23อาเรีย ล็อคเวิด
—
พวกเรา ออกเดินทางจากเมืองเดลลีนได้หนึ่งชม.
โนแวม คุณเซลฟี่ อาเรีย และผมมาเพื่อล่ามอนสเตอร์
ณ ชายขอบป่า มอนเตอร์ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ก็ได้ปรากฎตัวขึ้น
ถึงการออกล่าในป่าจะอันตราย แต่ด้วยพวกเราสี่คน…ไม่สิ สามคนก็คงจะทำอะไรกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้บ้างล่ะ
“ไรเอล พร้อมแล้วค่ะ”
เมื่อโนแวมเตรียมตัวเสร็จ ผมก็ฟันก็อบลินที่พุ่งเข้ามา
เมื่อก็อบลินใช้มือขวาที่ถือกระบองออกมาต้านไว้ และเสียหลักจนไหล่เปิดแล้ว ผมจึงกระโดดถอยหลังไป
“โนแวมเอาเลย! “
โนแวมปล่อยเวทมนต์ตามที่ผมสั่ง
“หอกน้ำแข็ง! “
แท่งน้ำแข็งปรากฎขึ้นจากพื้นดินพุ่งไปบนอากาศและตกลงมาใส่ก็อบลินแท่งแล้วแท่งเล่า
ก็อบลินพวกนี้เราต้องเข้าไปล่อจากในป่าแล้วพาพวกมันออกมา
หลังจากนั้นจึงร่วมมือสู้กับพวกมันเป็นทีม แต่เพื่อให้เกิดสถานการณ์ตอนนี้ขึ้นนั้นก็ต้องมีคนทำหน้าที่เป็นเหยื่อล่อซะก่อน
ซึ่งทั้งหมดจะปราศจากความช่วยเหลือจากคุณเซลฟี่
ด้วยงานในฐานะที่ปรึกษา เธอจะเข้ามาแทรกก็ต่อเมื่อพวกเราทำอะไรที่เกิดตัว หรือเกิดอันตรายขึ้นกับพวกเราเท่านั้น
ทำให้ผมยอมรับหน้าที่เป็นตัวล่อ
ถ้าตามปกติผมก็คงเข้าไปในป่า ตะโกน แล้วก็วิ่ง…แต่ผมมีสกิลของบรรพบุรุษ
ยิ่งของรุ่นที่สี่นี่ดีมากเลยล่ะ
เมื่อเริ่มอธิบายสกิลของตัวเอง ภาพการดันแว่นของเขาก็เข้ามาในหัวของผมโดยอัตโนมัติ
[สกิลของข้าช่วยในการเพิ่มความเร็ว ใช้งานง่าย และใช้พลังเวทน้อย แม้แต่ไรเอลตอนนี้ก็ไม่ถือว่ากินพลังเวทมากเท่าไหร่ด้วย]
รุ่นที่สองมองดูการต่อสู้และให้คำแนะนำผม
[ถึงเจ้าจะใช้ ‘เต็มพิกัด’ เพื่อใช้ ‘ความเร็ว’ ของรุ่นที่สี่ได้…แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าจะใช้สกิลอื่นพร้อมกันไปมากกว่านี้ไม่ไหวล่ะนะ]
เมื่อพยายามจะใช้สกิล ‘ค้นหา’ ของรุ่นที่ห้าอีก พลังเวทของผมจึงลดฮวบทันที
ผมดูศัตรูรอบๆ แล้วล่อก็อบลินที่ดูง่ายต่อการล่าออกมา
ถึงป่าจะรก และเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แต่ด้วยสกิลของรุ่นที่สี่ผมก็สามารถหลบหนีพวกมันมาได้
มันถือเป็นสกิลช่วยชีวิตในที่ๆ ยากต่อการเคลื่อนตัวเลยล่ะ
พอรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว ทำให้ผมล่ามอนสเตอร์ตัวคนเดียวในป่าได้สบาย
