Super God Gene – ตอนที่ 2366

หินนั้นดำมืดราวกับหมึก พวกมันดูดซับแสงที่ส่องมาโดยไม่มอบอะไรกลับคืนมา

 

เหล่ายอดฝีมือระดับดยุกใช้พลั่วขุดก้อนหินอย่างเหน็ดเหนื่อย ประกายแสงปรากฏขึ้นในการกระแทกแต่ละครั้ง และส่วนเล็กส่วนน้อยของหินก็ถูกขุดออกไปทีละนิดๆ

 

เหล่าดยุกและมาร์ควิสถูกใช้งานราวกับทาส ขณะที่เหล่าบารอนและไวเคานต์รับหน้าที่ในการขนย้ายหินที่ถูกขุดขึ้นมา

 

หินที่พวกเขาขุดได้จะถูกส่งไปยังโรงงานเพื่อสิ่งประดิษฐ์จากหินขึ้นมา

 

ชายคนหนึ่งยืนในหมู่พวกเขาและกำลังใช้ปากกาวาดลงบนหินอย่างระมัดระวังเพื่อทำเครื่องหมายว่าหินนั้นควรจะถูกแกะสลักเป็นอะไร

 

คนงานคนอื่นๆรับหน้าที่แกะสลักและมองชายคนนั้นด้วยความอิจฉา

 

เหล่าคนงานเป็นเหมือนกับสุนัขเฝ้ายามของเผ่าเฮลล์ ในที่แห่งนี้เผ่าเฮลล์ปกครองและเผ่าพันธุ์อื่นๆทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ทาส แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันของเผ่าอื่นก็จะถูกปฏิบัติเหมือนทาสคนหนึ่ง

 

มันมีคริสตัลไลเซอร์ระดับมาร์ควิสคนหนึ่งอยู่ที่นั่น เขาดูผอมแห้ง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่เผ่าเฮลล์ เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถูกใช้ให้ทำงานที่ต่ำต้อยเหมือนกับคนอื่น เขามีฝีมือพอที่จะไม่ต้องรับงานแบบนั้น และเขาก็สามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรมากมายของเผ่าเฮลล์ ผู้คนของเผ่าเฮลล์นั้นมองเขาต่างไปจากคนอื่นๆ

 

“หนิงเยวี่ย เจ้าทำได้ดีมาก พวกเราควรจะทำอะไรต่อไปเพื่อเพิ่มผลผลิตของพวกเรา?” เฮลล์คิงหลี่ตาและมองไปยังชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในปราสาท

 

คริสตัลไลเซอร์คนนี้ดึงดูดความสนใจของเฮลล์คิง เขาเป็นคนนอกระดับมาร์ควิสคนหนึ่ง แต่ขุนนางเผ่าเฮลล์หลายคนต่างก็ชอบชมเขา ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่แปลก เพราะแม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันของเผ่าอื่นๆก็ไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนั้น

 

เฮลล์คิงคิดจะขอคำปรึกษากับชายหนุ่มเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง หลังจากนั้นก็ค่อยโยนอีกฝ่ายกลับไปเป็นทาส เพราะยังไงซะทุกคนก็รู้ว่ามีแค่คนของเผ่าเฮลล์เท่านั้นที่สำคัญ เผ่าพันธุ์อื่นมีไว้เพื่อเป็นทาสรับใช้เท่านั้น

 

เมื่อเวลาผ่านไป เฮลล์คิงก็เริ่มขอคำปรึกษาจากหนิงเยวี่ยบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และทุกคำชี้แนะของหนิงเยวี่ยก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา มันช่วยประหยัดเวลาและปัญหาของเฮลล์คิงได้มาก

 

ทุกครั้งที่เฮลล์คิงคิดจะส่งหนิงเยวี่ยกลับไปทำงานกับทาสคนอื่นๆ หนิงเยวี่ยก็จะคิดไอเดียใหม่ที่ดียิ่งกว่าเดิมขึ้นมาได้ เมื่อเฮลล์คิงได้ยินไอเดียใหม่ของหนิงเยวี่ย เฮลล์คิงก็จะอนุญาตให้หนิงเยวี่ยอยู่ต่อเพื่อทำตามไอเดียใหม่นั้น

 

หลังจากผ่านไปนานๆ เฮลล์คิงก็ไม่ใช่คนเดียวที่เคยชินกับการมีอยู่ของหนิงเยวี่ย ทุกคนในสังคมเผ่าเฮลล์ต่างก็เคยชินกับเขาเช่นเดียวกัน

 

“เลือด! เลือด! มันมีเลือดไหลออกมา!” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากโรงงานหิน

 

หนิงเยวี่ยขมวดคิ้วและมองไปทางที่เสียงดังขึ้นมา หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งแตกร้าวและมีของเหลวสีแดงไหลออกมาจากรอยแตกนั้น กลิ่นของมันเหมือนกับเลือด

 

เหล่าทาสวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ขณะที่หนิงเยวี่ยจ้องมองไปที่หินสีดำก้อนใหญ่นั้น

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ในเวลาหลายเดือนที่หนิงเยวี่ยมาอยู่ที่นี่ มันเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วถึง 3 ครั้ง

 

ในครั้งแรกที่พวกเขาพบหินดำที่มีเลือดไหลออกมานั้น มันมีแมลงสีแดงตัวหนึ่งอยู่ภายใน แมลงตัวนั้นฆ่าทาสและยามรักษาการณ์หลายพันคน ซึ่งที่สุดแล้วเฮลล์คิงก็ต้องออกมาฆ่ามัน นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะกำจัดแมลงตัวนั้น

 

ครั้งที่ 2 ที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทาสที่อยู่ในบริเวณรอยหินดำที่มีเลือดไหลออกมานั้นติดพิษอะไรบางอย่าง พวกเขาทนต่อมันได้สิบวันก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะสลายกลายเป็นของเหลว ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนตายอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน

 

ครั้งที่ 3 พวกเขาค้นพบหินดำที่มีเลือดไหลออกมา มันมีดาบเขียวเล่มน้อยเล่มหนึ่งพุ่งออกมาและทะลุหัวของดยุกคนที่ทำการตรวจสอบก้อนหินก้อนนั้น หลังจากนั้นมันก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายลับไป

 

นี่เป็นครั้งที่ 4 ที่หนิงเยวี่ยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ของเหลวสีแดงไหลออกมาจากรอยร้าวของหินทีละหยดๆ

 

ทันใดนั้นหนิงเยวี่ยก็เห็นนิ้วมือปรากฏออกมาจากรอยแยก นิ้วมือนั้นแวววาวเหมือนกับหยก มันดูงดงามมากๆ แต่เล็บมือนั้นเป็นเฉดสีแดงที่ดูน่าขนลุก เพียงแค่มองไปยังภาพที่น่าขนลุกนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งสั่นไปทั้งตัว

 

หนึ่งนิ้ว… สองนิ้ว… สามนิ้ว…  นิ้วมือปรากฏออกมาจากรอยแยกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทั้งสิบนิ้วปรากฏออกมา มันก็มีเสียงแตกร้าวของหินดังขึ้น นิ้วมือนั้นฉีกก้อนหินจนขาดครึ่ง

 

ผู้หญิงที่สวมชุดเกราะสีแดงที่น่าขนลุกปรากฏตัวออกมา ดวงตาสีแดงของเธอเปล่งประกายขณะที่จ้องมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่วิ่งหนีไปด้วยความกลัว

 

ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว เธอเป็นเหมือนกับปีศาจที่ออกมาจากขุมนรก เธอกลายเป็นเงาสีเลือดและที่ไหนที่นิ้วมือของเธอเคลื่อนผ่านไป เสียงกรีดร้องของสิ่งมีชีวิตก็จะตามมา เลือดพุ่งออกมาจากร่างกายของพวกเขา และในเวลาอันสั้นสิ่งมีชีวิตมากมายก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

 

ผู้หญิงที่น่าสะพรึงกลัวไม่แสดงทีท่าที่จะหยุด เฮลล์คิงและยอดฝีมือระดับราชันของเผ่าพันธุ์เฮลล์รีบมายังที่เกิดเหตุเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ดินแดนแห่งนั้นเปลี่ยนเป็นสนามรบที่นองไปด้วยเลือด ซีโน่เจเนอิคสเปชที่ดูเหมือนกับนรกนั้นตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่

 

เลือด…มีเลือดอยู่ทุกหนทุกแห่ง

 

ทั้งเลือดของเหล่าทาสและเลือดของเผ่าเฮลล์นองพื้น เศษเล็กเศษน้อยของร่างกายกระจัดกระจายไปทั่ว มันเกือบจะไม่มีใครรอดชีวิตอยู่ในซีโน่เจเนอิคสเปชนั้นอีก

 

แต่มีคน 2 คนที่ยังคงยืนอยู่ พลังชีวิตของพวกเขาริบหรี่

 

หนึ่งในพวกเขาคือผู้หญิงประหลาดในชุดเกราะสีแดง ส่วนอีกคนก็คือเฮลล์คิง

 

ผู้หญิงประหลาดนั้นสภาพไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ดวงตาสีแดงของเธอส่องสว่างด้วยแสงที่น่ากลัว ชุดเกราะของเธอเต็มไปด้วยรอยร้าวและรอยบุบ ชิ้นส่วนของใบมีดดาบเล่มหนึ่งปักอยู่บนชุดเกราะของเธอ มันมีรูขนาดใหญ่อยู่ที่อกของเธอ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าอาวุธแบบไหนกันที่สร้างความเสียหายให้กับเธอ เธอมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องและแทบที่จะยืนไม่ไหว

 

เฮลล์คิงเองก็ไม่อยู่ในสภาพดีเช่นกัน หนึ่งในเขาของเฮลล์คิงหักและหนึ่งในขาของเขาก็ขาดไป บริเวณท้องของเขาถูกตัดเปิดออกและไส้ข้างในเริ่มจะหลุดออกมา

 

ใบหน้าของเฮลล์คิงดูโกรธจัด ประชากรทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในซีโน่เจเนอิคสเปชนี้นั้นถูกฆ่าตายโดยผู้หญิงประหลาดคนนั้น นอกจากเขาแล้วไม่มีใครคนอื่นที่รอดชีวิต

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า” เฮลล์อ้าปากและพ่นเลือดจำนวนมากออกมา เลือดเหล่านั้นซึมลงไปบนพื้นและเผยดาบสีเขียวเล่มน้อยออกมา

 

ถ้าหนิงเยวี่วได้เห็นมัน เขาก็จะจำได้ว่ามันคือดาบที่บินหายไปในตอนนั้น

 

เมื่อผู้หญิงเห็นดาบเขียวเล่มนั้น ดวงตาของเธอก็ดูหวาดกลัว

 

เฮลล์คิงคำราม เขาหยิบดาบเขียวขึ้นมาและวิ่งเข้าหาผู้หญิงประหลาด ดาบเขียวนั้นเล็งไปที่หัวของเธอ

 

ผู้หญิงประหลาดป้องกันดาบเขียวเล่มน้อยด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างแทงเข้าไปเพื่อคว้าหัวใจของเฮลล์คิง ดาบเขียวถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือของเธอ ขณะที่มืออีกข้างบีบหัวใจของเฮลล์คิง

 

เคร๊ง!

 

ดาบเขียวเล่มน้อยตกลงสู่พื้นและแสงในดวงตาของเฮลล์คิงก็เริ่มจะจางหายไป ในจังหวะที่ไฟชีวิตของเขากำลังจะดับลง เฮลล์คิงก็คำรามออกมา แทนที่จะค่อยๆขาดใจตายไป เขากลับใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อคว้าคอของผู้หญิงประหลาดเอาไว้

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset