ถังหมิงเอ๋อเพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ ถึงแม้วิชาจีโนของเธอจะไม่ได้แย่อะไร แต่ยีนของเธอก็ยังไม่ได้ถูกเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนั้นเธอจึงยังอ่อนแอและไม่สามารถวิ่งหนีจากตะขาบปีศาจไปได้ ตะขาบนั้นตามเธอทันในเวลาไม่กี่วินาที
ถังหมิงเอ๋อจับมือของเสี่ยวฮวาขณะที่เธอวิ่งหนีไป แต่จู่ๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เงาขนาดใหญ่ยักษ์เข้าปกคลุมเธอ โดยไม่ต้องเงยหน้าไปมอง เธอรู้ว่าปากของตะขาบปีศาจกำลังอยู่เหนือหัวของเธอ
‘ทำไมเราถึงได้โชคร้ายแบบนี่? นี่พระเจ้าอิจฉาคนฉลาดอย่างนั้นหรอ? มันเป็นเพราะเราฉลาดเกินไปอย่างนั้นใช่ไหม?’ ถังหมิงเอ๋อคิดกับตัวเอง
ถังหมิงเอ๋อยังคงจับมือเสี่ยวฮวาขณะที่วิ่งหนีไป เมื่อเห็นว่าปากที่เปิดออกของตะขาบปีศาจยักษ์เข้ามาใกล้ เธอก็โยนเสี่ยวฮวาออกไป
“วิ่ง!” เธอตะโกน
เมื่อเห็นว่าปากที่น่ากลัวเข้ามาใกล้ ถังหมิงเอ๋อก็รู้สึกความกลัว เพราะยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่เคยประสบเหตุการณ์เฉียดตายมาก่อน ดังนั้นเธอจึงหวาดกลัว
เมื่อเห็นว่าปากของตะขาบปีศาจยักษ์กำลังจะกินเธอ การมองเห็นของถังหมิงเอ๋อก็เบลอไป หลังจากนั้นเธอก็เห็นหัวของตะขาบกระแทกลงไปกับพื้น ดินและหญ้ากระจัดกระจายไปทั่ว หัวของตะขาบจมลงในหลุมขณะที่มีเด็กชายยืนอยู่บนร่างของมัน
ดวงตาของถังหมิงเอ๋อเบิกกว้าง เธอจ้องไปที่เด็กชายบนหัวของตะขาบปีศาจยักษ์ เขาเป็นเด็กชายที่เธอโยนออกไปเมื่อครู่นี้
“พี่สาวเป็นอะไรไหม?” หานเสี่ยวฮวาเดินเข้ามาหาถังหมิงเอ๋อด้วยท่าทางกังวล
ถังหมิงเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไง เธอได้แต่จ้องมองหานเสี่ยวฮวาด้วยความตกใจ เธอไม่สามารถพูดอะไรกลับไปได้
เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายที่ดูเด็กยิ่งกว่าเธอจะจัดการกับตะขาบปีศาจเลือดกลายพันธุ์ได้ และเขายังทำมันอย่างง่ายดาย
“พี่สาวเป็นอะไรหรือเปล่า?” หานเสี่ยวฮวาเห็นว่าถังหมิงเอ๋อแข็งทื่อไป เขายื่นมือไปแตะหน้าผากของเธอและเตรียมที่จะใส่พลังเข้าไปในร่างกายของเธอเพื่อตรวจดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
ตูม!
ขณะเดียวกันนั้น ตะขาบปีศาจยักษ์พยายามดิ้นรนเพื่อยกหัวขึ้นมาจากพื้น ถังหมิงเอ๋อตกใจกลัวอีกครั้งและเธอก็ก้าวถอยหลังไป
“เจ้าทำให้พี่สาวกลัว! รีบมาขอโทษเดี๋ยวนี้” หานเสี่ยวฮวาหันไปและตะคอกใส่ตะขาบปีศาจยักษ์
ร่างกายของตะขาบปีศาจยักษ์สั่นกลัว ขณะที่ถังหมิงเอ๋อมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตะขาบปีศาจยักษ์ลดตัวลงกับพื้นราวกับว่ามันกำลังขอให้เธอยกโทษให้
‘นี่…มันเกิดอะไรขึ้น? เรากำลังฝันไปหรือเปล่า? นี่มันเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันในชื่อตะขาบปีศาจยักษ์จริงๆอย่างนั้นหรอ?’ ถังหมิงเอ๋ออึ้ง
“พี่สาวไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หานเสี่ยวฮวาถามอีกครั้งขณะที่วางมือลงบนหน้าผากของเธอ
ถังหมิงเอ๋อหน้าแดง เธอก้าวถอยออกไปและมองมาที่เขา
“เจ้าเป็นใครกัน? ไม่สิ เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆอย่างนั้นหรอ? ทำไมตะขาบปีศาจถึงได้ฟังที่เจ้าพูด?”
“ชื่อของข้าคือหานเสี่ยวฮวา และข้าก็เป็นมนุษย์ ข้าบอกพี่สาวไปแล้วไม่ใช่หรอ?”
หลังจากนั้นหานเสี่ยวฮวาก็ชี้ไปที่ตะขาบปีศาจยักษ์และพูดต่อ “เขาเอาชนะข้าไม่ได้ ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะฟังที่ข้าพูด”
“หานเสี่ยวฮวา… ชื่อสกุลของเจ้าคือหาน? นี่เจ้าเป็นญาติของลุงหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?” ถังหมิงเอ๋อรีบถาม
“ข้าเป็นลูกของเขา พี่สาวรู้จักพ่อของข้าอย่างนั้นหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อพ่อตัวเอง เสี่ยวฮวาก็ดูดีใจอย่างมาก
“เจ้าเป็นลูกชายของลุงหาน? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะทำแบบนี้ได้ ปู่ของข้าเคยบอกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับตระกูลหาน และนั่นเป็นเพราะตระกูลหานนั้นแปลกประหลาด”
ดวงตาของถังหมิงเอ๋อเบิกกว้างขณะที่เธอพูดต่อ “ในตอนแรกข้าไม่เชื่อที่ปู่บอก ข้าคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่เจ้ายังเด็กและแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เรียบร้อยแล้ว? สิ่งที่เขาพูดคงจะเป็นความจริง”
“พี่สาวจะไปที่ไหน? ข้าจะพาพี่สาวไปที่ที่พี่ต้องการ” หานเสี่ยวฮวาพูด
“พาข้าไป? เจ้าจะพาข้าไปยังไง?” ถังหมิงเอ๋อถาม
หานเสี่ยวฮวาจับมือของถังหมิงเอ๋อและพาเธอขึ้นมาบนหัวของตะขาบปีศาจ หลังจากนั้นเขาก็นำเอาผ้าคลุมออกมาจากกระเป๋าและให้เธอนั่งลงบนนั้น จากนั้นเขาก็นำผลไม้ออกมาให้กับเธอ
ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตก ตะขาบปีศาจยักษ์ก็วิ่งข้ามทุ่งหญ้าไป บนตัวของมันมีเด็กผู้ชายและหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ตะขาบปีศาจวิ่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับรักษาสมดุลเพื่อประคองทั้ง 2 คนที่มันแบกมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยชำนาญในการทำอะไรแบบนั้น
ถ้าตะขาบปีศาจพูดได้ มันก็คงจะร้องไห้ออกมาในทำนองว่า “ทำไมถึงได้โชคร้ายแบบนี้?”
…
หานเซิ่นกลืนยีนซีโน่เจเนอิคอีกยีนเข้าไป และยีนระดับราชันของเขาก็ครบหนึ่งร้อยพอดี
“อีกนานแค่ไหนกันก่อนที่เราจะกลายเป็นครึ่งเทพ?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง เขาอยากเลื่อนระดับอาณาเขตตงเสวียน
หานเซิ่นพึ่งพาวิชาคอนซูมและบิ๊กเดสทรอยเยอร์เพื่อกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน และอาณาเขตตงเสวียนของเขาก็พัฒนาจนถึงขั้นที่ 9 ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลื่อนอีกหนึ่งระดับเพื่อกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ
โชคร้ายที่หานเซิ่นต้องผิดหวัง ถึงแม้ยีนระดับราชันจะครบหนึ่งร้อยยีน แต่อาณาเขตตงเสวียนก็ยังปฏิเสธที่จะเลื่อนไปสู่ระดับต่อไป
“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อรวมทั้ง 9 ขั้นเป็นหนึ่งเดียวกันและกลายเป็นระดับครึ่งเทพ”
หานเซิ่นคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่สลัดความผิดหวังทิ้งไป เขาก็ใช้ยีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งร้อยยีนเพื่อเลื่อนระดับของกายหยกแทน
ในตอนนี้หานเซิ่นรำคาญมากๆ ความเร็วในกินยีนซีโน่เจเนอิคของเขานั้นเร็วกว่าที่เขาจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันมาได้ทัน ยีนซีโน่เจเนอิคที่เขาเก็บตุนไว้ก็กำลังจะถูกใช้จนหมด
ในคอร์แอเรียมีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ที่แห่งนี้ใหญ่โตเกินไป ซึ่งทำให้การเดินทางใช้เวลานาน เขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาซีโน่เจเนอิคระดับราชันให้ได้สักตัวหนึ่ง
สำหรับระดับราชันทั่วไปแล้ว นั่นอาจจะเป็นเวลาที่พอใจได้ แต่สำหรับคนอย่างหานเซิ่นแล้ว นั่นยังไม่เร็วพอ เขาจำเป็นต้องหาหนทางที่เร็วกว่านี้
“ไม่ได้การ เราต้องหายีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันให้เร็วกว่านี้”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เมื่อรู้แบบนั้นเขาก็พยายามคิดหาหนทางที่จะทำให้เขาได้ยีนซีโน่เจเนอิคจำนวนมากมา
หนทางที่รวดเร็วที่สุดคงจะเป็นการรับจ้างไปฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากับดราก้อนวันหรือใครสักคน แต่ถ้าเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า หานเซิ่นก็อยากจะฆ่ามันด้วยตัวเอง การช่วยเหลือคนอื่นเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่
ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ใครบางคนก็ตรงเข้ามาหาเขา คนๆนั้นมาขวางหน้าของเขาเอาไว้
“บาร์?” เมื่อหานเซิ่นเห็นบาร์ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาไม่ได้หวาดกลัว เขาแค่คิดว่าบาร์เป็นคนที่น่ารำคาญเท่านั้น
“หานเซิ่น ข้าจะบอกกับเจ้าตามตรง ข้าต้องการให้เจ้ามอบพรให้กับข้า และข้าจะมอบอะไรก็ตามที่เจ้าต้องการเป็นการตอบแทน” บาร์พูดขึ้นมา
“โอเค ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนฟังดูเป็นยังไง?” หานเซิ่นเสนอขึ้นมา
บาร์ผงะไป ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนถือเป็นจำนวนที่มาก