สำหรับตอนนี้ ผมต้องการที่จะล่ามอนสเตอร์เพื่อเติบโตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มากกว่าการรวบรวมของขาย
พอการต่อสู้จบลงผมก็มองไปรอบๆ
“โนแวม เธอพักก่อนเถอะ อาเรียอยู่กับเธอไว้นะ…ข้าจะไปเก็บของรอบๆ ก่อน”
สิ่งที่ได้จากก็อบลินจะเป็นพวกอุปกรณ์สวมใส่ที่พวกมันถือมากับหินเวทมนต์ภายในตัวของมันแค่นั้น
ถึงผมจะได้ยินมาว่าเอาหนังไปทำชุดได้ แต่การใช้หนังจากมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายมนุษย์มาทำชุดน่ะมัน…
ความลังเลนี้เป็นหลักฐานว่าพวกเรายังไม่ชินกับงานนนักผจญภัย
เมื่อมองวิธีการล่าของเรา คุณเซลฟี่ก็ปรบมือให้
“เจ้าเก่งขึ้นเยอะเลยนี่? มีทั้งโนแวมที่ควบตำแหน่งสำคัญ อย่างนักเวทกับฮิลเลอร์ และการที่มีแนวหน้าคอยปกป้องเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้”
คุณเซลฟี่ชม แต่อาเรียเธอกลับก้มหน้าต่ำ
เธอคงคิดว่าตัวเองแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
“ในเมื่อเจ้าดูคล่องกว่าแต่ก่อนแล้ว งั้นมาเริ่มงานต่อไปกันเถอะ ถึงปกติพอพวกเราล่าเสร็จก็ควรจะเก็บเงินทุนเตรียมไว้งานข้างหน้า
แต่…พวกเจ้าตอนนี้ค่อนข้างมีเงินเก็บอยู่แล้ว ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ต้องเน้นหาเงินตอนนี้ล่ะนะ”
เงินที่ว่าเธอคงหมายถึงเงินที่ขอมาจากเจ้าเมืองเพื่อใช้ในการปราบกองโจร
ถ้าเราเอาเงินพวกนั้นมาใช้สักหน่อย พวกเราไม่ต้องทำงานไปสักพักยังได้เลย แต่มันก็ไม่ดีนั่นล่ะ
เพราะผมก็ยังมีภาพลักษณ์เป็นไอ้ง้าวไรเอลแห่งเดลลีนอยู่ด้วย
‘ถึงเราจะเป็นคนเลือกเองก็เถอะ แต่ก็ยังจี๊ดใจอยู่ดี’
ผมที่ต้องอดทนกับคำเรียกนี้ ถ้ายังไปทำตัวเหมือนคำด่านั้นอีกยิ่งไปกันใหญ่เลย
ผมเดินเข้าไปหาก็อบลินที่โดนหอกน้ำแข็งเสียบเพื่อเก็บหินเวทและอุปกรณ์ของมัน
แต่อาเรียก็จับไหล่ผมไว้ซะก่อน
“ฉันจะทำเอง ไรเอลไปเฝ้าระวังเถอะ”
“เอ๋? แต่…”
เธอคงจะเกลียดความไร้ประโยชน์ของตัวเอง เลยต้องการเก็บซากก็อบลินเพื่อชดเชย
คุณเซลฟี่เกาแก้มและทำท่ายกการตัดสินใจนี้ให้ผม โนแวมก็เช่นกัน เธอเอาแต่มองมาที่ผม
ทำตามใจเจ้าเลย พวกเธอคงจะสื่อแบบนี้ล่ะ
ในเวลานี้ ผมคิดว่าจะได้ยินเสียงของรุ่นที่หนึ่งตะโกนประมาณว่า ‘อย่ากดดันหนูอาเรียนะ! ‘
แต่เสียงของเขาก็ไม่ได้ดังออกมา
[ไรเอล คนเฝ้าระวังก็สำคัญนะ เจ้าควรให้คนที่ยังมีแรงเหลืออยู่เยอะอย่างอาเรียเป็นคนทำมากกว่า
เอาไว้เจ้าเก็บหินเวทเสร็จค่อยไปพักก็ได้]
เป็นรุ่นที่สองที่ตอบกลับมาแทน
ผมมองไปที่หน้าของอาเรียแล้วลังเลที่จะพูดตามดังว่า รุ่นที่สองจังอธิบายต่อ
[…ถ้าเธอยังทำแค่เฝ้าระวังยังไม่ได้ ก็อย่าให้เธอไปทำอย่างอื่นเพิ่มเลย ทั้งๆ ที่เจ้ามอบหน้าที่สำคัญให้เธอแล้ว
แต่นี่เธออยากเปลี่ยนตำแหน่งเพียงเพราะไม่พอใจ ใช่มั้ยล่ะ? หัวหน้าปาร์ตี้ตอนนี้ไม่ใช่โนแวมหรือเซลฟี่นะ แต่เป็นเจ้า
ถ้าเจ้าไม่แข็งไว้แต่ตอนนี้ อีกหน่อยเจ้าจะกลายเป็นผู้นำที่ไม่ได้เรื่องก่อนที่จะรู้ตัวซะอีกนะ]
ผมที่พอใจกับความเห็นของเขา หันไปมองอาเรีย
“…ข้าจะเก็บซากมันเอง เจ้าไปเฝ้าระวังเถอะ อาเรีย”
อาเรียทำหน้าสลด
รุ่นที่สามพูดขึ้น
[ข้าเข้าใจเธอนะ! อยากจะทำให้เต็มที่ แต่กลับไม่มีอะไรให้ทำซะนี่ ไม่ได้หมายความว่าเธอดูถูกการเฝ้าระวังหรอก]
แต่รุ่นที่สองก็ยังคงยืนยันคำเดิม
ถ้าเทียบกับความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้โนแวมแล้ว รุ่นที่สองก็ไม่รู้สึกอะไรกับอาเรียเลยล่ะ
“อาเรีย”
พอผมถามย้ำ อาเรียก็ตอบเสียงค่อยแล้วกลับไปเฝ้าระวังเหมือนเดิม
หลังสูดหายใจลึก ผมก็เริ่มชำแหละเอาหินเวทจากศพของก็อบลิน
.
.
.
พอเข้ามาในป่าเพื่อล่อมอนสเตอร์อีกครั้ง ผมก็สังเกตรอบๆ
ด้วยผลของสกิล ผมก็สัมผัสได้ถึงการตอบสนองจากมอนสเตอร์จำนวนมาก
“ก็อบลิน แล้วก็กระต่ายมีเขา? พวกมันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
พอผมพูดถึงกระต่ายเขา รุ่นที่หนึ่ง และบรรพบุรุษคนอื่นก็พูดออกมาทันที
[เจ้าพูดว่ากระต่ายเขางั้นเรอะ!? ฆ่ามันซะ! ล้างเผ่าพันธุ์พวกมันพวกมันอย่าให้เหลือ! ]
รุ่นที่สองก็พูดทำนองเดียวกัน
เนื่องจากต้นไม้ขึ้นถี่ติดกัน ผมจึงกำลังใช้มีดดายหญ้าเพื่อถางทาง แต่เขาตะโกนมาซะก่อน
[ฆ่าศัตรูพืชพวกนั้นซะ! อย่าให้เหลือ! ห้ามเมตตาพวกมันด้วย! ]
รุ่นที่สามที่ปกติจะเงียบๆ ก็ไม่เว้น
เขาแสดงความเกรี้ยวกราดที่เห็นได้ไม่บ่อยนักออกมา
[ฮะฮ่าฮ่าฮ่า…ไรเอล ถ้าจะป้องกันไร่ผัก การปล่อยพวกมันไว้เพียงตัวเดียวก็ถือว่ามากไป
จงยินดีเถอะที่เจ้าเจอแหล่งประสบการณ์สำหรับการเติบโต และชาวนาก็จะยินดีที่ไม่มีพวกมันมาคอยทำลายไร่อีก ทุกคนจะมีแต่ความสุข]
เพราะผมออกมาล่อมอนฯ คนเดียวก็เลยส่งเสียงตอบกลับไป
