ตอนเช้าในที่สุดหานเซิ่นก็ได้รับบัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงและเขาก็เดินทางออกจากเมืองไนท์ชาร์ม ในตอนที่กลับออกมา เขามองไปที่เชอร์ราวกับว่าเขาต้องการเธอมากๆ แต่ไป๋หลิงซวงไม่ปล่อยให้เขาเข้าไปใกล้เธอ เนื่องจากข้อตกลงกันของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว
กิเลนโลหิตหลับใหลอยู่ตลอดทั้งคืน และหลังจากที่มันตื่นขึ้นมามันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น หานเซิ่นไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันนอนหลับตลอดทั้งคืนแบบนั้น
หานเซิ่นขี่กิเลนโลหิตออกจากเมืองไนท์ชาร์มและมุ่งหน้าตรงไปที่พาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิง เขากำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวตนของเขาสามารถถูกเปิดโปงได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงอยากจะใช้บัตรผ่านสู่พาวิลเลี่ยนให้เร็วที่สุด
และเมื่อคำนึงถึงความละโมบของไป๋อี้ ทุกคนก็คงจะคาดคิดว่าเขาจะใช้บัตรผ่านในทันทีอยู่แล้ว
เมื่อเขาไปถึงพาวิลเลี่ลยน หานเซิ่นก็แสดงบัตรผ่านเพื่อเข้าไปข้างใน ส่วนกิเลนโลหิตต้องรอเขาอยู่ด้านนอก
แต่เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในพาวิลเลี่ยน เขาก็ต้องขมวดคิ้ว ตำนานบอกว่าในที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย แต่หานเซิ่นไม่เห็นสมบัติอะไรเลยขณะที่เดินเข้ามาข้างใน มันมีแต่พวกรูปปั้นเท่านั้น
เหล่ารูปปั้นสวมใส่ชุดเกราะราชวงศ์อยู่ ถึงแม้พวกมันจะเป็นแค่รูปปั้น แต่ภาพของพวกมันก็ยังเป็นอะไรที่น่าประทับใจอยู่ดี รูปปั้นแต่ละรูปคงจะเป็นตัวแทนของกษัตริย์แต่ละองค์ของเอ็กซ์ตรีมคิง
แต่นอกจากเหล่ารูปปั้นแล้ว มันไม่มีสมบัติอะไรอย่างอื่นอยู่ หานเซิ่นพบป้ายประกาศบนกำแพงและรู้สึกว่าตัวว่าจริงๆแล้วเหล่ารูปปั้นก็คือสมบัติของพาวิลเลี่ยน
ในระหว่างพิธีราชาภิเษก รูปปั้นของกษัตริย์องค์ใหม่จะถูกนำมาตั้งไว้ภายในพาวิลเลี่ยน วัสดุที่ใช้สร้างรูปปั้นขึ้นมาไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แต่ก่อนที่รูปปั้นจะถูกนำมาตั้งภายในพาวิลเลี่ยน กษัตริย์คนนั้นจะทิ้งวิชาจีโนของพวกเขาเอาไว้ภายในพวกมัน ถ้าราชวงศ์ที่มีบัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยนสามารถเข้าใจถึงความหมายของวิชาจีโนนั้นๆได้ พวกเขาก็จะปลุกรูปปั้นให้ตื่นขึ้นมาและเผยสมบัติที่ซ่อนอยู่ รูปปั้นแต่ละรูปมีสมบัติที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยกษัตริย์คนนั้นๆอยู่
‘ถ้าพวกนี้คือสมบัติที่ถูกกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงทิ้งเอาไว้ พวกมันก็ต้องเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ แต่การจะเข้าใจถึงจิตใจของกษัตริย์คนหนึ่งคงจะทำสำเร็จไม่ได้ง่ายๆ’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่เหล่ารูปปั้น
ถึงแม้รูปปั้นแต่ละรูปจะเป็นเอกลักษณ์ แต่พวกมันทั้งหมดก็มีสัมผัสของพลังที่ลึกลับเหมือนๆกัน ขณะที่หานเซิ่นมองใกล้ๆ เขาก็บอกได้ว่ารูปปั้นแต่ละรูปดึงดูดเขาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป พวกมันทั้งหมดมีบรรยากาศเฉพาะของตัวเอง
มันมีรูปปั้นอยู่ทั้งหมด 79 รูปด้วยกัน นั่นหมายความว่ามีกษัตริย์อย่างน้อย 79 องค์ที่ปกครองเอ็กซ์ตรีมคิงในระหว่างประวัติศาสตร์ของพวกเขา
รูปปั้นบางรูปมีหินอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ขณะที่รูปปั้นอื่นไม่มี ถ้ารูปปั้นไหนไม่มีหิน มันก็หมายความว่าสมบัติที่อยู่ภายในถูกเอาไปเรียบร้อยแล้ว
หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าเหลือรูปปั้นเพียงแค่ 3 รูปเท่านั้นที่ยังมีสมบัติอยู่ สมบัติส่วนใหญ่ถูกเอาไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมายความว่าสมบัติของรูปปั้นที่เหลืออยู่นั้นยากจะเอาไปได้
นั่นสมเหตุสมผล เอ็กซ์ตรีมคิงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และมันก็มีบุคคลที่มีพรสวรรค์มากมายอยู่ในหมู่พวกเขา การเข้าใจรูปปั้นรูปหนึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
แต่มันเหลือรูปปั้น 3 รูปที่ยังไม่มีใครเข้าใจได้ นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก
หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นทั้ง 3 ตัวอักษรถูกแกะสลักเอาไว้บนฐานของรูปปั้นแต่รูป ซึ่งบรรยายกษัตริย์องค์นั้นๆ
รูปปั้นแรกที่ยังไม่มีใครเอาสมบัติไปก็คือรูปปั้นแรกสุดที่หานเซิ่นเห็นเมื่อเดินเข้ามาข้างใน นั่นหมายความว่ารูปปั้นนั้นต้องเป็นของกษัตริย์องค์แรกของเอ็กซ์ตรีมคิง หรือบางทีอาจจะเป็นอัลฟ่าของพวกเขาเลยก็เป็นได้
คำจารึกของรูปปั้นบอกว่ากษัตริย์นั้นเป็นที่รักของทุกคน มันบอกถึงสติปัญญาและความทรงพลังของเขา เขาสามารถสยบทั้งจักรวาลได้ด้วยมือของเขา มันบอกว่าเขาคงเสถียรภาพของจักรวาลกว่าพันล้านปี บอกตามตรงมันฟังดูไร้สาระจนน่าหัวเราะ มันฟังดูราวกับว่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นปกครองทั้งจักรวาลจีโน
แต่หานเซิ่นรู้ว่าครั้งหนึ่งเอ็กซ์ตรีมคิงเคยเป็นแค่เผ่าพันธุ์เล็กๆ ในตอนที่อัลฟ่าของพวกเขากำเนิด เซเคร็ดยังคงครองอำนาจ บางทีอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงอาจจะต้องรับใช้คนของเซเคร็ดด้วยซ้ำ
นั่นเป็นไปได้สูงเพราะในตอนที่ผู้นำของเซเคร็ดยังครองอำนาจ เผ่าพันธุ์เล็กๆอย่างเอ็กซ์ตรีมคิงจะพบว่าตัวเองตกอยู่ภายในกำมือของเซเคร็ด ในความจริงแล้วเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ตกเป็นเผ่าพันธุ์ข้าราชบริพารของเซเคร็ด
แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือรูปลักษณ์ทางกายภาพอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง รูปปั้นของเขาดูแตกต่างไปจากรูปปั้นของกษัตริย์องค์อื่นๆ
เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นดูคล้ายคลึงกับมนุษย์ กษัตริย์องค์แรกเองก็คล้ายคลึงกับมนุษย์เช่นกัน แต่ส่วนหนึ่งของร่างกายของเขาแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
มันมีรอยบนหน้าอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงที่ดูเหมือนกับดวงตาที่ 3 ของชาวนภา แต่เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นไม่ได้มีดวงตาดวงที่ 3 พวกเขาเป็นเหมือนกับมนุษย์ที่มีแค่ 2 ดวงตา
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น หานเซิ่นก็ไม่แน่ใจว่ารอยนั้นคืออะไรกันแน่ มันไม่ได้เปิดอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่มั่นแน่ว่ามันใช่ดวงตาที่ 3 จริงๆหรือเปล่า
และมันยังมีอีกสิ่งที่รูปปั้นนี้แปลกกว่ารูปปั้นอื่นๆ รูปปั้นของกษัตริย์องค์อื่นจะมีดาบ มีดหรือหนังสืออยู่ ส่วนรูปปั้นของอัลฟ่าไม่ได้มีดาบแนบอยู่เอวหรือหนังสืออยู่ในมือ แต่ทว่าเขากำลังถือน้ำเต้าอยู่
“หมอนี่น่าสนใจ” หานเซิ่นเพ่งความสนใจไปที่รูปปั้นของอัลฟ่าและใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อดูกระบวนการก่อสร้างของรูปปั้น
จากคำบรรยายของรูปปั้น อัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นทิ้งรูปปั้นของเขาเอาไว้ในพาวิลเลี่ยน อัลฟ่าเริ่มธรรมเนียมนี้และเขียนมันลงในกฎของเอ็กซ์ตรีมคิง ตั้งแต่นั้นมากษัตริย์ทุกองค์หลังจากนั้นต้องทำพิธีการนี้ ถ้าพิธีการไม่เสร็จสิ้น พวกเขาก็จะไม่ถือว่าเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของเอ็กซ์ตรีมคิง
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อมองไปที่รูปปั้น แต่ก่อนที่เขาจะวิเคราะห์อะไรได้ เขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนในดวงตา
“อ้า!”
หานเซิ่นก้มหัวและจับตาของตัวเอง รอยเลือดบางๆไหลผ่านนิ้วมือของเขา
“นั่นเป็นพลังที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้” หานเซิ่นจับตาและมันใช้เวลาสักพักกว่าที่เขาจะฟื้นตัว เขาไม่กล้าใช้วิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบรูปปั้นอีกครั้ง ถึงแม้วิญญาณอสูรเนตรม่วงจะเป็นวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้า แต่อัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงต้องเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากๆ เขาเองก็คงจะเป็นระดับเทพเจ้าเช่นเดียวกัน การพยายามแอบมองความลับของรูปปั้นที่เขาทิ้งเอาไว้นั้นเห็นได้ชัดว่าถือเป็นสิ่งต้องห้าม
โชคดีที่พลังในการฟื้นฟูของหานเซิ่นแข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นดวงตาของเขาก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรเนตรม่วงกลับไปและไม่มองไปที่รูปปั้นอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงอีก เขามองไปที่รูปปั้นของกษัตริย์อีกองค์แทน
กษัตริย์องค์นั้นถือหนังสืออยู่และมืออีกข้างไขว้ไปด้านหลัง ดวงตาของเขามองออกไปในระยะไกล พวกมันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขาม
หานเซิ่นตรวจดูรูปปั้นและสังเกตเห็นถึงความน่าตกใจของมัน กษัตริย์องค์นี้มีดวงตาและผมสีดำ เขาไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะของกษัตริย์ แต่สวมใส่เสื้อคลุมสีขาวที่ดูสง่างามแทน
จากการอ่านคำจารึกของกษัตริย์องค์นี้ หานเซิ่นได้เรียนรู้ว่ากษัตริย์องค์นี้ถูกเรียกว่าราชาเหวิน คำจารึกบอกว่าเขาต่อสู้ในสงครามและยึดครองเผ่าพันธุ์ต่างๆ ส่วนนั้นของเขาถูกสรุปในประโยคๆเดียว คำจารึกส่วนใหญ่ของเขาอธิบายถึงระบบกฎหมายและการเมืองที่เขาสร้างขึ้นมาสำหรับเอ็กซ์ตรีมคิง
กฎที่ราชาไป๋ใช้อยู่จริงๆแล้วก็คือกฎที่ราชาเหวินตั้งขึ้นมา อย่างเช่นกฎการเลี้ยงดูคนในราชวงศ์ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาสิ่งต่างๆอาจจะถูกปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กฎยังคงเหมือนเดิมซะส่วนใหญ่
ราชาเหวินเป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 ของเอ็กซ์ตรีมคิง รูปปั้นของเขาอยู่ถัดไปจากอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง
ส่วนรูปปั้นสุดท้ายที่สมบัติยังไม่ถูกเอาไปอยู่หลังสุด มันคือกษัตริย์องค์ก่อนหน้าราชาไป๋