ตอนที่ 2905 สิทธิพิเศษระดับสูง
ขณะที่เอนเลสสการ์กล่าวออกมานั้น แทบทุกคนในล๊อบบี้ไม่เว้นแม้แต่หานอี้เฟิงนั้นก็ล้วนมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
คำพูดของเอนเลสสการ์ที่พูดต่อซือเฟิงนั้นมันดูสบายๆ และน่ารักมากๆ ราวกับว่าเธอพึ่งพบกับเพื่อนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอมานาน
โดยเฉพาะหานอี้เฟิงนั้นที่เขารู้สึกแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย และตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงราวกับมองไปยังสัตว์ประหลาด
เอนเลสสการ์นั้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังมากๆใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน แถมเธอก็ยังเป็นลูกสาวของตระกูลที่ทรงพลังด้วย ซึ่งแม้แต่บริษัทไฟฟ์สเตทของเขานั้นก็ยังยากจะเอื้อมถึงได้
และการที่เอนเลสสการ์ริเริ่มจะเข้ามาพูดคุยกับซือเฟิงเองแบบนี้ …. พูดกันตามตรงมันก็เป็นความฝันของเหล่ารุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนเลย
ก่อนหน้านี้ที่เขาได้พูดคุยกับซือเฟิงเกี่ยวกับเรื่องเอนเลสสการ์นั้น เขาคิดว่าน่าจะเป็นซือเฟิงเพียงฝ่ายเดียวที่รู้จักเอนเลสสการ์ แต่เอนเลสสการ์นั้นไม่ได้รู้จักซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดมิดไนท์ทีปาร์ตี้นั้นก็โด่งดังมากจริงๆใน God domain และใครก็ตามที่เป็นตัวตนที่ทรงอิทธิพลใน God domain ก็ควรจะต้องเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย
เขาไม่ได้คาดคิดเลยจริงๆว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะดีขนาดนี้ ….
สำหรับเรื่องคำถามของเอนเลสสการ์นั้นซือเฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น และกล่าวว่า “เธอก็พูดไป มันเป็นเพราะในตอนแรกนั้นสถานการณ์มันบังคับ ฉันจึงจำเป็นจะต้องปิดบังตัวตนของตัวเอง …”
“ก็นะ แต่คุณก็ทำตัวแก่เกินวัย เป็นผู้ใหญ่ได้เหมือนจริงๆ ….” เอนเลสสการ์กล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่น
ในตอนแรกเธอคิดว่าซือเฟิงนั้นน่าจะอายุมากกว่าเธอ และซือเฟิงก็น่าจะมีอายุประมาณสามสิบปีหรือมากกว่านั้น ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขานั้นแข็งแกร่งกว่าเธออย่างมาก และนี่มันก็ทำให้เธอนั้นพยายามหาวิธีที่จะขึ้นไปเหนือกว่าเขาให้ได้ อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการแสดงที่น่าทึ่งครั้งแล้วครั้งเล่าของซือเฟิง เธอก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนๆหนึ่งนั้นจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
ดังนั้นเธอจึงได้เรื่องจะพักเรื่องของมิดไนท์ทีปาร์ตี้ไว้ และบ้ากับการออกไปผจญภัยอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน ซึ่งนี่เองมันก็ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เธอกำลังจะติดต่อกับซือเฟิงนั้นเธอก็ได้รับข่าวที่น่าตกตะลึง ….
นั่นคือตัวตนที่แท้จริงของแบล๊คเฟรมนั้นมีอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปีด้วยซ้ำ แถมตัวตนจริงๆของแบล๊คเฟรมนั้นก็ยังไม่มีภูมิหลังใดๆ และไม่เคยได้รับคำแนะนำ หรือการฝึกสอนจากผู้เชี่ยวชาญคนใดเลย
สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกหดหู่ และนอยด์กับตัวเองเป็นเวลานาน
“เธอเนี่ยน้า …” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากจะบอกว่าเขาอายุประมาณสามสิบมันก็ไม่ผิดนัก เพราะท้ายที่สุดเขาก็อายุสามสิบแล้วจริงๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา “ว่าแต่หลังจากไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ๆ เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ แถมตอนนี้เธอยังกลายเป็นคนดังใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนซะด้วย”
“ฉัน ? นายคิดผิดแล้วแหละ …” เอนเลสสการ์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม พลางชี้ไปยังชายหนุ่มในชุดสีขาวที่อยู่ไม่ไกล และกล่าวว่า “ให้ฉันแนะนำพี่ชายของฉันให้คุณรู้จักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมันก็จะทำให้คุณเข้าใจเรื่องทั้งหมดเองนั่นแหละ !!!”
เมื่อเอนเลสสการ์พูดคำว่า “พี่ชาย” ชายหนุ่มในชุดสีขาวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น และเดินเข้ามาหาทั้งสองอย่างช้าๆ
“นี่คือ ?” ซือเฟิงมองไปที่ฉินไป่ยี่ที่เดินเข้ามาด้วยความรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเขาเคยเห็นชายผู้นี้ที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ว่าเขานึกไม่ออกก็เท่านั้น
“สวัสดีหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะ ….” ฉินไป่ยี่กล่าวทักทายซือเฟิงด้วยรอยยิ้ม
“เจอกันอีกครั้ง ? เราเคยพบกันมาก่อนงั้นหรอ ?” ซือเฟิงมองไปยังฉินไป่ยี่ที่ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนนายเคยเจอเขา เพียงแต่ว่าเขาชอบทำตัวแก่เกินวัยเป็นผู้ใหญ่เหมือนนายนั่นแหละ ….” เอนเลสสการ์กล่าวด้วยรอยยิ้มพลางมองไปยังฉินไป่ยี่
ฉินไป่ยี้ยิ้ม และกล่าวเสริมว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำตัวเองเพิ่มเติมแล้วกัน นายสามารถเรียกชื่อจริงของฉันซึ่งก็คือฉินไป่ยี่ได้ หรือไม่ก็เรียกชื่อใน God domain ของฉันที่มีชื่อว่า บรีซไวน์ก็ได้ แล้วแต่นาย ….”
“บรีซไวน์ ?!! นายคือบรีซไวน์งั้นหรอ ?!!!” ซือเฟิงนั้นรู้สึกตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้
บรีซไวน์นั้นเป็นผู้บัญชาการของมิดไนท์ทีปาร์ตี้ ซึ่งเขาได้เคยร่วมงานด้วย และทำความคุ้นเคยกันมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพอได้มารู้ความจริงนั้น เขาก็ต้องยอมรับเลยว่าบรีซไวน์ในโลกแห่งความจริง กับใน God domain นั้นต่างกันมากเลยทีเดียว
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องนี้นั้น หานอี้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็มีท่าทีตกตะลึงมากๆ ….
ฉินไป่ยี่คือใคร ?
เขาเป็นปรมาจารย์ทางจิตใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน แถมเขายังเป็นปรมาจารย์ทางจิตที่อายุน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปีด้วย ดังนั้นใครจะคิดกันละว่าคนแบบนี้จะเป็นผู้บัญชาการของมิดไนท์ทีปาร์ตี้ได้ ? และหลังจากวันนี้ถ้าเขานำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อเขาง่ายๆแน่นอน ….
