Super God Gene – ตอนที่ 2534

รอยัลไนท์ทั้งหมดเรียงแถวกันและล้อมลูกตาขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับอัญมณีสีฟ้าเอาไว้ มันใหญ่โตเหมือนดวงจันทร์ ถึงแม้อัศวินแต่ละคนจะมีอาณาเขตแห่งราชันที่ทรงพลัง แต่อัศวินส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้พลังของพวกเขา

 

พวกเขาแยกตัวกันเป็นทีมๆ และทุกทีมจะมีผู้นำคนหนึ่ง ภายใต้คำสั่งของผู้นำ เหล่าอัศวินจะปลดปล่อยพลังอาณาเขตของพวกเขาออกมาทีละคน รูปขบวนของพวกเขาเป็นไปอย่างไหลรื่นและมันไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย เหล่าอัศวินทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีราวกับเครื่องจักร

 

หานเซิ่นได้ให้บับเบิลลอกเลียนแบบรูปลักษณ์ของเขาและเล่นหมากรุกกับหลี่เคอเอ๋อ ขณะที่เขาแอบมายังสนามต่อสู้ เขาซ่อนตัวอยู่ระหว่างดาวเคราะห์น้อยเพื่อที่จะมองดูการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น

 

หานเซิ่นรู้สึกชื่นชมพวกเขา ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมียอดฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็มีพลังทุกรูปแบบ

 

รอยัลไนท์มีอัศวินที่สามารถใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นได้ถึง 2 คน ขณะที่เดียร็อบเบอร์และดราก้อนวันต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะหาได้สักคน

 

พลังของอัศวินแต่ละคนถูกใช้งานเป็นอย่างดี พวกเขากักขังลูกตาอัญมณีสฟ้าขนาดใหญ่ยักษ์เอาไว้ในวงล้อม และไม่ว่าลูกตาอัญมณีสีฟ้าจะปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมาสักกี่ครั้ง มันก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ มันไม่สามารถทำอะไรสมาชิกของรอยัลไนท์ได้

 

ไป๋ว่านเจียลอยตัวอยู่ด้านข้างขณะที่มองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้เข้าไปร่วมในการต่อสู้จริงๆ แต่หานเซิ่นสังเกตว่าผู้นำของอัศวินแต่ละทีมดูเหมือนจะมีหัวใจอยู่ ชายคนนั้นกำลังใช้หัวใจของเขาเพื่อสั่งการอัศวินทุกคน และนั่นเหตุผลที่รูปขบวนของพวกเขาเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

 

“แข็งแกร่งจริงๆ อัจฉริยะของเอ็กซ์ตรีมคิงแข็งแกร่งเกินไปเมื่อเทียบกับอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์อื่น ระดับราชันคนไหนที่ปลุกร่างกายแห่งราชันของตัวเองให้ตื่นขึ้นมาได้นั้นมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นระดับเทพเจ้า ซึ่งเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอื่นที่ต้องฝึกเป็นเวลายาวนานแล้ว การมีร่างกายแห่งราชันนั้นเหมือนกับการใช้สูตรโกง” หานเซิ่นถอนหายใจ

 

แต่ทว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ ถึงแม้เหล่าอัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงจะปิดล้อมซีสกายอายเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับมันได้

 

ซีสกายอายเต้นระบำและปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา ถึงมันจะไม่สามารถหนีจากวงล้อมของอัศวินได้ แต่ศัตรูก็ไม่สามารถทำร้ายมันได้เช่นกัน

 

หานเซิ่นยังคงมองดูการต่อสู้ดำเนินต่อไป เหตุผลที่อัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่สามารถทำอะไรซีสกายอายได้นั่นเป็นเพราะซีสกายอายมีวิชาดวงตาที่พิเศษอย่างหนึ่ง

 

ไม่สำคัญว่าการโจมตีของอัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงจะซับซ้อนเพียงใดหรือพวกเขาจะร่วมมือกันได้สมบูรณ์แบบมากแค่ไหน ซีสกายอายก็ป้องกันการโจมตีของพวกเขาได้ทั้งหมด มันไม่ปล่อยให้พลังอะไรมาถูกตัวของมันได้

 

‘ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป รอยัลไนท์จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้’ หานเซิ่นคิด

 

เพราะยังไงซะซีสกายอายก็ปัดป้องการโจมทีทั้งหมดของรอยัลไนท์ได้อย่างง่ายดาย แต่เหล่าอัศวินจะป้องกันการโจมตีของซีสกายอายได้อย่างยากลำบากเมื่อเทียบกันแล้ว การใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นแบบเป็นกลุ่มนั้นเป็นอะไรที่ใช้พลังงานสูงมากๆ และหลังจากที่ใช้ไม่กี่ครั้งผู้ใช้จะเริ่มเหนื่อยล้า

 

“ไป๋ว่านเจียคงจะต้องมีไพ่ตายซ่อนอยู่แน่” หานเซิ่นยังคงซ่อนตัวและไม่มีแผนจะทำอะไรในตอนนี้ เขาแค่มองดูการต่อสู้ต่อไป

 

หานเซิ่นอยู่ไกลออกไป แต่เขามีวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงและกล้องปืนไรเฟิลของมนตราอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน ขณะที่มองดูอยู่นั้นเขาก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย

“ไม่รู้เลยว่าพลังธาตุน้ำแข็งจะใช้แบบนั้นได้ด้วย… และนั่นคงจะเป็นอาณาเขตโลหะ…” ในขณะที่หานเซิ่นมองดูการต่อสู้ด้วยความสนใจ ทันใดนั้นซีสกายอายก็สว่างขึ้นมา ซีสกายอายที่เหมือนกับดวงจันทร์เรืองแสงสว่างไสว และตอนนี้มันดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา

 

แสงสีฟ้าส่องออกไปพร้อมกับโซ่สสารของมัน และทำลายอาณาเขตของเหล่าอัศวินอย่างง่ายดาย พวกเขาไม่สามารถหยุดมันได้ เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว รอยัลไนท์ทั้งร้อยคนกำลังจะถูกฆ่าตาย

 

ในที่สุดไป๋ว่านเจียที่มองดูการต่อสู้อยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาถือไม้เท้าที่ดูเหมือนกับทองคำขาวอยู่ในมือ ลูกบอลคริสตัลติดอยู่บนปลายสุดของไม้เท้า และเมื่อไป๋ว่านเจียยกไม้เท้าขึ้น ลูกคริสตัลก็เริ่มส่องแสงออกมา มันปลดปล่อยโซ่สสารที่โปร่งใสออกมาปกคลุมรอยัลไนท์ทุกคนเอาไว้

 

เมื่อแสงสีฟ้าของซีสกายอายมาถูกกับชั้นผิวคริสตัล แสงนั่นก็หายไป มันไม่สามารถเจาะทะลุชั้นคริสตัลได้

 

“ไม้เท้านั่นคืออะไรกัน? ทำไมมันถึงได้มีพลังมากขนาดนั้น?”
หานเซิ่นตกใจ ไป๋ว่านเจียเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพ ถึงแม้เขาจะใช้อาวุธระดับเทพเจ้า แต่เขาก็ไม่ควรจะสร้างโซ่สสารของระดับเทพเจ้าได้ แต่ตอนนี้ไป๋ว่านเจียกำลังใช้ไม้เท้านั่นปกป้องรอยัลไนท์ทุกคนจากการโจมตีของซีสกายอาย

 

“โจมตี!” ไป๋ว่านเจียยกไม้เท้าขึ้น โซ่สสารที่โปร่งใสยังคงปกคลุมเหล่าอัศวินขณะที่พวกเขาพุ่งไปข้างหน้า ทันใดนั้นพวกเขาก็ไม่หวาดกลัวต่อพลังของซีสกายอายอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดป้องกันตัวเองและโฟกัสไปที่การโจมตีเพียงอย่างเดียว

 

ซีสกายอายดูโกรธมาก แสงสีฟ้าที่มันปล่อยออกมานั้นเจิดจ้าอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นซีสกายอายก็ไม่สามารถเจาะทะลวงการป้องกันของโซ่สสารที่โปร่งใสได้

 

ในที่สุดพลังของเหล่าอัศวินก็ไปถึงตัวซีสกายอาย แต่พวกมันไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก มันแทบจะไม่สร้างความเสียหายกับซีสกายอาย

 

หานเซิ่นใช้ปืนไรเฟิลเล็งไปที่ไป๋ว่านเจีย ร่างกายของชายคนนั้นปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา ไม้เท้านั้นดูดแสงของเขาเข้าไป หลังจากนั้นมันก็ปลดปล่อยโซ่สสารที่โปร่งใสออกมา

 

‘แปลกจริงๆ ไป๋ว่านเจียใช้พลังของตัวเองเป็นเชื่อเพลิงให้กับไม้เท้า แต่เห็นได้ชัดว่าเขาปลดปล่อยพลังที่เหนือกว่าที่ครึ่งเทพจะทำได้ ในความถี่ดูดพลังของไม้เท้า แม้แต่ดราก้อนวันก็คงจะทนได้เพียงไม่กี่วินาที แต่ไป๋ว่านเจียใส่พลังเข้าไปได้อย่างต่อเนื่อง และเขาก็ยังดูไม่เหนื่อยล้าเลย นี่มันไม่ปกติ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

ใบหน้าของไป๋ว่านเจียดูซีดไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้กำลังจะหมดสติ

 

ขณะที่หานเซิ่นมองดูไป๋ว่านเจีย มันก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับซีสกายอาย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset