เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้อมตะระดับเก้าที่สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
แล้วตัวตนเช่นนี้จะถูกค้นวิญญาณโดยง่ายได้อย่างไร
เทพปีศาจปล้นสวรรค์บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์และผนึกภูตผีที่สามารถใช้งานได้อย่างถาวรและไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ
แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะไม่มีพลังงานอมตะและวิญญาณอมตะ เขาก็ไม่ควรถูกมองข้าม
ราชันภูเขาม่วงมอบมรดกทั้งหมดของเขาให้ฟางหยวน นี่เป็นกำไรที่เหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปไกลมาก
‘ราชันภูเขาม่วงต้องการช่วยคนเหล่านี้แม้เขาจะไม่ได้กล่าวออกมา เขาอาจกลัวว่าข้าจะสงสัยและไม่ยอมรับของขวัญจากเขา?’
‘เขาทุ่มสุดตัวเพื่อสิ่งนี้’
‘หากข้าสามารถใช้ประโยชน์จากคนเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ พวกเขาจะช่วยข้าได้มาก พวกเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว พวกเขาต้องยอมรับข้าเท่านั้น’
‘เช่นนั้นข้าก็จะพาพวกเจ้าไปด้วย’
ฟางหยวนไม่เคยเป็นคนใจแคบ
เขาเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมายังโลกใบนี้ และหลังจากผ่านประสบการณ์มากมาย เขายิ่งใจกว้างมากขึ้น
ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และนางเสือดำเคยทรยศเขา
แต่แล้วอย่างไร?
ฟางหยวนเข้าใจการกระทำของพวกนางอย่างสมบูรณ์
เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่ในหัวเพียงเสี้ยวพริบตา
เขาเก็บเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงเอาไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
โดยปราศจากวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะ ระดับภัยคุกคามจากเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงแทบเป็นศูนย์
ในอนาคตเว้นเพียงเขาจะไม่มีทางเลือก ฟางหยวนจะไม่มอบวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะให้กับเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงอย่างแน่นอน
สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง ฟางหยวนไม่มีเวลาตรวจสอบกำไรของเขา
เขาเริ่มสื่อสารกับเจตจำนงของราชันภูเขาม่วง
เขาถามเกี่ยวกับวิธีควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่ราชันภูเขาม่วงเคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้
เกราะหวนคืนมีความเสี่ยงสูง อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นตัวเลือกแรกของเขา
ข้อดีของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดคือความเร็วและความสามารถในการทะลวงมิติของมัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีร่างกายแข็งแกร่งมาก
แต่เงื่อนไขแรกของฟางหยวนก็คือการควบคุมมัน
แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะขีดจำกัดชื่อเสียง แต่มันยังไม่ใช่ของเขา เขายืมมันมาจากตระกูลวู นอกจากนั้นมันยังเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันอาจไม่เพียงพอที่จะควบคุมสัตว์อสูรระดับแปด
ในไม่ช้าฟางหยวนก็เรียนรู้วิธีการของราชันภูเขาม่วง
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือเขารู้วิธีการนี้เช่นกัน
นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งทาสและเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล มันเรียกว่า ทาสแปดสิบต่อร้อย
ผู้ที่คิดค้นวิธี้นี้เป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก เขาเกิดมาเป็นทาส เขาใช้ทุกโอกาสที่ได้รับปีนป่านขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต
เขาเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งทาส
ปกติแล้ววิธีบนเส้นทางแห่งทาสจะใช้สถานะที่สูงกว่าปกครองสถานะที่ต่ำกว่า แต่เขากลับทำสิ่งตรงข้าม เขาใช้สัตว์อสูรที่มีสถานะต่ำกว่าปกครองสัตว์อสูรที่มีสถานะสูงกว่า
กองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลตะวันออกครอบครองมรดกนี้เอาไว้ขณะที่เนื้อหาบางส่วนถูกขายให้สมาชิกของพวกเขา
ฉลามปีศาจเคยซื้อส่วนหนึ่งของมรดกนี้และใช้มันควบคุมฉลามนิ้วกาลเวลา
โชคไม่ดีที่เขาถูกกำหราบโดยนางมารผลาญสวรรค์และสุดท้ายพวกเขาทั้งหมดก็ถูกบูชายัญเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ
รากฐานของนิกายเงาลึกมาก ราชันภูเขาม่วงเป็นร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงไม่ได้มีเพียงวิธีเดียวที่สามารถกดขี่สัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่สิ่งที่ราชันภูเขาม่วงมอบให้ฟางหยวนในเวลานี้คือวิธีนี้
‘ท่าไม้ตายอมตะนี้เรียกว่าทาสแปดสิบต่อร้อย’
‘ท่าไม้ตายนี้ไม่ยาก ข้ามีวิญญาณอมตะที่จำเป็นทั้งหมด วิญญาณระดับมนุษย์สามารถซื้อได้จากสวรรค์สีเหลือง ดูหมือน…นิกายเงาจะพัฒนาท่าไม้ตายนี้ขึ้นไปอีกขั้นแล้ว’
‘สิ่งที่ข้าขาดตอนนี้คือสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์’
ความคิดของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็กำลังเติบโตขึ้น
ฟางหยวนเริ่มซื้อสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์จากสวรรค์สีเหลือง
ตลาดสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลในสวรรค์สีเหลืองใหญ่มาก
แต่นกอินทรีย์ค่อนข้างหายาก
ในเวลาเร่งด่วน ฟางหยวนไม่มีทางเลือกมากนัก เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ
เขาประกาศในสวรรค์สีเหลืองว่าเขาต้องการซื้อสัตว์อสูรประเภทนกอินทรีย์ในราคาสูงและยังสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ
สิ่งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
ใช้วิญญาณอมตะซื้อสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล!?
วิญญาณอมตะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและหายากขณะที่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลง่ายที่จะเพาะเลี้ยงและฝึกฝน
เห็นได้ชัดว่าเขาขาดทุน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่สนใจมัน
ในไม่ช้าเขาก็ได้รับความสนใจจากผู้อมตะจำนวนมาก
“ข้ามีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีสายเลือดผสมของอินทรีย์สวรรค์ ท่านมีวิญญาณอมตะชนิดใด?” ผู้อมตะคนแรกถาม
อินทรีย์สวรรค์เลือดผสมไม่ใช่อินทรีย์ธรรมดา มันมีศีรษะเป็นอินทรีย์แต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ มันมีกรงเล็บอันแหลมคมและมีเท้าเป็นเท้าอินทรีย์ แน่นอนว่ามันมีปีก
‘อินทรีย์สวรรค์เลือดผสมอาจมีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด แต่มันก็เป็นอินทรีย์จริงๆ ข้าสามารถใช้งานมันได้’ ฟางหยวนคิดก่อนถาม “ท่านมีอยู่เท่าใด?”
“ข้ามีอินทรีย์สวรรค์เลือดผสมระดับสัตว์อสูรเดียวดายสามสิบสามตัวและมีระดับสัตว์อสูรบรรพกาลเจ็ดตัว” ผู้อมตะคนเดิมตอบกลับ
ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าจะซื้อพวกมันด้วยวิญญาณอมตะระดับหก”
“เพียงวิญญาณอมตะระดับหก? นี่เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลเจ็ดตัว!” ผู้อมตะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ฟางหยวนตะโกน “หากไม่ขายก็หลีกทาง!”
ทัศนคติของผู้อมตะผู้นั้นเปลี่ยนไปทันที “โอ้ อย่าพึ่งโกรธ ข้าจะขาย ข้าจะขายพวกมัน! ข้าจะไม่ขายได้อย่างไร?”
ธุรกรรมเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วและยิ่งสร้างความโกลาหลมากขึ้น
“เขาใช้วิญญาณอมตะซื้อสัตว์อสูรจริงๆ? นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
“มีบางสิ่งผิดปกติกับสมองของเขา! อินทรีย์สวรรค์เลือดผสมเหล่านั้นยังไม่เพียงพอสำหรับความพยายามสิบครั้งในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหก”
การหลอมรวมวิญญาณอมตะยากเกินไป มันมีโอกาสสำเร็จต่ำมาก
สิบครั้งอาจดูมาก แต่ในความเป็นจริง ผู้อมตะต้องใช้ความพยายามมากว่าห้าสิบหรือหกสิบครั้งเพื่อหลอมรวมวิญาณอมตะ
“มันไม่ใช่การหลอกลวง? คนผู้นี้กำลังมีปัญหาบางอย่าง?” ผู้อมตะบางคนสงสัย
“นี่คือสวรรค์สีเหลือง ผู้ใดจะสามารถหลอกลวง? แสงสมบัติเป็นของจริง”
“ถึงคราวของข้าแล้ว ข้ามีอินทรีย์สีรุ้งมากกว่าร้อยตัว” คนต่อไปเริ่มเจรจา
อินทรีย์สีรุ้งมีขนาดค่อนข้างเล็กและเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย ไม่เคยมีอินทรีย์สีรุ้งระดับสัตว์อสูรบรรพกาลปรากฏขึ้นมาก่อน
อินทรีย์สีรุ้งไม่แข็งแกร่ง พวกมันชอบไล่ตามสายรุ้ง สิ่งเดียวที่พวกมันมีคือความเร็วที่โดดเด่น
“เอาล่ะ วิญญาณอมตะระดับหกดวงนี้จะเป็นของเจ้า” ฟางหยวนพร้อมซื้อ
ผู้ขายถาม “เราสามารถเปลี่ยนเป็นวิญญาณอมตะดวงอื่นหรือไม่? ข้าใช้ความพยายามนานกว่าร้อยปีเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน”
ทัศนคติของฟางหยวนยังมั่นคง “หากไม่แลกเปลี่ยนก็ไปซะ!”
“ไม่ ไม่ ไม่”
“จะแลกเปลี่ยนหรือไม่?”
“แลก แลก แลก!”
ฟางหยวนพยักหน้าและถอนหายใจ “หากข้าไม่ต้องการนกอินทรีย์อย่างเร่งด่วน พวกเจ้าจะได้รับผลประโยชน์เหล่านี้งั้นหรือ? เร็วเข้า นำวิญญาณอมตะไปและส่งสินค้ามา เวลาของข้ามีค่ามาก”
จากนั้นผู้อมตะทั้งหมดจึงเริ่มเรียกฟางหยวนว่าผู้อาวุโส
ความโกลาหลในสวรรค์สีเหลืองดึงดูดความสนใจของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาค
แน่นอนว่าท่ามกลางพวกเขามีวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน
สวรรค์สีเหลืองรักษาความเป็นกลางเสมอ ไม่มีผู้ใดรู้ตำแหน่งที่ตั้งของมัน และไม่มีผู้ใดมีอิทธิพลเหนือมัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ ฟางหยวนสามารถรวบรวมสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์ได้เป็นจำนวนมาก
แต่เขาก็ต้องจ่ายด้วยวิญญาณอมตะระดับหกสามดวงและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดอีกหนึ่งดวง
นอกจากนั้นเขายังสามารถรวบรวมวิญญาณระดับมนุษย์ที่จำเป็นทั้งหมด
ฟางหยวนเริ่มกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย
แม้เขาจะไม่สามารถเสียเวลาแม้แต่วินาทีในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เขายังระมัดระวังมากในความพยายามครั้งแรก
“พรวด!”
เขากระอักเลือดออกมาและล้มเหลว
บุรุษคนก่อนหน้า!
ฟางหยวนฟื้นตัวขึ้นทันที
เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยอีกครั้ง
ล้มเหลว!
หลังจากล้มเหลวสามครั้ง เขาก็ประสบความสำเร็จในครั้งที่สี่
แสงสว่างขึ้นบนร่างของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
มันเงยหน้ากรีดร้องก่อนจะก้มศีรษะยอมจำนนต่อฟางหยวน
“สำเร็จ!” ฟางหยวนยังไม่ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขขณะที่ไห่ลั่วหลันส่งเสียงมา “เร็วๆนี้ข้าจะสูญเสียการควบคุมค่ายกลวิญญาณ!”
ฟางหยวนกัดหันแน่น เขาปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาทันที
“อย่าคิดว่าสามารถหลบหนี!” เสียงที่แฝงความผิดหวังของเทพธิดาจื่อเว่ยดังขึ้น
ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงาภายใต้จมูกของนางและยังพยายามหลบหนีโดยไม่แยแสการคงอยู่ของนางแม้แต่น้อย
แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับนำเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงออกมาพร้อมกับวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะ
“ฟางหยวน จำสิ่งที่ข้าบอกเจ้าให้ดี รีบไป” เจตจำนงของราชันภูเขาม่วงกล่าวก่อนจะส่งท่าไม้ตายอมตะพุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณ
ในเวลาต่อมาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็นำฟางหยวนและคนอื่นๆทะลวงห้วงมิติออกไปจากค่ายกลวิญญาณ
ด้วยการกระพือปีกเพียงครั้งเดียว มันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ด้วยการกระพือปีกครั้งที่สอง มันกลายเป็นจุดเล็กๆที่ขอบฟ้าและหายไปจากมุมมองสายตาของทุกคน