Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita – ตอนที่ 8: ธาตุแท้

มันก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ตอนนี้ตัวผมกำลังนั่งอยู่บนรถหรู แบรนด์ต่างประเทศที่หาเจอได้ยากในเมืองนี้ และ ที่นั่งข้างๆผมก็คือ ‘ฮิโตสึบะซัง’ ที่เป็นเจ้าของรถหรู หรือ ก็คือตัวการที่เรียกรถหรูพร้อมกับคนขับรถมานั่นเอง
ใบหน้าที่สวยและสง่างามของเธอ ทำให้ผมนึกถึงรูปปั้นน้ำแข็ง และ ผมก็ไม่สามารถที่จะช่วยตัวเองจากการจ้องมองเธอได้ ยังไงซะ ผมว่ามันน่าอายเกินไปที่จะพูดความคิดเหล่านั้นออกไป

“นี่ ฮิโตสึบะซัง คือผมอยากรู้ว่ารถคันนี้กำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนหรอ? แบบว่า นี่ผมจะถูกพาไปที่ไหนกันน่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าชั้นบอกนายไปแล้วหรอคะ? เรากำลังมุ่งหน้าไปยัง ‘รังรัก’ ของพวกเราไงคะ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณพ่อของชั้นยอมควักเงินก้อนโตเพื่อที่จะซื้ออพาร์ทเม้นต์ที่ดีที่สุดเลยนะคะ”
มันจะดีจริงๆเรอะ ที่จะได้อยู่อพาร์ทเม้นต์แบบนั้นน่ะ?
นี่เธอพูดเหมือนมันเป็นเพียงแค่เรื่องหยุมหยิมเล็กๆน้อยๆ ได้ยังไงกันนะ? ถึงแม้ว่าเธอจะเอ่ยปากบอกว่า ‘ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ’ อย่างนั้นก็เถอะ แต่ส่วนตัวผมต้องการแค่อพาร์ทเม้นต์ที่มันตกแต่งเรียบง่าย เพียงเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ทิวทัศน์ที่ได้มองเห็นจากในหน้าต่างรถยนต์ที่กำลังเข้าใกล้ เข้าใกล้ สถานที่ที่เป็นที่แนะนำสำหรับการพาคู่รักที่มาพลอดรักกัน

“คือไม่ใช่ว่าผมสงสัยในตัวเธอนะ ฮิโตสึบะซัง แต่ว่านั่นน่ะโกหกใช่ไหม?”
“…………..?”

อย่าทำหน้าสงสัยแล้วเอียงหัวอย่างนั้นสิครับ ด้วยท่าทางที่น่ารักแบบนี้มันทำให้หัวใจของผมเต้นรัวไปหมดแล้ว
ผมหายใจเข้าลึกๆ และพยามยามวางท่าทางสงบๆ เพื่อไม่ให้เสียงที่สั่นเครือของผมหลุดออกไป

“ก็ไม่ว่าจะมองยังไง อ่าว แห่งนี้มันก็เป็นที่นิยมใช่ไหมล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณนี้ก็ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีอพาร์ทเม้นต์ ที่หรูหราโอ่อ่า หยั่งกับโรงแรมชั้นหนึ่ง ด้วยนี่นา ผมว่านี่มันออกจะผิดที่ผิดทางไปหน่อยนะครับ สำหรับที่ๆเด็ก ม.ปลาย จะมาอาศัยอยู่น่ะ”
“โอ้ ! นายเองก็เป็นคนที่รู้เรื่องดีเหมือนกันนะคะ มันจำเป็นสำหรับการเป็นนักธุรกิจที่จะต้องคอยเปิดหูเปิดตาหาข้อมูลอยู่ตลอด และมันจะยิ่งสำคัญไปอีกหากว่ายูยะคุงของชั้น ต้องการที่จะเป็นประธานแล้วล่ะก็ !”

อืม ก็นะ ไอ้พ่อเฮงซวยของผมเองก็เป็นพวกตามข่าวไม่ทันชาวบ้านเขา
เขาไม่เคยรู้ว่าตอนนี้อะไรที่กำลังเป็นกระแสอยู่จนกระทั่งเขาได้เห็นมันฉายอยู่บนจอทีวี
แล้วแบบนี้คุณจะคาดหวังเรื่องกระแสข่าวหรือพวกแฟชั่นใหม่ๆ หรือ เรื่องการกลายเป็น
คนคิดริเริ่มนำเทรนด์ใหม่ๆจากเขาได้ยังไงล่ะ?
คุณต้องรวบรวมข้อมูลจากที่ใดก็ตามเท่าที่คุณทำได้
สิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งที่ผมได้ทำระหว่างซ้อมบอลในอดีต ดังนั้นผมคิดว่านี้มันไม่ได้ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย

“ถ้าหากว่านายคิดอะไรแบบนั้นได้ ณ จุดๆนี้ ชั้นคิดว่ามันก็ดีพอสำหรับชั้นแล้วนะ ไม่คิดงั้นหรอ? เพราะในอนาคตนายเองก็ต้องไปคอยไปวิเคราะห์ คอยเก็บข้อมูลอย่างรอบคอบ ให้คุณพ่อของชั้นและคอยเรียนรู้ว่าทำยังไงให้ข้อมูลพวกนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งชั้นมั่นใจเลยค่ะ ว่ายูยะคุงทำได้แน่นอน !”

ท่านเทพธิดากำลังกล่าวสรรเสริญผมอยู่ และเธอก็ยิ้มออกมาในขณะที่เธอบอกว่าเธอเชื่อในตัวผม แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างรถยนต์ทำให้ความงดงามของเธอเปล่งประกาย
ผมเอียงหัวหนีหน้าเธออย่างเขินอาย พร้อมกับเก็บใบหน้าที่แก้มของผมมันร้อนผ่าวไปหมด
นี่ล่ะถึงเป็นสาเหตุที่ว่า รอยยิ้มที่งดงามอันหน้าทึ่ง มันช่างน่าหนักใจจริงๆ

“เห…..ยูยะคุงตอนเขินเนี่ย ก็น่ารักดีเหมือนกันนะคะเนี่ย”
“อะ…โอ้! นี่เรามาถึงแล้วไม่ใช่รึยังไงกัน? นี่คือบ้านใหม่ของเรางั้นหรอ?”

นี่มันเป็นตึกที่โครตของโครตหรูหราและดูมีระดับอย่างถึงที่สุดเท่าที่ผมเคยได้อยู่มาเลยทีเดียว
เอาจริงดิ ! นี่ผมจะได้อยู่ในที่แบบนี้กับฮิโตสึบะซังจริงๆงั้นหรอ ?

“อพาร์ทเม้นต์ของพวกเราน่ะ อยู่ที่ชั้นบนสุดเลยค่ะ งั้นไปกันเถอะค่ะ”

เธอเอาแขนของเธอมาเกี่ยวแขนผม ส่วนตัวผมเองก็เกือบจะวูบหมดสติไปกับความรู้สึกทึ้งกับความสวยงามนี้
เราเข้าไปในลิฟท์ และในขณะเดียวกันคนขับรถก็จะเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาให้กับพวกเราทีหลัง
ซึ่งในทีแรกผมก็บอกอยู่ว่าจะขอแบกขึ้นไปเอง แต่เขาก็ยังยืนกรานและพูดด้วยรอยยิ้มที่บิดๆเบี้ยวๆว่าผมไม่ควรจะแย่งหน้าที่ของเขาไป
ลิฟท์ที่พุ่งทะยานขึ้นไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อและตัวเลขของชั้นที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
แต่การแสดงออกบนใบหน้าของฮิโตสึบะซังก็ยังเหมือนเดิมไม่ต่างจากตอนที่อยู่บนรถ
ไม่สิ พอได้มองใกล้ๆแล้วแก้มของเธอนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดงมากยิ่งขึ้น และในที่สุดพอพวกเราเดินออกมาจากลิฟท์ก็มีประตูตรงหน้าของพวกเรา และด้วยแขนของเราที่คล้องกันอยู่อย่างนี้ เธอก็พาผมเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์แล้วเดินผ่านประตูหน้าไปยังห้องนั่งเล่นแล้วพวกเราก็ได้รับการต้อนรับด้วย ภาพวิวทิวทัศน์ที่แสนงดงามอย่างที่แท้จริง

“โอ้ วิวนี่มันช่างน่าทึ่งไปเลยไม่ใช่รึยังไงกันเนี่ย! แล้วนายคิดยังไงบ้าง? ชอบไหมคะ?”
“ไม่ว่าผมจะชอบหรือไม่ชอบ แต่นี่เราจะได้อยู่ที่นี่จริงๆหรอ เธอล้อผมเล่นใช่ไหมเนี่ย?”
“โชคร้ายหน่อยนะคะที่มันเป็นความจริงน่ะ จากนี้ไปยูยะคุงต้องอาศัยอยู๋ที่นี่กับชั้นสองต่อสอง และไม่ต้องกังวลนะคะ ตัวชั้นทำอาหารเก่งนะ ชั้นจะทำทุกอย่างที่นายอยากกินให้เองค่ะ”

ไม่ล่ะผมเองก็ทำอาหารเป็นเหมือนกันแหละหน่า ดังนั้นเรามาเวียนหน้าที่การทำอาหารกันดีกว่า เพราะมันอาจจะไม่ดีแน่ๆถ้าทิ้งให้ทำอยู่คนเดียวในระยะยาวน่ะ
เอ้ย ! เดี๋ยวนี่มันไม่ใช่ประเด็นที่จะพูดแล้ว !!
อย่างไรก็ตาม ห้องนี้มันกว้างขวางมากๆ
แค่ห้องรับแขก/ห้องกินข้าวเพียงอย่างเดียว ขนาดก็น่าจะปาไปราวๆสามสิบเสื่อทาทามิได้แล้วมั้งเนี่ย ทั้งนี้ยังมีโต๊ะสำหรับกินข้าว และ เก้าอี้ที่ออกแบบมาให้นั่งอย่างสะดวกสบาย
และยังมีโซฟาที่ใหญ่พอสำหรับคนสองคนอีกด้วย แถมผมยังไม่ได้พูดถึงทีวีขนาดมหึมาที่เอาไว้ดูตอนพักผ่อนหลังจากกินมื้อค่ำเสร็จอีกด้วย เอ่อ…..ใหญ่ขนาดนี้ แล้วนี่มันขนาดกี่นิ้วกันล่ะเนี่ย?
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เพื่อที่จะให้ยามเย็นของพวกเราดูหรูหรามากยิ่งขึ้น ก็ยังสามารถที่จะมองดูวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงามของอ่าวได้จากหน้าต่างบานใหญ่นี้ได้
และด้วยฉากหลังแบบนี้ เราก็โอบกอดกันแล้วก็จูบกันอย่างเร่าร้อน…….
แล้วนี่ผมจินตนาการอะไรอยู่วะเนี่ย !!!!

“ยูยะคุง โอเคไหมคะ? หน้าดูแดงๆนะคะ”
“ผะ-ผมสบายดี! ไม่ใช่ว่าผมกำลังคิดอะไรแปลกๆนะ !! ไม่สิ ไม่ได้จะหมายความว่าอย่างสักหน่อย! พวกเราจะต้องทำความรู้จักกันให้ดีกว่านี้ก่อนดีกว่านะ”
“ฟุๆๆ นายนี่เป็นคนตลกดีนะคะเนี่ย แต่ชั้นก็ชอบนะคะไอ้วิธีที่นายพยายามจะทำตัวเป็นสุภาพบุรษแบบนี้น่ะ”

หยุดเลยนะ! ช่วยอย่าเพิ่มความชื่นชอบที่เธอมีต่อตัวผม ในความคิดของเธอแบบนั้นเลยนะ
ฮิโตสึบะซัง ไอ้ความคาดหวังที่มากเกินไปของเธอนั้นแหละที่มันจะทำลายผม
ผมข่มตานอนหลับไม่ลงแน่ๆเพราะกังวลว่าเธอจะตอบสนองยังไงหากผมไม่ทำตามความคาดหวังนั้นของเธอน่ะ

“เอาล่ะ ! ถึงตอนนี้มันก็เลยเวลามามากแล้ว แต่เราก็มาทานมื้อเย็นกันเถอะนะคะ”

แค่เพียงฮิโตสึบะซังพูดออกมาอย่างนั้น เสียงออดก็ดังขึ้น แล้วเธอก็ไปเช็คที่หน้าจออินเตอร์คอม และ ก็เห็นว่าผู้ที่มาเยือนก็คือคนขับรถจากเมื่อก่อนหน้านี้นี่เอง และ เธอก็เปิดประตูให้กับเขา

“ขออภัยที่ให้รอนะครับ ท่านโยชิสุมิ คือว่า สัมภาระที่ท่านได้นำติดตัวมา-“
“แต่นแต๊น !! มื้อเย็นของเรามาถึงแล้วค่ะ มาเร็วสิคะ รีบทานก่อนที่จะเย็นนะคะ”

ด้วยรอยยิ้มกว้างๆที่อยู่บนใบหน้าของฮิโตสึบะซัง เธอถือกล่องพิซซ่าที่จ่าหน้ากล่องว่า
‘ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง’ อยู่ งั้นนี่ก็คือคนขับเป็นคนไปที่ร้านแล้วเอามาให้งั้นหรอ?

“ขอบคุณนะคะ มิยาโมโตะซัง จะมาร่วมด้วยไหมคะ? คุณเองก็ยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลยใช่ไหมล่ะคะ?”
“ไม่ล่ะครับ , หน้าที่ของผมสิ้นสุดที่ตรงนี้ครับ อีกอย่างผมก็ขอไม่รบกวนพวกท่านทั้งสองคนก็แล้วกันครับ เดี๋ยวตาแก่คนนี้จะขอปลีกตัวไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”

และเมื่อมิยาโมโตะซังคนขับรถก้มหัวร่ำลาเสร็จเขาก็จากไป
เขาเรียกตัวเองว่า ‘ตาแก่’ และผมของเขาก็เกือบจะเป็นสีเทาไปทั้งหัวอยู่แล้วด้วย
แต่อย่างไรก็ตามหลังของเขาก็ยังตรงแถมเสียงของเขาเองก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น แม้ตอนที่เขาโค้งตัวลงก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นสุภาพบุรษผู้สูงอายุ ที่ได้กลิ่นอายความสง่างาม

“มิยาโมโตะซังน่ะ เขาเป็นคนขับรถรุ่นเก๋าที่ทำงานเป็นโชเฟอร์มาตั้งแต่รุ่นปู่ของชั้นแล้วน่ะค่ะ มันคงจะไม่เกินไปเลยหากจะบอกว่าเขาก็เป็นเหมือนกับครอบครัวของชั้นค่ะ แต่ก็นะคะ เขาก็ดันขีดเส้นขั้นไว้อยู่ค่ะ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น เรามาทานมันก่อนที่จะเย็นกันเถอะค่ะ”

ผมเงียบไปและสงสัยว่าเมื่อไหร่กันนะที่เธอสั่งพิซซ่าไปน่ะ
ผมเดาว่าเธอต้องสั่งสั่งขณะที่ผมกำลังแพ็คข้าวของที่จำเป็นอยู่แน่เลย ถึงขนาดสั่งโคล่ามาด้วยเลยเนี่ย นี่มันช่างน่าตกใจจริงๆ ที่ผู้หญิงที่มีระดับอย่างฮิโตสึบะซัง จะมีความสุขที่ได้กินอาหารขยะแบบนี้น่ะ

“หืมมม งั้นตอนนี้นายก็รู้อะไรเกี่ยวกับชั้นมากขึ้นแล้วสินะคะ”

อ่าฮะ ผมรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ผมรู้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกนั้นมันสามารถหลอกลวงกันได้
ภาพจำที่ผู้คนยกย่อง ฮิโตสึบะ คาเอเดะซัง ในที่สาธารณะกับความเป็นจริงที่เธอเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กสาว ม.ปลาย ทั่วๆไปเลย

“ก็ขอพูดอีกครั้งก็แล้วกันนะคะ , จากนี้ไปชั้นก็หวังว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับนายนะคะ”

เธอยื่นโคล่าให้กับผม จากนั้นผมก็เปิดมันเพื่อที่จะพัดพาความเหนื่อยล้าของวันที่แสนจะวุ่นวายนี้ออกไป
และน้ำที่อยู่ในกระป๋องก็พุ่งออกมาใส่ผมอย่างจัง ทำให้ใบหน้าของผมเปียกโชกไปหมด
และคนร้ายของเรื่องนี้ก็กำลังจ้องมองมาที่ผม
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเธอ ‘ฮิโตสึบะ คาเอเดะ’
ถึงแม้ว่าเธออาจจะดูไม่เหมือน แต่ว่าเธอน่ะ เป็นยัยตัวแสบเจ้าปัญหาไม่ผิดแน่!

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Comment

Options

not work with dark mode
Reset