มันเป็นวันจันทร์วันแรกของสัปดาห์
ผมก็อ้าปากหาวขณะที่กำลังเตรียมตัวสำหรับวันนี้อยู่
แล้วก็นะเมื่อตอนวันอาทิตย์ผมทำอะไรน่ะเหรอ?
ผมพักจากกิจกรรมชมรม 1 วันและกลับบ้านเพื่อจัดข้าวของแล้วก็แน่นอนว่าก็งานหยาบพอตัวเลยเพราะการมานั่งจัดระเบียบพวกสิ่งของที่ต้องใช้มันก็กินเวลาค่อนข้างนานพอสมควร
ผมรวบรวมพวกเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่ลงในลังกระดาษส่วนข้าวของที่เหลือก็จัดการโดยผู้รับเหมาและฮิโตสึบะซังหรือก็คือคุณแม่ของคาเอเดะซากุราโกะซังนั่นแหละ
“เหลือแค่กระเป๋าใบเดียวที่เหลือทิ้งไว้โดยคนที่ทิ้งลูกชายคนเดียวแล้วหนีไปต่างประเทศ ถ้าเป็นชั้นล่ะก็ชั้นคงเอาไปทิ้งแล้วล่ะ ยังไงเดี๋ยวชั้นจะจัดการดูแลให้เองก็แล้วกันเพราะยังไงก็ต้องเก็บของที่ระลึกสำหรับการแต่งงานของเธอกับคาเอเดะล่ะนะ”
“คือก็มีเรื่องที่อยากจะบอกอยู่…..”
ผมตอบกลับไปอย่างแห้งๆ
ก็นะ เพราะทั้งพ่อและแม่ของผมมันทั้งบ้าแถมงี่เง่ากันทั้งคู่
พวกเขาชอบมาดูการแข่งบอลของผมอยู่บ่อยๆเพื่อคอยให้กำลังใจผมขณะที่ถ่ายรูปและคลิปวิดีโอไว้ด้วย
แน่นอนผมก็ยังเก็บอัลบั้มไว้เยอะแยะรวมถึงพวกรูปถ่ายสมัยเด็กของผมด้วย
และก็ขอพูดตามตรงเลยนะว่าผมค่อนข้างอายที่จะต้องให้คุณแม่ของคาเอเดะจัดการข้าวของพวกนั้น
“ไม่ยุติธรรมเลยค่ะที่มีแต่คุณแม่ที่ได้สนุกอยู่คนเดียวน่ะ! ขอร้องล่ะค่ะให้หนูได้ดูบ้างสิคะ! ห้ามเก็บไว้เองคนเดียวหรือหลงรักยูยะคุงวัยเด็กเด็ดขาดเลยนะคะ!”
“ตอนนี้ลูกเองก็อยู่กับยูยะคุงอยู่แล้วนี่ ลูกจะรักหรือได้รับความรักจากเขาได้ตามต้องการเลยก็นี่นา? แต่แม่ทำอย่างนั้นไม่ได้นี่ลูกก็รู้ เพราะอย่างนั้นลูกก็จินตนาการเอาเองก็แล้วกันนะ!”
“คุณแม่จะทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ! ยูยะคุงคือยูยะคุงของหนู! เพราะงั้นหนูก็เลยถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในทุกๆภาพถ่ายของยูยะคุงแม้แต่รูปตอนเขายังเด็กก็ตาม คุณแม่น่ะควรไปจู๋จี๋อยู่กับคุณพ่อนู่น!!”
ผมอยากจะบอกพวกเธอเหลือเกินว่าสิทธิ์ในภาพถ่ายพวกนั้นมันเป็นของผมนะครับ
แต่ผมก็ไม่ได้มีอารมณ์จะทำอะไรแบบนั้น
ฟังจากการพูดคุยกันแล้วผมเองก็ไม่แน่ใจว่าซากุราโกะซังเธอเป็นคนประเภทคลั่งรักโชตะรึเปล่า? ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ มาลองจินตนาการว่าถ้าหากผู้หญิงนิสัยเฉียบแหลมคนแถมยังสตรองสุดๆอย่างซากุราโกะซังมาคอยเอาอกเอาใจผมอย่างอ่อนโยนแล้ว
รสนิยมทางเพศผมน่าจะบิดเบี้ยวไปไม่น้อยเลยล่ะ
“อ้าวๆ เป็นอะไรไปคะยูยะคุง? หรือเธอกำลังจินตนาการอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
“ยูยะคุง! ไม่ได้นะคะ! จะไปจินตนาการกับคุณแม่ของชั้นไม่ได้นะคะ! เธออาจะดูใจดีแต่ธาตุแท้ของเธอคือยัยแม่มดจอมเจ้าเล่ห์เหมือนกับงูพิษเลยนะคะ! ชั้นจะพยายามค่ะ! แล้วสิ่งที่นายจะต้องทำมีแค่มองมาที่ชั้นแค่คนเดียวก็พอค่ะ็พอค่ะ!!”
“โธ่ ขืนลูกไปบีบบังคับเขาตั้งแต่วันที่ 2 ที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็หมดอาลัยตายอยากในตัวลูกเอาพอดี แล้วว่ายังไงล่ะจ้ะยูยะคุง? หลังจากนี้ไม่อยากมาลิ้มลองเสน่ห์ของสาวใหญ่ดูบ้างเหรอจ้ะ? ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะจ้ะ เดี๋ยวจะรูดซิบปากเก็บเป็นความลับจากสามีของชั้นให้เอง”
แล้วคาเอเดะก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายพร้อมกับกระทืบเท้าอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ส่วนซากุราโกะซังเธอคิดอะไรของเธออยู่ล่ะนั่น?
ก็เห็นๆอยู่แหละว่าเธอแค่พูดล้อเล่นไปงั้นหรือว่าเธอแค่สนุกกับการแหย่คาเอเดะเล่นอย่างงั้นเหรอ? งั้นก็พอมีเหตุผลอยู่
การแกล้งผู้หญิงที่พึ่งตกหลุมรักเป็นครั้งแรกแล้วสนุกไปกับการตอบสนองของเธอและในขณะเดียวกันนี่เธอก็กำลังทดสอบผมไปด้วยรึเปล่านะ?
“เป็นข้อเสนอที่ยั่วยวนมากเลยครับ แต่ผมก็คงจะต้องขอปฏิเสธอย่างสุภาพล่ะครับ ผมมันคนตรงไปตรงมานอกจากนี้ผมเองก็คงไม่อาจขัดต่อความกตัญญูที่มีให้คุณที่มาช่วยตามล้างตามเช็ดก้นผมกับเรื่องหนี้ของพ่อแม่ผมได้หรอกครับ”
“ยูยะคุง……..วิเศษที่สุดเลยค่ะ”
ไหงเธอถึงจ้องมาพร้อมกับเอามือไปจับแก้มแดงๆของตัวเองกันล่ะเนี่ยคาเอเดะ?
ผมบอกแค่ว่าตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมา ยังไม่ทันได้บอกว่าชอบเธอสักหน่อย
“โถ่……นี่แม่แพ้พนันครั้งนี้อย่างนั้นสินะเนี่ย? เธอแสดงให้ชั้นเห็นแล้วว่าจริงๆควรจะต้องทำอะไรยังไงยูยะคุง ยากที่จะเชื่อเลยนะเนี่ยว่าเธอเป็นลูกชายของโคทาโร่น่ะแต่ถ้าเอาไปเทียบกับหมอนั่นสมัยเรียนแล้วเธอน่ารักกว่าเยอะเลยล่ะจ้ะ…..เอาล่ะ งั้นไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะจ้ะ”
เฮ้ยๆ! ไอ้พ่อเฮงซวย! สมัยเรียนไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้อีกล่ะเนี่ย?
แววตาของซากุราโกะซังดูมีความเกลียดชังโผล่ขึ้นมาชั่วครู่นึง
“คาเอเดะ อย่าได้ปล่อยยูยะคุงหลุดมือไปเป็นอันขาดนะ เขาเป็นเด็กผู้ชายที่อ่อนโยนแถมเป็นสุภาพบุรุษซึ่งหาตัวได้ยากมากในทุกวันนี้ เขาจะคอยดูแลลูกเอง”
“หนูรู้ค่ะ หนูจะทำให้เขาเป็นเชลยรักของหนูให้ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม!”
นี่พวกคุณเธอช่วยพูดเรื่องนี้กันตอนที่ผมไม่ยืนหัวโด่เด่อยู่ตรงนี้จะได้ไหมครับ?
แล้วผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าคุณกำลังพยักหน้างกๆกับเรื่องอะไรน่ะซากุราโกะซัง
ส่วนคาเอเดะที่เธอพูดว่าถ้าจำเป็นก็จะใช้ทุกวิธีทางนั่นเธอกำลังวางแผนจะทำอะไรมิทราบ?
เป็นไปได้ผมก็เธอมาแบบสงบสุขหน่อยก็แล้วกันนะครับ
“ไอเดียใช้ได้เลยนี่คาเอเดะ ลูกจะต้องยั่วยวนยูยะคุงไม่ว่าจะทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ส่วนเทคนิคที่ลูกจะต้องทำน่ะก็คือ……….”
“สต๊อปปปุ!! นี่คุณกำลังพยายามจะบอกอะไรลูกสาวของตัวเองครับเนี่ย!? ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวของคุณเองเถอะนะครับ!!”
ไม่ได้! ไม่ได้! เธอเป็นลูกสาวของคุณส่วนคุณก็เป็นแม่ของเธอนะ!
ตัดสินจากวิธีการที่เธอพูด
ซากุราโกะซังเธอค่อนข้างที่จะช่ำชองและเป็นมือโปรเรื่องเทคนิคการยั่วยวนอะไรเทือกนั้นแล้วถ้าเกิดความรู้พวกนั้นถูกคนฉลาดหัวดีอย่างคาเอเดะเรียนรู้จนช่ำชองแล้วล่ะก็
ผมคงต้องยอมศิโรราบแหงๆ
แบบว่าแห้งแน่ๆในหลายๆความหมายน่ะ……..
“ฮึ่ม……แล้วจะมาขัดจังหวะพวกเรากันทำไมล่ะคะยูยะคุง? นี่อาจจะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะทำให้เป็นค่ำคืนที่เร่าร้อนก็ได้นะคะ…..”
“เอ่อ…..จริงสิ เป็นการดีเลยที่ทั้งคู่จะได้ลองใช้ไอ้เจ้าสิ่งนี้ด้วยกัน แบบนี้พวกเธอทั้งคู่ก็น่าจะสนุกไปกับมันได้แถมรักกันมากยิ่งขึ้นด้วย”
ซากุราโกะซังพูดต่อขณะที่ตบบ่าของคาเอเดะที่ร้องไห้น้ำตาซึมออกมา
“แต่แม่ก็ยินดีกับลูกด้วยนะคาเอเดะ กับการที่ยูยะคุงที่เป็นคนตรงไปตรงมายังยอมรับลูกได้ถึงแม้ว่าลูกจะไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ก็ตาม พวกลูกเองก็ต้องพยายามกันหน่อยล่ะ ตอนที่ลูกติดแหงกกับชีวิตแม่ยังสามารถสอนเทคนิคของแม่ให้ได้นะ……….ไม่เป็นไรหรอกนะ คาซุฮิโระซังเองก็ ‘ผงาด’ กับเทคนิคนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นยูยะคุงจะต้องประทับใจแน่ๆจ้ะ”
คาซุฮิโระซังที่ว่า งั้นนี่พ่อตาของผมก็โดนเอามาขายอยู่เรอะ?
ก็นะ ผมก็พอเข้าใจว่าคุณเองก็คงจะไม่อาจต้านทานได้ถ้าเกิดว่าผู้หญิงสวยๆอย่างซากุราโกะซังเป็นคนรุกก่อนล่ะนะ
แต่การที่จะทำให้คนอย่างคาเอเดะมาทำตามใจผมมันก็ค่อนข้างที่จะ……..
“หืมมม แม่คิดว่ายูยะคุงน่ะเขาน่าจะเป็น M แต่ไปๆมาๆก็ดูเหมือนจะมีองค์ประกอบของ S อยู่ภายในตัวเขาอยู่ด้วย หรือเอาเข้าจริงๆบางทีพออยู่บนเตียงเขาอาจจะเป็นแนวชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ก็ได้ คาเอเดะลูกจะต้องพยายามเข้าล่ะ เข้าใจไหม?”
(TL NOTE : S,M ย่อมาจาก Sadistic = พวกชอบใช้ความรุนแรง ส่วน M = Masochistic = พวกที่มีความสุขเวลาโดนใช้ความรุนแรง)
“ค่ะ! ยูยะคุงชั้นจะพยายามทำให้ดีที่สุดเลยนะคะ!”
ผมทำได้แต่เพียงพยักหน้าพร้อมกับใบหน้าที่กระตุก
ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะซากุราโกะซังรึเปล่านะ?
แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีประตูบานใหม่บานหนึ่งเปิดอ้าต้อนรับผม