“พวกคุณจะน่ากลัวไปแล้ว เกลียดกระต่ายเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
รุ่นที่หนึ่งตอบแทนทุกคน
[เจ้ารู้รึเปล่าว่าไร่นาของพวกข้าโดยพวกมันทำลายไปมหาศาลขนาดไหนน่ะ!? ถ้าเจ้าพบพวกมัน จงไล่ฆ่าไปยันสุดขอบโลก…]
แต่ก็มีอยู่คนนึงที่มีความเห็นต่างออกไป
รุ่นที่ห้า
[…จะดีหรือ? เจ้าควรจะปล่อยพวกมันไป เพราะถ้าเจ้าไม่ไปโจมตีก่อน พวกมันก็จะไม่ทำอะไรเจ้าเลยนะ]
ผมประหลาดใจว่ารุ่นที่ห้าก็มีด้านอ่อนโยนด้วย แต่คนอื่นๆ ไม่ยอมล่ะ
โดยเฉพาะรุ่นที่หนึ่ง สอง และสาม ที่พอมองเห็นพวกมันก็เดือดดาลจนน่าฉงน
[โฮ้ว นี่เจ้าคิดว่าพวกมันน่ารักงั้นเรอะ!? เห็นขนปุ้กปุยของพวกมันนั่นมั้ย ข้าอยากจะถลกมันออกมาให้เหี้ยน!! ]
[ใช่! พวกมันทำให้พวกเราหลั่งน้ำตามามากแค่ไหน เจ้ารู้มั้ย!? ]
[เจอ~ เมื่อไหร่ ตาย~ เมื่อนั้น! ]
รุ่นที่ห้าถอยมาหาผม
[อย่ามาเกาะแกะข้า! พวกมันไม่ช่วยให้เติบโตเร็วขึ้นสักหน่อย! ไรเอล ไปหามอนสเตอร์ตัวอื่นเดี๋ยวนี้เลย! ]
การที่พวกเขาโวยวายมันใช้พลังเวทของผมอีกแล้ว ยังดีที่ผมฟื้นพลังเวทมาจากการพักเมื่อครู่
แต่มันก็มีจำกัด
“พวกคุณหยุดสักที ถ้าสลบที่นี่ข้าต้องตายแน่! “
ผมว่าเหล่าบรรพบุรุษเพื่อให้พวกเขาหยุด ก่อนจะเริ่มค้นหามอนสเตอร์อีกครั้ง
เมื่อครู่ ผมตรวจเจอแต่กระต่ายเขามากที่สุด
“พลังเวทของเราต้องมาเสียไปเพราะการโหวกเหวกอะไรก็ไม่รู้”
ผมเจอกระต่ายเขาขนขาวปุกปุยอยู่ใกล้ๆ
ผมกระชับมีดขึ้นในมือ ส่วนมันก็ขู่ผมด้วยการเปิดปากให้เห็นฟันแหลมๆ
เจ้าตัวนี้มันน่าจะโตเต็มวัยแล้ว? แล้วตาแหลมๆ ของมันก็ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย
พอมันขู่เสร็จก็กระโดดดึ๋งๆ มาข้างหน้า
[หลับไปด้านข้างแล้วก็ฟันมันซะ กระต่ายเขามันเปลี่ยนทิศกลางอากาศได้]
ผมทำตายคำสั่งของรุ่นที่หนึ่ง
มันเล็งเขาแหลมและกระโจนเข้าใส่ ผมก้าวเท้าหลบไปด้านข้าง และฟันกระต่ายเขาที่พุ่งผ่านไป
การลงมีดหนึ่งครั้งทำให้ขนขาวนวลของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
[ม่ายยยยย!! ]
รุ่นที่ห้ากรีดร้อง
‘ปกติเขาเย็นชาจะตาย แต่กับสัตว์เนี่ยนะ? หรือเขาจะชอบของน่ารักๆ ? ‘
ถ้าเขายังโหยหวนยาวอีกหน่อย ผมคงจะทรุดกลางป่าแหง
‘น่าจะพอแล้วล่ะ’
ผมจึงเข้าไปยืนยันว่ากระต่ายเขาตายหรือยัง และเอาศพของมันใส่กระเป๋าก่อนจะออกจากป่า
.
