มันเป็นเช้าวันจันทร์วันหลังจากที่คุณแม่ของคาเอเดะได้เปิดประตูบานใหม่ให้กับผม
เวลา 7.50 น.และสถานที่ก็คือห้องเรียนห้องปี 1 ห้อง 4
ผมก็ต้องประสบพบเจอกับปัญหาใหญ่
ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนผมก็ถูกจ้องมองอย่างเป็นที่สนใจรวมทั้งเป็นที่อิจฉาและเกลียดชัง เอาจริงๆหัวใจของผมเต้นรัวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ
“อรุณสวัสดิ์ยูยะ รู้สึกไงบ้างล่ะที่ได้เป็นดาวเด่นของวันนี้น่ะ?”
ทันทีทันใดที่ผมไปถึงที่นั่งของตัวเองเพื่อนสนิทของผม ‘ฮิงุเระ ชินจิ’ ก็เรียกทักผม
ชินจิอยู่ในทีมฟุตบอลทีมเดียวกันกับผมและเป็นเพื่อนซี้ที่สุดเวลาที่อยู่ในสนาม
ด้วยความที่ตัวสูงเพียงแค่ 165 ซ.ม. เขาก็ตัวเล็กไปหน่อยสำหรับนักฟุตบอลแต่ถ้าเป็นเรื่องการจ่ายบอลที่มีลูกเล่นสร้างสรรค์จากฝีเท้าของเขานั่นก็เป็นอะไรที่เพอร์เฟคแล้วสำหรับผม
รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นหนุ่มน่ารักอ่อนโยนของเขาประกอบกับบุคลิกที่ดูเป็นมิตร
ทำให้เขากลายเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆในฐานะของเจ้าตูบน้อยล่ะนะ
และตอนที่เขาเข้าโรงเรียน ม.ปลายมาในทีแรก เขาก็ถูกสาวๆหลายคนเข้าหาไม่ว่าจะทั้งพวกเพื่อนร่วมชั้นเอยหรือจะเป็นพวกรุ่นพี่เอยแต่เจ้าหมอนี่ก็ปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดเลย
นั่นก็เพราะว่าเขามีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบแถมตอนนี้ก็กำลังคบหากับเธออยู่ด้วย
“อรุณสวัสดิ์ชินจิ ก็นะถ้าจะให้ชั้นอธิบายสถานการณ์ของชั้นด้วยคำๆเดียวมันก็คงจะเป็น “นรกชัดๆ” ล่ะนะ”
“เอาเถอะ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ นายจะยังจะคาดหวังอะไรได้อีกล่ะในเมื่อได้มาโรงเรียนพร้อมกันกับฮิโตสึบะ คาเอเดะน่ะ ไม่ใช่ว่านายควรที่จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับสถานการณ์แบบนี้หรอกเรอะ?”
“…..เงียบไปเลย! ชั้นก็บอกเธอไปตั้งหลายรอบแล้วว่าทำแบบนี้มันคงไม่ดีแหงๆ แต่คาเอเดะก็เล่นไม่ฟังกันเลย แล้วถ้าชั้นไม่ยอมแพ้หล่อนก็จะบีบน้ำตาเข้าสู้อีก……..”
ไม่นะ นี่ผมเผลอจำเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดไปโดยไม่รู้ตัวตอนที่ผมออกจากบ้านมา
และผมก็โพล่งมันออกไปแล้วตอนนี้รู้สึกว่าเลือดของผมมันไหลมากองกันอยู่ตรงใบหน้าซะแล้ว
“อ่าๆ งั้นหรอกเหรอ ถ้างั้นนายก็ควรจะคาดหวังไว้ได้เลยยูยะ”
เสียงอันตะลึงงันของชินจิได้ทิ่มแทงผมและทางรอดเดียวที่จะช่วยให้รอดพ้นไปได้นั่นก็คือการที่ทุกคนที่ก็ให้ความสนใจแต่ก็ยังลังเลที่จะฟังดีไหมอยู่
นี่แหละที่จะทำให้ผมผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องตอบคำถามใดๆอีกจนกว่าจะถึงเสียงระฆังโฮมรูมของช่วงเช้า คิดว่านะ……..
“เน่ๆ โยชิ! จริงรึเปล่าที่ว่านายกับคาเอเดะจังน่ะเริ่มคบกันแล้วน่ะ!?”