ขณะเดียวกันตอนนี้นั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุมิดไนท์ทีปาร์ตี้แบบมั่วๆ
“ฮ่าๆๆ …” ฉินไป่ยี้ขำแห้งๆด้วยความรู้สึกอายเล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นท่าทีประหลาดใจของซือเฟิง “จริงๆฉันก็ไม่ได้คิดจะปกปิดตัวตนนะ เพียงแต่ว่าการเล่น God domain ในตอนนั้นมันเป็นเพียงความสนใจส่วนตัวของฉันเท่านั้น”
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเอนเลสสการ์ถึงเป็นที่ชื่นชอบ และโปรดปรานของตัวตนที่ยิ่งใหญ่ สาเหตุหลักๆมันก็คงจะมาจากคำแนะนำของฉินไป่ยี่นี่แหละ นอกจากนี้นี่มันก็น่าจะเป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้มิดไนท์ทีปาร์ตี้ในชีวิตแล้วของเขา รวมไปถึงในชีวิตนี้ไม่กลัวมหาอำนาจใดๆ
ด้วยสถานะแบบนี้ของฉินไป่ยี่ มหาอำนาจใน God domain จะกล้ายั่วยุมิดไนท์ทีปาร์ตี้แบบมั่วๆได้ยังไงกัน ?
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นายมาที่นี่เพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนเรื่องที่อยู่อาศัยใช่ไหม ?” ฉินไป่ยี่มองไปยังซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “เราเองก็กำลังจะไปทำเรื่องเดียวกัน ดังนั้นทำไมนายไม่ไปพร้อมกับเราล่ะ ?”
“งั้นฉันคงต้องขอรบกวนหน่อยแล้ว ….” ซือเฟิงนั้นไม่ได้ปฎิเสธ และเลือกจะตอบตกลงไปทันที
ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าตอนนี้มันจะมีคนต่อแถวที่เค้าเต้อร์ยืนยันตัวตนของ VIP น้อยกว่าที่เค้าเต้อร์ยืนยันตัวตนของคนทั่วไป แต่มันก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นการให้ฉินไป่ยี่ช่วยจึงจะช่วยประหยัดเวลาของเขาไปได้มาก เพราะท้ายที่สุดการให้อควาโรส กับเสวี่ยเหวินโหรวได้เข้ามาอาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น เร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น
ขณะที่หานอี้เฟิงที่อยู่ข้างๆนั้นก็ไม่ได้ปฎิเสธความหวังดีของฉินไป่ยี่เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วตัวเขาเองนั้นก็อยากจะสร้างสัมพันธ์กับฉินไป่ยี่อยู่แล้วด้วย
แม้ว่าบริษัทไฟฟ์สเตทของเขาจะมีรากฐานที่มั่นคงในพื้นที่ชั้นพื้นฐาน แต่มันก็ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเลยเมื่อเทียบกับฉินไป่ยี่ และหากเขาสร้างความสัมพันธ์กับฉินไป่ยี่ได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม การเข้าสู่ชั้นกลางของเขา และใช้ชีวิตในชั้นกลางก็น่าจะง่ายขึ้น เพราะท้ายที่สุดการแข่งขันในพื้นที่ชั้นกลางนั้นมันก็ดุเดือดกว่าในชั้นพื้นฐานอย่างมาก
ท้ายที่สุดภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีกระบวนการทั้งหมดก็เสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากอาคารของบริษัทกรีนก๊อดกันนั้น มันก็มีรถคันหนึ่งบิน แล่นเข้ามาจอดอยู่ที่ตรงหน้าอาคาร ซึ่งสิ่งนี้มันก็สร้างความประหลาดใจให้กับหลายคนอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดรถบินได้นั้นมันจะมีแต่ผู้ที่มีสถานะสูงๆใน Upper Zone เท่านั้นที่จะมีมันได้
หลังจากนั้นไม่นานนัก มันก็มีชายสองคนก้าวลงมาจากรถคันนี้ โดยคนหนึ่งคือลู่เทียนตี้ ทายาทของบริษัทสตาร์ไลน์ และอีกคนหนึ่งคือชายชราชุดดำที่ลู่เทียนตี้นั้นเดินตามหลังเขามาติดๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
ซึ่งเมื่อได้เห็นดังนี้นั้น ทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายคนไม่เว้นแม้แต่หานอี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“ทำไมเขาถึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง ?”
