Super God Gene – ตอนที่ 2306

แต่ละหลุมศพมีพลังพิเศษบางอย่างปกคลุมอยู่ ม่านพลังนั้นทำให้มองไม่เห็นว่าสมบัติแบบไหนกันที่หลับใหลอยู่ภายใน

 

แต่ด้วยการใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง ทำให้หานเซิ่นเห็นถึงการก่อสร้างของต่อละหลุมศพและเห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

 

แต่ไป๋เวยไม่มีพลังอะไรแบบนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะเสียเวลาลังเลกับสิ่งที่ขึ้นอยู่กับดวง เธอเดินเข้าไปหาหลุมศพราชวงศ์มงกุฎที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

“เดี๋ยวก่อน!” หานเซิ่นหยุดไป๋เวยเอาไว้

 

หลุมศพที่ไป๋เวยยืนอยู่ตรงหน้านั้นเก็บอาวุธที่พอใช้ได้เอาไว้ แต่ระดับของมันยังถือว่าต่ำเกินไป

 

“อะไร?” ไป๋เวยหันกลับมามองหานเซิ่นด้วยความสับสน

 

“หลุมศพนั่นไม่เหมาะสมกับเจ้า พวกเราควรจะมองหากันต่ออีกสักหน่อย” หานเซิ่นยิ้ม

 

ตอนนี้ทรัพยากรที่เขาหาได้จะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของไป๋เวยด้วย ยิ่งไป๋เวยแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะมีโอกาสได้รับทรัพยากรมากขึ้น ดังนั้นหานเซิ่นจึงต้องพยายามช่วยเธอเท่าที่จะทำได้ เพราะที่สุดแล้วมันก็ถือเป็นการช่วยเหลือตัวเขาเองด้วยเช่นกัน ถ้าเธอแข็งแกร่งขึ้น เขาก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย

 

ไป๋เวยมองหานเซิ่นอยู่สักครู่ ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นหลุมศพไหนกันที่เหมาะสมกับข้า?”

 

หานเซิ่นเริ่มเดินออกไปข้างหน้า สุสานทหารและกษัตริย์เป็นดวงดาวที่กว้างใหญ่ มันมีสมบัติซีโน่เจเนอิคมากมายซ่อนอยู่ที่นี่ แต่พวกมันส่วนใหญ่เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์

 

ถึงแม้โดยปกติแล้วอาวุธที่อยู่ใต้หลุมศพรูปมงกุฎมักจะดีกว่า แต่พลังของพวกมันก็ยังขึ้นอยู่กับระดับอยู่ดี และอาวุธส่วนใหญ่ที่ถูกซ่อนอยู่ก็เป็นอาวุธระดับต่ำ

 

เป้าหมายของหานเซิ่นคืออาวุธระดับเทพเจ้า แต่ถ้าพวกเขาหาอาวุธระดับนั้นไม่ได้ เขาก็จะเลือกอาวุธที่ระดับน้อยลงมาหน่อยอย่างอาวุธระดับราชัน

 

ไป๋เวยเดินตามหลังหานเซิ่นไป หานเซิ่นมองทุกหลุมศพที่อยู่รอบๆ แต่เธอไม่รู้ว่าเขากำลังมองเห็นอะไร ถ้าหานเซิ่นรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในป้ายหลุมศพได้จริงๆ เธอก็ไม่รู้เลยว่าเขารู้ได้ยังไง

 

“อาวุธแบบไหนที่เจ้าต้องการ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปรอบๆ

 

“ข้าเลือกได้งั้นหรอ?” ไป๋เวยมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ

 

“อธิษฐานดูสิ ไม่แน่มันอาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้?” หานเซิ่นยิ้ม

 

ไป๋เวยมองหานเซิ่นอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากจะได้ดาบ”

 

ไป๋เวยคิดว่าที่หานเซิ่นถามแบบนั้น ก็เพราะเขามีวิธีลับบางอย่างที่จะระบุอาวุธที่ซ่อนอยู่ในป้ายหลุมศพแต่ละอันได้

 

แต่นั่นฟังดูไม่น่าเชื่อสำหรับเธอ คนของราชวงศ์ทุกคนที่มามักจะมีปัญหากับการเลือกอาวุธที่พวกเขาต้องการ เพราะมันมีม่านพลังปกคลุมทุกหลุมศพเอาไว้

 

ภายในสุสานทหารและกษัตริย์มีเพียง 2 สิ่งที่สามารถใช้ได้ ซึ่งก็คือดวงและการคำนวณอย่างของกุนซือไวท์

 

ดวงเป็นบางสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับทั้งสามัญชนและขุนนาง อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ไป๋เวยเชื่อ

 

ถึงแม้ดวงจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถควบคุมได้ แต่การเลือกอาวุธซีโน่เจเนอิคระดับสูงกลับไปได้นั้นก็จะทำให้ราชาไป๋ประทับใจอยู่ดี มันถือเป็นอะไรที่สำคัญมากๆสำหรับลูกๆของเขา

 

หานเซิ่นเดินไปรอบๆ และเมื่อพวกเขาไปถึงเนินเขา หานเซิ่นก็หยุดอยู่ตรงหน้าหลุมศพน้อยๆ

 

ป้ายหลุมศพนั้นแตกหักและสูงแค่หนึ่งเมตรเท่านั้น แต่หานเซิ่นมองเห็นถึงกระบวนการก่อสร้างของมันได้ด้วยวิญญาณอสูรเนตรม่วง ซึ่งทำให้เขาเห็นดาบระดับเทพเจ้าที่ทรงพลังภายใน มันเป็นดาบที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของกษัตริย์ระดับเทพเจ้า

 

“หลุมศพนี้” หานเซิ่นชี้ไปที่ป้ายหลุมศพน้อยๆ

 

“อะไรอยู่ในหลุมศพนี่?” ไป๋เวยไม่เคลื่อนไหว เธอมองไปที่หานเซิ่น

“ใครจะรู้? บางทีมันอาจจะเป็นบางสิ่งที่ทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริงขึ้นมา” หานเซิ่นหัวเราะ

 

หลังจากที่ไป๋เวยได้ยินเขา เธอก็จ้องไปที่หลุมศพอยู่พักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเธอก็หันหลังกลับ

 

“เจ้าไม่อยากเปิดมันดูอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามไป๋เวยด้วยความแปลกใจ

 

“ข้าเชื่อการตัดสินใจของเจ้า แต่เจ้าช่วยหาอีกหลุมศพหนึ่งให้กับข้าที ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากได้อาวุธระดับราชัน” ไป๋เวยพูดอย่างจริงจัง

 

หานเซิ่นพยักหน้าและนำทางไป๋เวยต่อไป ตอนนี้เขาเริ่มจะมองเธอต่างไปจากเดิม

 

ถึงแม้ไป๋เวยจะเป็นลูกสาวของกษัตริย์ แต่เธอก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างเอาใจ เธอไม่ได้มีโอกาสมากนักที่จะได้รับสมบัติระดับเทพเจ้า ตอนนี้เมื่อสมบัติระดับเทพเจ้าอันหนึ่งมาอยู่ตรงหน้าเธอ เธอกลับยินดีที่จะปล่อยมันไป น้อยคนนักที่จะทำอะไรแบบนั้นได้

 

สุสานทหารและกษัตริย์เป็นการทดสอบสำหรับองค์ชายและองค์หญิงทุกคน แต่ถึงจะเลือกอาวุธดีๆได้ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นเหนือกว่าคนอื่น แต่อาวุธนั่นก็จะเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจ

 

ถ้าไป๋เวยนำอาวุธระดับเทพเจ้าออกไป สายตามากมายก็จะหันมามองที่เธอ มันยากจะคาดเดาได้ว่าผู้คนจะมีปฏิกิริยายังไง ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าไป๋เวยได้อาวุธมาเพราะดวงดีเท่านั้น แต่พวกเขาก็อาจจะโกรธเคืองเธออยู่ดี บางทีไป๋เวยอาจจะกลายเป็นคนที่ถูกเกลียดชัง

 

ไป๋เวยยอมปล่อยโอกาสที่จะได้อาวุธระดับเทพเจ้าไปและมีแผนที่จะเอาอาวุธระดับราชันออกไปแทนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ในขณะเดียวกันมันก็เพียงพอที่จะทำให้ราชาไป๋มีความประทับใจที่ดีต่อเธอ

 

เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ของเธอในตอนนี้แล้ว นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ

 

‘ดูเหมือนไป๋เวยคนนี้จะทะเยอทะยานอย่างมาก’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

ถ้าคนๆหนึ่งสะเพร่า พวกเขาจะเลือกเอาอาวุธระดับเทพเจ้าไปโดยไม่ลังเล การเลือกของไป๋เวยนั้นบ่งบอกว่าเธอเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง และนั่นทำให้เขารู้สึกกังวล

 

หานเซิ่นเดินต่อไปจนกระทั่งมาถึงป้ายหลุมศพที่มีมงกุฎอีกอัน เขาชี้ไปที่มันและพูด
“ลองอันนี้ดู บางทีเจ้าอาจจะได้สิ่งที่ต้องการ”

 

ไป๋เวยไม่ลังเล เธอเอื้อมมือออกไปแตะป้ายหลุมศพ หลังจากนั้นป้ายหลุมศพก็แตกร้าวและเผยให้เห็นกล่องที่อยู่ข้างใน

 

ไป๋เวยเปิดกล่องออกและเห็บดาบใหญ่สีทองอร่ามอยู่ภายใน เธอยิ้มกว้างออกมา

 

“นี่คือดาบที่กษัตริย์คนหนึ่งเคยใช้เพื่อเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า มันคือดาบใหญ่ฟินิกซ์ทองระดับราชัน เจ้าเลือกได้ดีจริงๆ!”
ไป๋เวยพูดหลังจากที่ได้มองดาบเพียงแค่แว็บเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็มองตรงมาที่หานเซิ่น

 

ไป๋เวยรู้สึกเลื่อมใสในตัวหานเซิ่นมาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นความสามารถของหานเซิ่นก็ทำให้เธอต้องประหลาดใจอยู่เสมอ

 

“มันก็เป็นแค่ดวงเท่านั้น” หานเซิ่นหัวเราะ เขามองไปรอบๆและพูด
“ตอนนี้ถึงตาข้าเลือกอาวุธบ้าง ข้าเลือกอาวุธไหนก็ได้ที่ไม่ได้มาจากหลุมศพที่มีมงกุฎใช่ไหม?”

 

“ใช่ และเจ้าไม่ต้องกังวลว่าผู้คนจะรู้เกี่ยวกับอาวุธที่เจ้าเอาออกไป อาวุธที่ราชองครักษ์เลือกไม่จำเป็นต้องนำไปลงทะเบียน มันไม่มีใครจะมาสนใจอาวุธที่ราชองครักษ์เลือก แถมนอกจากหลุมศพของราชวงศ์แล้ว มันก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาอาวุธระดับเทพเจ้า” ไป๋เวยพูด

 

หานเซิ่นพยักหน้าและเริ่มเดินต่อไป

 

ภายในหลุมศพธรรมดาเป็นแค่สมบัติที่ไร้ประโยชน์จริงๆ อาวุธส่วนใหญ่ก็มีคุณภาพปานกลางเท่านั้นการเลือกอาวุธดีๆให้ตัวเองนั้นยากยิ่งกว่าการเลือกให้ไป๋เวยมาก

 

หานเซิ่นเดินหาอยู่ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพป้ายหนึ่ง มันไม่ได้มีอะไรที่ดูพิเศษเกี่ยวกับป้ายหลุมศพนี้ แต่หลังจากที่หานเซิ่นมองดูมัน เขาก็เอื้อมมือออกไปอย่างไม่ลังเล ภายในป้ายหลุมศพนั้นมีกล่องเล็กๆกล่องหนึ่งอยู่

 

กล่องนั้นมีขนาดเล็กพอๆกับมือเท่านั้น มันดูเล็กเกินกว่าที่จะเก็บอาวุธที่ทรงพลังเอาไว้ข้างใน

 

แต่หานเซิ่นดูไม่ประหลาดใจกับเรื่องนั้น เขาเปิดกล่องออกและนำแหวนที่อยู่ข้างในออกมา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset