Sevens – ตอนที่ 23 อาเรีย ล็อคเวิด

23อาเรีย ล็อคเวิด

 

 

พวกเรา ออกเดินทางจากเมืองเดลลีนได้หนึ่งชม.

 

โนแวม คุณเซลฟี่ อาเรีย และผมมาเพื่อล่ามอนสเตอร์

 

ณ ชายขอบป่า มอนเตอร์ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ก็ได้ปรากฎตัวขึ้น

 

ถึงการออกล่าในป่าจะอันตราย แต่ด้วยพวกเราสี่คน…ไม่สิ สามคนก็คงจะทำอะไรกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้บ้างล่ะ

 

“ไรเอล พร้อมแล้วค่ะ”

 

เมื่อโนแวมเตรียมตัวเสร็จ ผมก็ฟันก็อบลินที่พุ่งเข้ามา

 

เมื่อก็อบลินใช้มือขวาที่ถือกระบองออกมาต้านไว้ และเสียหลักจนไหล่เปิดแล้ว ผมจึงกระโดดถอยหลังไป

 

“โนแวมเอาเลย! “

 

โนแวมปล่อยเวทมนต์ตามที่ผมสั่ง

 

“หอกน้ำแข็ง! “

 

แท่งน้ำแข็งปรากฎขึ้นจากพื้นดินพุ่งไปบนอากาศและตกลงมาใส่ก็อบลินแท่งแล้วแท่งเล่า

 

ก็อบลินพวกนี้เราต้องเข้าไปล่อจากในป่าแล้วพาพวกมันออกมา

 

หลังจากนั้นจึงร่วมมือสู้กับพวกมันเป็นทีม แต่เพื่อให้เกิดสถานการณ์ตอนนี้ขึ้นนั้นก็ต้องมีคนทำหน้าที่เป็นเหยื่อล่อซะก่อน

ซึ่งทั้งหมดจะปราศจากความช่วยเหลือจากคุณเซลฟี่

 

ด้วยงานในฐานะที่ปรึกษา เธอจะเข้ามาแทรกก็ต่อเมื่อพวกเราทำอะไรที่เกิดตัว หรือเกิดอันตรายขึ้นกับพวกเราเท่านั้น

 

ทำให้ผมยอมรับหน้าที่เป็นตัวล่อ

 

ถ้าตามปกติผมก็คงเข้าไปในป่า ตะโกน แล้วก็วิ่ง…แต่ผมมีสกิลของบรรพบุรุษ

 

ยิ่งของรุ่นที่สี่นี่ดีมากเลยล่ะ

 

เมื่อเริ่มอธิบายสกิลของตัวเอง ภาพการดันแว่นของเขาก็เข้ามาในหัวของผมโดยอัตโนมัติ

 

[สกิลของข้าช่วยในการเพิ่มความเร็ว ใช้งานง่าย และใช้พลังเวทน้อย แม้แต่ไรเอลตอนนี้ก็ไม่ถือว่ากินพลังเวทมากเท่าไหร่ด้วย]

 

รุ่นที่สองมองดูการต่อสู้และให้คำแนะนำผม

 

[ถึงเจ้าจะใช้ ‘เต็มพิกัด’ เพื่อใช้ ‘ความเร็ว’ ของรุ่นที่สี่ได้…แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าจะใช้สกิลอื่นพร้อมกันไปมากกว่านี้ไม่ไหวล่ะนะ]

 

เมื่อพยายามจะใช้สกิล ‘ค้นหา’ ของรุ่นที่ห้าอีก พลังเวทของผมจึงลดฮวบทันที

 

ผมดูศัตรูรอบๆ แล้วล่อก็อบลินที่ดูง่ายต่อการล่าออกมา

 

ถึงป่าจะรก และเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แต่ด้วยสกิลของรุ่นที่สี่ผมก็สามารถหลบหนีพวกมันมาได้

 

มันถือเป็นสกิลช่วยชีวิตในที่ๆ ยากต่อการเคลื่อนตัวเลยล่ะ

 

พอรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว ทำให้ผมล่ามอนสเตอร์ตัวคนเดียวในป่าได้สบาย

 

สำหรับตอนนี้ ผมต้องการที่จะล่ามอนสเตอร์เพื่อเติบโตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มากกว่าการรวบรวมของขาย

 

พอการต่อสู้จบลงผมก็มองไปรอบๆ

 

“โนแวม เธอพักก่อนเถอะ อาเรียอยู่กับเธอไว้นะ…ข้าจะไปเก็บของรอบๆ ก่อน”

 

สิ่งที่ได้จากก็อบลินจะเป็นพวกอุปกรณ์สวมใส่ที่พวกมันถือมากับหินเวทมนต์ภายในตัวของมันแค่นั้น

 

ถึงผมจะได้ยินมาว่าเอาหนังไปทำชุดได้ แต่การใช้หนังจากมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายมนุษย์มาทำชุดน่ะมัน…

 

ความลังเลนี้เป็นหลักฐานว่าพวกเรายังไม่ชินกับงานนนักผจญภัย

 

เมื่อมองวิธีการล่าของเรา คุณเซลฟี่ก็ปรบมือให้

 

“เจ้าเก่งขึ้นเยอะเลยนี่? มีทั้งโนแวมที่ควบตำแหน่งสำคัญ อย่างนักเวทกับฮิลเลอร์ และการที่มีแนวหน้าคอยปกป้องเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้”

 

คุณเซลฟี่ชม แต่อาเรียเธอกลับก้มหน้าต่ำ

 

เธอคงคิดว่าตัวเองแทบไม่ได้ทำอะไรเลย

 

“ในเมื่อเจ้าดูคล่องกว่าแต่ก่อนแล้ว งั้นมาเริ่มงานต่อไปกันเถอะ ถึงปกติพอพวกเราล่าเสร็จก็ควรจะเก็บเงินทุนเตรียมไว้งานข้างหน้า

แต่…พวกเจ้าตอนนี้ค่อนข้างมีเงินเก็บอยู่แล้ว ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ต้องเน้นหาเงินตอนนี้ล่ะนะ”

 

เงินที่ว่าเธอคงหมายถึงเงินที่ขอมาจากเจ้าเมืองเพื่อใช้ในการปราบกองโจร

 

ถ้าเราเอาเงินพวกนั้นมาใช้สักหน่อย พวกเราไม่ต้องทำงานไปสักพักยังได้เลย แต่มันก็ไม่ดีนั่นล่ะ

 

เพราะผมก็ยังมีภาพลักษณ์เป็นไอ้ง้าวไรเอลแห่งเดลลีนอยู่ด้วย

 

‘ถึงเราจะเป็นคนเลือกเองก็เถอะ แต่ก็ยังจี๊ดใจอยู่ดี’

 

ผมที่ต้องอดทนกับคำเรียกนี้ ถ้ายังไปทำตัวเหมือนคำด่านั้นอีกยิ่งไปกันใหญ่เลย

 

ผมเดินเข้าไปหาก็อบลินที่โดนหอกน้ำแข็งเสียบเพื่อเก็บหินเวทและอุปกรณ์ของมัน

 

แต่อาเรียก็จับไหล่ผมไว้ซะก่อน

 

“ฉันจะทำเอง ไรเอลไปเฝ้าระวังเถอะ”

 

“เอ๋? แต่…”

 

เธอคงจะเกลียดความไร้ประโยชน์ของตัวเอง เลยต้องการเก็บซากก็อบลินเพื่อชดเชย

 

คุณเซลฟี่เกาแก้มและทำท่ายกการตัดสินใจนี้ให้ผม โนแวมก็เช่นกัน เธอเอาแต่มองมาที่ผม

 

ทำตามใจเจ้าเลย พวกเธอคงจะสื่อแบบนี้ล่ะ

 

ในเวลานี้ ผมคิดว่าจะได้ยินเสียงของรุ่นที่หนึ่งตะโกนประมาณว่า ‘อย่ากดดันหนูอาเรียนะ! ‘  

แต่เสียงของเขาก็ไม่ได้ดังออกมา

 

[ไรเอล คนเฝ้าระวังก็สำคัญนะ เจ้าควรให้คนที่ยังมีแรงเหลืออยู่เยอะอย่างอาเรียเป็นคนทำมากกว่า

เอาไว้เจ้าเก็บหินเวทเสร็จค่อยไปพักก็ได้]

 

เป็นรุ่นที่สองที่ตอบกลับมาแทน

 

