171 – ขจัดอันตรายที่ซุ่มซ่อน
เอี้ยนลี่เฉียงจมอยู่ใต้น้ําอีกครั้ง หลังจากไปถึงใต้สะพานของเกาะเล็กๆเขาก็โผล่ขึ้นมาจากน้ําอย่างเงียบๆ
เมื่อมองดูเกาะจากผิวน้ํา เขามองเห็นแต่กระเบื้องหลังคาเคลือบสีเขียวที่ด้านบนของศาลา ร่มเงาของต้นหลิวเหล่านั้น ท่วงทํานองของกูฉินก้องกังวานตลอดทั่วทั้งเกาะ
เพียงแค่ได้ยินท่วงทํานองของกู่ฉินย่อมไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าคนที่เล่น มันคือขยะที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉานอย่างหวังฮ่าวเฟย
เกาะนี้เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืนมันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แสนจะอ่อนหวาน
ไม่น่าแปลกใจที่หวังฮ่าวเฟยและลู่เปยซินเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่นัดพบกันอยู่ตลอด
มีขั้นบันไดหินครึ่งวงกลมบนเกาะริมทะเลสาบ ซึ่งทอดยาวลงไปในทะเลสาบ ข้างบันไดเป็นแท่นไม้ที่เรือลําเล็กสามารถจอดได้ ระลอกคลื่นในทะเลสาบส่งเสียงแผ่วเบาขณะที่กระทบกับขั้นบันไดหินริมทะเลสาบ
เอี้ยนลี่เฉียงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่งพร้อมกับระลอกคลื่น เอี้ยนลี่เฉียงหมอบอยู่ข้างบันไดหิน เขาหยิบห่อผ้าน้ํามันออกมาพร้อมกับปลดเชือกด้วยฟัน
เขาค่อยๆเบิดมัดและดึงลูกดอกทั้งชุดจากภายในออกมา หลังจากตรวจสอบลูกดอกหนึ่งครั้ง และมั่นใจว่ามันไม่ขึ้นเขาก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆและเดินเข้าไปในกลางเกาะด้วยเท้าเปล่าพร้อมกับลูกดอกในมือ
ถ้าหวังฮ่าวเฟยเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือปรมาจารย์การนักสู้เอี้ยนลี่เฉียง ก็ไม่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะตรวจจับการเคลื่อนไหวของเขาได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามครั้งสุดท้ายที่เขาต่อสู้กับหวังฮ่าวเฟย เขาได้ค้นพบว่าแม้ว่าความแข็งแกร่งของหวังฮ่าวเฟยจะไม่เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตัวเขา ดังนั้นการลงมือครั้งนี้เขาจึงไม่ลังเลเลย
ในคืนที่มืดมิดเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเหมือนผีน้ําที่พุ่งขึ้นบนฝั่ง เขาเดินไปข้างหลังพุ่มไม้หนาของต้นหลิวอย่างเงียบๆและเข้าไปใกล้ศาลามากขึ้น
หลังจากเขย่งส้นเท้าเพื่อให้เห็นเหตุการณ์ในศาลา เอี้ยนลี่เฉียงก็พบหวังฮ่าวเฟยจุดตะเกียงสามดวง และเขายังคงนั่งเล่นคู่ฉินบนแท่นต่อหน้าด้วยสมาธิอย่างเต็มที่
ลักษณะภายนอกของหวังฮ่าวเฟยค่อนข้างดีและมีความโดดเด่น นอกจากชุดยาวสีน้ําเงินไพลินอันหรูหราที่เขาสวมแล้ว สายตาของเขาที่กําลังเล่นคู่ฉินก็มีประกายวิบวับ
หากนักเรียนหญิงทั้งหลายมองเห็นลักษณะของเขาตอนนี้พวกนางจะต้องคลั่งตายอย่างแน่นอน
ตรงกันข้ามเอี้ยนลี่เฉียงที่ตอนนี้สวมเพียงชุดชั้นในที่เปียกแฉะ เมื่อรวมกับหน้ากากอันชั่วร้ายของงูจงอางและท่อเปาสีดําในมือของเขา
เมื่อเปรียบเทียบกับหวังฮ่าวเฟยดูจะแตกต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
หากมีวีรบุรุษผู้ทรงพลังอยู่ที่นี่และเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวีรบุรุษผู้นั้นจะต้องฟันดาบใส่เอี้ยนลี่เฉียงก่อนอย่างแน่นอน
หวังฮ่าวเฟยลืมเลือนอันตรายที่กําลังจะเกิดขึ้น ต่อให้เขามีสมองอีกสิบสมองเขาก็คงไม่รู้ว่าทําไมคนที่เขาไม่เคยรู้จักในชีวิตนี้ถึงต้องลงมือสังหารเขาด้วย?
