เมื่อลู่โจวส่งธีสิส เขาไม่คิดว่าธีสิสวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีจะสร้างกระแสขนาดนี้
ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นแค่ผลระหว่างกระบวนการ มันห่างไกลจากแก่นสำคัญของสมการหยาง-มิลส์ อย่างมากที่สุด เขาก็ได้ก้าวไปในสิ่งที่คนอื่นยังไม่ได้ทำ
แต่พอนักวิชาการลู่ถามคำถามด้วยความตื่นเต้นเขาถึงพบว่าสถานการณ์มันไม่ได้เรียบง่ายแบบที่เขาคิด
สถานะของสมการหยาง-มิลส์ในโลกฟิสิกส์นั้นสูงว่าตำแหน่งในโลกคณิตศาสตร์มาก
สำหรับชุมชนคณิตศาสตร์ มันเป็นแค่สมการอนุพันธ์บางส่วนที่ยาก แต่สำหรับชุมชนฟิสิกส์ มันเป็นก้าวแรกสู่ทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งฟิสิกส์เชิงทฤษฎีสมัยใหม่!
ดังนั้น ถึงมันจะเป็นก้าวเล็กๆ แต่มันก็ทำให้ทั้งโลกตกตะลึง
ท้ายที่สุดแล้ว นับตั้งแต่ที่เข้าศตวรรษที่ 21 มา นอกจากการค้นพบบางอนุภาคที่ได้คาดเดาและยืนยันโมเดลมาตรฐานหลายชิ้น มันไม่มี ‘สิ่งใหม่’ เกิดขึ้นในชุมชนฟิสิกส์เชิงทฤษฎี
แน่นอนว่านักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่ตกตะลึง คนทั่วไปที่ได้ยินข่าวนี้ผ่านช่องทางต่างๆก็รู้สึกฉงนใจเช่นกัน
ในแง่หนึ่ง คนทั่วไปพวกนี้ตื่นเต้นกว่าผู้เชี่ยวชาญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนถูกสัมภาษณ์โดยวารสารไซเอินซ์…การสัมภาษณ์ทำให้ความโด่งดังไปถึงจุดพีค
เรื่องนี้โด่งดังจนทำให้เมื่อลู่โจวกำลังกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร เขาเห็นว่านักศึกษาที่ไม่ใช่เอกฟิสิกส์อย่างแน่นอนมองดูเขาและกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเขา
นี่เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง
หลังจากคลาสทฤษฎีตัวเลข เขาถือตำราเรียนเดินออกจากห้องไป มีกลุ่มคนมาล้อมเขาที่ประตู
ลู่โจวไม่รู้ว่านักข่าวพวกนี้มาจากไหน พวกเขาหยิบกล่อง ไมโครโฟนและเครื่องอัดเสียงออกมา ก่อนที่จะจ่อพวกมันที่หน้าลู่โจว
“สวัสดีครับ ศาสตราจารย์ลู่ ผมเป็นนักข่าวจากเพนกวิ้นนิวส์ มีข่าวลือว่าคุณกำลังท้าทายสมการหยาง-มิลส์จากปัญหารางวัลมิลเลนเนียม เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
ลู่โจว “ใช่ แล้วไงเหรอ?”
“ศาสตราจารย์เถาเจ๋อเซวียนจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเคยเขียนในบล็อกส่วนตัวว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาคือการทำให้ศาสตราจารย์สนใจในปัญหา…คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
ลู่โจวตอบ “ก็ไปถามเขาสิ”
นักวิชาการที่ถูกเบียดไปด้านหลังฝูงชนก็สามารถยื่นไมโครโฟนมาจ่อหน้าลู่โจวได้
“วิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีตีพิมพ์งานของคุณ นั่นหมายความว่าคุณได้ไขปัญหารางวัลมิลเลนเนียม สมการหยาง-มิลส์แล้วใช่ไหม?”
เมื่อลู่โจวได้ยินคำถามไร้สาระนี้ เขาตอบกลับว่า “ข้อพิสูจน์ของการมีอยู่ของทางแก้เป็นแค่ผลลัพธ์ระหว่างกระบวนการ มันไม่ได้…”
“ถ้าสถาบันเคลย์ให้โบนัสคุณล้านดอลลาร์ คุณวางแผนจะใช้เงินนี้ยังไง?”
ลู่โจว “???”
คนพวกนี้ไม่รู้จักฟังบ้างเหรอ?
ไมโครโฟนถูกยื่นจ่อหน้าเขาอันแล้วอันเล่า ทำให้ลู่โจวรู้สึกท่วมท้น
โชคดีที่หวังเผิงทำงานอย่างรวดเร็วและมายืนหน้าเขา
แขนของหวังเผิงไม่ได้แน่นขนาดนั้น แต่เขาก็สามารถหาทางให้ลู่โจวหนีจากฝูงชนได้
สิบนาทีต่อมา ทางรปภ.ของมหาวิทยาลัยได้ยินข่าวนี้ แล้วกลุ่มเจ้าหน้าที่ในแจ็กเกตสีดำก็มาไล่คนพวกนี้ออกจากพื้นที่มหาวิทยาลัย
ลู่โจวจัดการพวกนักข่าวจอมตื๊อได้ในที่สุดและหลบหนีไปที่อาคารวิจัยคณิตศาสตร์ เขาถอนหายใจอย่างสบายใจแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง
หลินอวี่เซียงที่กำลังศึกษาเพื่อสอบข้าราชการเห็นสีหน้าเหนื่อยของเขา เธอลุกขึ้นเดินไปที่ตู้กดน้ำ
เมื่อลู่โจวเปิดแล็ปท็อปของเขาแล้วกำลังจะทำงาน เธอเดินมาหาเขาพร้อมกาแฟในมือและยิ้มให้
“คุณเหนื่อยไหม? ฉันชงกาแฟมาให้”
“ขอบคุณนะ” ลู่โจวหยิบกาแฟแล้วตอบอย่างสุภาพ
“ด้วยความยินดี” หลินอวี่เซียงยิ้มและพูดว่า “คราวนี้ฉันใช้กาแฟกึ่งสำเร็จรูป ไม่รู้ว่าคุณจะชอบไหม”
“อืม รสชาติดีเลย”
“เพอร์เฟกต์” หลินอวี่เซียงกุมมือแล้วมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน จากนั้นเธอพูดหยอด “ถ้างั้น…หากคุณชอบมัน ฉันจะชงให้คุณทุกวัน?”
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อเธอพูดอะไรแบบนี้ด้วยสายตาอ้อนวอน แม้แต่ผู้หญิงก็จะเขินบิดอย่างช่วยไม่ได้ คนรักสันโดษที่ไม่เคยมีความรักก็ไม่น่ารอด
แต่ในขณะที่เธอคิดถึงเรื่องนี้…
ลู่โจวพูดขึ้นว่า “คุณไม่ต้องชงทุกวันก็ได้ ผมไม่ได้มาที่นี่ทุกวัน”
หลินอวี่เซียง “…???”
ลู่โจวไม่รู้ว่าที่เขาพูดไปมันผิดหรือทำให้เธอขุ่นเคือง แต่เมื่อหลินอวี่เซียงกลับไปนั่งที่ด้วยท่าทีตึงตัง ลู่โจวรู้สึกว่าเธอน่าจะ…อารมณ์ไม่ดี?
ช่างมัน ใครจะไปสนใจ
ลู่โจวเป่าแก้วกาแฟก่อนจะดื่มมัน เขาวางแก้วกาแฟไว้ข้างๆ แล้วเปิด arXiv จากนั้นเขาเริ่มเช็กการพัฒนาล่าสุดในสาขาวิจัยที่เขาติดตาม
เขาต้องยอมรับว่านักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีเป็นคนพวกรักสันโดษจริงๆ
เขายังจำได้ว่าช่วงไม่กี่เดือนหลังจากเขาค้นพบ 750 GeV arXiv แตกตื่นกับ ‘อนุภาคลึกลับ’ ที่อยู่นอกโมเดลมาตรฐาน
และเรื่องที่เหมือนกันก็เป็นจริงตอนนี้
ธีสิสหลายฉบับที่มีคำอย่าง ‘แอล แมนิโฟลด์’ และ ‘สมการหยาง-มิลส์’ เริ่มปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์
สิ่งที่ทำให้เขารำคาญที่สุดคือหลังจากที่เขาอ่านธีสิสพวกนี้ดู เขาไม่เจออะไรที่มีประโยชน์
โดยสรุป เขารู้สึกว่าธีสิสพวกนี้ถูกเขียนอย่างเร่งรีบ เพื่อที่แค่จะใส่คำในกระแส…
ทันใดนั้น มีกล่องข้อความปรากฏขึ้นที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
[เจ้านาย ท่านได้รับข้อความอีเมล!]
อีเมล
ลู่โจวเห็นกล่องข้อความของเสี่ยวไอและเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาคลิกลิงก์ในกล่องข้อความ
อีเมลถูกส่งมาจากสถาบันคณิตศาสตร์เคลย์ และผู้ส่งคือคาริสัน ประธานบอร์ดที่ปรึกษาสาขาวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันเคลย์ พวกเขาเป็นคนรู้จักกัน เขาก็เลยยังจำคาริสันได้
ในอีเมล ศาสตราจารย์คาริสันแสดงคำขอบคุณสำหรับงานที่ลู่โจวทำ และเขาได้ขอมาหนึ่งเรื่อง เขาหวังว่าลู่โจวจะสามารถพรีเซนต์รายงานข้อพิสูจน์ของเขาต่อชุมชนวิชาการนานาชาติ
ถ้าลู่โจวไม่มีพลังงานจะทำรายงาน สถาบันเคลย์ยินดีที่จะช่วยเหลือ
หลังจากลู่โจวอ่านอีเมลฉบับนี้ เขาคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาเขียนตอบกลับ
[ผมจะพิจารณาข้อเสนอของคุณอย่างจริงจัง]
ถึงแม้ว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะจัดการรายงานนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ในความเห็นของเขา ผลลัพธ์ระหว่างกระบวนการไม่ได้มีค่าพอที่จะรายงาน แต่หลังจากเขาเห็นธีสิสขยะพวกนี้บน arXiv เกี่ยวกับ แอล-แมนิโฟลด์ เขารู้สึกว่าเขาต้องลุกขึ้นมาอธิบายทฤษฎีของเขาให้โลกได้รับรู้ในแบบที่ละเอียดมากขึ้น
ถ้าเขาสามารถดึงดูดกลุ่มผู้คนที่มีความสามารถให้เขาสู่สายนี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยของเขาอย่างมาก
อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะได้เจอธีสิสที่เหมาะกับการอ้างอิง
ลู่โจวกำลังคิดว่าเขาจะทำรายงานแบบไหน และเขาได้ยินเสียงเคาะประตูออฟฟิศ จากนั้นเขาเห็นอาจารย์ใหญ่สวี่อาจารย์ใหญ่สวี่เดินเข้ามา
“เอ่อ ศาสตราจารย์ลู่”
เมื่อลู่โจวเห็นสีหน้าแตกตื่นของผู้เฒ่าสวี่ เขานิ่งไปชั่วครู่
“มีอะไรเหรอครับ?”
อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรนักหรอก มันก็แค่ว่า…คุณเพิ่งสร้างผลการวิจัยที่ยอดเยี่ยม ตามธรรมเนียมของชุมชนคณิตศาสตร์ คุณควรจะทำรายงานอะไรทำนองนี้ใช่ไหม?”
“มันเป็นธรรมเนียม…”
อาจารย์ใหญ่สวี่พูดขึ้นทันทีว่า “งั้นคุณคิดว่าหอประชุมใหญ่ที่วิทยาเขตเก่าเป็นไง?”
ลู่โจวรู้ในทันทีว่าอาจารย์ใหญ่กำลังพูดเรื่องอะไร เขาเลยยิ้มและตอบกลับ “นั่นเยี่ยมเลยครับ ขอบคุณ”
อาจารย์ใหญ่สวี่โบกมือและยิ้ม
“ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลไป! จะว่าไปคุณคิดว่าเป็นเวลาไหนดีล่ะ?”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบกลับ “ช่วงเดือนพฤษภาคมไหมครับ”
…………………………………………………..