แฟรี่น้ำนั่งด้านหลังหานเซิ่นและนวดไหล่ของเขา หานเซิ่นรู้สึกเพลิดเพลินกับการนวด แต่เขารู้สึกผิดหวังและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“มันเป็นแค่ทาสรับใช้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไปที่พาวิลเลี่ยน และเขาก็เสี่ยงจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง มันเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าถ้าเขาได้มาแค่สาวรับใช้คนหนึ่ง
เป่าเอ๋อเอนหัวไปด้านข้างและพูด “หนูไม่รู้ แต่หนูคิดว่าเธอยังทำอะไรอย่างอื่นได้”
“เธอต่อสู้ได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
เป่าเอ๋อชี้ไปที่เก้าอี้และตะโกน “ชกใส่มัน!”
แฟรี่น้ำเดินไปหาเก้าอี้ตามที่ได้รับคำสั่ง แต่หมัดน้ำของเธอแตกกระจายในทันทีที่สัมผัสกับเก้าอี้ เก้าอี้เคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่มันดูจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร
“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้” เป่าเอ๋อส่ายหัว
“สมบัติที่อัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงทิ้งเอาไว้ให้กับลูกหลานไม่มีทางที่จะเป็นอะไรที่ห่วยขนาดนี้” หานเซิ่นมองไปที่แฟรี่น้ำ
เป่าเอ๋อสั่งให้แฟรี่น้ำมานวดให้กับเธอ และแฟรี่น้ำก็รับคำสั่งในทันที ดูเหมือนกับว่าเธอจะขาดจิตสำนึกของตัวเอง เธอเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาชั้นสูงเท่านั้น
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อวิเคราะห์แฟรี่น้ำ และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง ร่างกายของแฟรี่น้ำนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและโครงสร้างลำดับของเธอก็หน่าแน่นมากๆ ดูเหมือนมันจะกักเก็บพลังเทพเจ้าที่สุดยอดอย่างที่หานเซิ่นไม่เคยเห็นมาก่อน
‘แปลกจริงๆ ด้วยพลังที่สุดยอดแบบนั้น ทำไมมันถึงสร้างความเสียหายอะไรไม่ได้เลย? สิ่งนี้ทำอะไรได้กันแน่?’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่แฟรี่น้ำ
อย่างน้อยๆเป่าเอ๋อก็กำลังสนุกสนานกับมัน ขณะที่แฟรี่น้ำนวดไหล่ของเธอ เป่าเอ๋อยังสั่งให้มันเริ่มป้อนอาหารให้กับเธอ
“เป่าเอ๋อ พ่อจะใช้น้ำเต้าหยกนี้ได้ยังไง?” หานเซิ่นถามหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ บางทีการใช้น้ำเต้าหยกด้วยตัวเองจะทำให้เขาศึกษามันได้มากกว่านี้
“ง่ายมาก พ่อแค่ใส่พลังเข้าไปในน้ำเต้า” เป่าเอ๋อส่งน้ำเต้าหยกกลับไปให้หานเซิ่น
หลังจากที่น้ำเต้าออกจากมือของเป่าเอ๋อ แฟรี่น้ำก็แตกกระจายและกลับเข้าไปในน้ำเต้าหยก
หานเซิ่นพยายามใส่พลังของเขาเข้าไปในน้ำเต้าหยก แต่เขาไม่สามารถทำให้มันทำงานได้ และหลังจากนั้นเขาลองดูอีกครั้ง น้ำเต้าหยกก็ทำงาน
“นี่มันแปลกจริงๆ เธอทำอะไรได้กันแน่”
หานเซิ่นลองออกคำสั่งเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาสามารถควบคุมแฟรี่น้ำได้ หลังจากนั้นเขาก็เรียกแฟรี่น้ำกลับและเก็บน้ำเต้าหยกไป
“เป่าเอ๋อ หนูได้ข้อมูลอะไรจากหลันไห่ซินบ้างหรือเปล่า?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อ
เป่าเอ๋อพยักหน้าและพูด “เดือนหน้าวันที่ 9 เธอและไป๋อี้มีหมายนัดกัน พวกเขาจะเปิดใช้โบราณวัตถุร่วมกัน เธอยังบอกอีกว่าตอนนี้ไป๋อี้มียีนของอีกเผ่าพันธุ์อยู่ในตัว ซึ่งยีนของเขาไม่สมบูรณ์ เธอบอกว่าโอกาสที่โบราณวัตถุจะเลือกไป๋อี้นั้นต่ำ”
“เธอได้บอกไหมว่าโบราณวัตถุคืออะไร?” หานเซิ่นถาม
“ไม่” เป่าเอ๋อส่ายหัวและกลืนอาหารลงไป
“ดีมาก หนูพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เมื่อหนูได้รู้เรื่องอะไรอีกหาทางติดต่อพ่อ” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“หนูให้สัญญาว่าจะทำแบบนั้น” เป่าเอ๋อดูจริงจัง และเธอก็ทำวันทยหัตถ์ให้กับหานเซิ่น
“ดีมาก หนูคือความภาคภูมิใจของประเทศชาติ และหนูก็เป็นความภาคภูมิใจของพ่อด้วยเช่นกัน” หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อกลับไป หลังจากนั้นเขาก็คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเขาจะทำต่อไป
นกแดงน้อยตามเป่าเอ๋อไปด้วย ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลอะไรมากนัก
ตอนนี้ที่หานเซิ่นกังวลมากที่สุดในก็คือผลที่จะตามมาจากเหตุการณ์วันก่อน เขาไม่ได้คาดคิดว่าการปลุกรูปปั้นอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นจะเป็นปัญหาใหญ่แบบนี้ และตอนนี้ชาวเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนก็ยังคงตกใจกับเรื่องนั้น สายตาของทุกคนจะจับจ้องมาที่เขา
‘เมื่อคำนึงถึงความภาคภูมิและความต้องการจะเป็นจุดสนใจของไป๋อี้ เขาจะต้องตัวให้เป็นจุดเด่นหลังจากที่มีชื่อเสียงขึ้นมาแน่ เราจำเป็นต้องไปที่ไหนสักแห่ง’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสถานที่ที่ควรจะไป
หานเซิ่นมองไปที่กิเลนโลหิต และดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
‘ใช่แล้ว! เราควรพากิเลนโลหิตไปลงทะเบียนเป็นราชองครักษ์ของเรา หลังจากนั้นเราก็ไปที่สวนกษัตริย์เพื่อแย่งชิงมังกรกษัตริย์รากแก้วจากคนอื่น มีเพียงแค่องค์ชายและองค์หญิงที่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น มันไม่มีใครที่เป็นระดับเทพเจ้า แบบนั้นเราจะไม่เสี่ยงถูกเปิดโปง และเราจะขโมยทรัพยากรมาได้ด้วย ใช่แล้ว เราควรจะไปที่นั่น เราควรไปที่สวนกษัตริย์’
หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็พากิเลนโลหิตไปลงทะเบียนเป็นราชองครักษ์ หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่สวนของกษัตริย์ต่อในทันที
“องค์ชาย ไป๋อี้ได้พากิเลนโลหิตไปลงทะเบียนเป็นราชองครักษ์ และตอนนี้เขาก็กำลังมุ่งหน้าไปที่สวนของกษัตริย์”
“องค์หญิง ตอนนี้ไป๋อี้กำลังพากิเลนโลหิตมุ่งหน้าไปที่สวนของกษัตริย์”
รายงานที่เหมือนกันถูกส่งไปที่ต่างๆ ตอนนี้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงต่างก็รีบพากันไปที่สวนของกษัตริย์เช่นกัน
พวกเขาอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋อี้กันแน่ เรื่องที่เขาปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมาได้นั้นเป็นอะไรที่แปลกเกินไป และนั่นทำให้คนของราชวงศ์หลายคนรู้สึกสงสัยในเรื่องนั้น
“เขาออกมาแล้วอย่างนั้นหรอ? ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่านี่คือไป๋อี้จริงๆหรือว่าเขาคือหานเซิ่นกันแน่”
คุณหญิงมิร์เรอร์มองดูกระจกบานใหญ่ที่แสดงการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นภายในสวนของกษัตริย์ คุณหญิงมิร์เรอร์จะหันไปมองยังแหวนที่มือของหานเซิ่นเป็นช่วงๆ หลังจากนั้นเธอก็จะสัมผัสแหวนที่อยู่บนนิ้วมือของเธอโดยไม่รู้ตัว
หานเซิ่นเคยเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับไป๋เวยมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ทางไป เขาพากิเลนโลหิตไปที่สวนของกษัตริย์ร่วมกับเขา
หานเซิ่นไม่ถูกใจเหล่ามังกรที่อยู่รอบนอก ดังนั้นเขาจึงขี่กิเลนโลหิตตรงเข้าไปหาต้นไม้กษัตริย์ เขาอยากจะหามังกรกษัตริย์รากแก้วสักตัว
แต่เมื่อกิเลนโลหิตเริ่มเคลื่อนไหว เงาคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่น หานเซิ่นสังเกตพวกเขาก็รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายเป็นกลุ่มคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่หานเซิ่นรู้จักพวกเขาผ่านข้อมูลที่กุนซือไวท์มอบให้ หนึ่งในคนกลุ่มคือองค์ชายดาบดารา เขาเป็นองค์ชายองค์ที่สี่สิบเจ็ด และเป็นน้องชายของไป๋อี้ แต่พวกเขาไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน
“น้องสี่สิบเจ็ด ทำไมเจ้าถึงมาขวางทางข้า?” หานเซิ่นพูดขึ้นมา
องค์ชายดาบดารายิ้ม เขาดูค่อนข้างหล่อเหลาขณะที่เขาพูดขึ้นมา
“น้องมาที่นี่ก็เพื่อแสดงความยินดีกับพี่สิบหกที่เข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ และน้องก็สงสัยว่าอัลฟ่าได้ทิ้งอะไรเอาไว้กันแน่ น้องหวังว่าพี่จะบอกน้องถึงเรื่องนั้น”
“และถ้าข้าไม่บอกเจ้าล่ะ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ถ้าอย่างนั้นน้องคนนี้ก็คงจะต้องสอนบทเรียนให้กับพี่ชายของตัวเอง” องค์ชายดาบดาราพูด
“ฮ่า! เจ้าไม่คู่ควรจะมาท้าสู้กับข้า เอาชนะองครักษ์ของข้าให้ได้ซะก่อน” หานเซิ่นตอบอย่างถือตัว
กิเลนโลหิตคำราม หมอกสีแดงปกคลุมร่างกายของมันพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันไปทั่วทั้งบริเวณ มันวิ่งตรงเข้าไปหาองค์ชายดาบดารา
“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่มีองครักษ์” สีหน้าขององค์ชายดาบดาราไม่เปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องออกคำสั่ง องครักษ์ของเขากระโจนออกมาต่อสู้กับกิเลนโลหิต