จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงขมวดคิ้ว พวกเธอสัมผัสไวพอที่จะสังเกตได้ถึงการชำเลืองมองของชายคนนั้น
หานเซิ่นเองก็เห็นมันเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เมื่อคำนึงถึงความงดงามของพวกเธอแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าชายคนหนึ่งจะมีปฏิกิริยาแบบนั้น
เดม่อนและมนุษย์นั้นคล้ายคลึงกัน นิยามความงามของพวกเขาจึงไม่ได้ต่างไปจากของมนุษย์มากนัก ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เดม่อนชายคนนั้นจะถูกดึงดูดโดยผู้หญิงเผ่ามนุษย์
การถูกดึงดูดเป็นเรื่องหนึ่ง แต่มันจะเป็นอีกเรื่อง ถ้าเขาพยายามจะเข้าไปยุ่งกับพวกเธอ ถ้าจี๋หยางเซิงไม่ทำอะไรโง่ๆ หานเซิ่นก็จะไม่ทำอะไรเขา
จี๋หยางเซิงหันไปจากกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับหานเซิ่นต่อ
“อาจารย์หาน โมโดโรอาจเคยพูดกับอาจารย์เกี่ยวกับการที่เขาหวังที่จะให้อาจารย์ช่วยมอบพรให้กับข้า ตอนนี้อาจารย์หานพอมีเวลาไหม?”
“อ้าใช่ โมโดโรเคยพูดถึงเรื่องนั้น” หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับจี๋หยางเซิง
“ข้าเคยบอกโมโดโรไปก่อนหน้านี้ว่าการอวยพรของข้าส่งผลต่อผู้อื่นก็จริง แต่ข้าทำให้คนๆนั้นกลายเป็นระดับเทพเจ้าไม่ได้ การกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของยีนตัวเอง”
“ข้าเข้าใจ แต่ข้าจะซาบซึ้งอย่างมาก ถ้าอาจารย์หานยินดีที่จะช่วยข้า ไม่ว่าพวกเราจะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ” จี๋หยางเซิงยังคงพูดอย่างมีมารยาท
หานเซิ่นหัวเราะ “ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องพูดแบบนั้น พวกเราเพียงแค่ทำการแลกเปลี่ยนกัน”
“นั่นไม่เป็นอะไร บอกข้ามาได้เลยว่าอาจารย์หานต้องการอะไร ถ้าข้าหามันมาให้ได้ ข้าก็จะไม่ทำให้อาจารย์หานต้องผิดหวัง” จี๋หยางเซิงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นส่ายหัว “พวกเราจะตกลงราคากันทีหลัง ตอนนี้ข้ายังไม่พื้นตัวเต็มที่จากการมอบพรให้กับเลอตู้ มันต้องใช้เวลาอีก 4 เดือนกว่าที่ข้าจะมอบพรให้กับใครอีกคนได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราค่อยพูดคุยกันอีกที”
ความจริงแล้วหานเซิ่นสามารถใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการใช้มันอย่างสุรุ่ยสุร่าย ถ้าเขาทำแบบนั้นคุณค่าของมันก็จะลดลงไปอย่างมาก
จนถึงตอนนี้หานเซิ่นใช้มันกับเลอตู้ กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เท่านั้น เขาอยากจะใช้มันกับจิ้งจอกสีเงินด้วยเช่นกัน แต่หานเซิ่นไม่มีความคิดที่จะใช้มันกับเป่าเอ๋อหรือหลิงเอ๋อ เพราะพวกเธอมีพรสวรรค์สูงอยู่แล้ว พวกเธอมีความเป็นไปได้มากมาย และการใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรอาจจะไปจำกัดพัฒนาการของพวกเธอได้
ส่วนพรสวรรค์ของจิ้งจอกสีเงินนั้นไม่ได้สูงเหมือนอย่างพวกเธอ ดังนั้นพลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรจะช่วยมันได้มาก
“ข้าเข้าใจ แต่ถ้าอาจารย์หานไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าจะคอยอารักขาอาจารย์หาน ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมารบกวนอาจารย์หาน” จี๋หยางเซิงพูดอย่างดูจริงใจ
“ขอบคุณ แต่ไม่ละ พวกเรามาที่นี่เพื่อล่าซีโน่เจเนอิคเท่านั้น มันจะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสม ถ้าพวกเราไปด้วยกัน” หานเซิ่นไม่ต้องการให้คนมากมายติดตามพวกเขา
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะติดต่ออาจารย์หานไปในภายหลัง นี่คือข้อมูลการติดต่อของข้า ถ้าอาจารย์หานต้องการอะไร ทั้งหมดที่อาจารย์ต้องทำก็คือติดต่อมา” จี๋หยางเซิงพูดก่อนที่จะพาคนของเขาจากไป
หลังจากที่จี๋หยางเซิงจากไปแล้ว จันทราสวรรค์ก็พูดขึ้นมา “เขาดูไม่ใช่คนที่น่าคบหาเลย”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงจะต้องพบคนอีกมากมายที่เธอเกลียด”
หานเซิ่นพูดและยักไหล่ ความงามของพวกเธออาจจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุด
ในจักรวาลแห่งนี้มีเผ่าพันธุ์มากมายที่ดูเหมือนกับมนุษย์ นั่นรวมถึงเผ่ารีเบท เผ่าเดม่อน เผ่านภาและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง นิยามความงามของพวกเขานั้นคล้ายคลึงกันมากๆ ดังนั้นความงดงามของพวกเธอทั้ง 2 ก็จะสะดุดสายตาของเผ่าพันธุ์เหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“จากที่พวกเราเพิ่งจะได้เห็น พวกเราควรจะเรียนรู้จากดอลลาร์และสวมใส่ชุดเกราะ” กู่ชิงเฉิงพูดกับหานเซิ่น
“ฉันกลัวว่าการสวมชุดเกราะจะไม่ช่วยอะไร รูปร่างของพวกเธอค่อนข้างโดดเด่น และถึงแม้คนอื่นจะไม่เห็นใบหน้าของพวกเธอ ส่วนโค้งของร่างกายของพวกเธอก็จะดึงดูดสายตาของผู้ชายคนอื่นอยู่ดี” หานเซิ่นหัวเราะ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกอะไร?” จันทราสวรรค์ถามพร้อมกับยิ้มออกมา
“ฉันนั้นแตกต่าง ผู้คนอย่างฉันซื่อสัตย์และรักจริง ฉันเป็นผู้ชายที่ดี ดังนั้นเพียงแค่มองนิดมองหน่อยก็ทำให้ฉันพอใจแล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะไม่พบชายคนไหนอีกที่เหมือนกับฉันในจักรวาลนี้” หานเซิ่นพูดขำๆ
กู่ชิงเฉิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร จันทราสวรรค์มองเขาด้วยความดูถูกและพูด
“เจ้าก็แค่พวกถ้ำมองที่ไม่มีความกล้า แบบนั้นเจ้ายังเรียกตัวว่าเป็นผู้ชายที่ดีอีกอย่างนั้นหรอ?” หลังจากพูดแบบนั้น เธอก็เมินเฉยต่อหานเซิ่นและเริ่มบินออกไป
“เธอเป็นอะไรของเธอ? ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ฉันกลายเป็นพวกถ้ำมอง?” หานเซิ่นหันไปมองกู่ชิงเฉิง
กู่ชิงเฉิงหัวเราะออกมา และเธอก็บินตามหลังของจันทราสวรรค์ไป
“เฮ้ นี่พวกเธอทั้งคู่เป็นอะไร?” หานเซิ่นหดหู่ ถึงแม้กู่ชิงเฉิงจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกรังแก
จี๋หยางเซิงและคนของเขาไม่ได้ออกไปไกลนัก เมื่อหานเซิ่นและคนอื่นเริ่มเดินทางกันต่อ จี๋หยางเซิงก็พูดกับเดม่อนระดับราชันใต้บังคับบัญชา
“เจ้ากลับไปที่เผ่าและนำเดม่อนดอลล์มาให้กับข้า ถ้าท่านพ่อถาม บอกท่านพ่อว่าข้าจำเป็นต้องใช้มัน”
เดม่อนระดับราชันคนนั้นตกใจ “นี่องค์ชายคิดจะโจมตีหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้มาพบกับเขาที่นี่ นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเราอาจจะหาตัวเขาในระบบจักรวาลเคออสไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเรามีโอกาสครั้งที่ 2 ที่จะจับตัวเขา” จี๋หยางเซิงพูดเสียงแข็ง
“องค์ชายได้โปรดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง! ทางเอ็กซ์ตรีมคิงส่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามาไล่ล่าหานเซิ่น แต่พวกเขาก็ยังจับตัวหานเซิ่นไม่ได้ ซึ่งในคอร์แอเรียนั้นมีเพียงแค่ครึ่งเทพเท่านั้นที่เข้ามาได้ ข้าจึงไม่คิดว่าองค์ชายจะจับตัวหานเซิ่นได้ ถ้าเขารู้ว่าพวกเราพยายามจะจับตัวเขา ข้าไม่คิดว่าเขาจะสละเวลามามอบพรให้กับองค์ชาย” เดม่อนระดับราชันคนนั้นพูด
“เพราะแบบนั้นข้าถึงต้องการจะใช้เดม่อนดอลล์ มันเป็นระดับเทพเจ้า ด้วยการใช้มันความสำเร็จของพวกเราก็จะถูกรับประกัน และถึงแม้มันจะล้มเหลวขึ้นมา หานเซิ่นก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันเป็นพวกเราที่ใช้” จี๋หยางเซิงพูด
“แต่เดม่อนดอลล์เป็น…” เดม่อนระดับราชันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จี๋หยางเซิงพูดตัดเขา
“เลิกพูดจาไร้สาระ รีบไปนำเดม่อนดอลล์มาให้กับข้า”
“ทราบแล้ว” เดม่อนระดับราชันไม่กล้าจะขัดคำสั่ง เขาออกไปจากคอร์แอเรียและกลับไปที่ดินแดนของเผ่าเดม่อน
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเดม่อนคนนั้นก็กลับเข้ามา แต่มันมีคนอีกคนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย
ถ้าคนอื่นมาเห็นเรื่องนี้ พวกเขาก็จะต้องประหลาดใจมากๆ ยอดฝีมือระดับราชันหรือครึ่งเทพคนหนึ่งจะสามารถใช้พลังของพวกเขาเพื่อเปิดประตูส่วนตัวสู่คอร์แอเรีย สิ่งมีชีวิตอื่นๆไม่ควรจะผ่านประตูเดียวกันเข้ามาด้วยได้ แต่เดม่อนระดับราชันคนนั้นนำสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งผ่านประตูมาพร้อมกับเขา แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่สามารถเชื่อสายตาของพวกเขาถ้าพวกเขามาเห็นเรื่องนี้