ผมมองไปที่หน้าของอาเรียแล้วลังเลที่จะพูดตามดังว่า รุ่นที่สองจังอธิบายต่อ

 

[…ถ้าเธอยังทำแค่เฝ้าระวังยังไม่ได้ ก็อย่าให้เธอไปทำอย่างอื่นเพิ่มเลย ทั้งๆ ที่เจ้ามอบหน้าที่สำคัญให้เธอแล้ว

แต่นี่เธออยากเปลี่ยนตำแหน่งเพียงเพราะไม่พอใจ ใช่มั้ยล่ะ? หัวหน้าปาร์ตี้ตอนนี้ไม่ใช่โนแวมหรือเซลฟี่นะ แต่เป็นเจ้า

ถ้าเจ้าไม่แข็งไว้แต่ตอนนี้ อีกหน่อยเจ้าจะกลายเป็นผู้นำที่ไม่ได้เรื่องก่อนที่จะรู้ตัวซะอีกนะ]

 

ผมที่พอใจกับความเห็นของเขา หันไปมองอาเรีย

 

“…ข้าจะเก็บซากมันเอง เจ้าไปเฝ้าระวังเถอะ อาเรีย”

 

อาเรียทำหน้าสลด

 

รุ่นที่สามพูดขึ้น

 

[ข้าเข้าใจเธอนะ! อยากจะทำให้เต็มที่ แต่กลับไม่มีอะไรให้ทำซะนี่ ไม่ได้หมายความว่าเธอดูถูกการเฝ้าระวังหรอก]

 

แต่รุ่นที่สองก็ยังคงยืนยันคำเดิม

 

ถ้าเทียบกับความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้โนแวมแล้ว รุ่นที่สองก็ไม่รู้สึกอะไรกับอาเรียเลยล่ะ

 

“อาเรีย”

 

พอผมถามย้ำ อาเรียก็ตอบเสียงค่อยแล้วกลับไปเฝ้าระวังเหมือนเดิม

 

หลังสูดหายใจลึก ผมก็เริ่มชำแหละเอาหินเวทจากศพของก็อบลิน

.

.

.

พอเข้ามาในป่าเพื่อล่อมอนสเตอร์อีกครั้ง ผมก็สังเกตรอบๆ

 

ด้วยผลของสกิล ผมก็สัมผัสได้ถึงการตอบสนองจากมอนสเตอร์จำนวนมาก

 

“ก็อบลิน แล้วก็กระต่ายมีเขา? พวกมันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง”

 

พอผมพูดถึงกระต่ายเขา รุ่นที่หนึ่ง และบรรพบุรุษคนอื่นก็พูดออกมาทันที

 

[เจ้าพูดว่ากระต่ายเขางั้นเรอะ!? ฆ่ามันซะ! ล้างเผ่าพันธุ์พวกมันพวกมันอย่าให้เหลือ! ]

 

รุ่นที่สองก็พูดทำนองเดียวกัน

 

เนื่องจากต้นไม้ขึ้นถี่ติดกัน ผมจึงกำลังใช้มีดดายหญ้าเพื่อถางทาง แต่เขาตะโกนมาซะก่อน

 

[ฆ่าศัตรูพืชพวกนั้นซะ! อย่าให้เหลือ! ห้ามเมตตาพวกมันด้วย! ]

 

รุ่นที่สามที่ปกติจะเงียบๆ ก็ไม่เว้น

 

เขาแสดงความเกรี้ยวกราดที่เห็นได้ไม่บ่อยนักออกมา

 

[ฮะฮ่าฮ่าฮ่า…ไรเอล ถ้าจะป้องกันไร่ผัก การปล่อยพวกมันไว้เพียงตัวเดียวก็ถือว่ามากไป

จงยินดีเถอะที่เจ้าเจอแหล่งประสบการณ์สำหรับการเติบโต และชาวนาก็จะยินดีที่ไม่มีพวกมันมาคอยทำลายไร่อีก ทุกคนจะมีแต่ความสุข]

 

เพราะผมออกมาล่อมอนฯ คนเดียวก็เลยส่งเสียงตอบกลับไป

 

“พวกคุณจะน่ากลัวไปแล้ว เกลียดกระต่ายเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? ”

 

รุ่นที่หนึ่งตอบแทนทุกคน

 

[เจ้ารู้รึเปล่าว่าไร่นาของพวกข้าโดยพวกมันทำลายไปมหาศาลขนาดไหนน่ะ!? ถ้าเจ้าพบพวกมัน จงไล่ฆ่าไปยันสุดขอบโลก…]

 

แต่ก็มีอยู่คนนึงที่มีความเห็นต่างออกไป

 

รุ่นที่ห้า

 

[…จะดีหรือ? เจ้าควรจะปล่อยพวกมันไป เพราะถ้าเจ้าไม่ไปโจมตีก่อน พวกมันก็จะไม่ทำอะไรเจ้าเลยนะ]

 

ผมประหลาดใจว่ารุ่นที่ห้าก็มีด้านอ่อนโยนด้วย แต่คนอื่นๆ ไม่ยอมล่ะ

 

โดยเฉพาะรุ่นที่หนึ่ง สอง และสาม ที่พอมองเห็นพวกมันก็เดือดดาลจนน่าฉงน

 

[โฮ้ว นี่เจ้าคิดว่าพวกมันน่ารักงั้นเรอะ!? เห็นขนปุ้กปุยของพวกมันนั่นมั้ย ข้าอยากจะถลกมันออกมาให้เหี้ยน!! ]

 

[ใช่! พวกมันทำให้พวกเราหลั่งน้ำตามามากแค่ไหน เจ้ารู้มั้ย!? ]

 

[เจอ~ เมื่อไหร่ ตาย~ เมื่อนั้น! ]

 

รุ่นที่ห้าถอยมาหาผม

 

[อย่ามาเกาะแกะข้า! พวกมันไม่ช่วยให้เติบโตเร็วขึ้นสักหน่อย! ไรเอล ไปหามอนสเตอร์ตัวอื่นเดี๋ยวนี้เลย! ]

 

การที่พวกเขาโวยวายมันใช้พลังเวทของผมอีกแล้ว ยังดีที่ผมฟื้นพลังเวทมาจากการพักเมื่อครู่

 

แต่มันก็มีจำกัด

 

“พวกคุณหยุดสักที ถ้าสลบที่นี่ข้าต้องตายแน่! “

 

ผมว่าเหล่าบรรพบุรุษเพื่อให้พวกเขาหยุด ก่อนจะเริ่มค้นหามอนสเตอร์อีกครั้ง

 

เมื่อครู่ ผมตรวจเจอแต่กระต่ายเขามากที่สุด

 

“พลังเวทของเราต้องมาเสียไปเพราะการโหวกเหวกอะไรก็ไม่รู้”

 

ผมเจอกระต่ายเขาขนขาวปุกปุยอยู่ใกล้ๆ  

 

ผมกระชับมีดขึ้นในมือ ส่วนมันก็ขู่ผมด้วยการเปิดปากให้เห็นฟันแหลมๆ

 

เจ้าตัวนี้มันน่าจะโตเต็มวัยแล้ว? แล้วตาแหลมๆ ของมันก็ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย

 

พอมันขู่เสร็จก็กระโดดดึ๋งๆ มาข้างหน้า

 

[หลับไปด้านข้างแล้วก็ฟันมันซะ กระต่ายเขามันเปลี่ยนทิศกลางอากาศได้]

 

ผมทำตายคำสั่งของรุ่นที่หนึ่ง

 

มันเล็งเขาแหลมและกระโจนเข้าใส่ ผมก้าวเท้าหลบไปด้านข้าง และฟันกระต่ายเขาที่พุ่งผ่านไป  

การลงมีดหนึ่งครั้งทำให้ขนขาวนวลของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

 

[ม่ายยยยย!! ]

 

รุ่นที่ห้ากรีดร้อง

 

‘ปกติเขาเย็นชาจะตาย แต่กับสัตว์เนี่ยนะ? หรือเขาจะชอบของน่ารักๆ ? ‘

 

ถ้าเขายังโหยหวนยาวอีกหน่อย ผมคงจะทรุดกลางป่าแหง

 

‘น่าจะพอแล้วล่ะ’

 

ผมจึงเข้าไปยืนยันว่ากระต่ายเขาตายหรือยัง และเอาศพของมันใส่กระเป๋าก่อนจะออกจากป่า

.

.

.

ผมออกจากป่ามายังจุดนัดพบ และเจอโนแวมที่กำลังโบกมือให้

 

แต่เธอกลับดูแปลกๆ

 

ส่วนอาเรียที่เห็นผมปรากฎตัวพร้อมกับกระเป๋าหนังก็น้ำตาร่วง

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”

 

ผมถามโนแวม แต่คุณเซลฟี่เป็นคนตอบคำถามแทน

 

“อ่า~ เพราะข้าไปบอกเธอว่าให้ตั้งใจมากกว่านี้ แค่นิดหน่อยเอง”

 

คุณเซลฟี่ดุเธอในฐานะที่ปรึกษา

 

คงมีบางอย่างเกิดขึ้นตอนที่ผมไม่อยู่ คุณเซลฟี่ถึงทำตัวงุ่มง่ามแบบนั้น

 

[การดุลูกสาวของอดีตหัวหน้าตัวเองคงจะลำบากใจเธอล่ะมั้ง]

 

ผมคิดตามรุ่นที่สอง ถึงความรุ้สึกของคุณเซลฟี่ที่ให้เธอมาเข้าปาร์ตี้และคอยดูเธอ

 

‘เธอคงจะทิ้งอาเรียไม่ได้ เพราะจากที่เจ้าเมืองเวนตราบอกให้คุณเซลฟี่ทำงานหนักขึ้น

แลกกับการไว้ชีวิตครอบครัวล็อคเวิดหรือเปล่านะ’

 

คุณเซลฟี่เป็นนักผจญภัยที่ขึ้นตรงกับเจ้าเมืองเวนตรา

 

โดยเธอทำหน้าที่คอยสอดส่องและรายงานสถานการณ์ของบ้านเมืองกับกิลด์นักผจญภัยให้เขา

 

มันไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไร และการันตีถึงความสามารถของคุณเซลฟี่ได้ด้วยซ้ำ

 

อย่างตอนที่คนน่าสงสัยแบบผมมาที่เมืองนี้ กิลด์เลยแนะนำที่ปรึกษาให้

 

จนเรื่องที่พวกผมเป็นอดีตขุนนางความแตกก็เพราะเธอเลยนะ

 

[อาเรียอายุราว 15-16 นี่? ถึงวัยของเธอจะเอาใจยากไปหน่อยแต่ประวัติเธอก็ไม่แย่ และในเมื่อเธอก็ต้องพึ่งพาไม่เจ้าก็เซลฟี่อยู่แล้ว

ถ้าเจ้าจะมุ่งเป้าไปที่นักผจญภัยชั้นยอดเธอก็ถือเป็นกำลังต่อสู้ที่ดีนะ]

 

รุ่นที่หนึ่งไม่ได้ขัดความเห็นของรุ่นที่สอง

 

ช่วงนี้รุ่นที่หนึ่ง…ไม่ค่อยเกรี้ยวกราดเลย

 

‘หรือเขาจะยอมรับเราแล้วกันนะ? ‘

 

[แต่การที่เธอเอาแต่ดูถูกตัวเองแบบนี้ เราไปหวังกับโนแวมกันแทนดีกว่า]

 

รุ่นที่สองออกความเห็นอย่างไม่สนใคร และผมก็คิดว่าพวกผู้หญิงคงจะมีเรื่องที่อยากคุยกันเฉพาะพวกเธอด้วยล่ะมั้ง

 

“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ ไรเอล? “

 

คุณเซลฟี่ถามความเห็นของผมหลังจากปรับอารมณ์ได้

 

แต่อาเรียต้องการล่าต่อ

 

“ฉันจะเป็นคนไปล่อเอง! ล่าต่อกันเถอะ วันนี้ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็…”

 

พอได้ยินเธอพูด รุ่นที่สองก็ออกความเห็น

 

และผมเชื่อในตัวเขา ไม่ใช่ในฐานะผจญภัย แต่ในฐานะของผู้นำคนของเขา

 

[กลับกันเถอะ ข้าเห็นเจ้ากับโนแวมเหนื่อยแล้ว ที่ปรึกษาอย่างเซลฟี่ก็นับเป็นกำลังรบไม่ได้ ส่วนอาเรียก็ไม่ต้องพูดถึง

อีกอย่าง เจ้าก็ทำยอดของวันนี้ถึงเป้าแล้วนี่]

