การเล่นติดตลกกลั่นแกล้งอย่างกับพวกเด็กๆอย่างการเขย่ากระป๋องน้ำอัดลมที่ยังไม่ได้เปิดก่อนที่จะยื่นมันมาให้ผมเปิดจนทำให้มันพุ่งเข้าใส่หน้าและเสื้อผ้าของผมจนเหนียวเหนอะและเปียกชุ่มไปหมด
ผมล่ะอยากจะบ่นถึงไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังที่เขย่ากระป๋องนี่จริงๆ แต่พอได้เห็นฮิโตสึบะซังที่กำลังหัวเราะคิกคักสนุกสนานกับการที่เธอประสบความสำเร็จในการกลั่นแกล้งผมแล้ว
สุดท้ายผมก็เลือกที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองที่อยากจะบ่นเธอไป
อย่างไรก็ตามพวกเรานั่งกินพิซซ่าของพวกเราขณะที่มันกำลังอุ่นได้ที่อยู่
พิซซ่าสองถาดที่ถาดนึงคือหน้าเนื้อและอีกถาดคือหน้าซีฟู้ด
เราทั้งคู่ต่างคนต่างไม่ได้กินพิซซ่ามาเป็นระยะเวลาที่นานมาพอสมควร
ตอนนี้พวกเราทั้งคู่ต่างก็พากันหิวโหยจนกินแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว
“เอาล่ะ ตอนนี้ผมอิ่มแล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกันนะ แล้วนี่ผมอาบได้ใช่ไหม?”
“แน่นอนสิคะ พวกเรามีทุกอย่างทั้ง แก๊ส,เครื่องใช้ไฟฟ้ารวมถึงน้ำดังนั้นนายไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรหรอกค่ะ”
ถ้างั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย
ระหว่างทางไปอาบน้ำผมก็ทำการสำรวจรอบๆตัวบ้านไปด้วย
แล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมก็เลยลองไล่เปิดประตูดูทีละบานแต่กลับต้องมาผงะกับเตียงคิงส์ไซส์พร้อมฟูกนอนขนาดใหญ่กับหมอนสองใบซึ่งมันดูเหมือนกับห้องนอนของพวกคู่รักอะไรแบบนั้น
แล้วนี่หมายความว่าผมต้องนอนที่เตียงนี่กับฮิโตสึบะซังอย่างนั้นเรอะ?
ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาเข้านอน
ผมก็เลยเอาคำถามต่างๆนาๆวางไว้ก่อนและมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำ
อ่างอาบน้ำเองก็ขนาดใหญ่จนน่าตกใจไม่แพ้กัน มันมีพื้นที่ที่กว้างขวางมากพอที่ให้เราทั้งคู่อาบพร้อมกันแล้วเหยียดขาได้จนสุดเพื่อผ่อนคลายไปด้วยกันได้
เห๊ะ…..นี่เมื่อกี้นี้ ผมพึ่งคิดว่าสักวันหนึ่งผมจะได้อาบน้ำกับฮิโตสึบะซังอย่างงั้นหรอ?
“ถึงกับคิดเรื่องพรรณนั้นได้เนี่ย….นี่อะไรบางอย่างในตัวชั้นมันได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วงั้นสินะ?……”
บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของเวลาจนถึงเหตุผลและความเหมาะสม
นอกจากนี้มันก็จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าภาวะหลงผิดของวัยรุ่นเนี่ยมันอาจจะเป็นอันตรายได้
ถ้าเป็นตอนปกติผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนแบบนี้เลยด้วยซ้ำนะ
แต่ถ้าจู่ๆคุณลองได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสาวงามระดับเทพธิดาอย่างฮิโตสึบะซังล่ะก็ คุณเองก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเผลอตัวทำผิดพลาดอะไรลงไปบ้าง
“ชั้นเองก็ไม่รังเกียจอะไรหรอกนะคะ ถ้าเกิดว่าเกิดพลาดท่าขึ้นมาล่ะก็ อันที่จริงชั้นยินดีกับเรื่องแบบนั้นด้วยซ้ำค่ะ”
เอ๊ะ ! นั่นไม่ใช่เสียงของผมนะ แล้วใครพูดกันล่ะ?
ก่อนที่ผมจะรู้ตัวฮิโตสึบะซังเธอก็มายืนอยู่ด้านหลังของผมพร้อมกับกอดแขนของตัวเองและแสดงท่าทางที่ดูสงบเสงี่ยมแต่ว่าขาของเธอดันสั่นงึกๆงักๆแทนซะงั้น
เธอพูดออกมาเองแท้ๆว่ายินดีกับเรื่องแบบนั้นแต่นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอก็แค่พูดข่มไปงั้นๆแหละ
“ผมจะไม่ฝืนตัวเองไปทำกับคนที่ไม่เต็มใจด้วยหรอกนะ เธอเองก็ควรที่จะทำเรื่องแบบนั้นก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างฝ่ายต่างมีความรักให้กันและกันจะดีกว่านะ”
“ชั้นยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะคะ แต่ชั้นก็ดีใจนะคะที่ยูยะคุงคิดแบบนั้น แต่ก็ตามนั้นเลยค่ะสำหรับยูยะคุงแล้วชั้นยินดีเสมอค่ะ ดังนั้นช่วยจำไว้ด้วยนะคะ”
ช่วยเลิกพูดจาที่ทำให้ใจของชาวบ้านเขาเต้นแรงสักทีจะได้ไหมครับ!!
ขืนเป็นแบบนี้ผมจะหลงรักเธอแบบหัวปักหัวปำแล้วนะ!
‘เฮ้อ…..’
ตอนนี้ผมรู้สึกไม่แน่ไม่นอนกับตัวเองแล้วสิ
ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกหงุดหงิดปนรำคาญหน่อยๆ
อย่างน้อยให้ผมได้ต่อต้านเธอสักหน่อยเถอะนะ
ผมอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ฮิโตสึบะ คาเอเดะ
“แล้วนี่…ยูยะคุงคิดจะอาบน้ำคนเดียว…..หรอคะ?”
“นี่ฮิโตสึบะซัง…..ตัวเองพูดแบบนั้นแท้ๆ แล้วไหงถึงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนั้นล่ะครับ?”
“ห๋า?…… นี่ชั้นไม่ได้กำลังสั่นอยู่เลยนะคะ ที่เห็นสั่นๆนั่นคงเป็นเพราะลูกตาของยูยะคุงเองต่างหากล่ะค่ะที่กำลังสั่นอยู่แบบนั้นไม่ใช่รึยังไงกันคะ? เห็นไหม……ชั้นปกติดีค่ะ”
เสียงของเธอสั่นเครือแต่การที่ยิ่งไปพูดจี้ใส่เธอก็ยิ่งจะทำให้เธอกระวนกระวายใจเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น ผมยักไหล่แล้วเดินไปหยิบฝักบัวอาบน้ำวางไว้ที่อ่างอาบน้ำพร้อมกับเปิดก๊อกน้ำและกดปุ่มเครื่องทำความร้อนในอุณหภูมิ 41 องศา
เพียงเท่านี้ก็เตรียมการก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วสำหรับการอาบน้ำที่ผ่อนคลาย
“แน่นอนอยู่แล้วว่าผมจะเข้าไปอาบคนเดียว ส่วนเธอจะไปดูทีวีรอก็ได้นะฮิโตสึบะซัง แล้วก็อย่าได้คิดที่จะมาแอบดูเชียวล่ะ”
“ไม่ใช่ว่านี่มันแค่จิตวิทยาย้อนกลับหรอคะ? เช่น ถ้านายบอกว่าอย่าผลัก มันก็จะยิ่งทำให้อยากที่จะผลัก แล้วยิ่งถ้าพูดห้ามแอบดูแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกยุให้แอบดูอยู่เลยค่ะ พูดอีกนัยนึงก็คือจริงๆแล้วยูยะคุงอยากถูกแอบมองใช่ไหมล่ะคะ? แค่ไม่กล้าพูดกับชั้นตรงๆ”
“และเธอเองก็เป็นคนประเภทไม่ชอบฟังสิ่งที่ชาวบ้านเขาพูดด้วยเลยยังไงเล่า!
โดยปกติแล้วฮิโตสึบะซังเองก็ควรจะพูดเตือนผมว่าอย่าแอบดูเธอตอนที่เธอกำลังอาบน้ำอะไรแบบนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“ชั้นหรอคะ? เป็นชั้นจะอ้าแขนต้อนรับยูยะคุงอย่างดีเลยค่ะ!”
แล้วถ้าเป็นงั้นจริงไหงถึงได้เบือนหน้าหนีแล้วเอาแขนไปกอดตัวเองอยู่แบบนั้นล่ะครับ?
ผมสับสนกับการกระทำที่ดูขัดแย้งกับคำพูดของเธอโครตๆแล้วนะเนี่ย
ฉะนั้นได้โปรดช่วยพูดอะไรแล้วก็ช่วยทำตามอย่างนั้นด้วยเถอะนะครับ
แต่ก็นะแก้มที่แดงระเรื่อของเธอพร้อมกับปากมุ่ยๆของเธอนั้นมันก็ดูน่ารักดีนะ….
“อ่าๆ คร้าบๆ ไว้จะไปแอบดูนะครับถ้ามีโอกาสแต่ผมไม่ชอบให้ใครมาแอบดูผม เพราะงั้นขอร้องล่ะครับช่วยอย่าทำแบบนั้นด้วยเถอะนะครับ….”
เรื่องท่าทางที่ค่อนข้างน่ารักน่าเอ็นดูของฮิโตสึบะซังนั้นช่างมันก่อนก็แล้วกัน
ผมเอาพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มพวกชุดนอนและผ้าเช็ดตัวของผมออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่ผมจัดเตรียมมา
ด้วยเหตุผลบางอย่างบ้านหลังนี้ติดตั้ง ทีวี,เครื่องบันทึก,เครื่องฟอกอากาศเพื่อเพิ่มความชื้นและเครื่องใช้อื่นๆแต่กลับไม่มีเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นเลยแล้วอีกอย่าง
คือทั้ง มีหม้อ,กระทะแล้วก็มีด แต่ดันไม่มีเครื่องใช้ที่เอาไว้ใช้บนโต๊ะอาหารเลยสักนิด
แล้วนี่ผมจะทำยังไงดีกับการที่ไม่มีของพวกนั้นเลยล่ะเนี่ย?
“ที่ชั้นบอกว่าเราควรไปซื้อของกันพรุ่งนี้น่ะ ไว้ช่วงเช้าเราแวะไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนเพื่อเลือกเครื่องซักผ้าและตู้เย็นกันนะคะ จากนั้นก็ไปต่อที่ kappabashi แบบนั้นดีไหมคะ? เพื่อที่จะได้ไปเลือกพวกจานชามกัน อันที่จริงชั้นจะเลือกเองก็ได้แหละค่ะ แต่ว่าชั้นอยากจะไปช้อปปิ้งพร้อมกับยูยะคุงค่ะ!”
(TL NOTE : Kappabashi เป็นย่านถนนที่จะมีร้านอาหารและร้านขายเครื่องครัวจานชามช้อนส้อมอุปกรณ์ทำครัวเรียงรายเต็มไปหมด)
เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้นขณะที่กำลังเตรียมตัวรออาบน้ำ
เธอก็สาธยายว่านั่นคือสิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง
“ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าชายหญิงที่เพิ่งอยู่ร่วมชายคาเดียวกันถึงได้ไปช้อปปิ้งซื้อของใช้ด้วยกันแต่ว่าเรื่องแบบนี้มันใช้ได้กับเด็ก ม.ปลายได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?
แล้วไหนจะเรื่องเงินอีกล่ะ? อืม…ผมหมายถึง ก็พ่อของเธอเป็นประธานบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ใช่ไหมล่ะ?แล้วทำไมถึงไม่เอาของพวกนั้นจากที่บริษัทซะเลยล่ะ?”
“พ่อของชั้นเคยบอกเอาไว้น่ะค่ะ ว่าเราควรจะเลือกพวกข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าโดยดูว่าอันไหนมันเหมาะกับตัวของเราเองและอีกอย่างคือได้ฟังคำแนะนำของทางพนักงานขายด้วยค่ะ?”
งานนี้ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ
และถ้าหากว่าผมบอกว่าผมเห็นด้วยกับเขาเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะซื้ออะไรยังไงก็ได้ขอแค่มันใช้งานได้ก็พอ
แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่คุณใช่มันอยู่เป็นประจำทุกๆวันแล้วล่ะก็ มันคงเป็นการดีกว่าถ้าคุณลงสนามเช็คของพวกนี้ด้วยตัวของคุณเองก่อนที่จะเลือกซื้อมา
“อื้ม ผมเห็นด้วยนะเพราะต่อจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะงั้นเรามาเลือกสิ่งที่ทำให้พวกเราทั้งคู่มีความสุขกันดีกว่านะ อื้มๆผมตั้งตารอคอยวันพรุ่งนี้นะ”
มันเหมือนกับความฝัน
ผมคิดว่าผมกำลังจะได้กลายเป็นน้องชายของทากะซังไปแล้วซะอีกตอนที่ไอ้พ่อเฮงซวยของผมหนีไปต่างประเทศหลังจากที่ก่อหนี้ก้อนโตเอาไว้
แต่ฮิโตสึบะซังเธอก็เข้ามาช่วยผมเอาไว้และในทางกลับกันเราได้ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ด้วยกันและจะแต่งงานกันในอนาคตโดยที่ไม่คำนึงถึงความเต็มใจของผม
ในมุมมองของคนภายนอกแล้ว นี่อาจจะดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่ วิน-วิน ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและเอาจริงๆผมเองก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
“ตอนนี้ห้องน้ำพร้อมแล้วนะคะ เข้าไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวชั้นจะถูหลังให้…..“
“อย่ามาตีเนียนขอเข้าด้วยเลยนะ! ถึงแม้ว่าเธอจะโอเค แต่ผมยังรู้สึกอายอยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้นช่วยรออยู่ข้างนอกแต่โดยดีเถอะนะครับ”
ผมดีดหน้าผากเธอเบาๆและเดินเข้าไปในห้องน้ำคนเดียวก่อนที่จะล็อคประตูลงกลอนอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการบุกรุกของฮิโตสึบะ คาเอเดะ
จากนั้นลูกบิดประตูก็สั่นสะท้าน
“นี่มันจะแปลกเกินไปแล้วนะคะ ยูยะคุง! แง ทำไงดี! ฮึบ! ประตูมันเปิดไม่ออกอ่ะ……”
ฮิโตสึบะซังเอะอะส่งเสียงดังแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจนในที่สุดเสียงสั่นของลูกบิดประตูก็กลายเป็นเสียงเคาะประตูดัง‘ปังๆ’ ชวนหนวกหูแทน แต่ผมก็เมินเสียงเหล่านั้นทั้งหมด
“ผมไม่ต้องการให้เธอมาช่วยอาบให้หรอกนะ”
ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าจะทนแบบนี้ไปได้อีกสักกี่วัน
ไม่สิ บางทีตอนนี้ผมอาจจะ……
ผมคิดในใจในขณะที่ค่อยๆแช่ตัวเองลงในอ่างอาบน้ำ
อ่า ใช่สิ….ยังมีอีกหนึ่งปัญหานั่นก็คือเรื่องของห้องนอนสินะ
แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?
นี่ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเธอจริงๆอย่างนั้นหรอ?