Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1050

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1050 ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

แปลโดย iPAT 

 

แสงสีรุ้งส่องสว่างลงมาจากทวีปเมฆา

 

นี่เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับมนุษย์ขนของทั้งสามทวีป

 

“นี่คือผลงานของผู้อมตะงั้นหรือ?” มนุษย์ขนบางคนถอนหายใจ

 

ในอดีตมีเพียงข่าวลือที่คลุมเครือเกี่ยวกับผู้อมตะเท่านั้น

 

แต่หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป สถานการณ์ต่างๆก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเลียนแบบการแข่งขันชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือเพื่อกระตุ้นการแข่งขันของสามทวีปและนำตัวตนที่โดดเด่นขึ้นไปฝึกฝนบนทวีปเมฆา

 

สงครามระหว่างสามทวีปส่งผลกระทบต่อมนุษย์ขนทั้งหมด เหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับผู้อมตะของทวีปเมฆาดึงดูดความสนใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก

 

“กลายเป็นผู้อมตะ…” ราชาผมดำมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยดวงตาส่องประกาย

 

หลังจากตั้งสติ เขากล่าว “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ปรากฏการณ์อมตะเป็นสิ่งมงคล เราจะจัดงานประลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ ผู้ชนะจะสามารถเลือกสมบัติจากคลังของเรา!

 

“รับบัญชา!” ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเร่งตอบรับ

 

ราชาผมดำคิดเรื่องนี้มานานแล้ว

 

สงครามระหว่างสามทวีปทำให้ราชาผมดำตระหนักว่าทักษะการหลอมรวมไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดอีกต่อไป เพื่อรับมือกับการต่อสู้ในอนาคต เขาต้องการผู้ใช้วิญญาณที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้

 

ครึ่งเดือนต่อมา

 

เมืองไหมเหล็กมีแขกที่ทรงเกียรติมาเยือน

 

แขกผู้นี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าเมืองโดยตรง

 

“ท่านเจ้าเมืองฮัวเฟิง ไม่ทราบว่าท่านต้องการสิ่งใดจากที่นี่?” เจ้าเมืองไหมเหล็กถามระหว่างงานเลี้ยง

 

“ท่านเจ้าเมืองไหมเหล็ก ท่านเข้าใจข้าจริงๆ ข้ามาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์” เจ้าเมืองฮัวเฟิงยิ้มและชี้นิ้วไปที่ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนที่อยู่ด้านหลัง “ราชาต้องการจัดงานประลองการต่อสู้ แต่ละภูมิภาคสามารถส่งผู้เข้าแข่งขันได้สามคน ในภูมิภาคนี้มีสองเมืองของเรา ผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ด้านหลังข้าคือหนึ่งในคนที่ข้าจะส่งเข้าร่วมการแข่งขัน แต่เพราะราชาจำกัดจำนวนคน ดังนั้นเรามาจัดการแข่งขันที่นี่กันก่อนเพื่อตัดสินว่าผู้ใดจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีมาก ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” เจ้าเมืองไหมเหล็กหัวเราะก่อนจะเรียกผู้ใช้วิญาณเผ่ามนุษย์ขนออกมา

 

ทั้งสองฝ่ายส่งคนออกมาและเริ่มต่อสู้ทันที

 

หลังจากผ่านไปหลายรอบ เมืองฮัวเฟิงชนะการแข่งขันทั้งหมดขณะที่เมืองไหมเหล็กแพ้ทั้งหมด

 

เจ้าเมืองฮัวเฟิงหัวเราะพลางดื่มสุราอย่างลวกๆ ด้านเจ้าเมืองไหมเหล็ก นางมีสีหน้าเคร่งขรึมและรู้สึกหนักใจ ‘เจ้าเมืองฮัวเฟิงเตรียมตัวมาดีจริงๆ หากยังเป็นเช่นนี้ เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมืองไหมเหล็กจะถูกกดดันอย่างหนักโดยเมืองฮัวเฟิง’

 

“เหลือการแข่งขันอีกรอบเดียว เจ้าเมืองไหมเหล็กโปดรส่งตัวแทนของท่านออกมา” เจ้าเมืองฮัวเฟิงเร่งเร้า

 

เจ้าเมืองไหมเหล็กก่นเสียงเย็นและกวาดตามองมนุษย์ขนกลุ่มหนึ่ง

 

มนุษย์ขนกลุ่มนี้ลอบหลั่งเหงื่อเย็นเยียบเพราะตระหนักถึงสถานการณ์และรู้สึกถึงภาระอันหนักหน่วง

 

ในความเป็นจริงไม่ใช่เพียงพวกเขาที่รู้สึกไม่มั่นใจ กระทั่งเจ้าเมืองไหมเหล็กก็ไม่มั่นใจในตัวพวกเขา

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อาวุโสของเมืองไหมเหล็กส่งข้อความไปยังเจ้าเมืองอย่างลับๆ “ท่านเจ้าเมือง ข้ารู้จักคนผู้หนึ่งที่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงของเรา”

 

เจ้าเมืองไหมเหล็กดีใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางเร่งถามว่าเป็นผู้ใด

 

ผู้อาวุโสตอบ “ท่านเจ้าเมืองลืมไปแล้วเช่นนั้นหรือว่าท่านพึ่งซื้อทาสมนุษย์มาเมื่อเร็วๆนี้ เขามีการบ่มเพาะระดับห้า”

 

เจ้าเมืองตกตะลึงและแสดงออกด้วยความขมขื่นก่อนจะถ่ายทอดเสียงกลับไป “นี่ไม่เหมาะสม! การแข่งขันของข้ากับเจ้าเมืองฮัวเฟิงเป็นเรื่องเปิดเผยและยุติธรรม มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเรา หากข้าส่งทาสมนุษย์ออกไป มันไม่เป็นไรหากเขาแพ้ แต่หากเขาชนะ เขาจะถูกส่งตัวเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ หากราชาเห็นเมืองไหมเหล็กของข้าส่งมนุษย์เป็นตัวแทน เขาจะไม่ตำหนิข้างั้นหรือ?”

 

ผู้อาวุโสคนเดิมหัวเราะ

 

เขารู้ว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของเจ้าเมืองเท่านั้น

 

ความจริงก็คือเจ้าเมืองไหมเหล็กไม่เต็มใจ

 

ทาสมนุษย์นามว่า ฟางหยวน พักค้างแรมกับเจ้าเมืองทุกคืนตั้งแต่เขาถูกซื้อตัวมา เรื่องนี้ทำให้ตัวตนระดับสูงของเมืองรู้สึกไม่มีความสุขมากนัก

 

ผู้อาวุโสกล่าวต่อ “ท่านเจ้าเมืองอย่าได้กังวล ราชาองค์ปัจจุบันเป็นคนใจกว้าง เขาสนใจเพียงความสามารถ ผู้ช่วยของเขาก็มาจากเผ่ามนุษย์หิมะและเผ่ามนุษย์วิหค ท่านเจ้าเมือง หากท่านส่งฟางหยวนออกไปและเขาแพ้ เขาจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด แต่หากเขาชนะ ชื่อเสียงของพวกเราจะถูกกู้คืนและเขาจะถูกส่งตัวเข้าสู่การแข่งขันใหญ่ ผู้ใดจะรู้หากองค์ราชาชื่นชอบเขา ท่านเจ้าเมืองอาจกลายเป็นสหายสนิทขององค์ราชา”

 

“ฮืม เอาล่ะ!” เจ้าเมืองถอนหายใจ “ข้าจะละเลยเรื่องสำคัญที่สุดได้อย่างไร?”

 

แม้เจ้าเมืองไหมเหล็กจะไปหาฟางเจิ้งทุกคืนและหลงไหลในตัวเขา แต่นางก็เป็นเจ้าเมืองที่ใฝ่หาพลังอำนาจ

 

ด้วยเหตุนี้นางจึงเรียกฟางเจิ้งออกมา

 

‘เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า!’ หัวใจของเจ้าเมืองฮัวเฟิงสั่นสะท้านขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฟางเจิ้ง

 

แต่ภายนอกเขายังเผยรอยยิ้มบาง “รอบนี้ฝ่ายของข้าจะเป็นผู้ตั้งกฎการแข่งขัน ในรอบก่อนหน้า พวกเราแข่งขันกันด้วยความแข็งแกร่ง แต่พวกเราไม่ควรละเลยแก่นแท้ของเผ่าพันธุ์ ดังนั้นรอบนี้เราจะแข่งขันด้านการหลอมรวมวิญญาณ”

 

ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ เจ้าเมืองไหมเหล็กแทบพุ่งเข้าทุกตีเขาด้วยความโกรธ

 

ผู้อาวุโสของเมืองไหมเหล็กมองเจ้าเมืองฮัวเฟิงด้วยความไม่พอใจ

 

แต่เจ้าเมืองฮัวเฟิงเป็นเจ้าเมืองมาหลายปี เขาไม่สะทกสะท้านและไม่สนใจสายตาเหล่านี้

 

เจ้าเมืองไหมเหล็กไม่สามารถตำหนิเขาเนื่องจากกฎถูกตั้งไว้ล่วงหน้า ดังนั้นนางจึงโบกมือเรียกฟางเจิ้ง “ไปแสดงความสามารถทั้งหมดของเจ้า จำไว้ว่าเจ้าต้องชนะไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยสิ่งใดก็ตาม หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

 

ฟางเจิ้งต้องการเพียงความตาย แต่ในฐานะทาส เขาอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าเมืองไหมเหล็กและไม่สามารถตายได้แม้จะต้องการมากเพียงใดก็ตาม

 

คำขู่ของเจ้าเมืองไหมเหล็กทำให้ฟางเจิ้งรู้สึกราวกับมันเป็นรูปแบบหนึ่งของการปลดปล่อยตนเอง

 

เขาคิด ‘ข้ายังต้องการมีชีวิตอยู่หรือไม่? ข้าอาจยอมแพ้และรับความตาย?’

 

แต่ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้นในใจของเขา ‘คนโง่! อัจฉริยะที่แท้จริงต้องสามารถก้มศีรษะและลดทิฐิลงในบางครั้ง หากเจ้ามีความกล้า จงแก้แค้นและลบล้างความอัปยศของตนในอนาคต! กำจัดศัตรูทั้งหมดและส่งคืนความอัปยศนับล้านเท่าให้กับพวกเขา! นี่คือการกระทำของอัจฉริยะที่โดดเด่น!’

 

“ผู้ใด?” ฟางเจิ้งตกใจและกรีดร้องออกมา

 

อีกด้านหนึ่ง ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนคนสุดท้ายของเจ้าเมืองอัวเฟิงกำลังก้าวขึ้นบนลานประลอง

 

เขาคิดว่าฟางเจิ้งกำลังคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงผายมือออก “ข้าคือเหมาซือปา!”

 

ฟางเจิ้งไม่สามารถตอบสนอง

 

ตอนนี้เขาได้รับอิสรภาพกลับคืนและสามารถใช้วิญญาณได้หลายดวงแต่เสียงในใจของเขากลับปรากฏขึ้นก่อนจะหายไปอย่างลึกลับโดยที่เขาไม่สามารถตรวจสอบ

 

“ฮืม เจ้ากล้าฉีกหน้าข้างั้นหรือ?” เหมาซือปาโกรธมากกับการนิ่งเฉยของฟางเจิ้ง

 

เขาตั้งใจแนะนำตนเองแต่ฟางเจิ้งกลับไม่สนใจราวกับเขาสูงส่งและแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะแนะนำตัวเองต่อเหมาซือปา

 

‘เหตุใดคนผู้นี้ต้องโกรธ?’ ฟางเจิ้งตกใจเมื่อเห็นการแสดงออกของเหมาซือปา

 

เนื่องจากความเข้าใจผิด การแข่งขันจึงเริ่มขึ้นด้วยความเกลียดชัง

 

เหมาซือปาเป็นผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองฮัวเฟิง เขาไม่เพียงเชี่ยวชาญในการต่อสู้ด้วยดาบแต่ยังมีทักษะในด้านการหลอมรวมวิญญาณที่ไม่ธรรมดา

 

ในทางตรงข้ามแม้ฟางเจิ้งจะได้รับการฝึกฝนมาจากนิกายกระเรียนอมตะและบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส แต่เขามีความรู้ด้านการหลอมรวมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

นี่ทำให้เหมาซือปากลายเป็นผู้นำในการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้น

 

ในช่วงกลางของการแข่งขัน เหมาซือปาทิ้งฟางเจิ้งไว้ข้างหลังและสร้างช่องว่างขนาดใหญ่

 

ในช่วงสุดท้ายทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ไม่มีผู้ใดคิดว่าฟางเจิ้งจะสามารถพลิกสถานการณ์

 

กระทั่งฟางเจิ้งก็คิดเช่นเดียวกัน

 

‘ข้าแพ้แล้ว หากต้องตายก็ปล่อยมันไป’ ฟางเจิ้งลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

 

‘ไร้สาระ!’ เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายเดิมดังขึ้นอีกครั้ง

 

ฟางเจิ้งตกใจ มือของเขากระตุกและทำให้ควันลอยขึ้นจากตัวอ่อนของวิญญาณที่อยู่ในมือ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าเมืองฮัวเฟิงหัวเราะ

 

ขณะที่การแสดงออกของเจ้าเมืองไหมเหล็กกลายเป็นน่าเกลียด

 

เสียงในใจของฟางเจิ้งกล่าวต่อ ‘บุรุษที่แท้จริงจะยอมแพ้ต่อความล้มเหลวเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร?’

 

‘เจ้า…เจ้าคือ…ฟางหยวน!?’ ฟางเจิ้งจำเสียงสายนี้ได้ในที่สุด

 

‘ฮ่าฮ่า ร่างหลักของข้าตายไปแล้วแต่เจตจำนงของข้ายังอยู่ในใจของเจ้า ในฐานะน้องชายคนเดียวบนโลกใบนี้ของข้า เจ้าไม่คิดจะพัฒนาตนเอง เจ้าไม่ต้องการแก้แค้น ข้าไม่สามารถทนเห็นสิ่งนี้!’ ฟางหยวนกล่าวด้วยความโกรธ

 

ฟางเจิ้งตะโกนตอบ ‘เจ้าตายไปแล้ว เหตุใดยังมาวุ่นวายกับชีวิตของข้า!’

 

ฟางเจิ้งคุ้นเคยกับจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ที่คอยช่วยเขาอย่างลับๆในอดีต ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะโต้ตอบกับเจตจำนงของฟางหยวน ในความเป็นจริงเขากระทั่งรู้สึกคิดถึง

 

มนุษย์ขนที่เฝ้ามองอยู่ไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้และคิดว่าฟางเจิ้งกำลังมึนงงเท่านั้น

 

ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังของฟางเจิ้งและหัวเราะ ‘ตั้งแต่ข้าตาย เหตุใดเจ้าจึงแอบอ้างใช้ชื่อของข้า?’

 

ฟางเจิ้งเงียบ

 

ฟางหยวนกล่าวต่อ ‘เจ้าถูกทรมานและทำให้อับอาย เจ้าปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อจริงของตน นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้ายังมีความรู้สึก ดังนั้นเหตุใดเจ้าไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อพัฒนาตัวเองและทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น? เจ้ารู้สถานการณ์นี้ หากเจ้าชนะ เจ้าจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่และปลดปล่อยตนเองจากความเป็นทาส!’

 

‘ข้าก็อยากชนะ ผู้ใดไม่ต้องการแก้แค้นและกู้คืนอิสรภาพ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!’ ฟางเจิ้งกล่าวด้วยความโกรธเคือง

 

‘ฮ่าฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนหัวเราะ ‘ตราบเท่าที่เจ้าทำตามคำแนะนำของข้า เจ้าจะสามารถเอาชนะเหมาซือปาและประสบความสำเร็จ’

 

ฟางเจิ้งตกตะลึง ‘ครั้งนี้เจ้ามีแผนการใด?’

 

‘ฮืม’ ฟางหยวนก่นเสียงเย็น ‘แม้ข้าจะตายไปแล้วแต่ข้าไม่พอใจ! ข้าต้องการแก้แค้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่สังหารข้า! ตอนนี้เจ้าคือความหวังเดียวในการแก้แค้นของข้า! ไม่ใช่ว่าตอนนี้เจ้าใช้ชื่อของข้าอยู่งั้นหรือ? แก้แค้นให้ข้า!’

 

‘เหตุใดข้าต้องช่วยแก้แค้นให้กับปีศาจที่สังหารคนทั้งตระกูล!?’ ฟางเจิ้งตอบกลับด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

ฟางหยวนตัดบท ‘ไม่มีเวลาทะเลาะกันแล้ว ทำตามคำแนะนำของข้า จุดไฟ ใส่ทองสามชนิดที่แตกต่างกัน จำไว้ ทองคำบริสุทธ์ ทองน้ำแข็ง และทองน้ำตา ใส่พวกมันลงในหม้อตามลำดับ’

 

ฟางเจิ้งกัดฟันแน่น แม้เขาจะไม่ต้องการเชื่อฟังฟางหยวนแต่เพื่อชัยชนะและรักษาชีวิต เขาไม่มีทางเลือก

 

หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาเริ่มหลอมรวมวิญญาณอีกครั้งตั้งแต่แรก!

 

ผู้ชมระเบิดเสียงหัวเราออกมาเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

 

แต่ในไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขากลับไม่สามารถหัวเราะได้อีก ตรงข้ามพวกเขาจ้องมองฟางเจิ้งด้วยความตกใจ

 

เขายกมือขวาขึ้นพร้อมกับวิญญาณดวงหนึ่งภายใต้สายตาของทุกคน

 

“ข้าชนะ!” ฟางเจิ้งประกาศเสียงดัง

 

ห้องโถงกลายเป็นเงียบกริบ

 

กระทั่งคู่ต่อสู้ของเขาเหมาซือปาก็ไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องนี้และจ้องมองด้วยดวงตาว่างเปล่า

 

บรรยากาศกลายเป็นแปลกประหลาด

 

พวกเขาไม่ต้องการยอมรับว่าผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์สามารถเอาชนะผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนในการแข่งขันหลอมรวมวิญญาณ

 

หลังจากไม่นานบางคนจึงเปิดปากกล่าว “ดูนั่น แสงสีรุ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง!’

 

ทุกคนหันหน้าไปยังทิศทางที่ถูกชี้นำและเห็นแสงสีรุ้งส่องสว่างลงมาจากทวีปเมฆา

 

…..

 

“ดูเหมือนเจ้าจะฟื้นตัวแล้ว” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองคนผู้หนึ่งที่อยู่ในแสงสีรุ้งและเผยรอยยิ้มบาง

 

“ถูกต้อง” คนผู้นี้พยักหน้า “ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

 

เขากล่าวก่อนที่แสงสีรุ้งจะเลือนหายไปและเผยตัวตนของเขาออกมา

 

หากฟางเจิ้งเห็นคนผู้นี้ เขาต้องตกใจมาก

 

เพราะคนผู้นี้ก็คือฟางหยวน!

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะ “หากเจ้าต้องการขอบคุณข้า ง่ายมาก เพียงมอบภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาให้ข้า”

 

ฟางหยวนยิ้ม “มอบให้เป็นไปไม่ได้! แต่พวกเราสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยน ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะกล้าจ่าย”

 

“อา…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดหัวเราะอย่างกะทันหัน “นี่…”

 

เขาลังเลและรู้สึกอึดอัดใจมาก

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset