Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1054

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1054 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (2)

แปลโดย iPAT 

 

ฟางหยวนเรียนรู้จากความผิดพลาดระหว่างเดินทางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เผชิญหน้ากับอสูรโคลนและสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล เขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อพบกับสถานการณ์เดิม เหตุใดเขาจะไม่สามารถแก้ไขและเอาชนะ

 

ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนรักษาตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาได้รับคำแนะนำจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับวิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ด

 

ฟางหยวนเป็นสมาชิกนิกายหลางหยา ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดนอก เขาจึงได้รับคำแนะนำที่ดีจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอย่างตรงไปตรงมา

 

“มันง่ายมากที่จะลดระดับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เป็นระดับหก มันง่ายกว่าการยกระดับวิญญาณอมตะระดับหกเป็นระดับเจ็ด แต่เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่งั้นหรือ?  นอกจากนั้นการลดระดับวิญญาณอมตะยังต้องใช้เวลาพอสมควรขณะที่ภัยพิบัติของเจ้ากำลังใกล้เข้ามา หากเจ้าต้องการลดระดับวิญญาณอมตะ มันอาจไม่ทันเวลาที่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวก่อนจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบให้กับฟางหยวน

 

“เจ้าโชคดีมาก ท่าไม้ตายนี้ถูกซื้อมาโดยตัวตนก่อนหน้าของข้า มันเหมาะสมกับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่หลากหลาย”

 

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้าให้ความสนใจกับการหลอมรวมวิญญาณเท่านั้น เหตุใดเขาจึงซื้อท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งดาบที่ไม่สามารถใช้งาน

 

แต่หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนจึงสามารถทำความเข้าใจ

 

ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเพื่อค้นหาจุดตายของเป้าหมายและจัดการมัน

 

ตัวอย่างเช่นการโจมตีก่อนหน้านี้ของฟางหยวน วิญญาณอมตะดาบบินเจาะทะลวงศีรษะของอสูรหิมะ การโจมตีนี้ไม่ได้สร้างบาดแผลร้ายแรงให้กับมัน แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมันเพื่อค้นหาจุดตายและโจมตีไปที่จุดนั้นโดยตรง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้อสูรหิมะได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด

 

ด้วยวิธีนี้ วิญญาณอมตะดาบบินจึงสามารถสังหารเป้าหมายเช่นอสูรหิมะได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายนี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก มันต้องจ่ายด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

ยิ่งวิญญาณอมตะมีระดับสูงเท่าใด พวกมันก็ยิ่งมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบรรจุอยู่มากเท่านั้น การสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะทำให้พลังอำนาจของพวกมันลดลง

 

หากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าลดลงจนถึงจุดหนึ่ง วิญญาณอมตะระดับเจ็ดจะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับหก

 

นี่เป็นเหตุผลที่ไม่มีผู้ใดสนใจท่าไม้ตายนี้

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้าซื้อท่าไม้ตายนี้มาเพราะเขาต้องการทำวิจัยเกี่ยวกับมัน

 

ในความเป็นจริงท่าไม้ตายที่ใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในการโจมตีคล้ายกับการหลอมรวมย้อนกลับวิญญาณอมตะ เว้นเพียงการหลอมรวมย้อนกลับเป็นการดึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากออกมาในครั้งเดียวและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า

 

เมื่อฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้ เขาจึงตระหนักถึงเหตุผลที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้าซื้อท่าไม้ตายนี้มา

 

นั่นเป็นเพราะความสนใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้าคือการหลอมรวมวิญญาณเท่านั้น

 

ฟางหยวนไตร่ตรองและตัดสินใจรับท่าไม้ตายนี้เอาไว้

 

กล่าวได้ว่าท่าไม้ตายดาบประหารชีวิตเหมาะสมกับเขามากที่สุดในเวลานี้

 

สายลมอันหนาวเย็นยังพัดไปรอบๆ

 

แสงดาบพุ่งเป็นเส้นโค้งก่อนจะทะลวงหน้าอกของอสูรหิมะและหมุนตัวบินกลับมาหาฟางหยวนอีกครั้ง

 

อาการบาดเจ็บของอสูรหิมะฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เมื่อมันก้าวเท้าออกมาเพียงไม่กี่ก้าว ร่างกายของมันกลับแตกสลายกลายเป็นกองหิมะ

 

ในช่วงเวลาสั้นๆอสูรหิมะตายไปแล้วหลายสิบตัว

 

ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตสามารถสังหารพวกมันได้ในการโจมตีเดียว

 

ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

เมื่อมาถึงจุดนี้เขาก็พบข้อดีอีกข้อหนึ่งของวิถีแห่งดาบ

 

‘เมื่อผู้ใช้วิญญาณบ่มเพาะ พวกเขาจะใช้วิญญาณ เลี้ยงดูวิญญาณ และหลอมรวมวิญญาณ สิ่งเหล่านี้มีความหมายที่ลึกซึ้ง แม้จะเป็นวิญญาณอมตะดาบบินดวงเดิม แต่เมื่อข้าเปลี่ยนวิธีใช้งาน ผลลัพธ์กลับแตกต่างออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ’

 

ฟางหยวนใช้ดาบประหารชีวิตอีกครั้ง

 

ท่ามกลางพายุหิมะ อสูรหิมะปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันก็ถูกสังหารไปอย่างรวดเร็ว

 

ความแข็งแกร่งของอสูรหิมะมีความสัมพันธ์กับขนาดร่างกายของพวกมัน

 

อสูรหิมะสูงสิบถึงยี่สิบเมตรมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและสอง อสูรหิมะสูงหกสิบเมตรมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับหก อสูรหิมะสูงเจ็ดสิบเมตรมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ด

 

อสูรหิมะสูงหกสิบเมตรถูกสังหารโดยฟางหยวนอย่างง่ายดาย

 

ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ย้อนกลับไปเขาเคยพบกับความยากลำบากในการต่อสู้กับปูบึงที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แต่ตอนนี้เขาสามารถกำจัดอสูรหิมะเดียวดายจำนวนนับไม่ถ้วนและสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด

 

แต่ฟางหยวนยังเฝ้าระวังต่อไป

 

‘ข้ามีช่วงเวลาที่ง่ายดายเพราะข้าใช้วิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ดเพื่อกำจัดอสูรหิมะระดับสัตว์อสูรเดียวดาย นอกจากนั้นพวกมันยังไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครอง หือ…’

 

เขาสังเกตอย่างใกล้ชิดและพบว่าอสูรหิมะที่เกิดใหม่มีขนาดใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ

 

พวกมันแข็งแกร่งขึ้น!

 

‘หากยังเป็นเช่นนี้ พวกมันอาจกลายเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล’ ฟางหยวนไม่กล้าประมาท เขาเก็บวิญญาณอมตะดาบบินก่อนจะส่งพายุหมุนสีดำพุ่งออกไป

 

“ฟิ้ว…ฟิ้ว…ฟิ้ว…”

 

แสงสีดำร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับสายฝน

 

อสูรหิมะเริ่มเสียชีวิตลงเมื่อเผชิญหน้ากับสายฝนสีดำอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ในไม่ช้าซากศพของอสูรหิมะก็ให้กำเนิดอสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยขึ้นมาอีกครั้ง

 

ฟางหยวนสังหารอสูรหิมะไปหลักสิบตัวแต่มันกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยตัว!

 

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ฟางหยวนขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจ

 

เขาสังเกตอย่างรอบคอบ แม้อสูรหิมะจะกลับมาด้วยจำนวนที่มากขึ้น แต่พวกมันมีขนาดเล็กลง

 

ฟางหยวนคาดเดาก่อนจะส่งดาบสายลมสีเขียวพุ่งออกไป

 

ดาบสายลมราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ที่กลืนกินอสูรหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนพื้น

 

อสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยถูกหั่นเป็นชิ้นๆ

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณสายตรวจสอบเพื่อสังเกตสนามรบ

 

‘ดังคาด เมื่ออสูรหิมะสูงสิบเมตรตาย พวกมันจะไม่สามารถสร้างอสูรหิมะตัวใหม่’ หลังจากยืนยันเรื่องนี้ เขาจึงสามารถผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

ความคิดหนึ่งพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน ‘มันเป็นเพราะพายุหิมะใช่หรือไม่?’

 

วิญญาณระดับมนุษย์นับร้อยดวงถูกกระตุ้นใช้งานภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

 

ม่านแสงสีดำกระจายออกจากร่างของฟางหยวน

 

มันคือท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของไห่เจิ้ง ม่านทมิฬ!

 

โดยปกติผู้อมตะจะไม่ใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะภายในมิติช่องว่างของตนน นั่นเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอาจต่อต้านกันและทำให้เกิดความเสียหาย

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายที่ฟางหยวนใช้เป็นท่าไม้ตายเขตอมตะระดับมนุษย์ที่ฟางหยวนเลียนแบบมาจากท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของไห่เจิ้ง ดังนั้นมันจึงไม่สร้างปัญหา

 

นอกจากนี้เขายังมีท่าไม้ตายเขตแดนหิมะของเซี่ยซ่งซื่อ แต่หากเขาใช้ท่าไม้ตายนี้ มันอาจเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอสูรหิมะ

 

เมื่อม่านทมิฬขยายตัวออกไป พายุหิมะที่อยู่รอบๆก็เริ่มอ่อนกำลังลง

 

ดังคาด การถือกำเนิของอสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยมีอัตราเร็วที่ลดลง

 

แต่ดูเหมือนสิ่งนี้จะทำให้พายุหิมะโกรธจัดและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ม่านทมิฬค่อยๆถูกผลักดันกลับมาก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์

 

‘อสูรหิมะเดียวดายปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่อสูรหิมะตัวเล็กถือกำเนิดจากซากศพของพวกมัน เมื่อพายุหิมะรุนแรงขึ้น พวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ดูเหมือนข้าจะทำได้เพียงกำจัดอสูรหิมะไปทีละขั้นเท่านั้น…’ ฟางหยวนสรุป

 

เขาเดาไม่ผิด

 

ภัยพิบัตินี้ทรงพลังมาก

 

นี่เป็นภัยพิบัติครั้งแรกของมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่มันกลับทรงพลังกว่าภัยพิบัติครั้งที่ห้า ครั้งที่หก และครั้งที่เจ็ดของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

 

พลังงานอมตะของฟางหยวนถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง

 

เขาเริ่มเหนื่อยล้าแต่มันก็ทำให้เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตมากขึ้น

 

เมื่อเวลาผ่านไป พายุหิมะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม

 

เขาตระหนักว่าภัยพิบัติพิภพครั้งนี้นอกจากจะนาน มันยังรุนแรงกว่าภัยพิบัติใหญ่นับสิบเท่า!

 

อสูรหิมะเดียวดายเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตของฟางหยวนไม่สามารถสังหารพวกมันได้เร็วพอ

 

อสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยยิ่งมีมากกว่า ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพื่อกำจัดพวกมันเช่นกัน

 

เขาต้องทำสองสิ่งในเวลาเดียวกัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

‘โชคดีที่อสูรหิมะเหล่านี้ไม่สามารถบิน มิฉะนั้นมันจะยากลำบากมากขึ้น’

 

เพียงเมื่อฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์กลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

 

ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นไปขณะที่การแสดงออกเปลี่ยนเป็นมืดมนยิ่งกว่าเดิม

 

ท่ามกลางพายุหิมะ อินทรีย์มงกุฎเหล็กที่กำเนิดจากหิมะปรากฏตัวขึ้น

 

อินทรีย์มงกุฎเหล็กกระพือปีกพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความดุร้าย

 

ฟางหยวนรีบกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตเพื่อจัดการอินทรีย์มงกุฎเหล็ก

 

แต่ในระยะเวลาสั้นๆ อินทรีย์มงกุฎเหล็กอีกสามตัวก็ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งกลางอากาศ

 

แรงกดดันนี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงที่ใกล้เข้ามา

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset