Super God Gene – ตอนที่ 2208

การทดสอบสุดท้ายคือต้นไม้จีโน หานเซิ่นยืนอยู่ตรงหน้ามันและเฉือนนิ้วของตัวเอง เขาปล่อยให้หยดเลือดไหลลงไปบนต้นไม้จีโน

 

ขณะที่ทุกคนกำลังมองดูเลือดของหานเซิ่นหยดลงบนต้นไม้จีโน ราชาไนท์ริเวอร์ก็จับจ้องไปที่หานเซิ่นตาไม่กระพริบ เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าหานเซิ่นจะไม่เล่นตุกติกอะไรในการทดสอบนี้

 

ต้นไม้จีโนสามารถวัดระดับพลังของคนๆหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ถ้าหานเซิ่นหยดเลือดของตัวเองลงไปบนต้นไม้จีโน ดอกไม้ก็จะบานออกมาจำนวนเท่ากับระดับความแข็งแกร่งของเขา

 

หานเซิ่นได้ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับต้นไม้จีโนอยู่เป็นเวลาพอสมควร และเขาก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ

 

การทำงานของต้นไม้จีโนเป็นอะไรที่ค่อนข้างเรียบง่าย ต้นไม้จีโนเป็นเหมือนกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากน้ำมันเบนซิน และยีนภายในเลือดของทุกคนก็เป็นเหมือนกับน้ำมันเบนซิน ยิ่งพลังยีนภายในเลือดของคนๆนั้นมีมากเท่าไหร่ ต้นไม้จีโนก็จะกำเนิดไฟฟ้าได้มากขึ้นเท่านั้น ในกรณีของต้นไม้นี้มันจะแสดงออกมาด้วยจำนวนของดอกไม้

 

พลังจีโนของหานเซิ่นสูงกว่ามาร์ควิสธรรมดาทั่วไปมาก ซึ่งมาร์ควิสทั่วๆไปนั้นจะทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาได้ประมานหนึ่งแสนดอก

 

หานเซิ่นเชื่อว่าพลังของตัวเขาเองสามารถทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาได้หลายแสนดอกอย่างง่ายดาย

 

ถ้าเขาไม่อยากผ่านการทดสอบ เขาก็ต้องลดจำนวนดอกไม้ที่จะบานขึ้นมา แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะผลลัพธ์ที่ออกมานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังที่พวกเขาใช้

 

แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงยีนของตัวเองได้ หรืออย่างน้อยๆถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริง มันก็มีอยู่ไม่มากนัก ในตอนที่บุดด้าระดับเทพเจ้าที่มีชื่อว่าเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าเปลี่ยนหานเซิ่นให้กลายเป็นมดตัวหนึ่งนั้น เขาได้แสดงถึงพลังในการเปลี่ยนแปลงยีนที่หาได้ยากออกมา

 

วิชาโลหิตชีพจรของหานเซิ่นสามารถเปลี่ยนแปลงยีนได้เช่นเดียวกัน แต่มันแตกต่างไปจากวิชาจีโนของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า วิชาโลหิตชีพจรจะควบคุมยีนของตัวเองเป็นหลัก มันไม่สามารถเปลี่ยนยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้อย่างวิชาจีโนของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า

 

มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับหานเซิ่นที่จะใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อควบคุมยีนภายในเลือดตัวเอง ซึ่งเขาเคยทำแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

 

ราชาไนท์ริเวอร์มองดูหานเซิ่นหยดเลือดลงบนต้นไม้จีโน และเมื่อมันเกิดขึ้น ดอกไม้ก็เริ่มบานขึ้นมา

 

ขณะที่ดอกไม้กำลังผลิบาน มันก็เหมือนกับการมองดูสายลมพัดผ่านทุกหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้นับพัน

 

แต่เมื่อดอกไม้หยุดผลิบาน ราชาไนท์ริเวอร์ก็เบิกกว้าง “เพียงแค่หนึ่งหมื่นดอก? นั่นเป็นไปไม่ได้!”

 

มันไม่มีทางที่เลือดของหานเซิ่นจะทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาได้เพียงแค่หนึ่งหมื่นดอก เพราะแม้แต่มาร์ควิสที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาหนึ่งหมื่นดอกได้เลย แต่ทุกคนรู้ว่าแม้แต่มาร์ควิสที่แข็งแกร่งที่สุดของรีเบทก็ไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นในการต่อสู้ได้

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูดูไม่ประหลาดใจกับเรื่องนั้น เพราะยังไงซะผลลัพธ์ที่ออกมาก็ตรงกับผลการทดสอบอื่นๆ

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูคิดว่าอี๋ซาคงจะรับหานเซิ่นมาเป็นลูกศิษย์เพราะความทุ่มเทอย่างหนักของเขา แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน พรสวรรค์และพลังของเขาก็ดูแย่มากๆ

 

จุดประสงค์เดียวของหน่วยอัศวินไอซ์บลูคือต่อสู้ มันไม่ใช่โรงเรียนสำหรับการฝึกฝัน ดังนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูจึงล้มเลิกความคิดที่จะรับหานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นขาดพลัง มันก็ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซาหรือไม่ ราชาอัศวินไอซ์บลูจะไม่อนุญาตให้คนที่ไร้พรสวรรค์เข้าร่วมกับหน่วนอัศวินไอซ์บลู

 

และมันยังเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมต่ออัศวินคนอื่นที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา นอกจากนั้นมันก็จะทำให้ตัวหานเซิ่นเองตกอยู่ในอันตรายด้วย

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นเดินออกไปบ ราชาไนท์ริเวอร์ก็ดูแย่ เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหานเซิ่นต้องเล่นตุกติกบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เห็นหานเซิ่นหยดเลือดลงบนต้นไม้จีโนกับตาตัวเอง เขารู้ว่ามันควรจะไม่มีหนทางที่หานเซิ่นจะเล่นตุกติกอะไรได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เขาคิดหาหนทางที่จะหยุดหานเซิ่น

 

แต่เขาไม่กล้าพูดออกมาว่าหานเซิ่นเล่นไม่ซื่อ การพูดออกไปแบบนั้นจะเป็นอะไรที่ดึงความสนใจมากเกินไป ถ้าเขาขอให้หานเซิ่นเข้ารับการทดสอบอีกครั้งและผลที่ออกมายังเหมือนเดิมโดยที่ไม่มีใครมองลูกไม้ของหานเซิ่นออก นั่นจะถือว่าราชาไนท์ริเวอร์กำลังดูหมิ่นราชาอัศวินไอซ์บลู

 

ราชากงล้อจันทราเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นสามารถหลอกต้นไม้จีโนได้ยังไง

 

ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็แกล้งทำเป็นหดหู่ เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจออกมา เขาเดินไหล่ตกออกจากลานกว้างเทพจันทราและกลับไปที่ดาวอุปราคา ในระหว่างทางเขาคิดกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ ‘ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องไปเข้าร่วมกับเอ็กซ์ตรีมคิงอีกแล้ว’

 

เมื่อการทดสอบสิ้นสุด และที่สุดแล้วก็มีเพียงแค่รีเบท 2 คนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่พอใจกับผลที่ออกมาเลยสักนิด หลังจากที่อ่านรายงานจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา

 

“ทำไมเจ้าถึงได้ถอนหายใจ?” มิสเตอร์ไวท์ถามราชาอัศวินไอซ์บลูด้วยรอยยิ้ม

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้มแห้งๆออกมา “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงอย่างอี๋ซาจะรับลูกศิษย์แบบนั้น นี่จะเป็นจุดจบของวิชามีดเขี้ยวดาบ ข้าคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นวิชามีดที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นอีกแล้ว”

 

มิสเตอร์ไวท์ยิ้มและพูด “ถ้าเจ้ารู้สึกเศร้าเกี่ยวกับเรื่องนั้นล่ะก็ มันไม่มีความจำเป็น”

 

“หมายความว่ายังไง?” ราชาอัศวินไอซ์บลูถามด้วยความสับสน

 

มิสเตอร์ไวท์ยิ้มและพูด “นั่นก็เพราะอี๋ซามีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยม สักวันหนึ่งเขาอาจจะก้าวข้ามนางก็ได้”

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูจ้องมองไปที่มิสเตอร์ไวท์ด้วยความสับสนและถาม “จะบอกว่าอี๋ซายังมีลูกศิษย์อีกคนอย่างนั้นหรอ?”

 

“ลองดูอะไรนี่” มิสเตอร์ไวท์พูดพร้อมส่งจอมอนิเตอร์

 

ขณะที่ราชาอัศวินไอซ์บลูก้มมองที่หน้าจอ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็เงยหัวเข้ามาและหลี่ตามองไปที่มิสเตอร์ไวท์ “นี่ข้าถูกหลอก”

 

หานเซิ่นเข้าไปฝึกฝนในปราสาทนภาและต่อสู้กับมาร์ควิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดของที่นั่นจนได้รับสมญานามปรมาจารย์มีดและดาบมา มันไม่มีทางที่เขาจะมีระดับความแข็งแกร่งแค่ดอกไม้หมื่นดอกไปได้

 

ปราสาทนภาไม่มีทางจะได้รับชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นมาได้ถ้าศิษย์ของพวกเขาอ่อนแอแบบนั้น

 

มิสเตอร์ไวท์คิดอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้นมา “บางทีเขาอาจจะมีปัญหาของตัวเองที่ทำให้เขามาเข้าร่วมกับพวกเราไม่ได้”

 

“ข้าไม่สนใจว่าเหตุผลของเขาจะเป็นอะไร เขาเป็นของข้า”

ราชาอัศวินไอซ์บลูโมโห แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาและพูด “เจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่เขาหลอกข้าซะสนิทเลย บุคลิกภาพของเขาแตกต่างไปจากอี๋ซาอย่างเห็นได้ชัด ข้าประหลาดใจที่นางเลือกลูกศิษย์แบบนั้น”

 

“ก่อนอื่นพวกเราต้องไปสืบก่อนว่าทำไมเขาถึงไม่อยากจะเข้าร่วมกับหน่วยอัศวินไอซ์บลู” มิสเตอร์ไวท์พูด

 

“นั่นมันง่ายมาก พวกเราก็แค่ไปถามเขา” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดพร้อมกับยักไหล่

 

หลังจากนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูและมิสเตอร์ไวท์ก็แอบไปที่ดาวอุปราคา ที่นั่นพวกเขาพบหานเซิ่นกำลังนั่งทำบาร์บิคิวอยู่กับหญิงสาวหลายคน เขากำลังพูดคุยและหัวเราะออกมา เขาไม่ได้ดูเศร้าเลยแม้แต่นิดเดียว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset