หลังเสร็จธุระที่จินหลิง ลู่โจวกลับนั่งรถไฟกลับบ้าน เขากลับมารวมตัวกับครอบครัวและสอนเทคนิคทำคะแนนสอบให้กับเสี่ยวถง
สุดท้ายแล้วลู่โจวก็เข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงมาได้ด้วยความสามารถของตนเอง แม้ว่าเขาจะไม่เก่งศิลปศาสตร์ แต่เขาก็ยังรู้เทคนิคสอบอยู่บ้าง
เขาช่วยให้น้องสาวได้คะแนนเพิ่มไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ช่วยไม่ให้น้องเสียคะแนนได้
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเสี่ยวถง
ไม่นานมันก็ถึงวันที่เจ็ดมิถุนา
วันนี้เป็นวันที่มีความสุขของคนบางส่วนและก็เป็นวันที่น่าเศร้าด้วย
ลู่โจวสวมเสื้อกันฝนปั่นจักรยาน เขาปั่นฝ่าสายฝนจนมาหยุดที่หน้าโรงเรียนมัธยม
“เรามาถึงแล้ว”
เสี่ยวถงอยู่ใต้ชุดกันฝน เธอลงจากจักรยานและเลี่ยงแอ่งน้ำขังอย่างระมัดระวัง
“พี่ชาย…”
“ทำให้ดีที่สุด” เมื่อมองสีหน้าที่น่าสงสารของน้องสาว เขาก็ลูบหัวเธอเบาๆ “พี่จะรอน้องอยู่ตรงนี้”
“ค่ะ! หนูจะทำให้ดีที่สุด!”
เธอกางร่มและเดินเข้าไปในโรงเรียนท่ามกลางสายฝน
“อย่าลืมตรวจคำตอบซ้ำล่ะ!”
เสี่ยวถงเดินลับสายตาไป ลู่โจวอดยิ้มมุมปากไม่ได้
ตอนที่เขาอยู่มัธยมปลาย เสี่ยวถงยังอยู่มัธยมต้น
ที่บ้านมีจักรยานสองคันเท่านั้น คันนึงเป็นของพ่อ อีกคันเป็นของเขา
ทุกๆวัน ลู่โจวจะปั่นจักรยานมาส่งเสี่ยวถงไปโรงเรียน จนกระทั่งเขาไปเรียนจินหลิง เสี่ยวถงจึงปั่นจักรยานมาเอง
ลู่โจวไม่ได้สังเกตเลยว่าน้องสาวของเขาจะโตเร็วขนาดนี้
บางทีการไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เสี่ยวถงไม่สามารถพึ่งพาพี่ชายได้ตลอด เธอจะไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าหากมีพี่ชายอยู่ข้างๆตลอด
“สู้ๆ”
ลู่โจวยืนอยู่ใต้ที่จอดรถจักรยาน เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา
เขาตกลงว่าจะรออยู่ใต้ที่จอดรถนี้จนกว่าเสี่ยวถงจะสอบเสร็จ
เขามองดูเวลา มันมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนสอบจะเริ่ม
ลู่โจวกำลังหาว แต่แล้วเขาก็ได้รับข้อความวีแชท
เมิ่งฉี [อาจารย์! ได้โปรด ฉันกำลังเข้าสอบ ฉันกังวลมาก อาจารย์อวยพรให้ฉันโชคดีหน่อยได้ไหม?]
เมื่อลู่โจวเห็นข้อความนี้ เขาก็ยิ้มแล้วพิมพ์ตอบ
[สู้ๆ! ผมหวังว่าความฝันของเธอจะเป็นจริง!]
จากนั้นเขาก็กดส่ง
เมิ่งฉีไม่ได้ตอบ
ขณะที่ลู่โจวคิดว่าเธอคงเข้าห้องสอบไปแล้ว เขาก็ได้รับข้อความตอบกลับ
มันมีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
[ขอบคุณค่ะ!!!]
…
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจบลงอย่างราบรื่น
เสี่ยวถงมั่นใจมากว่าจะได้สักห้าร้อยเก้าสอบคะแนน บางทีถ้าเธอโชคดี เธออาจได้หกร้อยด้วยซ้ำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับปลายปากกาของอาจารย์ ท้ายที่สุดแล้วศิลปศาสตร์มันตัดสินได้กว้างมาก
หลังการสอบ ลู่โจวกับเสี่ยวถงก็ทำการวิจัย
จากคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงปี 2015 ได้หกร้อยคะแนนไม่พอเข้าคณะสำคัญๆ แต่มันพอเข้าศิลปศาสตร์
ไม่ว่ายังไง เหตุการณ์ชีวิตใหญ่ๆครั้งแรกของเสี่ยวถงก็ผ่านไปในที่สุด
หลังการสอบ เธอก็เปลี่ยนวิถีชีวิต เธอจะไปนอนบนโซฟาเล่น LOL ในมือถือตลอดทั้งวัน เธอกระทั่งขี้เกียจออกไปเที่ยวกับเพื่อน
บางครั้งลู่โจวก็มองน้องสาวแล้วนึกถึงอดีต
เป็นเด็กนี่ดีจริงๆ…
หลังเธอเข้ามหาวิทยาลัย เธอจะพบว่าสองเดือนนี้เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดของชีวิต
เสี่ยวถงหันไปมองแล้วเห็นพี่ชายกำลังจ้องมองหน้าคอมอย่างจริงจัง
“พี่ ถ้าหนูฉลาดได้อย่างพี่นะ…”
ลู่โจวบอกได้ว่าเธอพึ่งเล่นเกมแพ้มา
“พี่ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง มีหลายเรื่องที่พี่เก่งเพราะความพยายาม”
เขาจำได้ว่าเขาได้คะแนนราวหกร้อยสี่สิบคะแนนเท่านั้น แม้ว่าในมณฑลมันจะไม่ได้สูงนัก แต่สำหรับโรงเรียนเล็กๆ อย่างโรงเรียนมัธยมเจียงหลิง มันค่อนข้างสุดยอดเลย
หลังเสี่ยวถงแพ้ไปอีกตา เธอก็โยนโทรศัพท์และลุกจากโซฟา เธอมายืนดูหน้าจอคอมข้างๆลู่โจว “พี่ พี่กำลังเล่นอะไร?”
ลู่โจวเหลือบมอบเธอ “จัดเอกสารสัมภาษณ์”
เสี่ยวถงเงยหน้าถาม “สัมภาษณ์?”
“ใช่” ลู่โจวกล่าวและพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “พรินซ์ตันจะเริ่มเทอมใหม่แล้ว ตอนนี้พี่เป็นศาสตราจารย์ พี่เลยต้องรับศิษย์อย่างน้อยหนึ่งคน”
พูดตามตรง การลงทะเบียนส่วนใหญ่ของพรินซ์ตันจะถูกส่งตอนเดือนมีนาคมและเมษายน แต่ตอนนี้มันมิถุนาคมแล้ว นักศึกษาส่วนใหญ่ได้รับข้อเสนอและวางแผนย้ายเข้ามาแล้ว
อย่างไรก็ตามมันมีข้อยกเว้น เหล่าศาสตราจารย์ที่ไม่เจอนักศึกษาสักคนก็จะโพสต์ข้อมูลตนเองบนเว็บไซต์ของฝ่ายธุรการ ดังนั้นจึงยังมีนักศึกษาบางคนที่ลงทะเบียนเวลาอื่น
เมื่อลู่โจวโพสต์ข้อมูลบนเว็บไซต์รับสมัครของพรินซ์ตัน เมลเขาก็เต็มไปด้วยจดหมาย
จดหมายส่วนใหญ่มาจากนักศึกษา แถมเรซูเม่แต่ละคนยังย่ำแย่ แทบไม่มีความสำเร็จทางวิชาการเลย
อย่างไรก็ตามตัดสินจากจดหมาย นักศึกษามากมายสนใจงานวิจัยของลู่โจว โดยเฉพาะหลังจากที่เขาพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคและชนะรางวัลคลอฟอร์ด ความสนใจที่มีต่อเขาจึงเพิ่มขึ้นสูง
บางคนก็กระทั่งพยายามติดต่อมาล่วงหน้าเป็นปี
โชคดีที่เสี่ยวไอช่วยเขา ในฐานะผู้ช่วย มันจึงจำแนกจดหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนและทิ้งลงถังขยะ
พูดตามสัตย์ ลู่โจวไม่อยากรับนักศึกษาเหลือๆเลย เขาอยากรอจนถึงสิงหาแล้วค่อยสัมภาษณ์คนที่มาเรียนช่วงฤดูใบไม้ผลิ
อย่างไรก็ตามออฟฟิศของเขาโล่งเกินไป ในฐานะศาสตราจารย์ มันแย่เกินไป
ลู่โจวตัดสินใจว่าเขาต้องหานักศึกษาอย่างน้อยสองคน และทำความคุ้นเคยกับงานของศาสตราจารย์
เสี่ยวถงเงยหน้าถาม “พี่สัมภาษณ์ที่บ้านก็ได้เหรอ?”
ลู่โจวกล่าว “ได้สิ อาจารย์ที่ปรึกษาหลายคนใช้สไกป์ในการสัมภาษณ์ อาจารย์ที่ปรึกษาที่ยุ่งๆ จะสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ด้วยซ้ำ เว้นแต่อาจารย์ที่ปรึกษาที่หัวดื้อ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัย”
การสัมภาษณ์เป็นวิธีส่วนใหญ่ที่อาจารย์ที่ปรึกษาจะทำความเข้าใจกับนักศึกษาให้ลึกขึ้น ท้ายที่สุดแล้วมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ไม่สามารถสะท้อนให้เห็นบนกระดาษ
เสี่ยวถงดูเรซูเม่กับลู่โจว จู่ๆ แววตาของเธอก็เปล่งประกาย
“โอ้ ผู้หญิงผมยาวคนนี้ค่อนข้างสวยเลย หนูคิดว่าเธอดีนะ เลือกเธอเลย!”
ลู่โจวแทบสำลักน้ำลาย
“น้องคิดว่ามันคือทินเดอร์เหรอ?!”
เสี่ยวถงงุนงง “แล้วพี่จะเลือกยังไง?”
“กำหนดเกรดต่ำสุด จากนั้นก็อ่านเรซูเม่ ใครเก่งก็ได้สัมภาษณ์ ใครไม่เก่งก็ถูกลบออก ง่ายๆแบบนั้นเลย ไปๆ ๆ ไปเล่นนู่นเลย อย่ามากวนงานพี่” ลู่โจวกล่าวและโบกมือไล่
“เชอะ งก!”
เสี่ยวถงทำหน้าล้อเลียนแล้วเดินจากไป
……………………………….