.
.
ผมออกจากป่ามายังจุดนัดพบ และเจอโนแวมที่กำลังโบกมือให้
แต่เธอกลับดูแปลกๆ
ส่วนอาเรียที่เห็นผมปรากฎตัวพร้อมกับกระเป๋าหนังก็น้ำตาร่วง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”
ผมถามโนแวม แต่คุณเซลฟี่เป็นคนตอบคำถามแทน
“อ่า~ เพราะข้าไปบอกเธอว่าให้ตั้งใจมากกว่านี้ แค่นิดหน่อยเอง”
คุณเซลฟี่ดุเธอในฐานะที่ปรึกษา
คงมีบางอย่างเกิดขึ้นตอนที่ผมไม่อยู่ คุณเซลฟี่ถึงทำตัวงุ่มง่ามแบบนั้น
[การดุลูกสาวของอดีตหัวหน้าตัวเองคงจะลำบากใจเธอล่ะมั้ง]
ผมคิดตามรุ่นที่สอง ถึงความรุ้สึกของคุณเซลฟี่ที่ให้เธอมาเข้าปาร์ตี้และคอยดูเธอ
‘เธอคงจะทิ้งอาเรียไม่ได้ เพราะจากที่เจ้าเมืองเวนตราบอกให้คุณเซลฟี่ทำงานหนักขึ้น
แลกกับการไว้ชีวิตครอบครัวล็อคเวิดหรือเปล่านะ’
คุณเซลฟี่เป็นนักผจญภัยที่ขึ้นตรงกับเจ้าเมืองเวนตรา
โดยเธอทำหน้าที่คอยสอดส่องและรายงานสถานการณ์ของบ้านเมืองกับกิลด์นักผจญภัยให้เขา
มันไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไร และการันตีถึงความสามารถของคุณเซลฟี่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างตอนที่คนน่าสงสัยแบบผมมาที่เมืองนี้ กิลด์เลยแนะนำที่ปรึกษาให้
จนเรื่องที่พวกผมเป็นอดีตขุนนางความแตกก็เพราะเธอเลยนะ
[อาเรียอายุราว 15-16 นี่? ถึงวัยของเธอจะเอาใจยากไปหน่อยแต่ประวัติเธอก็ไม่แย่ และในเมื่อเธอก็ต้องพึ่งพาไม่เจ้าก็เซลฟี่อยู่แล้ว
ถ้าเจ้าจะมุ่งเป้าไปที่นักผจญภัยชั้นยอดเธอก็ถือเป็นกำลังต่อสู้ที่ดีนะ]
รุ่นที่หนึ่งไม่ได้ขัดความเห็นของรุ่นที่สอง
ช่วงนี้รุ่นที่หนึ่ง…ไม่ค่อยเกรี้ยวกราดเลย
‘หรือเขาจะยอมรับเราแล้วกันนะ? ‘
[แต่การที่เธอเอาแต่ดูถูกตัวเองแบบนี้ เราไปหวังกับโนแวมกันแทนดีกว่า]
รุ่นที่สองออกความเห็นอย่างไม่สนใคร และผมก็คิดว่าพวกผู้หญิงคงจะมีเรื่องที่อยากคุยกันเฉพาะพวกเธอด้วยล่ะมั้ง
“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ ไรเอล? “
คุณเซลฟี่ถามความเห็นของผมหลังจากปรับอารมณ์ได้
แต่อาเรียต้องการล่าต่อ
“ฉันจะเป็นคนไปล่อเอง! ล่าต่อกันเถอะ วันนี้ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็…”
พอได้ยินเธอพูด รุ่นที่สองก็ออกความเห็น
และผมเชื่อในตัวเขา ไม่ใช่ในฐานะผจญภัย แต่ในฐานะของผู้นำคนของเขา
[กลับกันเถอะ ข้าเห็นเจ้ากับโนแวมเหนื่อยแล้ว ที่ปรึกษาอย่างเซลฟี่ก็นับเป็นกำลังรบไม่ได้ ส่วนอาเรียก็ไม่ต้องพูดถึง
อีกอย่าง เจ้าก็ทำยอดของวันนี้ถึงเป้าแล้วนี่]
รุ่นที่สองมองพวกเรา และบอกให้ผมกลับ
และผมก็เห็นเช่นเดียวกัน
เพราะความเหนื่อยของผมมันค่อนข้างหนัก
‘ถ้าพวกเขาไม่โวยวายในป่า เราก็อาจจะไปต่ออีกสักรอบได้ล่ะนะ’
ปล่อยผ่านเรื่องน่าเศร้าไป ผมก็ออกคำสั่งให้กลับเมืองกัน
“…กลับกันเถอะ เราได้เงินพอแล้ววันนี้”
คุณเซลฟี่ดูโล่งใจเล็กน้อย เธอคงคิดว่าผมอยากไปต่อ
ส่วนโนแวมก็ไม่ได้ออกความเห็น
ถึงเธอจะไม่แสดงออกมาว่าเหนื่อย แต่ความตึงเครียดจากการต่อสู้ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอดูเชื่องช้าไปเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม อาเรียยังข้องใจอยู่
“เดี๋ยวสิ! ฉันยังไหวอยู่นะ จะไปล่อให้เอง! “
คุณเซลฟี่ถอนหายใจ และรุ่นที่สองก็พูดขึ้น
[ไรเอล ในเมื่อเจ้าพูดออกไปแล้ว ก็จงไปทำให้อาเรียเข้าใจเถอะ]
‘คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน…’
ถึงผมจะไม่อยากทำ แต่ก็ช่วยไม่ได้
ความผิดพลาดที่เกิดจากความเหนื่อยล้า จะส่งผลต่ออนาคตของพวกเรา
แล้วถึงจะล่าอีกรอบไหว แต่การกลับเมืองด้วยสภาพหมดแรงแล้วไปเจอกับมอนเตอร์ระหว่างทางล่ะก็ พวกเราแย่แน่
“โนแวมกับข้าไม่ไหวแล้ว ไหนจะพวกเราอาจจะหมดแรงระหว่างทางกลับอีก และข้าก็อยากกลับไปเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้ด้วยน่ะ”
อาเรียเงียบลง
เธอคงเข้าใจแล้วว่าการไปต่อคนเดียวมันไม่ไหว
แต่ก็แค่นั้น เธอยังดูไม่ยอมรับเท่าไหร่
“เฮ้ ไปกันได้แล้ว เช็คของให้พร้อมแล้วลุกขึ้นเร็ว! “
พวกเราเตรียมตัวกลับเมืองตามคำเร่งของคุณเซลฟี่ทันที
รุ่นที่หนึ่งกระซิบ
[ไรเอล วันนี้แวะมาเข้ามาในอัญมณีหน่อยนะ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย]
น่าจะเป็นเรื่องของอาเรียกระมัง ผมแตะอัญมณีบนอกเพื่อตอบกลับไป
ผมสังเกตรอบๆ และพบว่าโนแวมแอบเหล่มองไปที่อาเรียอยู่บ่อยครั้งระหว่างเก็บของ
ไม่ถึงกับจ้องเขม็งอะไร เธอก็แค่มองอยู่ครู่นึงก่อนจะกลับมามองกระเป๋าของตัวเองเพื่อเก็บของต่อล่ะ
‘ทำไมโนแวมถึงมองอาเรียแบบนั้นกันนะ? ‘
—-