หานอี้เฟิงมองไปยังชายชราชุดดำด้วยความไม่เชื่อ
เพราะชายชุดดำผู้นี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์หวู่หมิง ซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางจิตที่อาศัญอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone แถมเขาก็ยังเป็นผู้มีอำนาจระดับสูง สองดาวใน Upper Zone ด้วย
ใน Upper Zone ใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของบริษัทกรีนก๊อดที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้จะมีสิทได้รับสิทธิพิเศษระดับสูง และสามารถเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้ หลังจากผ่านการทดสอบ
ขณะเดียวกันในชั้นกลางนั้นระดับอำนาจของปรมาจารย์ทางจิตจะเรียงตั้งแต่ระดับหนึ่งดาวไปจนถึงสามดาว โดยปรมาจารย์ทางจิตส่วนใหญ่ในชั้นกลางนั้นก็จะอยู่ในระดับหนึ่งดาวเท่านั้น และมันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับอำนาจระดับสองดาว ซึ่งอำนาจระดับนี้นั้นก็จะมีอำนาจเกือบจะเทียบเท่ากับผู้จัดการในชั้นกลางเลย และเมื่อมีอำนาจระดับนี้มันก็ยังจะได้รับช่องบางส่วนในชั้นกลางด้วย แถมยังมีอำนาจที่จะขับไล่ปรมาจารย์ทางจิตที่ทำผิดกฎออกจาก Upper Zone เป็นเวลาหนึ่งถึงสามปีอีก
สำหรับตัวหานอี้เฟิงนั้นเขาก็รู้มาบ้างว่าซือเฟิง กับปรมาจารย์หวู่หมิงมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่เท่าที่เขารู้เรื่องนี้มันก็ไม่น่าจะถึงขั้นให้คนระดับปรมาจารย์หวู่หมิงต้องออกมาเองเลยนะ ….
“คุณคือซือเฟิง ผู้ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ศิษย์ของฉัน หวังซวนหมิง ถูกไล่ออกไปจาก Upper Zone ใช่ไหม ?” ปรมาจารย์หวู่หมิงได้เดินเข้ามาหาซือเฟิง และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซึ่งเมื่อทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงอย่างเห็นอกเห็นใจ และพวกเขาต่างก็สงสัยมากๆว่านี่ซือเฟิงไปทำเรื่องร้ายแรงอะไรกันถึงทำให้คนอย่างปรมาจารย์หวู่หมิงต้องออกมาเอง ….
และมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าหากซือเฟิงจัดการรับมือกับเรื่องนี้ได้ไม่ดีนั้น เขาก็อาจจะถูกปรมาจารย์หวู่หมิงหาเหตุผลมาไล่เขาออกไปจาก Upper Zone เป็นการชั่วคราวได้
และหากเป็นแบบนั้นชีวิตของซือเฟิงก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างถึงที่สุดแน่นอน
ขณะเดียวกันเมื่อเห็นสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้นั้นฉินไป่ยี่ก็พยายามที่จะออกหน้าเพื่อช่วยเหลือซือเฟิง อย่างไรก็ตามปรมาจารย์หวู่หมิงนั้นก็ยังคงไม่สนใจ แถมเขายังกล่าวดูหมิ่นฉินไป่ยี่ด้วยว่าต่อให้อาจารย์ของฉินไป่ยี่มาที่นี่เขาก็จะไม่สนใจ !!! ….
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฉินไป่ยี่กำลังคิดว่าจะพยายามหาหนทางติดต่ออาจารย์ของเขาให้มาที่นี่ให้ไวที่สุดนั้น ซือเฟิงก็ได้ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หวู่หมิง
“หวังซวนหมิง ?” ซือเฟิงมองไปยังปรมาจารย์หวู่หมิงด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ถ้าคุณหมายถึงคนที่บุกเข้ามาในบ้านส่วนตัวของฉันที่ฉันจับส่งให้กับบริษัทกรีนก๊อดละก็ตามนั้นเลย คุณมีอะไรงั้นหรอ ?”