หานเซิ่นยิ้มออกมา เขาไม่ได้ใส่ใจภัยอันตรายนั่นเลยสักนิด วิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจป้องกันการโจมตีของสิ่งมีชีวิตระดับระชันได้ ดังนั้นเขาไม่คิดว่าต้องไปกังวลอะไรเกี่ยวกับแมลงลาวาตัวน้อยๆ
“อันดายอิ้งเบิร์ดอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” จีชิงถามด้วยความสงสัย
เป่าเอ๋อกำลังนอนอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น เธอมองไปรอบๆเกาะด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เกาะนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่บนเกาะมีพืชอยู่เป็นจำนวนมาก มันแทบจะเป็นป่าฝนเลยก็ว่าได้ แมลงและสัตว์ป่านั้นมีอยู่ทั่วเกาะ
เมื่อพวกเขามายืนอยู่บนเกาะ พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนของลาวาเลย
ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอแค่เดินไปทางป่าไม้ หานเซิ่นคิดว่าอาจจะเจอกับอันตราย แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกตัวว่าสิ่งมีชีวิตรอบๆเป็นแค่สัตว์ป่าธรรมดาๆ พวกมันไม่ได้เป็นแม้แต่ซีโน่เจเนอิค
ที่ศูนย์กลางของเกาะคือภูเขาสีขาว มันสูงเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น แต่มันดูเหมือนกับซาลาเปาลูกใหญ่ บนยอดเขามีบางอย่างที่ดูเหมือนกับหอคอยตั้งอยู่ มันดูเก่าแก่และผุผังจากการเวลา
พวกเขาเดินไปอยู่ตรงตีนเขา หลังจากนั้นก็มองไปในทิศทางของหอคอยที่อยู่บนยอดเขาและตะโกน
“ทายาทของราชาไป๋เสด็จมาที่นี่ อันดายอิ้งเบิร์ดอยู่หรือไม่?”
เสียงของไป๋เวยดังก้องไปทั่วทั้งเกาะ แต่มันไม่ได้มีเสียงอะไรตอบกลับมา ดังนั้นเธอจึงตะโกนอีกครั้ง
ซึ่งหลังจากที่เธอตะโกนไป 3 ครั้ง ประตูของหอคอยที่ตั้งอยู่บนยอดเขาก็เปิดออก มันเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงแหลม
ดวงตาของหานเซิ่นและเป่าเอ๋อจ้องไปที่ประตูของหอคอย พวกเขาอยากจะเห็นรูปลักษณ์ของอันดายอิ้งเบิร์ดระดับเทพเจ้า หอคอยไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ดังนั้นอันดายอิ้งเบิร์ดก็คงจะไม่มีขนาดตัวใหญ่จนเกินไป
ทุกคนมองไปที่หอคอยด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นเงาของคนๆหนึ่งเดินออกมาจากหอคอย
“เธอคืออันดายอิ้งเบิร์ดที่ว่าอย่างนั้นหรอ?” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้างขณะที่จ้องมองคนที่เดินออกมาจากประตู เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่แปลก
ที่ออกมาจากหอคอยไม่ใช่นกจริงๆ แต่เป็นหญิงชราหลังค่อมที่ถือไม้เท้า ผิวของเธอเหี่ยวแห้งและเต็มไปด้วยรอยย่นราวกับเปลือกของต้นไม้ เนื่องจากความจริงที่ว่าเธอแก่และหลังค่อม เธอจึงสูงเพียงแค่ระดับเอวของหานเซิ่นเท่านั้น เธอสวมใส่แว่นตาทรงกลมและชุดสีแดง เธอดูค่อนข้างแปลก
“ใครกันที่มาส่งเสียงเอะอะโวยวายข้างล่าง?”
หญิงชราเดินออกมายืนตรงหน้าหอคอยและมองลงไปที่ตีนเขา เธอสายตาไม่ค่อยดี ดังนั้นเธอจึงต้องขยับแว่นตาขึ้น สุดท้ายดวงตาที่ดูอิดโรยของเธอก็มาหยุดอยู่ที่ไป๋เวยและคนอื่นๆ
ไป๋เวยไม่ได้คาดคิดเอาไว้ว่าคนแบบนี้จะเป็นคนที่ออกมา เธอคือองค์หญิง ดังนั้นถึงแม้เธอจะประหลาดใจ เธอก็ยังพูดออกมา
“ข้าคือไป๋เวย และข้าเป็นลูกสาวของราชาไป๋ ข้ามาที่นี่ตามคำขอของท่านพ่อ ท่านใช่อันดายอิ้งเบิร์ดหรือไม่?”
หญิงชราดันแว่นของเธอ เธอจ้องไปที่ไป๋เวยและพูดอย่างช้าๆ
“เจ้าคือทายาทของราชาไป๋? ข้าไม่ใช่อันดายอิ้งเบิร์ด ข้าเป็นเพียงแค่หญิงชราที่รับหน้าที่ทำความสะอาดหอคอย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปแจ้งอันดายอิ้งเบิร์ดได้ไหมว่าทายาทของราชาไป๋มาเยือนที่นี่?” ไป๋เวยพูด
“ข้ากลัวว่าเจ้ามาสายเกินไป อันดายอิ้งเบิร์ดได้ตายไปแล้ว” หญิงชราพูดอย่างช้าๆ
“อันดายอิ้งเบิร์ดตายไปแล้ว?” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง ลูกตาของเขาเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า
ไป๋เวยอึ้งไป เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าอันดายอิ้งเบิร์ดระดับเทพเจ้าไม่อยู่แล้ว แบบนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ที่เธอมาที่นี่
หญิงชราถอนหายใจและพูดต่อ “แต่ท่านอันดายอิ้งเบิร์ดได้บอกข้าเอาไว้ว่าถ้าทายาทของราชาไป๋มาเยือน คนๆนั้นจะนำอะไรไปก็ได้ แต่คนๆนั้นก็ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ซะก่อน”
ใบหน้าของไป๋เวยดูดีขึ้นมาหน่อย “ข้าอยากจะลองมันดู การทดสอบแบบไหนกันที่ท่านกำลังพูดถึง?”
หญิงชราไม่ตอบ สายตาของเธอจับจ้องไปที่พวกหานเซิ่น
“คนพวกนี้เป็นใครกัน? พวกเขาดูไม่เหมือนกับคนของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง อย่างนั้นก็ฆ่าพวกเขาซะ ที่นี่คือที่อยู่อาศัยของอันดายอิ้งเบิร์ด มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาก็ได้”
หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา หญิงชราคนนั้นดูแก่มากๆก็จริง แต่เมื่อเธอมองมาที่พวกเขา หานเซิ่นก็รู้สึกหนาวมาก เขารู้ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนที่อันตรายอย่างมาก
ไป๋เวยมองไปที่หานเซิ่นและตอบหญิงชรา “พวกเขาเป็นอัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆ พวกเขาช่วยคุ้มกันข้ามาที่นี่”
“อย่างนี้นี่เอง” หญิงชราพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอถือไม้เท้าอยู่ในมือและค่อยๆเดินไปที่ยอดเขาอย่างช้าๆ เธอดูสั่นคลอนขณะที่เดินขึ้นไป มันทำให้คนอื่นที่มองเห็นรู้สึกกังวลว่าเธอจะก้าวพลาดและร่วงลงมาจากยอดเขา
ขณะที่ยืนอยู่บนยอดเขาและขั้นบันไดหินของมัน หญิงชราก็ดูเหมือนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอพูดขึ้นมา
“เมื่อก่อนอันดายอิ้งเบิร์ดเคยปะทะกันกับราชาไป๋พ่อของเจ้า ผู้คนมากมายได้ตายไป แต่มันไม่มีฝ่ายไหนชนะ หนึ่งพันปีให้หลังพวกเขาตกลงกันว่าจะทายาทระดับมาร์ควิสมาต่อสู้กัน การต่อสู้ของพวกเขาจะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ แต่อันดายอิ้งเบิร์ดไม่ได้ให้กำเนิดทายาทของนาง นางตายขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นการต่อสู้จึงดำเนินต่อไปไม่ได้”
หลังจากที่หญิงชราพูดแบบนี้ เธอก็ดูเศร้าอย่างมาก เธอชี้ไปที่ขั้นบันไดหินและพูด
“แต่อันดายอิ้งเบิร์ดได้สร้างบันไดนี้ขึ้นมาก่อนที่นางจะตายไป ถ้าเจ้าผ่านขั้นบันไดนี้และขึ้นไปถึงยอดได้ เจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ และเจ้าจะได้รับสิ่งของที่อันดายอิ้งเบิร์ดและราชาไป๋ต่อสู้เพื่อแย่งกัน แต่ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าก็ต้องกลับออกไป”
“มันไม่มีเงื่อนไขอะไรอย่างอื่นใช่ไหม?” ไป๋เวยมองหญิงชราที่อยู่บนยอด
“ไม่ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำมันยังไง ตราบใดที่เจ้าข้ามบันไดขึ้นไปถึงยอดเขาได้ เจ้าก็จะเป็นฝ่ายชนะ ถึงแม้เจ้าจะคลานขึ้นไปก็ตาม” หญิงชราไอออกมาหลังจากที่พูดจบ
“ถ้ามันไม่มีเงื่อนไขอื่น ข้าก็เริ่มละนะ” ไป๋เวยพูดและเริ่มก้าวขึ้นไปบนบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปสู่ภูเขาที่เหมือนกับซาลาเปา
หานเซิ่นมองไปที่บันไดและสังเกตเห็นว่ามันยาวเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น และจากด้านล่างจนถึงยอดสุดมันก็มีเพียงแค่ไม่กี่พันขั้นเท่านั้น หานเซิ่นไม่ได้พบว่าอะไรที่แปลกประหลาด ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่านี่มันเป็นการทดสอบแบบไหนกันแน่ แต่ที่หานเซิ่นสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือสิ่งของที่อันดายอิ้งเบิร์ดและราชาไป๋ต่อสู้เพื่อแย่งกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าหญิงชราคนนั้นอันตรายอย่างมากและไม่ควรไปยั่วให้เธอโกรธ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแค่มองดูไป๋เวยรับการทดสอบ