ในขณะนี้เจี้ยนลี่เฉียงเหล่มองหวังฮ่าวเฟยสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็ยกหลอดเปามาที่ริมฝีปากและยิงลูกดอกเข้าใส่หวังฮ่าวเฟยซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณยี่สิบเมตร
ลูกดอกสีดํานั้นเปรียบเสมือนดอกไม้สีดําเล็กๆที่บินออกมาจากท่อเปาและหลอมรวมเข้ากับความมืดของราตรีกาล
ด้วยความเร็วที่เร็วมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มันจึงผลิบานที่คอของหวังฮ่าวเฟยข้างหลังใบหูของเขา มีเส้นลมปราณในร่างกายมนุษย์ตรงจุดนั้น ดังนั้นมันจะกระจายพิษของลูกดอกในระยะเวลาอันสั้น
ท่วงทํานองของกู่ฉินหยุดลงเมื่อหวังฮ่าวเฟยร่างกายแข็งที่อราวกับประติมากรรมหิน ทันใดนั้นเขาก็ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนได้
ทันทีที่ทํานองเพลงคู่ฉินหยุดลงเอี้ยนลี่เฉียงก็รีบพุ่งไปที่ศาลาด้วยความเร็วราวกับเสือดาวเท้า ของเขาที่กระโดดครั้งเดียวก็สามารถไปไกลถึงยี่สิบเมตร
ในเวลานี้เขาเปิดเผยตัวเองต่อหน้าหวังฮ่าวเฟยอย่างสมบูรณ์
หวังฮ่าวเฟยเคลื่อนไหวไม่ได้แล้วและพูดไม่ได้แต่ดวงตาของเขายังคงมองเห็นเอี้ยนลี่เฉียงซึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัวอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะพูดอะไรแต่เขาทําได้เพียงอ้าปากเล็กน้อยโดยไม่มีเสียงพูดออกมา
“ขยะ!”
เอี้ยนลี่เฉียงถ่มน้ําลายออกมาเบาๆ โดยไม่ลังเลใดๆเขาเดินไปข้างหลังหวังฮ่าวเฟย ก่อนจะจับศีรษะของเขาด้วยมือทั้งสองข้างและบิดอย่างแรงจนคอของเขาสามารถหมุนได้ 180 องศา
ถัดไปเอี้ยนลี่เฉียงดึงลูกดอกออกจากหูของหวังฮ่าวเฟยและเก็บไว้อย่างรวดเร็ว จุดที่ลูกดอกเจาะเข้าไปก่อนหน้านี้เหลือเพียงจุดสีแดงซึ่งเล็กพอๆกับยุงกัด
หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงเช็ดเลือดด้วยนิ้วของเขาแล้ว จุดสีแดงหลังหูของหวังฮ่าวเฟยก็แทบจะสังเกตไม่เห็น
เอี้ยนลี่เฉียงที่เพิ่งฆ่าหวังฮ่าวเฟย ไม่ได้ออกไปทันที แต่เขารออยู่ตรงนั้น เขาสวมหน้ากากของงูจงอางเพื่อก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้
มันจะไม่มีความหมายเลยถ้าเขาจากไปโดยไม่มีใครเห็น เขาต้องการใครสักคนเพื่อเป็นสักขีพยานเพื่อบอกว่างูจงอางเป็นคนฆ่าหวังฮ่าวเฟยแห่งตระกูลหวังมณฑลหวงหลง
ปฏิกิริยาขององครักษ์สองคนที่มากับหวังฮ่าวเฟยนั้นช้ามากจริงๆ
การหยุดท่วงทํานองดู่ฉินไม่ได้มีความหมายอะไรสําหรับพวกเขา พวกเขาอาจคิดว่าหวังฮ่าวเฟยแค่เบื่อหน่าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยมาตรวจสอบเขาเลย
เอี้ยนลี่เฉียงรอประมาณสามนาทีก่อนที่จะค้นศพของหวังฮ่าวเฟยและพบกระเป๋าเงิน ขณะนั้นเขาเห็นหญิงรับใช้สองคนเดินมาทางนี้พร้อมกระถางกํายาน
เมื่อหญิงรับใช้เหล่านั้นมาถึงศาลาเอี้ยนลี่เฉียงก็ดึงดาบที่หวังฮ่าวเฟยทิ้งไว้บนโต๊ะและคํารามด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“กินนี่แล้วไปตายซะ!”
ดาบแทงเข้าที่หัวใจของหวังฮ่าวเฟยโดยตรง ตอกเขาไปที่หลังเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ หวังฮ่าวเฟยตายสนิทจนไม่สามารถตายได้มากกว่านี้
” อ้ากกกกกกก!!” เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่คาดหวัง
เอี้ยนลี่เฉียงก็มองไปที่หญิงสาวทั้งสองอย่างดุร้าย
หลังจากแน่ใจว่าผู้หญิงเหล่านั้นได้มองใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนภายใต้แสงไฟในศาลา เอี้ยนลี่เฉียงก็หนีจากศาลาด้วยความเร็วปานฟ้าผ่าก่อนจะกระโดดลงน้ําแล้วหายสาบสูญไป
เมื่อองครักษ์ทั้งสองที่ตามหวังฮ่าวเฟยมาถึง เขาก็เห็นเพียงร่างไร้ชีวิตของหวังฮ่าวเฟย รวมถึงหญิงรับใช้ทั้งสองคนที่ร่างกายสั่นกระตุกด้วยความกลัว
องครักษ์คนนั้นรีบวิ่งไปที่ริมทะเลสาบทันที แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากน้ําที่ส่องประกายระยิบระยับในทะเลสาบแห่งความยืนยาวภายใต้แสงจันทร์
เขาเบิกตากว้างและจ้องไปที่พื้นผิวของทะเลสาบอย่างหนัก ราวกับว่าเขากําลังคาดหวังร่างของคนในทะเลสาบจะปรากฏขึ้น น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นใครขึ้นมาเหนือผิวน้ําในท้ายที่สุด
หลอดเปาที่ใช้เป็นอาวุธสังหารได้กลายเป็นเครื่องมือของเอี้ยนลี่เฉียงที่ใช้สําหรับการหายใจใต้น้ํา เขาไม่ได้โผล่หัวขึ้นเหนือผิวน้ําแม้แต่ครั้งเดียว ในตอนนี้เขากําลังว่ายน้ํากลับสู่โรงแรมที่พักอีก ครั้ง
หลังจากปืนกลับไปที่ห้องนอนของเขาผ่านหน้าต่าง เอี้ยนลี่เฉียงก็รีบถอดหน้ากากและแต่งตัว เขาเก็บสิ่งที่ควรเก็บและทําลายหลักฐานใดๆที่สามารถทํารายได้ทั้งหมด
หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็นั่งบนเก้าอี้เอนหลังในห้อง มองดูทะเลสาบแห่งความยืนยาวผ่านหน้าต่างและเริ่มผ่อนคลายอย่างแท้จริง
เอี้ยนลี่เฉียงเผยรอยยิ้มบนใบที่สดใสภาระหนักถูกยกออกไปแล้ว
ชั่วยามต่อมาได้ยินเสียงโห่ร้องนอกลานบ้าน เจ้าหน้าที่จากสํานักงานบังคับกฎหมายมาตรวจสอบห้องพักทําให้เกิดความโกลาหลภายในโรงเตี้ยม
“นายท่านขอรับข้าน้อยเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่มีความจําเป็นที่เจ้าพนักงานจะต้องเข้ามาตรวจสอบห้องของท่านว่ามีผู้ร้ายแอบซ่อนตัวอยู่หรือไม่…” เด็กรับใช้ในโรงเตี้ยมเคาะประตูห้องของเอี้ยนลี่เฉียง
“ไม่ต้องห่วง เราทุกคนเป็นพลเมืองดีและปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งควรร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด…” เอี้ยนลี่เฉียงตอบอย่างมีเหตุผลและก้าวออกจากห้องของเขาทันที
เจ้าหน้าที่สองสามคนแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่เอี้ยนลี่เฉียง หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้ามาค้น ทุกอย่างในห้องรวมทั้งใต้เตียงเพื่อหาว่ามีใครซ่อนตัวอยู่หรือไม่
คืนนี้หลายคนคงนอนไม่ค่อยสบาย ทั่วทั้งเมืองผิงซีต่างเต็มไปด้วยความโกลาหลซึ่งแตกต่างจากเอี้ยนลี่เฉียงที่นอนหลับอย่างสงบสุขบนเตียงในห้องพักโรงเตี้ยม