แต่ก็มีคนอื่นได้ทำลายความสงบจิตสงบใจและความหวังของผมไปจนสิ้น
“…..ไปได้ยินมาจากใครมาน่ะ โอสึกิซัง?”
“ก็ต้องจากปากของคาเอเดะจังแหงอยู่แล้วน่ะสิ ช่วงหลังเลิกเรียนของวันศุกร์ที่แล้วเธอพูดกับชั้นว่า ‘ชั้นน่ะนะจะสารภาพความรู้สึกกับโยชิสุมิคุงล่ะ’ แต่ชั้นก็ไม่ได้ยินผลลัพธ์อะไรเลยตั้งแต่นั้นมา แต่ด้วยความวุ่นวายของช่วงเช้าวันนี้ทำให้ชั้นกลับมาสนใจเรื่องนี้อีกน่ะสิ! นายคงไม่ได้ปฏิเสธคำสารภาพรักของคาเอเดะจังสินะ!!”
หญิงสาวที่ดูเหมือนกับลูกบอลพลังงานในขณะที่เธอกำลังหัวเราะไปด้วย
คือเพื่อนร่วมชั้นของคาเอเดะ ‘โอสึกิ อากิโฮะ’ เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ตัดผมบ๊อบทำให้เธอดูเหมือนกับโลลิถูกกฏหมายแต่ถึงอย่างนั้นขนาด ‘หน้าอก’ ของเธอนั้นก็อาจจะใหญ่เทียบเท่าหรือไม่ก็ใหญ่กว่าของคาเอเดะเลย
“อากิโฮะ อีกเดี๋ยวโฮมรูมจะเริ่มแล้วนะ เธอไม่ควรมาอยู่ในห้องของพวกเรานะรีบๆกลับไปได้แล้ว”
“บูววว…….ชินคุงคนบ้า ชินคุงไม่ได้อยากที่จะอยู่กับชั้นหรอกเหรอ?”
“ไม่เอาหน่า มันก็ต้องอยากอยู่แล้วน่ะสิ แต่ถ้าเธอไม่รีบกลับไปล่ะก็มีหวังโดนอาจารย์โกรธเอานะ”
ผมถอนหายใจออกมาเมื่อได้เห็นการจู๋จี๋กันอย่างหวานแหววอย่างกระทันหัน
ระหว่างชินจิกับโอสึกิซังพร้อมกับมีเครื่องหมายรูปหัวใจประกอบมากกว่าปกติ
ใช่แล้ว คนที่ชินจิหลงรักตั้งแต่แรกพบเลยก็คือ โอสึกิ อากิโฮะ และเธอก็ตกหลุมรักชินจิตั้งแต่แรกเห็นเหมือนกัน
ตอนนี้พวกเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่รักงี่เง่าตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน
“ถ้าจะทำอะไรแบบนี้ก็ช่วยไปทำที่อื่นที่เถอะ ไอ้พวกบ้า ชั้นทนดูพวกนายทั้งคู่มาสวีทกันยามเช้าไม่ได้จริงๆ”
“อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย! ชั้นไม่อยากให้ไอ้คู่สามีภรรยาที่เดินควงแขนสวีทกันมาโรงเรียนเมื่อเช้ามาพูดอย่างนี้ใส่หรอกนะ”
“ใช่แล้วๆ ยูยะ นายนี่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองซะงั้น แต่นายน่าจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดเท่าที่ชั้นเคยเห็นมาแล้วล่ะนะ พวกนายดูเป็นคู่รักมากกว่าคู่เราซะอีก”
ชินจิและโอสึกิซังก็ป่าวประกาศออกมาว่าผมและคาเอเดะเราเป็นคู่รักกัน!
ไม่เลย เป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้มีความสุขเลยสักนิดและจากนั้นผมก็เมินพวกเขา
“-ที่นายพูดตอนที่หนีไปจากชั้นตอนนั้นน่ะ จริงๆแล้วนายไม่ได้ต้องการจะสลัดชั้นออกจริงๆใช่ไหมคะ?”
ผมอายที่จะยอมรับเรื่องนั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้นผมว่าผมได้กลิ่นของคาเอเดะนะ……
และด้วยกลิ่นนี้ทำให้ผมจำได้ว่าร่างกายของเธอนั้นนุ่มนวลและวิเศษสุดๆตอนที่เราจับมือกัน
ใช่ ผมไม่ได้อยากจะสลัดเธออกเลยสักนิด
“ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ…….ก็ช่วยบอกกันหน่อยสิคะ ชั้นพร้อมที่จะยอมนายทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะยูยะคุง ถ้าหากว่านายอยากล่ะก็ไว้คืนนี้มาเล่นสนุกกับร่างกายของชั้นเอาไหมคะ?”