 

รุ่นที่สองมองพวกเรา และบอกให้ผมกลับ

 

และผมก็เห็นเช่นเดียวกัน

 

เพราะความเหนื่อยของผมมันค่อนข้างหนัก

 

‘ถ้าพวกเขาไม่โวยวายในป่า เราก็อาจจะไปต่ออีกสักรอบได้ล่ะนะ’

 

ปล่อยผ่านเรื่องน่าเศร้าไป ผมก็ออกคำสั่งให้กลับเมืองกัน

 

“…กลับกันเถอะ เราได้เงินพอแล้ววันนี้”

 

คุณเซลฟี่ดูโล่งใจเล็กน้อย เธอคงคิดว่าผมอยากไปต่อ

 

ส่วนโนแวมก็ไม่ได้ออกความเห็น

 

ถึงเธอจะไม่แสดงออกมาว่าเหนื่อย แต่ความตึงเครียดจากการต่อสู้ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอดูเชื่องช้าไปเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตาม อาเรียยังข้องใจอยู่

 

“เดี๋ยวสิ! ฉันยังไหวอยู่นะ จะไปล่อให้เอง! “

 

คุณเซลฟี่ถอนหายใจ และรุ่นที่สองก็พูดขึ้น

 

[ไรเอล ในเมื่อเจ้าพูดออกไปแล้ว ก็จงไปทำให้อาเรียเข้าใจเถอะ]

 

‘คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน…’

 

ถึงผมจะไม่อยากทำ แต่ก็ช่วยไม่ได้

 

ความผิดพลาดที่เกิดจากความเหนื่อยล้า จะส่งผลต่ออนาคตของพวกเรา

 

แล้วถึงจะล่าอีกรอบไหว แต่การกลับเมืองด้วยสภาพหมดแรงแล้วไปเจอกับมอนเตอร์ระหว่างทางล่ะก็ พวกเราแย่แน่

 

“โนแวมกับข้าไม่ไหวแล้ว ไหนจะพวกเราอาจจะหมดแรงระหว่างทางกลับอีก และข้าก็อยากกลับไปเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้ด้วยน่ะ”

 

อาเรียเงียบลง

 

เธอคงเข้าใจแล้วว่าการไปต่อคนเดียวมันไม่ไหว

 

แต่ก็แค่นั้น เธอยังดูไม่ยอมรับเท่าไหร่

 

“เฮ้ ไปกันได้แล้ว เช็คของให้พร้อมแล้วลุกขึ้นเร็ว! “

 

พวกเราเตรียมตัวกลับเมืองตามคำเร่งของคุณเซลฟี่ทันที

 

รุ่นที่หนึ่งกระซิบ

 

[ไรเอล วันนี้แวะมาเข้ามาในอัญมณีหน่อยนะ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย]

 

น่าจะเป็นเรื่องของอาเรียกระมัง ผมแตะอัญมณีบนอกเพื่อตอบกลับไป

 

ผมสังเกตรอบๆ และพบว่าโนแวมแอบเหล่มองไปที่อาเรียอยู่บ่อยครั้งระหว่างเก็บของ

 

ไม่ถึงกับจ้องเขม็งอะไร เธอก็แค่มองอยู่ครู่นึงก่อนจะกลับมามองกระเป๋าของตัวเองเพื่อเก็บของต่อล่ะ

 

‘ทำไมโนแวมถึงมองอาเรียแบบนั้นกันนะ? ‘

 

—-

 

 

Sevens

Sevens

อ่านนิยาย เรื่องSevens เดิมไรเอลเป็นลูกชายคนโตที่ต้องรับช่วงต่อของตระกูล แต่พอเขาอายุได้ 10 ปี พ่อแม่ก็เริ่มไม่สนใจเขา แล้วหันไปเห่อน้องสาวของเขาแทน จนวันนึงในตอนที่เขาอายุครบ 15 ปี น้องสาวของเขาก็ท้าประลองเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอด และเขาก็ได้พ่ายแพ้ หลังจากที่ฟื้นตัว เขาก็ได้รับสืบทอด พลังone for all- เอ้ย อัญมณีที่มีความทรงจำของบรรพบุรุษทั้ง 7 คน และเริ่มออกผจญภัยไปกับเพื่อนสมัยเด็ก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset