ทันทีที่เริ่มพักเที่ยงผมก็อยากจะโดดหนีออกไปให้พ้นๆจากห้องเรียนเหมือนกับกระต่าย ผมมั่นใจเลยว่าตอนที่ทำกิจกรรมชมรมหลังเลิกเรียนพวกสมาชิกชมรมคนอื่นๆจะเชื่อมโยงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้กับการที่ผมขาดเรียนไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์แล้วก็ไล่จี้ผมเรื่องนู่นนี่นั่นแต่ก่อนหน้านั้นผมจะต้องก้มต่ำให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วก็……
“จะไปไหนเหรอคะยูยะคุง? เราสัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะทานมื้อเที่ยงด้วยกันน่ะ? ชั้นลำบากมากๆในการทำข้าวกล่องมื้อเที่ยงให้นายเลยนะคะนายจะไม่ทานมันสักหน่อยเหรอคะ?…….”
ครับผม ผมโดนคาเอเดะจับได้ซะแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของโอสึกิซังเองก็ทำให้ผมหงุดหงิดซะมัด
ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ
ยัยบ้าเอ้ย! ผมก็แค่อยากได้ความสงบสุขกลับคืนมาเท่านั้นเองนะ!
“ชั้นทำสเต๊กแฮมเบิร์กที่เมื่อวานยูยะคุงบอกว่ามันอร่อยและชั้นก็อยากให้ยูยะคุงได้ทานเป็นมื้อเที่ยงมาน่ะค่ะ เพราะงั้นก็เลยตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาทำให้ค่ะ”
ใช่แล้ว คาเอเดะเป็นคนจัดการทำมื้อเย็นของพวกเราเมื่อคืนนี้อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ
น้ำฉ่ำๆที่อยู่ในตัวเนื้อที่ไหลออกมาตอนที่เอาเนื้อออกมาจากกระทะแสดงให้เห็นว่าตัวเนื้อเป็นเกรดที่ดีมากพอๆที่คุณจะได้กินตามภัตตาคารแล้วรสชาติและความหวานของไขมันมันหมูที่แทรกอยู่ในนั้นก็ช่างนุ่มละมุนอร่อยสุดๆไปเลย
“แล้วก็……….ชั้นอยากจะลองทานมื้อเที่ยงกับคนที่ชั้นรักมาตลอดเลยล่ะค่ะ…..ได้ไหมคะ?”
“….มะ-มันก็ต้องได้แน่นอนอยู่แล้วน่ะสิ”
แล้วผมจะปฏิเสธคนที่ทำหน้าหงอยแบบนี้ได้ยังไงกันเล่า?
แล้วก็สายตาของผู้คนที่อยู่รอบๆนี่มัน!
“ข้าวกล่องทำมือของฮิโตสึบะซังเรอะ! อิจฉาซะจนอยากตายเลยเว้ย!”
“นี่หมอนั่นคิดจะปฏิเสธคำเชิญชวนไปกินข้าวด้วยกันเรอะ?! ไหงเอ็งถึงได้คิดจะปฏิเสธกันห๊ะ!? ลองปฏิเสธดูดิตรูฆ่าเอ็งแน่!”
“นี่ เธอบอกว่าเมื่อคืนนี้เธอก็ทำงั้นรึ? ไม่มีทางหน่า นี่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างงั้นเหรอ? นี่มันเป็นพัฒนาการด้านความรักแบบไหนกันเนี่ย? ไม่สิ นี่มันเหมือนกับพัฒนาการในเกมโป๊เลยไม่ใช่รึยังไงกัน!”
สายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังของเหล่าชายหนุ่มและเสียงซุบซิบสาปแช่งทิ่มแทงทะลุร่างกายของผมแล้วก็มีผู้ชายคนนึงที่พูดว่ามันเหมือนกับเกม 18+ ไม่มีผิดแต่ไอ้ท่อนนั้นก็ฟังดูไม่เหมาะกับอายุของเขาเหมือนกันนั่นแหละ
แต่ก็เห็นด้วยนะเรื่องที่ว่ามันเป็นพัฒนาการแบบเดียวกับในนิยายไม่มีผิดเลยน่ะ
ส่วนพวกสาวๆก็พูดว่า
“ช่างสง่าอะไรอย่างนี้นะฮิโตสึบะซัง……..ชั้นเองก็หวังลึกๆว่าจะได้เจอคนแบบเธอในเร็ววันบ้างจัง……”
“อิจฉาจังที่เธอทำอาหารเก่งแล้วก็ได้ทำเบนโตะให้กับคนที่เธอรักด้วยน่ะ……..ชั้นเองก็ควรลองทำอาหารดูบ้างดีไหมนะ?”
“ก็ได้ยินมาอยู่นะว่ามีหลายคนที่สนใจโยชิสุมิคุงกองหน้าของทีมฟุตบอลน่ะแต่เขาเองก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะคาซุฮะซังแบบเดียวกับฮิงุเระคุงล่ะนะ พวกนกที่ตื่นเช้าออกหากินก่อนก็จะจับหนอนได้เสมอนั่นแหละ”
เอาล่ะ เอาเป็นว่าทำเป็นไม่ได้ยินอะไรก็แล้วกัน
ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะคาเอเดะเธอก็แว่บมาอยู่ข้างๆผมอย่างกับความไวแสงแล้วน่ะสิ
แล้วด้วยความกดดันเงียบๆนี้ถ้าผมจะพูดออกมาว่า “เอาจริงๆผมก็ดังพอตัวอยู่นะ”
มันก็ง่ายที่จะจินตนาการออกเลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
“นายจะต้องมองมาที่ชั้นคนเดียวเท่านั้นนะคะยูยะคุงแล้วชั้นก็จะมองแค่นายด้วยเหมือนกันค่ะ”
ผมรู้สึกเคืองตัวเองจริงๆที่มีนิสัยที่เวลาคิดเรื่องอะไรมันก็จะปรากฏออกมาบนใบหน้าของตัวเองอย่างง่ายดาย
ผมไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกไปเลยแต่เจ้าหล่อนก็ชนะผมได้อย่างใสๆ
เธอยิ้มกว้างให้กับผมขณะที่เอามือกอดอกแน่นและในขณะที่ผมกำลังอึ้งอยู่ที่ห้องเรียนก็ก้องกังวาลไปด้วยเสียงกัดฟันกรอดๆของเหล่าผู้ชายและเสียงวี๊ดว้ายของพวกผู้หญิง
“อะแฮ่ม….ยูยะ……..ขอโทษที่มาขัดจังหวะตอนที่กำลังจู๋จี๋กันอยู่นะแต่ถ้านายไม่รีบล่ะก็พวกเราจะไม่มีเวลากินมื้อเที่ยงกันพอดีน่ะสิ แล้วนายจะเอาไงล่ะ? จะไปโรงอาหารมะ? หรือจะกินมันตรงนี้เลยดี?”
เฮ้ย ชินจิแกใครว่ากำลังจู๋จี๋กันอยู่ห๊ะ?!
ไม่ใช่ว่าตอนนี้มันดูเหมือนว่าชั้นจะเป็นฝ่ายที่ถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวเลยไม่ใช่รึยังไง?
“อืมๆ ชั้นไม่เห็นอะไรเลยนะ อันที่จริงมันก็ทำให้ชั้นรู้สึกอายอยู่หน่อยๆนะเนี่ยที่เห็นพวกนายกำลังจู๋จี๋กันอยู่แบบนี้น่ะ”
“โธ่ อย่าพูดแบบนั้นสิชินคุง ชั้นเองก็ยังอยากจะจู๋จี๋กับนายเหมือนอย่างเคยนะ ไม่ได้เหรอ?”
“แน่นอนว่าได้สิ ชั้นก็ชอบที่จะจู๋จี๋กับเธอเหมือนกันนะอากิโฮะ”
ไอ้เจ้าชินจิ! นี่นายกำลังบิ้วบรรยากาศจนจะทำให้ชั้นเกือบจะได้ยินเพลง
[นกเขาคู่รัก] เข้ามาในหัวอยู่แล้วนะเฮ้ย!
ดูเซ่! คาเอเดะหล่อนมองมาที่ชั้นอย่างอิจฉาตาร้อนแล้วเนี่ย!
ขอล่ะ ให้ชั้นได้พักบ้างเถอะ!!!
“นี่ยูยะคุง…..พวกเราเองก็ควรจะเลิฟๆกันให้มากกว่านี้บ้างนะคะ”
“เอาล่ะ! เรามีเวลาไม่มากแล้ว มากินข้าวกันเถอะ! มาๆต่อโต๊ะเลยชินจิ! 2 โต๊ะคงจะไม่พองั้นเอามาต่ออีกเลย! สองคนนั้นพวกเขาอยู่ที่โรงอาหารกันเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
ผมไม่ยอมให้เธอมาบอกผมหรอกนะว่าจะต้องทำอะไรยังไง
แล้วเธอก็แง่ง่อนอยู่ตรงด้านข้างของผม
แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมลดการ์ดของตัวเองอีกแล้ว!
อีกอย่างเธอจะมาพองเหมือนกับปลาปักเป้าไม่ได้หรอกนะ!
ผมจิ้มไปที่แก้มของเธอจนทำให้เธอแก้มที่กลมตุ้บป่องของเธอปล่อยลมออกมา
โอ้วว ปากเล็กๆของผู้หญิงคนนี้น่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ?
“นี่ อากิโฮะ ชั้นควรจะพูดดีไหมนะ? แต่ว่านี่เราแพ้แล้วสินะเนี่ย?”
“อืมมมม…..ปล่อยไว้แบบนี้มันน่าสนใจดีนะ แต่ยังไงชั้นว่าเราควรเข้าไปหยุดพวกเขาก่อนดีกว่าเพราะเดี๋ยวบรรยากาศในห้องเรียนจะกลายเป็นอึมครึมกันพอดี ชินคุงจัดการทีสิ!”
“ชั้นเรอะ นี่ชั้นต้องเข้าไปขัดเรอะ? ไม่ล่ะไม่ เป็นไปไม่ได้หรอก! ดู 2 คนนั้นสิอากิโฮะ
ไอ้เจ้ายูยะก็ยิ้มแบบที่ชั้นไม่เคยเห็นหมอนี่ยิ้มมาก่อนแถมแก้มของคาเอเดะซังก็ดูผ่อนคลายดูก็รู้เลยว่าเธอไม่อยากให้หยุดน่ะ! ชั้นเข้าไปขัดไม่ไหวหรอก…….”
เจ้าชินจิกับโอสึกิจังเนี่ยน่ารำคาญจริงๆเลยแฮะ
ผมก็แค่ชอบแก้มของคาเอเดะที่นุ่มนิ่มอย่างกับเค้กข้าวแค่นั้นเอง
หืม? เดี๋ยวนะ นี่เรากำลังสนุกอยู่รึเนี่ย?
“งื้อ……ยูยะคุงพอได้แล้วค่า…..”
พอนึกขึ้นได้คาเอเดะที่ผมกำลังจับแก้มของเธออยู่ก็หน้าแดงพร้อมกับหน้ามุ่ยไปด้วยก็ทักท้วงผม
นี่เราเผลอทำอะไรลงไปล่ะเนี่ย?
ผมเลิ่กลั่กแล้วดึงมือออกทันที
“เฮะๆ เป็นครั้งแรกเลยที่ยูยะคุงสกินชิพกับชั้นแบบนี้น่ะ จากนี้ไปเรามาแนบชิดกันให้มากขึ้นกันเถอะนะคะ
“
ผมอยากจะคิดว่าตัวผมแค่คิดไปเองว่าตัวเองเห็นเครื่องหมายรูปหัวใจต่อท้ายประโยคด้วยน่ะ
“ยูยะ ชั้นว่านายห้ามใจตัวเองหน่อยก็ดีนะ”
อ่า ถูกของนายเลยชินจิ