอาชีพขั้นห้า เพราะท้ายที่สุดในโลกอื่นนั้น ผู้เล่นเหล่านี้ได้เคยโจมตี NPC ขั้นห้า รวมไปถึงมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้ามาแล้ว แถมบางกองกำลังก็เคยเอาชนะตัวตนระดับนี้มาได้แล้วด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อได้มาเห็นถึงพลังของซือเฟิง พวกเขาทั้งหมดจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามพวกระดับสูงที่เป็นระดับผู้บัญชาการของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นก็ยังคงดูสงบอยู่ แม้ว่าจะได้เห็นถึงพลังของซือเฟิงไปแล้ว
“ที่แท้เขาก็คือเป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้นี่เอง …. ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกร้อยผีโดดเดี่ยวจะระวังชายคนนี้อย่างมาก และพวกนั้นก็ไม่ได้เลือกจะส่งกองกำลังมาเข้าร่วมกับเราในตอนนี้ ….” ชายร่างยักษ์ที่มีความสูงราวสี่เมตรอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา พลางมองไปยังซือเฟิงอย่างชื่นชม
แต่เมื่อชายร่างยักษ์พูดจบนั้น เอลฟ์หญิงที่มีดวงตาสีดำก็กล่าวสวนขึ้นมาด้วยแววตาดูถูกว่า “แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากๆ แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่ตอนนี้คือกองกำลังเทพร่ำไห้ของเรา !!! ซึ่งหากเขาต้องการจะต่อสู้กับเราเพียงลำพัง ฉันกลัวว่าเขาจะยังไม่มีคุณสมบัติ !!!”
เกี่ยวกับสิ่งที่เอลฟ์หญิงพูดมานั้น พวกระดับผู้บัญชาการของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นหลายคนไม่ได้มีท่าทีต่อต้านใดๆ ตรงกันข้ามมันกับทำให้แววตาของพวกเขาตื่นเต้นมากขึ้นด้วย
มันมีกองทัพอยู่เก้ากองทัพที่บุกเข้ามาในทวีปหลักของ God domain ในครั้งนี้ ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกก่อตั้งขึ้นโดยมหาอำนาจต่างๆจากโลกอื่น โดยในหมู่กองทัพเหล่านี้นั้น กองกำลังเทพร่ำไห้ของพวกเขามีความแข็งแกร่งติดอยู่ในสามอันดับแรกในหมู่กองกำลังทั้งหมดของผู้เล่นจากโลกอื่นที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
และสาเหตุที่กองกำลังของพวกเขาถูกเรียกว่ากองกำลังเทพร่ำไห้นั่นมันก็เป็นเพราะกองกำลังของพวกเขาเคยเอาชนะพวกครึ่งเทพโบราณมาได้สำเร็จ ซึ่งตัวตนระดับนี้นั้นก็นับว่าแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้ามากๆ
โดยมันก็เป็นเพราะผลงานนี้ของพวกเขานี่แหละที่ทำให้พวกเขาได้รับมอบหมายให้เข้าโจมตีสองอาณาจักรของกิลสภาสิบแปดปีกที่มีผู้เล่นขั้นห้าอยู่ในกิล
“เอาล่ะ แม้ว่ามันจะเร็วไปหน่อย แต่ก็ทำการปลุกไฮดร้าขึ้นมาเลยแล้วกัน …” ชายร่างยักษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะมองไปยังเอลฟ์หญิงข้างๆเขา และพูดว่า “วินไนท์แมร์ นำคนของคุณไปจัดการตามนี้ เราจะต้องสอนให้คนในโลกนี้รู้หน่อยว่าพวกเราทรงพลังมากขนาดไหน !!!”
เพื่อให้กองกำลังทั้งหมดในทวีปหลักของ God domain ได้รู้ถึงความแข็งแกร่ง และพลังของพวกเขา ในครั้งนี้พวกเขาจึงได้นำวงเวทย์อัญเชิญงูโลกไฮดร้าซึ่งเป็นสมบัติ
ของกิลที่พวกเขาเคยใช้ฆ่าพวกครึ่งเทพโบราณได้มาด้วย
แต่อย่างไรก็ตามการจะอัญเชิญงูโลกไฮดร้ามาแต่ละครั้งนั้นมันก็ต้องใช้พวกสายเวทย์มนต์ที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญถึงเก้าคน และมันยังมีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลด้วย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะสามารถอัญเชิญมันออกมาได้แค่สี่ครั้งเท่านั้น โดยเมื่อครบสี่ครั้ง ไอเทมอัญเชิญนี้ก็จะหายไป …. แถมมันยังเป็นเรื่องยากมากๆที่จะควบคุมงูโลกไฮดร้าให้ได้หลังจากอัญเชิญออกมาแล้ว โดยมันจะต้องใช้ผู้ที่มีความสามารถในการควบคุมร่างกายที่ยอดเยี่ยมมากๆในการควบคุมมัน ไม่งั้นก็จะไม่สามารถควบคุมร่างขนาดยักษ์ของงูโลกไฮดร้าได้เลย
ไม่นานหลังจากที่ชายร่างยักษ์ได้ออกคำสั่งไป ร่างของงูยักษ์ยาวหลายพันเมตรก็ได้ค่อยๆปรากฎตัวออกมา และเมื่อการอัญเชิญเสร็จสมบูรณ์นั้นเอลฟ์หญิงที่ชื่อวินไนท์แมร์ก็ได้ก้าวไปในร่างของงูยักษ์ตัวนี้
“แบล๊คเฟรม !! ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปหลักของ God domain แห่งนี้ !!! แต่น่าเสียดายที่วันนี้คุณจะต้องมาตายอยู่ที่นี่ !!!!” เอลฟ์หญิง วินไนท์แมร์ที่อยู่ในร่างของงูโลกไฮดร้ากล่าวพลางหัวเราะเยาะ
หลังจากนั้นวินไนท์แมร์ก็ได้ควบคุมให้งูโลกไฮดร้าเข้าโจมตีซือเฟิงอย่างรวดเร็วทันที โดยงูโลกไฮดร้านั้นมีทั้งหมดเก้าหัว ซึ่งมันก็สามารถใช้สกิลและเวทย์แยกกันต่างหากได้ นี่มันจึงทำให้วินไนท์แมร์เลือกจะให้งูโลกไฮร้าใช้สกิล และเวทย์ขั้นห้าที่แตกต่างกันทั้งหมดเก้าอย่างเข้าโจมตีซือเฟิง
สิ่งนี้ทำให้ชางหู และคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่างูยักษ์ตัวนี้มันทรงพลังกว่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่พวกเขาเคยรู้จัก และเคยเห็นมาใน God domain อย่างสิ้นเชิง แถมต่อหน้างูยักษ์ตัวนี้ ซือเฟิงนั้นก็ดูเหมือนมดที่พร้อมจะถูกตบให้ตายได้ง่ายๆเลย
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามีการโจมตีที่มีพลังขั้นห้าเก้าอย่างในแบบที่แตกต่างกันกำลังโจมตีมายังซือเฟิงพร้อมกัน โดยแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าหลายคนก็ยังอาจจะถูกทำลายได้ง่ายๆเลยในสถานการณ์แบบนี้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นไม่ได้มีท่าทีตกตะลึง หรือประหลาดใจใดๆกับเรื่องนี้ การแสดงออกของเขายังคงเต็มไปด้วยความไม่แยแส ก่อนที่เขาจะทำการกวัดแกว่งดาบแสงแห่งสองโลกของเขาอีกครั้ง
แสงทลายโลก !
ตู้ม !!
ในช่วงเวลาหนึ่งทุกคนในปัจจุบันรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกได้หายไป และเมื่อทุกอย่างจบลงนั้นชางหู กับคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่ก็อ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หายไปแล้ว !!!
งูโลกไฮดร้าหายไปแล้ว !!!
และไม่เพียงแต่งูโลกไฮดร้าเท่านั้นที่หายไป แต่ป่าอันกว้างใหญ่เบื้องหน้าของพวกเขาก็ยังหายไปด้วย โดยเหลือไว้เพียงแต่หลุมลึกว่างเปล่าที่มีรัศมีมากกว่าสี่พันหลา
และในขณะนี้นั้นทุกคนในกองกำลังเทพร่ำไห้ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ และพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน ไม่เว้นแม้แต่ชายร่างยักษ์
เพราะการโจมตีเมื่อครู่ของซือเฟิงนั้นไม่เพียงแต่จะทำลายงูโลกไฮดร้าลงไปในทันที แต่มันยังทำลายกองทัพของพวกเขาลงไปมากกว่าหนึ่งในสี่ด้วย
“หนี !”
“ทุกคนหนีเร็ว !!”
หลังจากผ่านไปมากกว่าสิบวินาที ชายร่างยักษ์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และตะโกนด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี
เมื่อทุกคนในกองทัพได้ยินคำสั่งของชายร่างยักษ์ พวกเขาก็กลับมามีสติกันอย่างรวดเร็ว และเริ่มหนีกันอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ชายร่างยักษ์นั้นก็ได้นำม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตขั้นสี่ออกมาใช้เพื่อหนีอย่างไม่ลังเล
ขณะเดียวกันด้านของซือเฟิงนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กๆกับพลังของเขา
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตก่อนหน้านี้ของฉัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นหกถึงมักเลือกจะต่อสู้กันในสถานที่ที่ไม่มีผู้คนอย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังแบบนี้ หากผู้เชี่ยวชาญขั้นหกสองคนต่อสู้กันนั้น ฉันคิดว่าผลกระทบของการต่อสู้มันอาจจะสามารถทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรได้อย่างง่ายดายเลย”
สกิลแสงทลายโลกของเขานั้น มันไม่ใช่สกิลที่มีระยะกว้างมากนัก แต่มันกับสามารถจะเปลี่ยนภูมิประเทศของป่าเงาในบริเวณหนึ่งไปได้อย่างสิ้นเชิง นี่คือสิ่งที่ซือเฟิงไม่คาดคิดเลย (ป.ล. สงสัยรายละเอียดของสกิล และเรื่องที่ว่าทำไมซือเฟิงถึงมีสกิลที่มีพลังในขั้นหกก็ไปหาอ่านเอาในตอน 2900)
สำหรับเรื่องการจะจัดการกับกองทัพผู้เล่นจำนวนมหาศาลที่กระจัดกระจายหนีกันอย่างบ้าคลั่งนั้น ซือเฟิงไม่ได้สนใจเลย เพราะมันยากเกินไปที่จะฆ่าผู้เล่นจำนวนมากที่กำลังหลบหนี และในการโจมตีก่อนหน้านี้ของเขา เขาก็ได้จงใจสะบัดมันลงให้โดนกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นแล้ว ซึ่งมันก็ได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นไปราวหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ทันที โดยนี่มันก็ทำให้เลเวลของเขานั้นพุ่งขึ้นไปเป็นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ ดังนั้นนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงจำนวนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และขั้นสามที่เขาฆ่าไปในการโจมตีเมื่อครู่เลย
และเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีขั้นหกนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับมาล๊อคอิน เล่น God domain ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะการโจมตีขั้นหกนั้นสามารถจะสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณได้อย่างมาก แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่วิญญาณก็ตาม และแม้ว่าจะล๊อคอินกลับเข้ามา พร้อมทั้งฟื้นคืนชีพได้ แต่ผู้เล่นก็จะยังคงติดอยู่ในสถานะอ่อนแอไปอีกห้าถึงหกวันด้วย
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้บินกลับไปที่เรือเหาะมังกรสีเลือด และเดินทางกลับไปยังเมืองสกายสปริง ทิ้งไว้ให้ในบริเวณป่าเงาเหลือเพียงแต่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นที่พยายามหลบหนี กับชางหู และคนอื่นๆที่ตอนนี้แทบประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เท่านั้น
“ผู้บัญชาการ เราจะเอายังไงกันต่อ ?”
“เราจะเอายังไงกันต่องั้นหรอ ?! เราก็ต้องรีบกระจายข่าวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดน่ะสิ !!! ในสงครามโลกครั้งนี้ ฉันคิดว่าเราคงจะพึ่งพาได้เพียงแค่สภาสิบแปดปีกเท่านั้น !!!”