“……..คาเอเดะ เธอจะพูดอะไรอย่างนั้นออกมาที่โรงเรียนไม่ได้นะและผมก็จะไม่ขอไปเล่นสนุกอะไรนั่นด้วย…..แบบว่า…นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไรแต่เช้าเลยเนี่ย?”
ผมเท้าศอกค้ำโดยไม่ตั้งใจเมื่อจู่ๆผมก็ได้ยินเสียงที่โผล่มาจากทางด้านหลัง
ผมก็แค่อยากที่จะโต้ตอบกลับอย่างเหมาะสมเฉยๆแต่ครึ่งนึงผมก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่านั่นคือเสียงของยัยตัวแสบที่ผมได้ยินมาตลอด 2 วันที่ผ่านมาและเมื่อผมหันหลังกลับไปอย่างกลัวๆผมก็เห็นคาเอเดะกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่มีทาง! ไหงเธอถึงถ่อมาที่นี่เองเลยล่ะคาเอเดะ!!
“ชั้นแค่มาหานายเพราะว่ารู้สึกเหงาที่คิดว่าจะไม่ได้เจอคุณแฟนหนุ่มสุดที่รักจนกว่าจะถึงตอนพักเที่ยงน่ะค่ะ มันไม่ดีเหรอคะ?”
“เอาล่ะ ใจเย็นก่อนนะก่อนอื่นเลยผมไม่ใช่แฟนของเธอเพราะผมยังไม่ทันได้ตอบรับคำสารภาพของเธอเลยและผมก็ไม่ได้ชอบการถูกแกล้งด้วย แถมส่วนตัวผมชอบผู้หญิงที่ขี้อายมากกว่า แล้วผมก็ไม่อยากถูกล่อลวงโดยคนที่ชอบเปิดเผยด้วย ไว้ถ้าเข้าใจแล้วก็ค่อยกลับมาใหม่นะครับ”
“……..เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าจะพูดขนาดนี้งั้นคืนนี้ก็เตรียมตัวโดนจัดหนักได้เลยค่ะ! เดี๋ยวชั้นจะกลับไปที่ห้องเรียนแล้วเพราะว่าใกล้จะเริ่มโฮมรูมแล้วค่ะ อากิโฮะจัง”
คาเอเดะหันเดินกลับห้องเรียนไปพร้อมกับโอสึกิซัง
ให้ตายสิ แค่การมาโรงเรียนยังขนาดนี้เอาเถอะอย่างน้อยๆเจ้าหล่อนก็ไม่ได้มาที่ห้องเพื่อประกาศสงครามล่ะนะ
“…..นี่ยูยะ ชั้นขอถามอะไรสักอย่างดิ”
“อะไรล่ะชินจิ? ว่ามาสิ”
“ไม่ล่ะ คือชั้นก็รู้ว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ชั้นก็สงสัยจริงๆนะเกี่ยวกับเรื่องนั้นน่ะ…..ยูยะ….นายกับฮิโตสึบะซังได้อาศัยอยู่ด้วยกันรึเปล่า?”
ผมก็นึกถึงบทสนทนาที่พวกเราพูดคุยกันเมื่อกี้ได้และทรุดตัวลงพร้อมกับเอาหัวกระแทกลงบนโต๊ะ
แหงล่ะ! ใครที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้ก็คงจะตีความนึกถึงความเป็นไปได้นั่นชัวร์ๆ
ช่างโง่เขลาเบาปัญญาอะไรอย่างนี้นะตัวผม!!
“อ่า…..ชั้นเข้าใจแล้วๆคงจะมีบางอย่างเกิดขึ้นสินะ เพราะงั้นตอนนี้ชั้นก็……..เสียใจด้วยกับเรื่องปัญหาของนายนะ”
ถ้อยคำแสดงความเห็นอกเห็นใจที่เพื่อนสนิทของผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะลึงงัน
ทำให้หัวใจของผมนั้นแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆนับล้านชิ้น
ช่างเป็นการเริ่มวันใหม่ที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้!
ผมตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงอยู่ภายในใจ